ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เนินเขาขับขาน ตำนานแห่งราพลังก้า

    ลำดับตอนที่ #5 : 4 – บุรุษแห่งความหวัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 194
      0
      19 พ.ค. 52

    4 – บุรุษแห่งความหวัง

    “เดินไหวไหม” แขนของชายคนนั้นเลื่อนเข้ามาจะประคองนางอีกครั้ง แต่ราพลังก้าก็พยายามทรงตัวด้วยแรงของนางเองขณะถอยออกห่าง

    “ค...ค่ะ ขอบคุณมาก”

    “ขอบคุณ...อีกแล้วหรือ”

    “...ข...ขอโทษค่ะ”

    เด็กสาวก้มหน้ามองพื้นทรายอย่างวางตัวไม่ถูก ด้วยความตื้นตันที่ชายหนุ่มช่วยพานางออกมานอกกระโจมของพ่อค้าโดยไม่ฟังคำทัดทานของเจ้าของสถานที่ นางคงพร่ำขอบคุณเขาหลายครั้งเกินไปจนเขาระอาเสียแล้วกระมัง

    แต่แล้ว...ชายหนุ่มแปลกหน้าก็กลับหัวเราะเบาๆ

    “ข้าไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่...แค่ไม่ต้องขอบคุณข้าบ่อยขนาดนั้นก็ได้”

    “ก็...ท่านเป็นคนช่วยข้าไว้นี่คะ จาก...เรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของข้าเสียด้วย”

    “เอาเถอะ เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขอบคุณเทพเจ้าแทนเถอะ ที่บันดาลให้ข้ามาถึงตอนนั้นพอดี”

    ราพลังก้าเงยหน้าขึ้นมองเขาหลังจากคำพูดนั้น หมายจะส่งยิ้มให้เขาแทนคำขอบคุณ แต่แล้ว...นางก็รู้สึกเหมือนพื้นทรายไหวยวบโคลงเคลง และร่างของตนฟุบลงอีกครั้ง

    --------------------------------------------------------------------------

    ท่านยาย... เด็กหญิงน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น ทำไมพวกเขาถึงต้องแกล้งข้าด้วยล่ะคะ ทำไมพวกเขาถึงหาว่าข้าเป็นคนไม่ดี พ่อแม่ก็เป็นคนไม่ดีด้วยที่ทิ้งข้าไว้เป็นลูกกำพร้า ถ้าพ่อแม่ไม่ตายไปแล้ว...ทำไมพวกเขาจะทิ้งข้าไว้ละคะ... แล้วถ้าพวกเขาตายไปแล้ว...ทำไมพวกเขาถึงเป็นคนไม่ดี...แล้วข้าก็เป็นคนไม่ดีด้วย...

    หลานไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรอกนะ... เสียงสั่นพร่าแต่อ่อนโยนเหลือเกินดังขึ้นพร้อมสัมผัสของมือบนศีรษะ คนจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การกระทำ...ไม่ใช่ว่ามีพ่อแม่หรือไม่ คนที่ล้อเลียนและแกล้งหลานอาจจะทำสิ่งที่ไม่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นคนที่ไม่ดีไปเสียหมด แล้วหลานก็อย่าได้ทำให้ตนเองเป็นคนไม่ดีไปด้วยโดยการดุด่าต่อว่าพวกเขากลับ หรือทำสิ่งเลวร้ายใส่พวกเขาเลย หลานอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อหลานเช่นไร...ก็จงปฏิบัติเช่นนั้นต่อพวกเขา แล้วสักวัน...พวกเขาจะตอบแทนไมตรีนั้น ราพลังก้าของยาย

    แต่สักวันนั้นคือเมื่อไรละคะ...ท่านยาย ราพลังก้ายังพยายามไม่พออีกหรือคะ ราพลังก้ายังมอบไมตรีให้พวกเขาไม่พออีกหรือคะ ราพลังก้าอยากให้พวกเขาได้เห็นต้นไม้เขียวชอุ่มเหมือนที่เคยฝันเห็น...อยากให้พวกเขาได้ลิ้มรสผลไม้แสนหวานของต้นไม้นั้น อยากให้พวกเขาได้สัมผัสสายฝนชุ่มฉ่ำ แล้วทำไม...ทำไมพวกเขาต้องทำลายความหวังนั้นเองด้วย


    หยดน้ำที่รินรดลงในคอแห้งผากทำให้เด็กสาวสงบลง ดูเหมือนเมื่อก่อนท่านยายจะเคยป้อนน้ำให้นางอย่างนี้ใช่ไหมนะ

    ราพลังก้ากะพริบตาปริบๆ พบกับภาพหลังคากระโจมของตน นางแลเลยไปอีกก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟูก

    “ฟื้นแล้วหรือ” ชายแปลกหน้าหันมาถามนาง

    “นี่ข้า...”

    “เจ้าหมดสติไป มีคนบอกข้าว่าเจ้าขาดน้ำ...แล้วก็กระโจมของเจ้าอยู่ตรงนี้ ข้าเลยพาเจ้ามาพักที่นี่ก่อน”

    “แล้วน้ำ...”

    “อยากได้น้ำอีกหรือ” เขาเข้าใจเป็นอีกอย่าง

    “ไม่ใช่ค่ะ ข้าแค่...สงสัยว่านั่นเป็นน้ำของใคร” เด็กสาวค่อยพูดคล่องคอขึ้น

    “ของข้าเอง ทำไมหรือ”

    ราพลังก้าเสหลบนัยน์ตาประกายสีโกเมนที่จ้องตรงมาให้ร้อนผ่าวบนใบหน้า

    “ขอโทษนะคะ แต่ข้า...คงต้องขอบคุณท่านอีกครั้งแล้วล่ะ”

    อีกฝ่ายเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ

    “นี่เจ้า...กลัวการต้องขอบคุณข้าขนาดนี้เชียวหรือ ข้าก็เพียงแค่...รู้สึกแปลกๆ ที่ได้ฟังคำขอบคุณซ้ำๆ ขนาดนั้นเท่านั้นเอง ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เจ้ากลัว”

    “ม...ไม่เป็นไรค่ะ ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรเลยนี่นา” เด็กสาวรีบตอบตะกุกตะกัก “ข้า...ข้าแค่ไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่า ก็...ก็ข้าไม่เคยพูดคุยกับคนนอกหมู่บ้านมาก่อนนี่คะ”

    “คนนอกหมู่บ้านก็เป็นคนเหมือนกัน อย่าคิดอะไรมากเลย” ชายหนุ่มเงียบไปอีกครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าชื่อมาโอ เป็นนักเดินทาง เจ้าล่ะ”

    “ร...ราพลังก้า...ค่ะ”

    “ราพลังก้า...เป็นชื่อที่เพราะดีนะ”

    คนถูกชมชื่อเสหลบไปพร้อมกับลอบยิ้มขวยเขิน

    “แล้ว...ท่านมาโอมาที่เรเลนทัสทำไมหรือคะ”

    “ข้าแค่เดินทางผ่านมา กะจะแวะซื้อเสบียงสักหน่อย แล้วก็มาพบเจ้าเข้านี่ล่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้น...” เด็กสาวกังวลขึ้นมา “ท่านก็คงซื้อเสบียงที่นี่ไม่ได้แล้วสิคะ”

    “หลังจากที่ข้าต่อยเจ้าของร้านจนตาเขียวน่ะหรือ...ข้าว่าคงไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ แต่ไม่เป็นไร ข้ายังมีเสบียงพอจะข้ามทะเลทรายไปถึงเมืองข้างหน้าได้ อย่าห่วงเลย”

    “เดี๋ยวข้าจะแบ่งเสบียงให้ค่ะ” ราพลังก้ารีบลุกจากที่นอน “ข้ามีอาหารแห้งอยู่บ้าง ท่านเอาไปเถอะ ข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณที่ท่านช่วยเหลือข้าด้วย”

    “จะดีหรือ ข้าเป็นห่วงเจ้ามากกว่า ก็เจ้าเป็นคนที่ต้องอยู่ที่นี่นี่นา ต่อไปจะไปซื้อของกับพ่อค้านั่นได้อย่างไร”

    “...ข้า...เอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะค่ะ” เด็กสาวยักไหล่น้อยๆ “ข้าลำบากแต่เด็กมาจนชินแล้ว”

    มาโอดูเหมือนจะยิ้มอย่างอ่อนใจ

    “เจ้าไม่มีญาติเลยหรือ”

    “ข้าเป็นเด็กกำพร้าค่ะ ท่านยายที่เลี้ยงข้ามาแต่เล็กไปพบข้าระหว่างอพยพมาเรเลนทัส ท่านเลยนำข้ามาเลี้ยง ของเพียงอย่างเดียวที่ท่านยายบอกว่าพบบนตัวข้ามีแต่ถุงใบนี้เท่านั้น คงเป็นของดูต่างหน้าจากพ่อแม่ที่แท้จริงของข้า”

    ราพลังก้าช้อนถุงผ้าสีขาวซึ่งปักดิ้นทองขึ้นในอุ้งมือ มาโอขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิดหนึ่งเพื่อมองดูมันให้ถนัด

    “ลวดลายปักดูไม่คล้ายงานของเมืองไหนที่ข้าเคยไปเลย น่าเสียดายนะ” เขาเปรย “แต่ปกติในถุงมักจะมีของอยู่ไม่ใช่หรือ ในถุงใบนี้ไม่มีอะไรที่เป็นหลักฐานยืนยันตัวเจ้าเลยหรือ”

    “มีแต่เมล็ดพืชค่ะ” นางล้วงลงไปหยิบเมล็ดหนึ่งให้เขาดู “ไม่มีใครทราบเลยว่าเป็นเมล็ดอะไร ข้าเองก็พยายามปลูกดู แต่ไม่เคยทำให้มันโตได้เลยเสียที”

    “ไหนขอดูหน่อยซิ” มาโอแบมือใหญ่หนาของเขา สีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นขณะเพ่งมองเมล็ดพืชนั้น “ประหลาดดี ข้าเองก็ไม่รู้จักเมล็ดพืชอย่างนี้เลย แต่ข้าเกรงว่ามันไม่น่าจะเติบโตในทะเลทรายได้อยู่แล้วกระมัง”

    เขาส่งมันคืนให้กับนาง และนางก็เก็บเมล็ดพืชนั้นใส่ถุงโดยเร็ว

    “ข้าเคยฝันน่ะค่ะ” ราพลังก้าตัดสินใจเล่า “ข้าฝันว่าปลูกต้นไม้นี้ได้กลางผืนทราย แล้วมันก็งอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่ในเวลาชั่วพริบตา ออกผลสีแดงน่ารับประทานและทำให้ฝนตก ข้าคิดว่า...ถ้าข้าสามารถปลูกมันได้ตามความฝันก็คงดี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า”

    “หากจะปลูกต้นไม้ใหญ่ก็คงต้องใช้ดิน น้ำ และปุ๋ยจำนวนมาก หากเป็นที่นี่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ทำไมเจ้าถึงไม่ลองไปปลูกที่อื่นดูล่ะ”

    เด็กสาวยิ้มเฝื่อนๆ ขณะนึกคำตอบของคำถามที่ตนเคยตั้งกับตนเองเช่นกัน

    “ข้า...ไม่ทราบจะไปที่ไหนได้ เรเลนทัสอาจจะลำบาก แต่...ที่นี่ก็เป็นที่ที่ข้าอยู่มาแต่เกิด ความทรงจำทั้งหมดของข้าเองก็อยู่ที่นี่ แล้วที่จริง...ข้าก็มีเพื่อนๆ มีคนที่รักและห่วงใยข้าอยู่ที่นี่เหมือนกันนะคะ”

    “นั่นสินะ” ชายหนุ่มรับ “ข้าก็ใช่จะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก ถึงแม้ว่า...ข้าจะไม่มีที่ให้กลับแล้วก็เถอะ”

    “ท่านมาโอ” นางเรียกอย่างประหลาดใจ ทว่าเขากลับทำเพียงถอนใจเบาๆ

    “เรื่องนั้นผ่านมาเนิ่นนานจนข้าไม่รู้สึกอะไรกับมันอีกแล้ว อย่าใส่ใจเลย”

    เด็กสาวฟังแล้วนิ่งเงียบไปด้วยไม่รู้จะพูดอะไร ชายอีกคนจึงกลับเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนาใหม่เสียเอง

    “เอ้อ ข้ามีของจะมอบให้เจ้า มันคงจะไม่มากมายนัก แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าได้บ้าง”

    “อะไรหรือคะ”

    มาโอล้วงลงไปในย่ามสัมภาระของเขา ก่อนจะหยิบถุงใบขนาดกลางใบหนึ่งมาส่งให้นาง

    ราพลังก้ารับถุงนั้นมาคลี่ดู ก่อนจะช้อนสิ่งที่เป็นสีดำเหมือนเส้นผมของนาง แต่นุ่มหยุ่นและมีกลิ่นชื้นอย่างประหลาดออกมา

    “นี่คือ...อะไรหรือคะ”

    “ดินน่ะ จากบ้านเกิดของข้า” ชายหนุ่มตอบ “ข้าเก็บมันมาต่างของที่ระลึก”

    “แต่ของสำคัญอย่างนี้...”

    “ข้าไม่เคยอยู่ติดที่ ดินนี้ไม่เคยมีความจำเป็นต่อข้าอยู่แล้ว แต่เจ้าคงจะนำมันไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่าข้า รับไปเถอะ ข้าเองก็อยากให้เจ้าได้เห็นต้นไม้ที่เติบโต หากเจ้าอยู่ในเรเลนทัสมาแต่เกิดก็คงไม่เคยแม้แต่จะเห็นดินด้วยซ้ำกระมัง”

    เด็กสาวพยักหน้ารับ แม้นสีหน้าจะบอกความเกรงใจเขาสุดแสน

    “ขอบคุณมากค่ะ ท่านมาโอ”

    “ไม่เป็นไรหรอก แต่...หากมันโตแล้วต้องให้ข้าได้ดูด้วยล่ะ”

    “ค่ะ” ราพลังก้ารับหนักแน่น ทว่าไม่ทันจะสัญญาเป็นมั่นเหมาะ เสียงกราดเกรี้ยวก็ดังขึ้นที่หน้ากระโจมของนางทันควัน

    “ราพลังก้า! พาเจ้าคนแปลกหน้านั่นออกมาเดี๋ยวนี้!!”

    เด็กสาวหันขวับไปทางเงาร่างที่เห็นผ่านประตูกระโจมอย่างหวาดหวั่น ขณะที่ชายอีกคนมีสีหน้าที่ไม่อาจอ่านออก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×