คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #101 : -- ๙ – ความกังวลของเด็กชายไร้ความเจ็บปวด - “เธอเข้าไปไหวใช่มั้ย”
๙ – ความกังวลของเด็กชายไร้ความเจ็บปวด
พี่แอนเธียบอกแล้วว่าเซราไม่น่าจะเป็นอะไร แต่นิกซ์ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเด็กหญิง หลังจากกันอย่างไม่คาดฝันครั้งนั้น ...ซ้ำเป็นอย่างที่ราดาบอก เซราเป็นสตรีอาภรณ์แสงสุริยัน พ่อของเธอจะให้เธอกำจัดเผ่าอัสลาน และเนฟิลิม
...แต่ถ้ารักลูกจริงๆ ...ก็ต้องไม่บังคับให้ทำร้ายคนอื่นไม่ใช่หรือ...
แล้วถึงการกำจัดพวกนอกรีตซึ่งเป็นภัยต่อองค์สุริยเทพคือหน้าที่ของชาวโซลาริส ผลึกสุริยะก็ยังเป็นอันตรายมาก ราดาบอกเด็กชายแล้ว ซ้ำเขายังเห็นแผลบนหน้าของเวซาโนที่เกิดจากรังสีของเพทรากับพลังของเซราด้วยตาตนเอง เด็กหญิงอยู่ใกล้ของอันตรายแบบนั้น จะไม่เป็นอะไรได้เลยหรือ
...เป็นเพราะผลึกสุริยะอันใหม่หรือเปล่า มันอาจมีพลังรุนแรงไป เซราอาจจะรับพลังของมันไม่ไหว อาจจะไม่สบาย...
วันนั้นทั้งวันนิกซ์ใจลอยอยู่หลายครั้ง มีคนมาซื้อดอกไม้จริงๆ ก็บอกราคาคิดเงินทอนช้ากว่าที่ควรเป็น ถึงแอนเธียจะบอกว่าไม่เป็นไร เขาก็ยังรู้สึกไม่ดี ...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าตนช่วยเซราไม่ได้ ซ้ำไม่มีทางจะวิ่งเข้าไปถามพ่อกับพี่ชายของเธอว่าเด็กหญิงเป็นอย่างไร สบายดีใช่ไหม ทำไมถึงให้เธอทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างนี้ พวกเขาไม่รักเธอเลยหรือ
รู้ทั้งรู้...ก็ยังเป็นห่วงที่เธอเป็นอย่างนั้น
เทศกาลวันแรกผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนตกเย็น แอนเธียขายดอกไม้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของที่นำมา แต่เธอก็บอกว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี หญิงสาวพานิกซ์ไปยังร้านอาหารราคาถูกเล็กๆ ซึ่งเธอเล่าว่าแวะมากินเป็นครั้งคราวตอนผ่านมาแถวนี้ เพราะรสชาติดีใช้ได้และปริมาณมากเมื่อเทียบกับราคา
หากเป็นเวลาปกติ เด็กชายซึ่งเป็นคนกินง่ายอยู่แล้วคงอร่อยไปด้วย แต่ตอนนี้ เขารู้สึกเหมือนลิ้นแทบไม่รับรสอะไรเลย
กระนั้น เด็กชายก็กินอาหารจนหมด จะได้มีแรงเผื่อไว้ตอนไปที่เซอร์คัส แม็กซิมัส ถึงแอนเธียจะบอกว่าวันนี้ทั้งสองแค่ไปพูดคุยนัดแนะแผนการเฉยๆ ก็ตาม เมื่อทั้งสองกินเสร็จ นิกซ์ก็ช่วยเธอเข็นรถกลับไปที่โรงเก็บของของโบสถ์ แล้วจึงไปยังที่ตั้งเต็นท์ละครสัตว์ด้วยกัน
ถึงจะอยากมาพบทุกคน ภาพของยอดเต็นท์และผ้าใบทาสี รวมทั้งเสียงเพลงอึกทึกก็ยังทำให้ลมหายใจของนิกซ์ติดขัด...นึกถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่เคยผ่านมาที่นี่ เรื่องเลวร้าย...เสียงน่าสะพรึงกลัว...ทั้งที่ร่างกายไม่อาจรับรู้ความเจ็บปวด
...แต่ในบรรดาเรื่องเหล่านั้น ก็ยังมีเรื่องดีเล็กๆ น้อยๆ จากน้ำใจของพวกพี่ๆ ที่ร่วมทุกข์มาด้วยกัน
ความคิดนั้นทำให้เด็กชายสูดลมหายใจลึก พยายามยืดหลังตรงรวบรวมความกล้า แต่เมื่อเห็นยามคุมคณะซึ่งร้องเรียกว่าการแสดงจะเริ่มขึ้นในอีกสิบนาที...ก็กลับงอหลังลงโดยเร็ว ด้วยหวั่นเกรงจะถูกจับได้
“นิกซ์” แอนเธียกระซิบ พร้อมกับบีบมือเขาแน่นขึ้นครู่หนึ่ง “เต็นท์สองหลัง สีเหลืองกับสีแดงนี่หมายความว่ายังไง”
“ส...สีแดงเป็นส่วนแสดงของแปลกฮะ ให้เดินดูข้างใน ส่วนสีเหลืองไว้แสดงโชว์” เด็กชายพยายามคุมสติอธิบาย “จะมีแสดงวันละสองรอบ ตอนบ่ายกับตอนค่ำ ช่วงนั้นเต็นท์สีแดงจะปิด แต่ปกติพวกเราจะอยู่ในเต็นท์สีแดง...”
...ในกรง...กรงที่เขาต้องสวมปีกปลอม...ทำเป็นกรีดร้องคำราม...ปล่อยให้คนหัวเราะยั่วเย้ย...ขว้างปาสิ่งของ...
“งั้นเราก็ควรไปที่เต็นท์สีแดงสินะ” แอนเธียเปรย “มีคนเฝ้าข้างในมั้ย”
“ไม่มีฮะ แต่ถ้ายามข้างนอกได้ยินเสียงน่าสงสัยจะเข้ามา”
“อีกสิบนาทีจะแสดง คนข้างในคงไม่เยอะมาก ในหมู่ลูกจ้างด้วยกัน ใครเป็นคนที่คนอื่นๆ เคารพและน่าจะฟังคำพูดที่สุด”
“...น่าจะเป็น...พี่เอบฮะ” นิกซ์ตอบ “พี่เขาเป็นมนุษย์วานร ตัวใหญ่ ขนเยอะๆ”
“งั้นเราเข้าเต็นท์แดงด้วยกัน แล้วไปพูดกับเขา”
“แต่...มีเวลาแค่ไม่ถึงสิบนาที”
แอนเธียหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าเครื่องเล็กออกมา
“ฉันเอานี่มาด้วยจ้ะ จะให้เขาซ่อนไว้โทรหาพวกเรา เผื่อต้องคุยนาน แต่เธอเข้าไปไหวใช่มั้ย”
เด็กชายพยักหน้า
“ฮะ”
...เขาต้องทำได้...เพื่อช่วยทุกคน...ต้องทำให้ได้...
- - - - -
“โชว์จะเริ่มแล้ว ไม่ซื้อตั๋วโชว์ก่อน แล้วกลับมาดูในนี้วันหลังเหรอน้องสาว” ยามที่หน้าเต็นท์สีแดงถามเมื่อแอนเธียขอซื้อตั๋วสองคน ขณะที่นิกซ์ยืนหลบอยู่หลังเธอแบบเยื้องๆ
“ยังมีเวลานี่คะ” หญิงสาวตอบด้วยเสียงร่าเริง และคนขายก็รับเงิน ก่อนจะปล่อยให้ทั้งสองเข้าไปในอีกครู่เดียว
ในเต็นท์สีแดงซึ่งตั้งฉากกั้นและกรงเป็นทางคดเคี้ยวร้างคน มีเสียงสัตว์ร้องดังอยู่เป็นพักๆ นิกซ์เดินผ่านกรงคางคกยักษ์และหมี ไปจนถึงกรงที่มีชายร่างสูงใหญ่ขนรุงรังทั้งตัว นุ่งเพียงผ้าเตี่ยวผืนเดียวนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง
“พี่เอบ !”
เขาผุดลุกขึ้นตามเสียง เกาะลูกกรง ก้มลงมองคนเรียกด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นิกซ์ ! ยังมีชีวิตอยู่เหรอ ! นึกว่าพวกครูเซเดอร์—“
“พี่แอนเธียช่วยผมไว้ฮะ” เด็กชายรีบบอก “แล้วก็จะช่วยทุกคนด้วย”
“ช่วย? หมายความว่ายังไง”
“ฉันมีแผนให้พวกคุณทุกคนได้เป็นอิสระ แต่ตอนนี้เรามีเวลาน้อย คงคุยรายละเอียดไม่ได้ เอานี่ไปค่ะ” แอนเธียหยิบโทรศัพท์มือถือใส่ฝ่ามือใหญ่หนาของชายหนุ่ม “พอแสดงเสร็จวันนี้ ให้โทรมานะคะ ฉันบันทึกเบอร์ของฉันไว้ให้แล้ว เราจะได้คุยแผนการกัน”
ทุกสิ่งจบลงอย่างง่ายดายเพียงเท่านั้น เอบรับโทรศัพท์ไปซ่อนไว้ ทันก่อนเสียงยามที่หน้าเต็นท์เรียกแว่วๆ ว่าจะปิดเต็นท์แดงเพื่อเตรียมย้ายคนและสัตว์บางส่วนไปแสดงแล้ว แอนเธียแตะไหล่นิกซ์ ขณะยิ้มบอกชายคนเรียกว่าจะรีบออกไป แล้วทั้งสองจึงกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เพื่อรอคอย
...แต่ไม่นึกว่ามีใครคนอื่นรอคอยพวกเขาอยู่แล้ว...
* * * * *
ความคิดเห็น