ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เม็ดทราย สายธาร กาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ ๓/๔ - ลาจาก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 234
      2
      22 ต.ค. 52

    ๔. ลาจาก


    “มาแล้วหรือ”

    ข้าไม่ทราบความหมายแน่ชัดของถ้อยคำนั้น ทว่าในใจกลับหนักอึ้งอย่างประหลาด

    “อะไรหรือ...ท่านหมายถึงใคร”

    อามอนก้มลงมองข้าด้วยนัยน์ตาโหยหา จุมพิตข้าแผ่วเบา ทว่าข้ารั้งร่างตนเองออกห่าง

    “บอกข้ามาก่อนว่าท่านหมายถึงใคร”

    “ธานาโทส”

    พลันมีหินใหญ่ติดคาในลำคอของข้า ถ่วงค้างอยู่ที่นั่นโดยไม่ลงไปถึงอกหรือช่องท้อง ไม่ปล่อยให้สิ่งใดล่วงลงไปหรือลอดขึ้นมา

    ข้าเคยได้ยินชื่อนี้ อาจเพียงไม่กี่ครั้ง...แต่ก็จำได้ อามอนเป็นผู้เล่าให้ฟังเอง ธานาโทสผู้มาตามซิสิโฟสกลับสู่ปรภพ... ธานาโทสผู้เป็นมรณเทพ

    “ข้าขอโทษ...สิมูน” แขนของอามอนโอบแผ่นหลังข้า ใบหน้าซบอยู่ข้างบ่า ทว่าสองแขนของข้าเองกลับนิ่งค้างอยู่ข้างตัว “ข้า...ตายไปแล้ว ตั้งแต่ตอนนำน้ำพุแห่งความทรงจำกลับมาให้ท่าน”

    “...โกหก” ข้าหวังให้คำพูดของตนเป็นความจริง แต่กลับสัมผัสความเย็นเยียบของร่างที่โอบตนอยู่...เย็นสะท้านเข้ากระดูก...เกาะกุมจับหัวใจยิ่งกว่าความหนาวเย็นของราตรีกลางทะเลทรายเบื้องนอก

    ...ไยข้าจึงไม่เฉลียวใจเสียแต่ก่อนหน้านี้ ร่างกายของเขาไม่มีความร้อน ไม่มีเหงื่อ ไม่มีความเจ็บปวดที่แผลน้อยใหญ่ซึ่งเลือดหยุดไปเอง สำคัญที่สุดคือไม่มีชีพจร...

    ข้ามัวแต่ยินดีอย่างมืดบอด...ยินดีที่ได้สมรสกับเขาและอยู่ในอ้อมกอดของเขา ความยินดีนั้นทำให้ชีพจรของข้าเองที่เต้นรัวเร็ว ทำให้ดวงหน้าที่ร้อนผ่าวของตนกลบความจริงข้อนี้ไปเสียสิ้น

    “ข้าหวังว่าเขาจะมาช้ากว่านี้ สักวันสองวันก็ยังดี แต่...เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว” อามอนยังคงกระซิบ “ข้ารู้ว่าคงห้ามไม่ให้ท่านเสียใจไม่ได้ แต่...ข้าขอให้ท่านมีช่วงเวลาที่มีความสุขหลังจากนี้ ยินดีกับชีวิตที่มีเวลาจำกัดของมนุษย์ มนุษย์มีเรื่องโศกเศร้าเจ็บปวดมากมาย มีความน่ารังเกียจมากมาย แต่ก็มีความสวยงามและเรื่องน่ายินดีมากมาย มอบสิ่งเหล่านั้นให้ผู้อื่น...แล้วท่านจะได้รับมากกว่าที่ท่านมอบให้ เวลาจะเยียวยาท่าน จงอย่าเป็นอย่างออร์เฟอุสและจบชีวิตอย่างเขา ข้าขอให้ท่านกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ท่านทำได้ ยอมรับในสิ่งที่ท่านไม่อาจเปลี่ยนแปลงโดยสงบ และ...รู้ว่าสิ่งใดที่อาจเปลี่ยนแปลงหรือไม่อาจเปลี่ยนแปลง”

    ข้าไม่รู้ อามอน...สิ่งใดกันเล่าที่อาจเปลี่ยนแปลง...สิ่งใดกันเล่าที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ใครกันจะบอกข้า หากท่านไม่อยู่แล้วข้าจะรู้ได้จากใคร...ใครกันจะรักข้าและบอกข้า...

    “การลาจาก...ไม่ใช่จุดสิ้นสุด” เขาย้ำคำเดิมอีกครั้ง ถ้อยคำที่บัดนี้ข้าชิงชังเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจ... “ข้าไม่ได้ไปไหนไกลเลย สิมูน จำบทเพลงแห่งสายลมนับพันได้ไหม ข้าจะกลายเป็นสายลม...สายลมที่โอบกอดพัดพาเม็ดทรายอยู่เสมอ ข้าจะเป็นทุกสิ่งที่อยู่ล้อมรอบกายท่าน ขอเพียงท่านยังระลึกถึงข้า แล้วสักวัน...เราจะได้พบกันอีก ในชีวิตอื่น...ในที่อื่น เราจะพบกันและรักกันใหม่อีกครั้ง...และอีกครั้ง...ชั่วนิรันดร์ หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง”

    ริมฝีปากเย็นเฉียบของเขาประทับบนหน้าผากของข้า

    “ข้ารักท่าน สิมูน แล้วพบกันอีก”

    สัมผัสของปลายนิ้วของเขาหายไปจากแผ่นหลัง ทว่าข้ากลับยกสองแขนขึ้นโอบรัดร่างของเขาไว้...ในขณะที่เขากำลังจะผละจากไป

    “ไม่นะ...” ข้าไม่รู้ว่าตนกลืนก้อนหินนั้นลงไป หรือคายมันออกมา แต่ก็เอ่ยได้ในที่สุด “อย่าไปจากข้า อามอน ต้องมีทางอื่นไม่ใช่หรือ ท่านเป็นผู้บอกข้าเอง...เรื่องอุดรูรั่วของหม้อน้ำ แล้วทำไม...”

    ทำไมจึงยอมรับง่ายๆ เช่นนี้ ทำไมจึงไม่หาทางเปลี่ยนแปลง ทำไมจึงไม่หาหนทางอื่น

    อามอนกอดข้าตอบอีกครั้งก่อนจะหัวเราะเฝื่อนๆ ...หรือมิเช่นนั้นก็สะอื้น ข้าไม่ทราบ ข้าบอกไม่ถูกอีกต่อไป

    ข้ารู้แต่ว่าตนเองต่างหากที่สะอื้น...ตนเองต่างหากที่กำลังร้องไห้ร้าวลึกในอก

    ผ้าประตูกระโจมของเราปลิวพะเยิบพะยาบเข้ามา ข้าเห็นเงาร่างสีดำสูงใหญ่ทางหางตา สัมผัสได้ว่าร่างนั้นมิกล้าเข้ามา...ตราบใดที่มีข้าอยู่

    ถึงอำนาจแห่งเทพในกายของข้าจะเหลือเพียงเศษเสี้ยว ข้าก็ยังเกี่ยวข้องกับเทพอีกดินแดน ลางที...ธานาโทสอาจเกรงความจริงข้อนี้

    “ข้าจะไล่เขาไป จะอยู่ข้างท่านไม่ห่าง เมื่อนั้นเขาจะเอาตัวท่านไปไม่ได้ แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน...” ข้ารีบพูด “...อย่างน้อยก็จนกว่าข้าจะแก่เฒ่า...สักหกสิบปี...ไม่สิ...แค่สิบปี...หรือแค่ปีเดียวก็ได้!”

    อามอนสั่นศีรษะ ข้ามองไม่เห็น...แต่รู้สึกได้ว่าลำคอของเขาขยับไหวอยู่ข้างเรือนผมของตน...เรือนผมที่ยังไม่คลายจากหมู่เปียเจ้าสาว

    “อย่าเลย ผู้ที่โกงความตายลงเอยเช่นไร ข้าเคยเล่าให้ฟังแล้ว ที่สำคัญ...ร่างกายของคนตายย่อมเสื่อมสลาย หม้อน้ำแตกพัง...อุดอย่างไรก็ไม่มีวันอุดอยู่ ประสานอย่างไรก็ไม่อาจใส่น้ำได้อย่างเดิม สู้ถ่ายเทน้ำภายในลงภาชนะใหม่ที่เก็บกักมันได้จะไม่ดีกว่าหรือ” ชายหนุ่มกระซิบ “หรือ...ที่จริงหม้อน้ำก็เป็นเพียงหม้อน้ำ มันไม่ได้แทนหลักการเลิศล้ำอันใด เป็นแค่ถ้อยคำที่ชายกะล่อนคนหนึ่งนึกสนุกคิดมาหลอกล่อหญิงที่เขาสนใจเล่นๆ เท่านั้น อย่ายึดติดกับมันจริงจังนักเลย”

    อามอนคลายมือจากร่างของข้าในที่สุด ข้าพยายามยุดชายเสื้อเขาไว้ ทว่าเขายังแกะปลายนิ้วของข้าออกอย่างใจเย็น...แล้วเดินจากไป...ไปสู่หน้ากระโจมที่มรณเทพรออยู่

    แต่แล้ว...เขาก็หยุดยืนนิ่งเหมือนลังเล ดวงหน้าผินมามองข้า

    “ที่จริง...ก่อนท่านตื่นข้าเขียนอะไรไว้มากมาย...นอกจากเพลงนั้น เขียนแล้ว...เขียนอีก...แต่ก็ไม่ได้ถูกใจเสียที กลัวแต่เขียนแล้วจะมีเพียงคำว่า ‘ข้ารักท่าน’ กับ ‘ข้าขอโทษ’ เป็นพันๆ รอบ ถึงอย่างนั้น...ก็ตัดใจเขียนออกมาเพราะกลัวหมดเวลาจนได้” เสียงของเขาสั่นเครือ มือยกขึ้นปาดใบหน้าก่อนจะหันกลับมา “แต่ในนั้นข้าลืมบอกไปอย่างหนึ่ง ตอนนี้...ถึงเพิ่งนึกความจริงอย่างง่ายๆ ออก...หากลืมบอกเสียคงจบกัน”

    ข้ายังคงนั่งอยู่ที่เดิม สองตาได้แต่จับจ้องเขาขณะที่หันมาสบตาและยิ้มให้ข้า

    “พิธีศพของข้า...จัดอย่างง่ายๆ ก็พอ แต่อย่าลืมเหรียญเงินของเอลลิเนสสองเหรียญ ข้ามีอยู่ในถุงเงินของข้าแล้ว นำเหรียญพวกนั้นติดไว้กับศพของข้า...เพื่อที่ข้าจะได้ข้ามแม่น้ำของปรภพกลับมาหาท่านได้” เขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยโดยเร็ว “แล้วพบกันอีก”

    ข้ายังคงมองเขา มองอย่างหมายจะใช้สายตาอ้อนวอนแทนคำพูดให้เขาอย่าจากไป ทว่าเขาเลิกผ้าคลุมกระโจมออกแล้ว เอ่ยทักทายชายผู้อยู่ข้างนอกนั้นราวกับต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือน

    “ขออภัยที่ทำให้ท่านรอนาน” อามอนเหลือบมองข้าแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปถามเทพแห่งความตายที่หน้าประตู “วิญญาณที่ต้องลงสู่ปรภพ...ไม่ได้ห้ามร้องเพลงขณะเดินทางใช่ไหม”

    ไร้เสียงตอบ ธานาโทสเพียงหมุนตัวจนผ้าคลุมที่ดูเหมือนหมอกควันสีดำพลิ้วไหว ชายหนุ่มก้มหน้าลงชั่วอึดใจ เหลียวมองข้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวออกจากกระโจมไปสู่ภายนอก

    ...เสียงเพลงของเขาดังขึ้นในไม่ช้า...ลอยแว่ว...โหยไห้...บางเบา...ค่อยๆ แผ่วไปตามแผ่นหลังที่ข้าไม่อาจเห็น...

    ยามเราจากกัน โปรดอย่าหลั่งน้ำตาร่ำไห้
    ไม่ได้จากไกล จนลับลาชั่วนิรันดร์
    ใช่ว่าอยู่ในร่างนิทราเงียบงัน
    ในสุสานอันฝังชีพมลาย

    แต่กลายเป็นสายลมนับพัน
    ตราบชั่วนิรันดร์โชยพัดนำพาเม็ดทราย
    ร่ายรำระเริงตราบชั่วฟ้าดินสลาย
    ทรายพานพบสายลมบนนภา

    ข้ากลายเป็นสายลมนับพัน
    ตราบชั่วนิรันดร์โชยพัดนำพาเม็ดทราย
    ร่ายรำระเริงตราบชั่วฟ้าดินสลาย
    ทรายพานพบสายลมบนนภา

    ...ร่ายรำระเริงตราบชั่วฟ้าดินสลาย...
    ...ทรายพานพบสายลมบนนภา...


    ...ราวกับจะกลายเป็นสายลมไปจริงๆ...

    * * * * *
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×