คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : -- ๒๐ – ไขว่คว้าเงา - “ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณราดาอีกเลย !”
๒๐ – ไขว่คว้าเงา
“มาจอดขวางอะไรตรงนี้วะ !” ราดาแมนธิสสบถอย่างหัวเสีย เมื่อพบว่าตรอกเล็กๆ อันเป็นทางลัดสู่ที่หมายมีรถสิบล้อบรรทุกสินค้าขบวนยาวจอดขวางหน้า ชนิดห่างจากผนังตึกแค่ไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ ไม่เผื่อความกว้างให้คนเดินออกมาได้ด้วยซ้ำ
แต่ก็คงโทษไม่ได้ แถบนี้เป็นโกดัง ไม่ใช่ย่านที่พักอาศัย ซ้ำใกล้เวลาห้าทุ่มของกฎอัยการศึกขนาดนี้ ใครจะไปเผื่อแผ่ทางลัดยามวิกาลให้คนอื่น ...ที่จริง พวกเขาไม่ควรตัดผ่านที่นี่ด้วยซ้ำ หากไม่นับว่าต้องเร่งทำเวลาที่กระชั้นเข้ามาทุกที
“ต้องกลับไปหาทางอื่นไหม” เด็กสาวคนหนึ่งในคณะละครสัตว์ถามเขา ทว่าชายหนุ่มสั่นศีรษะทันที
“ไม่ได้ เสียเวลาเกินไป หากไม่ปีนก็คงต้องลอด...” หัวหน้าเนฟิลิมนึกขึ้นได้ และรีบก้มลงตรวจช่องว่างใต้ท้องรถ “สูงพอ ค่อยๆ คลานลอดไปทีละคนคงได้ นิกซ์ นายไปก่อน”
“ม...ไม่เป็นไรฮะ ให้พี่เวอร์จิเนียกับพี่วาเนสซาไปก่อนเถอะ” เด็กชายแย้ง และราดาแมนธิสก็รีบรับเพราะไม่ต้องการเถียงให้มากความ
เด็กสาวฝาแฝดหนึ่งในสองคนย่อตัวลง ค่อยๆ คลานลอดไป หัวหน้าเนฟิลิมกระชับปืนพกในมือ สั่งซีเรนาให้เข้ามาเฝ้าด้านในแทน แล้วตนจึงออกไประวังที่ปากตรอก นิกซ์ตามมาโดยที่เขาไม่ได้เรียก
“มานี่ทำไม ! ผู้หญิงไปแล้วนายก็รีบตามไปซะ ! ฉันขี้เกียจคุ้มกันเด็กช่างหาเรื่อง !”
“ต...แต่พี่แอนเธียยังไม่มาเลย แล้วเมื่อกี้ก็มีเสียงปืน บางทีพวกเซรา...”
“พวกเด็กเซราจะมาหรือไม่มา นายจะทำอะไรได้ อย่าอยู่เป็นตัวถ่วงเลย”
“ตาของผมดูดพลังของเซราได้ไม่ใช่เหรอฮะ ถ้าเราต้องเจอกับเซราจริงๆ ผมอาจจะ...ทำให้เขายอมถอยไปก็ได้”
“มีแต่จะโดนครูเซเดอร์ที่มากับยายนั่นยิงเอาน่ะสิ” ราดาแมนธิสพูดอย่างอ่อนใจ “เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เถอะ นิกซ์ พวกมันเอานายตายแน่ ไม่ยิงใจดีแบบฉันหรอก”
นัยน์ตาขวาดำขลับของมันยังมองเขาอย่างแน่วแน่ กึ่งอ้อนวอน กึ่งต่อว่า ยังผลให้หัวหน้าเนฟิลิมแค่นยิ้ม มือข้างที่ว่างขยี้หัวซึ่งสวมหมวกไหมพรมของเด็กชายอย่างไม่เบานัก
“ฉันยอมรับว่าโกหกนายมาหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้พูดจริง ฉัน...เป็นห่วงนายจริงๆ”
“เพราะ...ผมเป็น...เนฟิลิมเหมือนกันเหรอฮะ” นิกซ์ถามเสียงแผ่ว เสมองไปอีกทางราวกับไม่เชื่อ
ราดาแมนธิสกำลังนึกคำตอบให้เด็กชาย ก็พอดีแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าจนตาพร่า แรงร้อนเสียจนเริ่มแสบที่ผิวหนังและต้องยกแขนขึ้นป้องใบหน้า
แต่แล้ว แสงนั้นก็พลันดับหายในไม่ช้า กลับกลายเป็นกระแสพลังดุจกลุ่มเส้นไหมเรืองแสงสีขาว พุ่งตรงมายังใบหน้าของเด็กชาย
ชายหนุ่มรอจนตาหายพร่า จึงเพิ่งสังเกตว่านิกซ์ดึงผ้ากอซที่ปิดตาซ้ายออกเมื่อไรก็ไม่รู้ และบัดนี้ก็กำลังจ้องตรงไปทางความมืดเบื้องหน้า ซึ่งปรากฏเงาร่างเล็กเตี้ยในชุดสีเข้มยืนอยู่
“เซรา !” เด็กชายร้องเรียก “เซรา ! อย่าทำอย่างนี้เลย ! จำผมไม่ได้แล้วเหรอฮะ ! นิกซ์...ผมนิกซ์ไงฮะ !”
...จนป่านนี้ยังจะทำอะไรไร้สาระอีกเรอะ !... ราดาแมนธิสอดคิดไม่ได้ แต่เพียงขึ้นนกปืน ยังไม่ทันจะยกขึ้นเล็ง นิกซ์ก็กางแขนขึ้นกั้นหน้าเขาไว้เสียก่อน
“อย่ายิงฮะ ! ถ้าคุณราดายิงเซราอีก...ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณราดาอีกเลย ! ผมพูดจริงนะ !”
ชายหนุ่มชะงักค้าง ใจหนึ่งอยากหัวเราะ...แต่ก็หัวเราะไม่ออก ใจด้านที่มีเหตุผลกว่าบอกเขาว่าอย่าไปฟัง...อย่าไปทำตาม
นิกซ์ยังเป็นเด็กโง่เขลาไร้สาระไม่ต่างจากตอนนั้น เป็นเด็กที่ไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อพวกเนฟิลิมด้วยกัน ทำไมเขาถึงต้องฟัง ต้องถนอมน้ำใจมัน ก็ยิงมันไปครั้งหนึ่งแล้ว ถึงไม่ทำให้ร่างกายของมันเจ็บปวด หรือชีวิตมันจบสิ้น...แต่ก็สร้างบาดแผลให้แก่ใจของมันมากพอจะทำให้บางสิ่งแตกสลาย ไม่อาจเรียกคืนได้เหมือนกระสุนที่พ้นปากกระบอกปืน
ถึงอย่างนั้น...เขาก็ยังตามปกป้องมันมาถึงขนาดนี้ ยอมทำตามแผนการของแอนเธียที่เขาเห็นว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง และเสี่ยงเกินรับ เพียงเพราะไม่อยากให้นิกซ์เอาชีวิตไปทิ้งอย่างโง่ๆ
เขาทำเพื่ออะไรหรือ...ไถ่โทษ? แก้ตัว? และเขาหวังอะไรหรือ...การให้อภัย? การยอมรับ?
...ขอบคุณฮะ คุณราดาใจดีจริงๆ...
หรือเพราะประโยคแค่นี้ ประโยคที่เด็กนั่นเคยพูดกับเขาอย่างไร้เดียงสา ไม่รู้เลยว่าเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น
และราดาแมนธิสก็รู้ตัวว่าตนไม่ใช่คนใจดีจริงๆ เขาเป็นเนฟิลิมที่ต้องคำสาป ตกลงสู่หุบเหวที่ต่ำเหลือคณา จากว่าที่นักบวช...กลับกลายเป็นโจร ฆาตกร และผู้ก่อการร้าย ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน และไม่เคยคิดจะนับ
แต่ทำไม แค่คิดว่าเด็กที่เคยยิ้มเคยพูดกับเขาอย่างนั้น...จะผิดหวังในตัวเขาจนเกลียดชังหรือยอมรับกันไม่ได้อีก ในใจถึงได้เจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูกเหลือเกิน
...แปลบเหมือนนาร์ซิสซัสที่พยายามโอบกอดสัมผัสเงาในน้ำ ทั้งๆ ที่ไม่อาจเป็นไปได้กระมัง...
“แก...คนที่ขวางฉันตอนนั้นเหรอ” เสียงพูดของอมาเนเซรากระชากเขาจากความคิด “เด็กที่สะกดจิตฉันให้ยอมเป็นเพื่อนแกตอนนั้นใช่ไหม !”
“เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ นะฮะ !” นิกซ์ยังคงร่ำร้อง “เซรา ! ถ...ถึงคุณแอนเธียบอกว่าคืนความทรงจำให้เซราไม่ได้...แต่...แต่มันต้องมีอะไรเหลืออยู่บ้างใช่มั้ยฮะ ! เซราบอกว่าผมเป็นเพื่อนคนแรกของเซรา ! เซราต้องนึกให้ออกสิฮะ !”
“พูดอะไรบ้าๆ !”
แสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะดับหายในชั่วแวบเดียว กระนั้นเด็กหญิงยังไม่ยอมแพ้ง่ายดายนัก
และเด็กชายก็ยังไม่ยอมแพ้
“เซราไม่เคยอยู่กับแม่เลย แต่มีคุณรีเบคกาดูแลมาเหมือนแม่ คุณรีเบคกาทำอาหารเก่งมาก...”
“เงียบซะ !” แสงสีขาวมาอีกระลอก
“เซราไม่ชอบความมืด...เวลานอนยังต้องเปิดไฟดวงเล็กๆ ไว้ตลอดเวลา ของหวานที่เซราชอบคือเครมบูเล...เซราเคยบอกผมว่ามันอร่อยมาก...ถึงผมจะไม่เคยกิน แล้วก็จำไม่ได้แล้วด้วยว่ามันเป็นของยังไง !”
“ไม่รู้แล้วพูดทำไม !” อีกระลอก
“เซราเล่นเปียโน ที่บ้านเซรามีแกรนด์เปียโนสีขาว แล้วเซราก็ชอบเล่นเกมเศรษฐี เซราต้องเล่นเบี้ยสีขาวตลอด !”
“เลิกปั่นหัวฉันได้แล้ว !”
“เซรามีตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่เท่าเซราอยู่ตัวหนึ่ง...ชื่อคุณเบียงกา เซราชอบมันที่สุดในตุ๊กตาทุกตัว ! ผมไม่ได้ปั่นหัวนะ ! เซราเป็นคนเล่าเรื่องพวกนี้ให้ผมฟังเอง !”
จากในมุมมืด เด็กหญิงกำจี้ผลึกคริสตาลา โซลาริสไว้ พยายามใช้พลังของมันครั้งแล้ว...ครั้งเล่า ขณะที่นิกซ์เองพูดวกวน น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ออกมาทุกที ขณะที่เขาจาระไนว่าเด็กหญิงเป็นอย่างไร
“พอที ! หยุดหลอกฉันเดี๋ยวนี้นะ !” อีกฝ่ายดูเหมือนจะเริ่มเหลืออดขึ้นเช่นกัน พลังแสงที่เธอส่งมาโจมตีเพิ่มขึ้นในครั้งนี้...ทว่ามันก็ทำได้เพียงสร้างคลื่นความร้อนที่ไม่อาจทำอันตรายเนฟิลิมทั้งสองที่ยืนอยู่
“พอเถอะนิกซ์” ราดาแมนธิสแตะไหล่เด็กชาย หลังจากเหลียวกลับไปเห็นลูกจ้างคณะละครสัตว์ทุกคนปีนลอดไปอีกฟากเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงซีเรนาที่ยังรอทั้งสองอยู่ในตรอก “รีบไป ฉันจะถ่วงเวลาเด็กนี่ไว้เอง ฉันสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเจ้าหล่อน ตกลงมั้ย”
“ไม่ฮะ คุณราดานั่นแหละที่ไป” นิกซ์พูดทันควัน “คุณราดาต้านพลังแสงของเซราไม่ได้ มีแต่ผมที่ทำได้ ผมต้องตามไปเป็นคนสุดท้าย”
“พูดบ้าๆ ! นายเป็นเด็กนะ !” ชายหนุ่มเริ่มเหลืออด
“แต่ผมเป็นคนเดียวที่มีพลังนี้ ผมก็ต้องใช้มันช่วยทุกคนเท่าที่ทำได้สิฮะ”
“ฉันเลียนแบบพลังของเนฟิลิมทุกคนได้” เขาเริ่มปด “แน่นอน รวมทั้งนายด้วย เมื่อกี้เห็นนายใช้พลังตั้งหลายครั้งแล้ว ฉันอยู่กันเด็กเซราแทนนายได้”
...ราดา ! นี่แกบ้าไปแล้วรึไง !... เสียงอีกด้านร้องถามเขาในใจ ...รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้แล้วยัง...
แต่หากไม่ทำ เด็กทั้งสองก็จะค้างคากันอยู่เช่นนี้ จนกว่าใครอื่นจะตามมาสมทบ เขาไม่อยากเสี่ยงให้นิกซ์ถูกครูเซเดอร์ที่ตามมายิงตาย...ถึงจะไม่รู้ว่าตนควรรับมือเด็กเซราอย่างไรโดยไม่ยิงออกไป บางทีเขาคงต้องลองใช้พลังของนิกซ์ดู ที่ล้มเหลวในตอนนั้นอาจเป็นเพราะเขาเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง จึงนึกรูปแบบกระแสพลังที่ต้องการเลียนแบบไม่ได้
หรือต่อให้ไม่ได้จริงๆ ...ก็น่าจะมีทางรีบถอยไปก่อนตนเองถูกแสงของคริสตาลา โซลาริสเผาจนบาดเจ็บหนักเกินไปอยู่บ้าง...
“พูดอะไรบ้าๆ ! พวกของแกรู้จักช่วยคนด้วยเหรอ ! แกมันดีแต่ทำร้ายคนอื่น ! ทำร้ายลูกหลานผู้บริสุทธิ์ขององค์สุริยเทพ ! ก็แค่นั้นแหละ !” เด็กหญิงก้าวออกมาข้างหน้า จากเงามืดสู่แสงสว่าง ห่างจากพวกเขาแค่ชั่วยี่สิบก้าว “อย่านึกว่าจะหลอกฉันได้—“
อมาเนเซราพูดแค่นั้น...ดวงตาก็พลันเบิกกว้างขึ้น
ราดาแมนธิสเบิกตากว้างขึ้นเช่นกัน เพราะแสงไฟถนนที่สาดกระทบหน้าเด็กหญิงเผยรอยสีดำ...คล้ายรอยสักหรือตราประทับบางอย่างบนหน้าผากของเธอ
เขาเพิ่งเห็นมันกับตาเป็นครั้งแรก...แต่ก็ยังคุ้นตาคลับคล้าย ราวกับเคยเห็นบนหน้าผากของใครอีกคนก่อนหน้านี้
รอยนั้นค่อยๆ เลือนสลายเป็นหมอกควันสีดำ ล่องลอยเข้าสู่ดวงตาของนิกซ์ เหมือนทั้งกระแสพลังแสงสว่างและความมืดที่เด็กชายดูดกลืนได้
ชั่วแวบหลังจากตราบนหน้าผากอันตรธานหายไป...ร่างของเด็กหญิงก็ฟุบลง
เด็กชายร้องเรียกชื่อเธอ แล้วก็วิ่งเข้าไปประคองในทันที
“เซรา ! เซรา ! เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ !”
ราดาแมนธิสปราดเข้าไปเช่นกัน แต่ยั้งตนเองไว้สักระยะ มือยังจับด้ามปืน ใจหนึ่งเกรงว่านั่นอาจเป็นกลลวงของเด็กหญิงเจ้ามารยา ให้เนฟิลิมทั้งสองตายใจก่อนโจมตีในเวลาเผลอ
...แต่หากเป็นกลลวงจริงๆ ก็ไม่ควรจะมีตราประทับสีดำนั้นบนหน้าผากของเธอ และตรานั้นก็ไม่ควรจะหายไปในเวลาเดียวกับที่เด็กหญิงล้มลงไม่ใช่หรือ...
ถึงอย่างนั้น หัวหน้าเนฟิลิมก็ได้แต่จ้องมองต่อไป ขณะที่อมาเนเซราครางน้อยๆ แล้วลืมตาขึ้นในที่สุด นัยน์ตาสีฟ้าที่เบิกขึ้นอีกครั้งมีแววระลึกรู้...จดจำ
“นิกซ์ ! นี่นาย...นายจริงๆ เหรอ !”
“ซ...เซรา...ไม่ยิงแสงใส่ผมอีกแล้วเหรอฮะ” คนถูกเรียกกลับกะพริบตาปริบๆ แล้วก็ตอบซื่อบื้อ จนราดาแมนธิสใคร่อยากเข้าไปตบกบาลแทนคนที่มันประคองอยู่พิกล
“ตาบ้านิกซ์ !” เด็กหญิงพูดอย่างนั้น แต่ก็โผเข้ากอดคอเด็กชายไว้แน่นจนเรียกได้ว่ารัด “ยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า ! ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันลืมนายไปได้ยังไง ! ทำไมไม่มาหาให้ฉันจำได้ ! บ้า ! บ้าที่สุด !”
“ก...ก็ผมเข้าไปหาเซราได้ที่ไหนล่ะฮะ ต...แต่เซราอย่าโกรธพี่แอนเธียเลยนะฮะ เขาทำเพื่อช่วยผม ผ...ผมเองก็ไม่อยากให้เซราลืมเหมือนกัน ย...อย่ากอดแน่นสิฮะ ผมหายใจไม่ออก” เด็กชายพูดพลางขยับตัว พยายามลุกขึ้นยืน
และในไม่ช้าทั้งสองก็ยืนขึ้นด้วยกัน มือของเด็กหญิงยังโอบไหล่เด็กชาย ปากยังคงเจรจา ครู่หนึ่งตัดพ้อ ครู่ต่อมากลับบอกว่าดีใจที่ได้พบกันอีก ดีใจที่จำได้ วกวนพอกับที่อีกฝ่ายพูดเมื่อครู่ แต่แสดงความห่วงใยเต็มเปี่ยม
ราดาแมนธิสระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ลืมไปชั่วคราวว่าเด็กทั้งสองเป็นศัตรูกัน...หรืออย่างน้อยเขาก็ควรคิดว่าเด็กหญิงเป็นศัตรู...
...จนกระทั่งหางตาจับความเคลื่อนไหวชั่วแวบที่ด้านหลังของนิกซ์ และเสียงตะโกน...
“ท่านหญิง ! ถอยไปครับ !”
ชายคนหนึ่งอยู่ที่นั่น ถือปืนพกเล็งตรงมาทางเด็กชาย เสียงปะทุและประกายแสงสว่างวาบขึ้นเพียงชั่วแวบ
หัวหน้าเนฟิลิมใจหายวาบ เขาปราดเข้าไป...ไม่รู้ทำไมแต่ก็ปราดเข้าไป...กางสองแขนกว้าง ปกป้องร่างของเด็กชายผอมบางที่ข้างหลัง
ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ร่างของราดาแมนธิสผงะหงายด้วยแรงกระแทก ปืนหลุดร่วงจากมือ รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งกระทบชายโครงซ้าย และฝังอยู่ในนั้นก่อนเลือดหลั่งไหล
“คุณราดา— !” ได้ยินเสียงร้องของนิกซ์โหยหวนบาดหู...อย่างที่เขาไม่เคยนึกเลยว่าจะเป็นไปได้...ขณะที่สติเริ่มมึนชาอย่างประหลาด
ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มยังพยายามข่มความเจ็บปวด ยืดร่างขึ้น ตั้งใจจะตะโกนบอกเด็กข้างหลัง ทว่าเสียงที่ลอดริมฝีปากกลับแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบ และร่างทรุดลงในไม่ช้า
“หนี...ไป.......นิกซ์...”
* * * * *
ความคิดเห็น