ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เนินเขาขับขาน ตำนานแห่งราพลังก้า

    ลำดับตอนที่ #24 : 23 – วารี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 180
      0
      3 ก.ค. 52

    23 – วารี

    เพลงประจำตอน Mio - Waterway




    ราพลังก้าลืมตาขึ้น ก่อนจะกวาดมองไปรอบด้านอย่างงุนงง

    นางอยู่ในรถม้า หญิงคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่รอบด้านอย่างเบียดเสียดช่วยกันประคองนางไว้ เสียงฝนยังดังอื้ออึงอยู่รอบด้าน เม็ดฝนบางหยดรั่วลงมาตามรูบนหลังคา

    “ที่นี่ที่ไหน” หญิงสาวตั้งคำถาม

    “บนเขา พวกเราต้องหนีน้ำขึ้นบนเขา” หญิงคนหนึ่งตอบ “แต่รถม้าจอดนิ่งอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”

    ราพลังก้าลุกจากที่นั่ง แล้วก็พยายามหาทางไปให้ถึงประตู

    “ข้าต้องออกไปดู”

    “อย่าเลย! ถึงออกไปเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรก็ปล่อยให้พวกผู้ชายจัดการไปเถอะ” หญิงอีกคนรีบห้าม “ได้ยินท่านอัศวินบอกว่าเจ้ากำลังท้องไม่ใช่หรือ เจ้านั่งพักไปก่อนดีกว่า”

    “ไม่ได้! อาจมีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าทำได้เพื่อที่จะช่วยเขา! ข้าต้องออกไป!” ราพลังก้ายืนกรานเสียงแข็ง “ได้โปรดหลีกทางด้วย!”

    หญิงคนอื่นๆ ในรถม้าพยายามห่อตัวจนนางฝ่าไปถึงประตูได้ ราพลังก้าเปิดประตูแล้วก็ผงะเมื่อฝนเม็ดแรงสาดเข้ามาเต็มๆ กระนั้นนางยังก้าวออกไปข้างนอก แล้วก็ปิดประตูลง

    เบื้องหน้ามีรถม้าจอดอยู่เป็นแถวยาวบนทางลูกรังในป่าซึ่งเริ่มกลายเป็นโคลนเลน พวกผู้ชายมุงดูบางสิ่งอยู่หน้าขบวนรถม้า หญิงสาวจึงตรงไปหาพวกเขา

    เบื้องหน้าทุกคนคือลำธารที่เชี่ยวกรากจนไม่อาจข้าม สะพานไม้ที่เคยทอดเหนือลำธารนั้นถูกฤทธิ์พายุทำให้ผุแตกจนไม่อาจเดินข้ามไปได้อีกแล้ว อย่าว่าจะให้รถม้าวิ่งผ่านเลย

    “ท่านราพลังก้า กลับเข้าไปก่อนเถอะขอรับ” ชายสวมเกราะคนหนึ่งในกลุ่มนั้นรีบหันมาบอกทันทีที่เห็นนาง “ท่านมาโอฝากให้ข้าดูแลความปลอดภัยของท่าน ออกมาข้างนอกในเวลาฝนตกอย่างนี้อันตรายมากนะขอรับ”

    “แล้วพวกเราจะข้ามไปได้อย่างไร แม่น้ำเชี่ยวกรากอย่างนี้” หญิงสาวแย้ง

    “พวกเรากำลังพยายามหาทางอยู่ขอรับ กลับเข้าไปก่อนเถอะ”

    “ข้าเป็นเรย์วาเทล!” ราพลังก้าพูดเสียงแข็ง “อาจมีสิ่งที่ข้าทำได้ก็ได้!”

    “แต่ว่า...ถึงท่านจะเป็นเรย์วาเทล การทำให้ลำธารทั้งสายสงบก็ต้องใช้อำนาจมากขนาดเป็นเรย์วาเทลระดับสูงเท่านั้น แล้วตอนนี้...ท่านก็ตั้งครรภ์อยู่ด้วย”

    “แล้วอย่างไร” หญิงสาวกลับเอ่ยอย่างสงบ “เจ้าจะใช้กำลังบังคับให้ข้ากลับเข้าไปเพื่อรอจนกว่าเขื่อนจะแตกอย่างนั้นหรือ”

    อัศวินชะงักไป

    ราพลังก้าเพียงก้าวไปที่ริมตลิ่ง ห่างจากบริเวณที่พวกชาวบ้านกำลังปรึกษาหาทางและพยายามใช้ไม้ซ่อมแซมสะพาน นางสูดลมหายใจลึกขณะทบทวนทำนองที่วาบขึ้นในใจ

    ท่านอินเฟล...มอบพลังให้ข้าด้วย

    ข้าคือดาวแห่งความหวังของผู้คน
    วารีวนสะท้อนในหัวใจ
    ประดุจความโศกศัลย์ไม่มีวันเสื่อมคลาย
    ประดุจความตรมตรอมไม่สลายหาย

    เพียงท่อนแรกใจของหญิงสาวก็ร่วงวูบ นางทำมิได้ นางทราบว่าเสียงแผ่วเบาที่ดังสู้ลมฝนไม่ได้นั้นไร้อำนาจใดๆ ฝนเม็ดใหญ่ยังคงตกกระหน่ำ วารียังคงเชี่ยวกรากไม่ฟังคำสั่ง

    ข้าคือดาวแห่งความหวังของชนผอง
    ร่ำร้องครวญความระทมในหัวใจ
    ประดุจฟองน้ำพรายผุดเริงรำเรื่อยไป
    คือวารีที่ไหลหลั่งเหมือนน้ำตานอง

    น้ำตาเริ่มปรากฏในดวงตาของนางจริงๆ ทว่าน้ำรอบด้านกลับไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง นางทราบว่าเมื่อขับขานเพลงบทนี้ นางต้องนึกถึงน้ำที่ต้องการควบคุมประดุจน้ำตาของตน ก่อนจะบังคับให้ฝนหยุดตกหรือกระแสน้ำสงบได้

    นางไม่อาจสัมผัสถึงพลัง นางยังไม่อาจเปิดใจ นางยังไม่อาจรวบรวมหัวใจของคนอื่นๆ มาเป็นอำนาจของนางได้ ทั้งๆ ที่รอบด้านก็มีผู้คนมากมายแท้ๆ

    แต่แล้ว ราพลังก้าก็ได้ยินเสียงเล็กๆ อีกเสียง

    แต่ถ้าทุกความหวังแห่งผู้คนเป็นจริง ข้าคงสัมผัสโลกนิรันดร์แห่งความสุขล้ำ
    จงเชื่อมั่นในตนเองและท่องไปในโลกมืดนั้น โอบกอดปรารถนาของผู้คนให้ได้ทั้งมวล
    เพื่อโลกและเรา

    นางหันไปข้างหลัง เห็นเด็กสาวผู้ขับร้องบทเพลงตำนานแห่งราพลังก้าก้าวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของอีกฝ่ายขับขานบทเพลงแห่งวารีเช่นกัน

    ราพลังก้าสูดลมหายใจลึก รับเสียงเพลงของอีกฝ่ายด้วยความยินดี นางรู้สึกได้เหมือนบางสิ่งปรากฏในใจของตน สิ่งที่มิได้ยิ่งใหญ่แต่เป็นเหมือนเมล็ดพืชเล็กๆ ที่แตกรากจากเปลือกห่อหุ้มและพยายามหาผืนดินที่จะหยั่งรากลงไป

    คิดถึงภาพแห่งสวรรค์ แดนอันเรืองรองด้วยแสง
    หากข้าคือธานีอันศักดิ์สิทธิ์ คือพฤกษาแห่งความหวัง เหตุใดพวกเขาจึงมิอาจเห็น

    ข้าจักสงบเสียงน้ำตกซาดซ่า สัมผัสความสุขของผู้คนและแสงแดดอันอ่อนโยน
    ...แม้จะในสวรรค์อันเล็กนิดเพียงนี้

    เด็กสาวเรย์วาเทลสืบทอดเสียงร้องของนาง ทั้งสองขับขานโดยไม่เห็นภาพของชาวบ้านที่ค่อยๆ ลงจากรถม้าหรือเกวียนของตนมาดูเหตุการณ์ ทว่าราพลังก้ารู้สึกได้ ความทรงจำหรือความรู้สึกนึกคิดใดๆ ตามแต่จะเรียกเป็นเหมือนหยดน้ำที่หล่อเลี้ยงเมล็ดพืชในใจของนาง มอบความอบอุ่นตื้นตันให้เหมือนครั้งที่นางมองลงมาจากยอดพฤกษาอิมแพลนต้า และแลเห็นฝูงชนที่โอบกอดโคนต้นของมัน

    ข้าสัมผัสได้ถึงความเป็นมนุษย์อันอ่อนโยน และเสียงกระซิบอันเปี่ยมสุขของผู้คนที่สำคัญยิ่งต่อข้า
    ข้าอยากทำให้ความปรารถนาทั้งมวลผลิบานที่นี่ ในสรวงสวรรค์แห่งนี้

    ใช่แล้ว นางสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของการเป็นมนุษย์จริงๆ ชาวบ้านที่นี่ให้ความช่วยเหลือกันในยามอพยพ ใครไม่มีรถม้าหรือเกวียนก็มีผู้อาสาจะให้ติดไป สุนัขแม่ลูกอ่อนที่มิได้มีใครเลี้ยงดูยังมีบ้านที่พร้อมจะแบ่งปันชายคาให้มัน มีนมอุ่นและอาหารให้พวกมันได้ดื่มกิน ยามนี้ก็มีคนนำพวกมันขึ้นรถมาด้วยเพื่อมิให้ต้องจมน้ำตายหากเขื่อนแตก

    ภาพของโลกที่นางเคยเห็นว่าครอบคลุมด้วยสีดำค่อยๆ เจือจางรางเลือน เมล็ดพืชในใจนางเริ่มชูยอดแตกกิ่งก้านสาขา หากเป็นเช่นนี้...

    ข้าจักอวยพรให้โลกใบนี้และท่านอย่างยินดี

    ผองชนเล่นกับวารีในโลกนี้อย่างเป็นสุข ทุกคนเริงรำกันในโลกนี้
    ทว่าภาพที่ข้าเอ่ยมีเพียงในความทรงจำ สรวงสวรรค์อันเป็นนิรันดร์ไม่อาจมีจริง
    น้ำตามิอาจกลายเป็นสายฝนแห่งความสุขที่พร่างพรมสู่ผู้คนได้
    ข้าคิดว่าสวรรค์ดำรงอยู่ในท่านและใจของท่าน
    ข้าปรารถนาจะเอ่ยถ้อยคำนั้นเพื่อโลกนี้และท่าน

    เสียงของราพลังก้าสอดประสานกับเสียงของเด็กสาว ในท่อนแยกของบทเพลงเดียวกัน ท่อนอันผสมผสานทั้งความงดงามและอัปลักษณ์ของโลกไว้ เช่นเดียวกับวารีซึ่งทั้งมอบชีวิตและคร่าชีวิต เช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่งและมนุษย์

    ความหวังเอย แสงเอย จิตใจอันเมตตาเอย ผู้คนอันเป็นที่รักเอย ข้าปรารถนาจะสร้างสวรรค์ด้วยกันกับเหล่าบุตรแห่งเทพเจ้า
    ......ความสิ้นหวังเอย ความมืดเอย จิตใจอันชั่วร้ายเอย ผู้คนอันเป็นที่ชิงชังเอย ล้วนจำเป็นต่อเหล่าบุตรแห่งเทพเจ้า

    ความหวังเอย แสงเอย จิตใจอันเมตตาเอย ผู้คนอันเป็นที่รักเอย ข้าสั่นไหวไปพร้อมกับโลกทั้งใบ
    ......ความสิ้นหวังเอย ความมืดเอย จิตใจอันชั่วร้ายเอย ผู้คนอันเป็นที่ชิงชังเอย ข้าจักยอมรับทุกสิ่ง

    ข้าจักสร้างโลกใบใหม่ จักสร้างโลกแห่งความหวัง สร้างความสุข สร้างสวรรค์อันเรืองรองเพื่อโลกใบนี้
    ......ข้าจักสร้างโลกใบใหม่ จักสร้างโลกแห่งความหวัง สร้างความสุข สร้างสวรรค์อันเรืองรองเพื่อโลกใบนี้


    เราจะสร้างสวรรค์ของเราด้วยกัน
    ข้าสรรค์สร้างเพื่อโลกใบนี้ เพื่อท่าน และเพื่อตัวข้าเอง

    ฝนหยดสุดท้ายตกต้องใบไม้พร้อมกับเสียงขับร้องถ้อยสุดท้ายที่ค่อยๆ แผ่วเบาลง

    ลำน้ำไหลเอื่อย ไม่เหลือความดุร้ายเชี่ยวกรากในครู่ก่อนหน้า ยามนี้มันกลับเป็นเหมือนลำธารอันน่าแหวกว่ายใต้แสงแดดสว่างแห่งคิมหันต์ รุ้งกินน้ำปรากฏบนเวิ้งฟ้า

    ผู้คนโห่ร้องและปรบมือ ราวกับเพิ่งชมการแสดงอันตระการตาที่สุดจบลง

    ราพลังก้าสบตากับเด็กสาวผู้มอบพลังให้ตน ทั้งสองเพียงยิ้มให้กันแทนคำขอบคุณ หญิงสาวรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้จะเป็นเรย์วาเทลที่ดี นางปรารถนาจะช่วยผู้คน แต่นางก็ตระหนักถึงความชั่วร้ายที่มีอยู่ในโลกโดยไม่อาจเปลี่ยนแปลงเช่นกัน สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับราพลังก้าจะไม่ซ้ำรอยต่อนาง

    “ท่านราพลังก้า” อัศวินเรียกอีกครั้งอย่างนอบน้อม “ขอบคุณมากขอรับ แต่เราคงต้องรีบเดินทางเดี๋ยวนี้ เราไม่ทราบว่าพวกท่านมาโอจะปราบอสูรทันเวลาหรือเขื่อนจะแตกหรือไม่ ขอท่านกลับขึ้นรถม้าด้วย”

    หญิงสาวกลับสั่นศีรษะ

    “ทุกคนรีบไปก่อน ข้าจะไปช่วยมาโอ”

    “แต่ว่า...ท่านตัวคนเดียวจะย้อนไปอย่างไร!”

    แทนคำตอบ ราพลังก้ากลับเหยียบย่างบนพื้นน้ำในลำธารและร้องเพลงอีกครั้ง

    กระแสวารีพวยพุ่งอยู่ใต้เท้าของนางเป็นเกลียว นำนางทวนกระแสขึ้นไปสู่ต้นสายน้ำผ่านสายตาทุกผู้คน

    สู่ที่ที่มาโอของนางรออยู่

    --------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×