ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เม็ดทราย สายธาร กาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ ๓ - กาลเวลา - ตอนที่ ๑ - ฝากฝัง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 186
      2
      15 ต.ค. 52

    บทที่ ๓
    กาลเวลา


    ๑. ฝากฝัง


    มีเวลาเพียงน้อยนิด แต่สิ่งที่ต้องทำอีกมากมายเหลือเกิน

    ข้าให้สิมูนขึ้นหลังอูฐของตน จูงมันด้วยมือข้างเดียวที่เหลืออยู่กลับสู่เมืองแห่งสายลม ทีแรก นางถามข้าแทบไม่ขาดปากว่าไม่เป็นไรหรือ ไม่เจ็บปวด ไม่จำเป็นต้องหาหมอหรืออย่างไร ข้าบอกนางตามจริงว่าไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ทั้งตอนที่ต้องขุมพลังของมหาเทพอันถึงสองครั้ง และถูกเอนลิลฉีกกระชากแขนออกมา กระนั้น ข้าต้องปดต่อนางว่าเหตุที่แท้เป็นเพราะเอนลิลลงอาคมระงับอาการเจ็บปวดให้ข้า ยังไม่กล้าบอกนางตามตรงว่าข้าไม่ใช่ผู้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป จึงมิได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย

    จากนั้น ระหว่างทางกลับเมืองข้าก็เล่าให้นางฟังถึงแผนการของตนกับเอนลิล แผนที่ว่าคือเราทั้งสองจะล่อให้มหาเทพปลดตราต้องห้ามให้เอนลิลให้ได้

    จากนั้น...ข้ามิได้เล่าว่าที่จริงเขาตั้งใจให้สิมูนแทงข้า ส่วนข้าซึ่งชะตาขาดไปแล้วแกล้งทำเป็นตาย เพื่อให้มหาเทพปลดตราต้องห้ามให้นาง เมื่อนั้นเอนลิลจะดึงอำนาจแห่งเทพของสิมูนมาเป็นของตน ใช้อำนาจนั้นเปลี่ยนนางเป็นมนุษย์ แล้วส่งข้ากับนางกลับมายังโลกมนุษย์ในทันที เพื่อมิให้ทวยเทพติดตามมาได้

    นี่ต่างหากที่ข้าบอกต่อสิมูน เมื่อเห็นว่านางขืนตนเองถึงที่สุด เอนลิลคงเสี่ยงใช้มนต์ปลดตราประทับของนาง แล้วดึงอำนาจของนางมาทำตามที่ตั้งใจไว้แทน จากนั้นข้าย้อนไปเล่าเรื่องของอาร์ดัท-ลิลิ...แม่ของนาง รวมไปถึงคำพูดที่วายุเทพฝากข้าบอกต่อธิดา ข้าปลอบใจสิมูนให้ไม่ต้องกังวลเรื่องทั้งสอง หากเอนลิลถูกลงโทษ อย่างน้อยเขาก็ยังได้พบหญิงอันเป็นที่รักในอิร์คัลลาอีกครั้ง

    ส่วนเราสองก็เป็นอิสระแล้ว เมื่อธิดาแห่งวายุกลับกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่กี่สิบปีย่อมสิ้นชีวิตและหวนคืนสู่กระแสตามชะตากรรม ไร้ประโยชน์จะติดตามลงโทษทัณฑ์ใดๆ อีก

    “หมายความว่า...เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันใช่ไหม” นางถามข้า “อามอน...จะพาข้าไปด้วยทุกที่ใช่ไหม”

    ข้าหันกลับไป พยายามยิ้มให้นาง

    “นี่คือบ้านของข้า ข้าได้กลับบ้านแล้ว สิมูน”

    “อย่างไร ข้าไม่เข้าใจ”

    “บ้าน...คือที่ที่มีท่านอยู่ด้วย” ข้าส่งยิ้มให้นางทางสายตา “ไม่ว่าเราอยู่ด้วยกันที่ใด...ที่นั่นย่อมเป็นบ้านของเราทั้งสอง จริงไหม”

    “จนป่านนี้ยังไม่วายเกี้ยวพาข้าอีกหรือ” หญิงสาวพูดพร้อมกับเสไปอีกทาง ข้าหัวเราะน้อยๆ

    “เพิ่งกลายเป็นมนุษย์ได้ไม่นาน ท่านก็ค้อนได้สมกับเป็นสตรีจริงๆ”

    “ข้าไม่ได้ล้อเล่น อามอน!”

    “ดื่มน้ำในถุงที่ข้าแขวนไว้ในย่ามข้างอูฐสิ แล้วท่านจะรู้เอง” ข้าบอก

    “ทำไมหรือ”

    ข้าทำตาละห้อยให้สีหน้าสงสัยของนาง

    “นั่นเป็นน้ำที่ข้าอุตส่าห์เสี่ยงลงไปเอาถึงอาเดสด้วยความยากลำบากนะ”

    “อ้อ...” นางรับด้วยท่าทางนิ่งอึ้ง “ข้านึกว่าเอนลิล...ข้าหมายถึงท่านพ่อ...ยึดเอาไปคืนเทพของอีกอาณาเขตจริงๆ เสียอีก”

    ข้าอธิบายให้สิมูนฟัง ว่าตอนก่อนไปดิลมุนกับเอนลิล ข้าฝากน้ำจากน้ำพุแห่งเนโมซิวเนไว้กับอูฐของตน เพราะไม่อยากนำติดไปให้พะรุงพะรัง ทีแรกตั้งใจรอถึงเมืองแห่งสายลมก่อนแล้วค่อยให้นางดื่ม แต่บางที...ดื่มเสียในตอนนี้ก็ได้

    ถึงอย่างไร...นางคงอยากรู้อดีตของตนโดยเร็วที่สุดไม่ใช่หรือ

    ข้ามองขณะที่นางยกถุงน้ำจรดริมฝีปาก ปล่อยให้น้ำล่วงผ่านลำคอแค่อึกเดียว...ก็ทิ้งถุงน้ำอันหาค่ามิได้จากต่างภพให้หกกระจายบนพื้น ทว่าเพียงเท่านั้นก็พอแล้ว น้ำจากอีกต่างภพบรรลุวัตถุประสงค์ของมันในที่สุด

    นัยน์ตาสีทองตะลึงงันจ้องค้างไปเบื้องหน้า...เช่นเดียวกับที่ข้าเคยเป็น ข้าได้แต่สงสัยว่ายามนี้นางกำลังเห็นสิ่งใด...ในชั่วชีวิตของเทพซึ่งยาวนานกว่ามนุษย์เช่นเซ็ฟมากมายนัก

    อีกครู่หนึ่ง ดวงตาของนางจึงค่อยรับรู้ภาพรอบกาย นางมองข้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ลึกซึ้งและสงบขึ้น แต่ก็ยังสลดและโหยหาในคราเดียวกัน

    “ข้าขอโทษ...เซ็ฟ” สิมูนเอ่ยช้าๆ “ข้าทำให้เจ้าต้องสูญเสียและยากลำบากมากมายเหลือเกิน”

    ข้าสั่นศีรษะด้วยรอยยิ้ม

    “ตอนนี้ข้าคืออามอน อามอนที่ได้รับการเติมเต็มจากทั้งเซ็ฟและสิมูนต่างหาก” ข้ามองลึกลงไปในดวงตาของนาง พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยถ้อยคำอันสำคัญยิ่งออกไปให้ได้ “ท่าน...ยินดีจะแต่งงานกับอามอนคนนี้ไหม”

    นัยน์ตาของนางเบิกกว้างตะลึงงัน และเสหลบเมื่อดวงหน้าขาวเนียนแปรเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ

    “ไยพูดตอนนี้ กะทันหันนัก”

    “ก็มนุษย์มีชีวิตแสนสั้นไม่ใช่หรือ จะประวิงเวลาไปไย” ข้าให้เหตุผล “ยิ่งไม่รู้ว่าวันนี้วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงทำพิธีเรียบๆ ในแบบที่ท่านต้องการก็พอ หรือท่านรังเกียจคนตัวเปล่าเล่าเปลือย ซ้ำพิการเช่นข้า”

    สิมูนสั่นศีรษะ

    “ข้าเองก็ตัวเปล่าเล่าเปลือย เจ้าพิการก็เพื่อข้า หากรังเกียจ...ข้าคงใจดำเกินไป”

    “เช่นนั้น หมายความว่าท่านตกลง”

    “เพราะรัก อามอน” นางตอบแผ่วเบา “ไม่ว่าจะเป็นเซ็ฟหรืออามอน...ยามนี้ข้ารู้เพียง...ข้ารักเจ้า”

    นางส่งยิ้มตอบข้า แม้นดวงตาจะยังแฝงแววโศก เราได้พบกันและกัน ได้อยู่ในโลกใบเดียวกันในที่สุด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...

    ...แม้นว่า...เวลาที่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกันนี้จะแสนสั้นเพียงไรก็ตาม...

    * * * * *

    ถึงบ้านร้างที่เก็บซ่อนสัมภาระไว้ ข้าใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดไปจากตัว ผลัดเสื้อผ้าเป็นชุดสะอาด แล้วจึงพาสิมูนไปหาพวกพ่อค้าเร่แถวโอเอซิส ซื้อหาเครื่องใช้จำเป็น รวมทั้งเสื้อผ้าและผ้าคลุมหน้าผืนใหม่ให้นาง ทั้งชุดธรรมดาและชุดสีแดงสดกับผ้าคลุมสีเขียวสำหรับเตรียมวิวาห์แบบชาวเผ่าบัดวี ทีแรกข้าเกรงว่านางจะอึดอัดที่ต้องคลุมหน้า ทว่าหญิงสาวกลับบอกว่าตนเคยชินและสบายใจกับการปกปิดหน้าตาเช่นเดิมมากกว่า นั่นทำให้ข้าโล่งใจขึ้นเช่นกัน

    จากนั้น ข้าจึงได้พานางไปยังบริเวณที่ตั้งกระโจมของเผ่าบัดวี

    ถึงอย่างไรก็ต้องมีผู้ดูแลนาง...ในยามที่ข้าไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้ ข้ากับเอนลิลปรึกษาเรื่องนี้ด้วยกันในคืนก่อนบุกโถงพิพากษา และได้ข้อสรุปของเราสองคนเป็นที่เรียบร้อย

    ชายบางคนที่เฝ้าอยู่นอกแนวกระโจมเป็นผู้ที่เคยคุมตัวข้าไปพบหัวหน้าเผ่า ดูเหมือนพวกเขาจะจำข้าได้และค่อนข้างดูตื่นๆ ที่ได้พบข้าอีก ข้าขอพบหัวหน้าเผ่าโดยให้สิมูนเป็นล่ามเอ่ยกับพวกเขา ไม่นานเราสองคนก็ได้มานั่งในกระโจม...แม้จะคนละบริเวณ เป็นธรรมเนียมของพวกบัดวีที่จะต้อนรับอาคันตุกะหญิงชายแยกกัน พวกเขาต้อนรับข้าด้วยชาสมุนไพรซึ่งมีรสหวานซ่าน ตามด้วยขนมปังแผ่นแบนที่ย่างบนเตา

    “ท่านมีธุระอะไรกับพวกเรา” หัวหน้าเผ่าซึ่งนั่งอยู่กับลูกชายถามข้าด้วยภาษาเอลลิเนส พร้อมกับจ้องมองแขนเสื้อซ้ายที่ลีบแบนของข้าอย่างระแวง

    “ข้านำคำพูดของ ‘ผู้ทรงเวท’ ที่ปราบอาร์ดัท-ลิลิ มาบอกต่อท่าน” ข้าพูดตามที่เตรียมไว้ “หญิงที่มากับข้าเป็นน้องสาวของเขา บัดนี้ผู้ทรงเวทต้องเดินทางไปยังดินแดนแสนไกล เขาหวังจะฝากให้พวกท่านช่วยดูแลความเป็นอยู่ของนาง”

    “แล้วเจ้า...เป็นอะไรกับนาง”

    “เป็นผู้ที่ผู้ทรงเวทฝากนางไว้ แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางไปแดนไกลได้เช่นกัน”

    หัวหน้าเผ่าหันไปมองลูกชายราวกับปรึกษากันเงียบๆ ทางสายตา ก่อนจะถามอีกครั้ง

    “ท่านอยากให้พวกเราดูแลนางในฐานะใด”

    “ในฐานะของธิดาและน้องสาว รวมทั้ง...ภรรยาของข้า นางมีวิชาเช่นเดียวกับผู้ทรงเวท น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านบ้าง”

    “ย่อมได้” หัวหน้าเผ่าพยักหน้า “ขอผู้ทรงเวทวางใจ...ว่าเราจะตอบแทนบุญคุณของท่านตราบจนชีวิตหาไม่”

    ชาวบัดวีถือเรื่องการตอบแทนบุญคุณต่อผู้ทำคุณ และชำระความแค้นต่อผู้สร้างแค้นเป็นสำคัญ เป็นจริงเช่นที่วายุเทพบอกข้า พวกเขาย่อมไม่ปฏิเสธเพราะได้รับบุญคุณของเอนลิลในคราวนั้น และจะไม่มีใครกล้าข่มเหงสิมูนเป็นอันขาด...ตราบใดที่พวกเขาเกรงกลัวอำนาจของตระกูลหัวหน้าเผ่า และโทษทัณฑ์หนักหนาถึงขั้นประหารชีวิต

    นางจะมีที่ของตนเองในเผ่านี้ แม้นไร้อำนาจแห่งเทพ แต่นางก็ได้รับภูมิปัญญาที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่ก่อนสะกดความทรงจำของตนคืนแล้ว

    “เช่นนั้นข้าก็วางใจ” ข้ายิ้มตอบพร้อมกับค้อมศีรษะน้อยๆ “ข้ามีเรื่องขอร้องอีกประการ ขอพวกท่านรับฟังได้ไหม”

    “เชิญว่ามา”

    “ยามนี้ทั้งข้ากับนางต่างไม่มีญาติใกล้ชิด ข้าใคร่ขอให้พวกท่านช่วยเป็นพยานในพิธี...”

    * * * * *
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×