ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เม็ดทราย สายธาร กาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ ๒/๒ - เฒ่าผู้หิวโหย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 177
      1
      28 ส.ค. 52

    บทที่ ๒
    สายธาร

    ๒. เฒ่าผู้หิวโหย


    “ท...ท่านเป็นใคร!” ข้าเผลอถามเสียงดัง

    “ข้า...ได้กลิ่นอาหาร...” ชายชราพึมพำต่อไปเหมือนไม่ได้ยินที่ข้าพูด “...อาหาร...จากโลกมนุษย์...เจ้าคือคนเป็นที่ลักลอบลงมาอีกคนใช่ไหม...”

    “อีกคน...ท่านเคยพบคนเป็นคนอื่นนอกจากข้าหรือ”

    “ราว...สองสามคนได้กระมัง” อีกฝ่ายโคลงศีรษะ “แต่พวกเขาไม่เคยฟังคำขอร้องของข้าเลย...ข้าคงถูกทิ้งให้หิวโหยอยู่เช่นนี้มาเป็นร้อยปี...หรืออาจจะพันปีแล้วก็ได้...”

    เมื่อมองรอบตัวชายชราให้ชัดเจน ข้าก็เริ่มทำสีหน้าไม่ถูก น้ำในบึงที่เขายืนอยู่ดูสะอาดทีเดียว อย่างน้อยมันก็ใสจนพอเห็นร่างกายขาวซีดใต้นั้นได้รางๆ และไม่มีเศษสิ่งสกปรกลอยอยู่ มีเพียงผลไม้สุก ซึ่งจะว่าไปก็ไม่มีลูกใดเน่าเสียเหมือนผลไม้ในโลกมนุษย์ด้วยซ้ำ

    “ทำไมไม่เก็บผลไม้ขึ้นมากิน หรือดื่มน้ำที่ท่านแช่อยู่ล่ะ”

    นัยน์ตาลึกโหลของชายชราดูปวดร้าวขึ้นทันที

    “หากข้าทำได้...คงทำไปนานแล้ว” เขาแทบคราง

    “แล้วทำไมถึงทำไม่ได้” ข้าเพิ่งฉุกคิด “หรือว่า...เดี๋ยวสิ ท่านคงไม่ใช่กษัตริย์ทันทาโลสใช่ไหม”

    “กษัตริย์ทันทาโลส...” เขาเปรย “ไม่ได้ยินชื่อนี้มานานเท่าไรหนอ ว่าแต่สงสารคนแก่หน่อยเถิด...พ่อหนุ่มคนเป็น ก่อนจะถามไถ่อะไร...ได้โปรดให้น้ำให้อาหารข้าสักหน่อยได้ไหม”

    ข้าไม่ทราบจะรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นกษัตริย์ทันทาโลสตัวเป็นๆ ...หรือที่ถูกควรเรียกว่าวิญญาณที่ไม่ทราบว่าควรใช้คำว่าเป็นด้วยหรือไม่...ต่อหน้าต่อตา หลังจากได้ยินตำนานเกี่ยวกับเขา รวมถึงเหล่าคนหยิ่งยโสท้าทายอำนาจแห่งเทพเจ้า ซึ่งต้องทัณฑ์ชีวิตหรือทัณฑ์ในโลกหลังความตายอย่างหนักหนาสาหัส

    เรื่องของทันทาโลสมีดังนี้ เขาเป็นโอรสแห่งเซอุส จึงได้รับเกียรติที่มนุษย์น้อยนักจะได้รับ คือการร่วมโต๊ะเสวยอาหารทิพย์และน้ำอมฤตร่วมกับเหล่าเทพ ทว่าทันทาโลสกลับไม่เจียมตน ลักลอบนำเครื่องเสวยเหล่านั้นลงมาแจกจ่ายญาติมิตรเบื้องล่าง ทว่านั่นยังมิใช่ความผิดที่ทำให้เขาต้องโทษทัณฑ์ชั่วนิรันดร์เช่นนี้ แต่เป็นการกระทำอันไม่อาจให้อภัยที่สุด...คือสังหารบุตรชายของตน...ชำแหละเนื้อเขาปรุงอาหารให้เหล่าเทพเสวยในงานเลี้ยงที่วัง ด้วยหวังจะทดสอบความหยั่งรู้ของเทพเจ้า

    แน่นอนว่าปวงเทพย่อมล่วงรู้ด้วยทิพยญาณก่อนเสวย และกริ้วโกรธเป็นที่สุด ทันทาโลสทั้งดูหมิ่นปวงเทพ สังหารบุตรในไส้ของตน และนำเนื้อมนุษย์มาปรุงอาหาร นั่นทำให้เขาถูกส่งลงมารับโทษในปรภพชั่วกาลนาน ซ้ำลูกหลานวงศ์วานยังต้องคำสาปให้สังหารและกินเนื้อเครือญาติกันเองอยู่หลายต่อหลายรุ่น

    “ข้านึกว่าท่านอยู่ในทาร์ทาโรสเสียอีก ทำไมถึงมาอยู่ในทุ่งอัสโฟเดล” ข้าอดเปรยไม่ได้

    “ข้าคงเคยอยู่ที่นั่น” ทันทาโลสตอบด้วยเสียงแหบแห้ง “แต่นานเท่าไรจำไม่ได้แล้ว หรือจะอยู่ที่นี่มาตลอดไม่ไปไหนก็ไม่รู้ มีวิญญาณอื่นมาเด็ดกินผลไม้กับดื่มน้ำในบึงนี้เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นข้าก็ไม่เห็นพวกเขาอีก ทวยเทพคงกลัวซิสิโฟสเข็นหินขึ้นภูเขาสำเร็จหากได้กำลังจากผลไม้พวกนี้กระมัง แต่เรื่องนั้นไม่เคยเกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว ในเมื่อข้าหยิบจับอะไรในนี้มากินไม่ได้เลยแท้ๆ”

    เขาวักน้ำขึ้น ทำท่าจะกอบดื่ม แต่ไม่ทันริมฝีปากสัมผัส น้ำเหล่านั้นก็ลอยไปจากอุ้งมือเหี่ยวแห้ง แล้วตกลงสู่บ่อน้ำอีกครั้ง ผลไม้สุกที่ลอยอยู่ล้วนเคลื่อนออกห่างมือของเขา

    “แล้วทำไมท่านถึงคิดว่าจะกินอาหารข้าได้ ก็ต้องคำสาปให้ไม่อาจกินอะไรชั่วนิรันดร์ไม่ใช่หรือ” ข้าตั้งคำถาม

    “ข้าถูกสาปไม่ให้กินอาหารในปรภพได้ แต่อาหารบนโลกมนุษย์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

    “ท่านทราบได้อย่างไร”

    “นานมาแล้ว...กี่ร้อยปีจำไม่ได้เหมือนกัน คนเป็นอีกคนเคยแบ่งอาหารให้ข้า ถึงจะเป็นแค่ขนมเล็กน้อย...แต่ข้าก็มีความสุขมาก นางเป็นหญิงที่งามและมีน้ำใจเหลือเกิน ก็ได้แต่หวังว่าจะนำความงามของเพอร์เซโฟเนขึ้นไปตามคำสั่งของอโฟรดีเตได้สำเร็จ”

    “เคยมีหญิงคนเป็นลงมาที่นี่จริงๆ หรือ” ข้าฉงน ไม่เคยได้ยินตำนานนี้มาก่อน “ท่านหมายถึงใครกัน”

    “นางชื่อ...ซิวอะไรสักอย่าง ซิวเคกระมัง นางบอกว่าตนเองเป็นชายาของเอรอส ข้าจำไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีอาหารตกถึงท้องสักหน่อยคงนึกออกมากขึ้น”

    ใจข้าแทบเต้นระทึกเมื่อได้ยินตำนานใหม่ ซึ่งชาวเอลลิเนสด้วยกันยังไม่เคยเล่าขาน แต่ก็ตระหนักได้ว่าตนมีเรื่องสำคัญกว่านั้นรออยู่

    “ข้ากำลังหาน้ำพุแห่งเนโมซิวเน ไม่ทราบท่านบอกทางได้หรือไม่”

    “แน่นอน!” ทันทาโลสรับทันควัน “ไม่ว่าเจ้าต้องการไปไหนในปรภพ ทันทาโลสนำทางไปได้ทั้งสิ้น ขอเพียงมีอาหารให้เพิ่มพลังสักหน่อยเท่านั้น!”

    สภาพของชายที่แช่ในบึงน้ำ...ซึ่งมีฝั่งรอบด้านชันจนไม่น่าปีนขึ้น...กลับทำให้ข้าเคลือบแคลง

    “แต่ท่านถูกขังอยู่ในนี้มาตลอด ไม่ได้ไปที่อื่นในปรภพเลยไม่ใช่หรือ ท่านจะไปทราบได้อย่างไร”

    “ข้าเคยปีนขึ้นจากบึงได้หนหนึ่ง นานเท่าไรจำไม่ได้เหมือนกัน ตอนนั้นพยายามหาแม่น้ำเลเธกับเนโมซิวเน หวังจะดื่มน้ำแล้วหนีไปเกิดใหม่ก่อนใครทันรู้ แต่ไปไม่ถึง ข้าก็หิวข้าวน้ำจนหมดสติไปก่อน รู้สึกตัวอีกทีก็กลับมาอยู่ที่เดิมนี่แล้ว ถ้าเพียงพ่อหนุ่มคนเป็นมีใจเมตตา สงเคราะห์ข้าด้วยน้ำและอาหารของเจ้าสักหน่อย...”

    ทุกสิ่งที่ทันทาโลสพูดวกกลับเข้าเรื่องเดิมเสมอ คือการขออาหาร ข้าอดระแวงไม่ได้ว่าเขาแค่พูดปดเพื่อให้ข้ายอมแบ่งอาหารให้ แต่เมื่อมองทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตารอบกาย กับนึกถึงกำหนดเวลาที่อาร์ดัท-ลิลิ วางไว้ ก็ไม่อยากเสี่ยงเดินดุ่มๆ ไปเพียงลำพังโดยไร้จุดหมาย ทว่าข้าก็ไม่อยากเสี่ยงพาวิญญาณต้องโทษไปตะลอนๆ ด้วยให้สะดุดตาเกินไป ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักประกันว่าเขาจะพาข้าไปยังที่หมายได้จริงเช่นที่ว่า

    “พ่อหนุ่ม เจ้าคงมีเรื่องยิ่งใหญ่ต้องทำที่นี่ใช่ไหม” ชายชราถาม “มิเช่นนั้นคงไม่ถึงกับยอมทำเรื่องต้องห้าม ลงมาในปรภพทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ดอก หากเจ้ารู้จักนามทันทาโลส คงคิดว่าข้าเป็นคนบาปที่จาบจ้วงเทพเจ้า และฆ่าลูกของตนสินะ ความจริงหาได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดเลย ข้าไม่ได้ฆ่าลูกชายของข้า แล้วก็ไม่ได้นำเนื้อของเขาไปทำอาหารให้เทพเจ้าด้วย เขาตายในการล่าหมูป่า ข้าเพียงแต่นำเนื้อหมูป่าที่กัดเขาตายไปทำอาหารเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา เป็นเหตุให้เนื้อของเขาปนไปกับอาหารที่จะถวายเทพเจ้าเท่านั้นเอง”

    “แต่หากเป็นเช่นนั้น” ข้าติงหลังจากคิดอยู่อีกครู่ “เทพเจ้าเป็นผู้หยั่งรู้ ย่อมทราบเหตุผลไม่ใช่หรือว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำไมถึงได้ลงโทษท่านหนักหนาขนาดนี้”

    ทันทาโลสห่อไหล่ ก้มหน้าลง

    “เหตุผล...ข้าพยายามพูดมาเป็นร้อยเป็นพันรอบ แต่ก็แทบลืมคำนี้ไปเสียแล้ว ไม่ได้ยินมานานเหลือเกิน ถึงอย่างนั้น เจ้าก็คงรู้ดีเช่นกันว่าสำหรับทวยเทพ เหตุผลจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ผิดกฎก็คือผิดกฎ ขัดใจผู้มีอำนาจก็ต้องถูกลงโทษ และโทษทัณฑ์ก็ต้องเป็นไปตามกฎ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงพบเรื่องนี้มากเสียยิ่งกว่ามากในโลกมนุษย์เสียอีก เวลาเจ้าฆ่าคน ผู้พิพากษาไม่มานั่งถามหรอกว่าเจ้าทำไปเพราะอะไร เขาสนแต่ว่าเจ้าฆ่าคนจริงหรือไม่ และจะลงโทษอย่างไรจึงสมความผิดเท่านั้น”

    ข้านึกถึงเรื่องของมนุษย์อื่นๆ อีกมากมายที่ต้องโทษทัณฑ์ บางเรื่องมีคนเล่าเป็นสองสาย เช่นซิสิโฟสต้องโทษเข็นหินขึ้นภูเขาชั่วนิรันดร์เพราะเป็นคนชั่วช้านานัปการ...เช่นเดียวกับที่ข้าเล่าต่อสิมูน แต่ก็มีอีกเรื่องเล่าว่าที่จริงซิสิโฟสต้องโทษเพราะเผยความลับของเซอุส ซึ่งไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอันใดเลย...อย่างน้อยก็ในสายตาคนอื่นนอกจากเซอุส เป็นแค่เรื่องที่ซิสิโฟสบอกเทพแม่น้ำที่ถูกเซอุสพาตัวลูกสาวไป ว่าหญิงคนนั้นอยู่ที่ใดเท่านั้นเอง กระนั้น ข้าไม่ทราบจะเชื่อเรื่องของทันทาโลสดีหรือไม่...ในเมื่อไร้หนทางพิสูจน์ความจริงอย่างสิ้นเชิง

    “พ่อหนุ่ม” ชายชราเงยหน้าขึ้นสบตาข้าอีกครั้ง “เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แต่เมื่อลงมาถึงที่นี่ ก็เท่ากับว่าเจ้าทำผิดกฎไปแล้ว หากไม่อยากถูกจับได้...เจ้าควรรีบออกจากปรภพโดยเร็วที่สุด และหากข้านำทางให้เจ้าได้ เจ้าจะประหยัดเวลามากขึ้น หรือว่าไม่จริง”

    “แต่ท่านนำทางข้าไปได้จริงๆ หรือ” ข้าตั้งคำถาม

    “ข้า ทันทาโลส ขอสาบานต่อสติวซ์ มหานทีแห่งคำสัตย์ ว่าข้าทราบที่ตั้งของน้ำพุแห่งเนโมซิวเน และจะนำทางเจ้าไปยังที่นั่นในทันที หากได้รับอาหารตอบแทน” ชายชราเอ่ยอย่างหนักแน่นที่สุด เท่าที่เสียงแหบพร่าของเขาจะทำได้

    ข้าครุ่นคิดอยู่อีกครู่จึงพยักหน้า

    “ตกลง แต่ท่านต้องนำทางข้าไปยังน้ำพุก่อน ข้าจึงจะจ่ายค่าตอบแทนให้”

    ทันทาโลสกลับจ้องข้าอย่างอ้อนวอนยิ่งกว่าเดิม

    “พ่อหนุ่มคนเป็น ข้าไม่มีกระทั่งแรงจะปีนขึ้นจากบึงนี้ด้วยซ้ำ ได้โปรดให้ข้าได้กินอาหารก่อนเถอะ เห็นใจหัวอกคนแก่ที่ไม่เคยกินอะไรมาเป็นร้อยเป็นพันปีได้ไหม”

    ข้าถอนใจ ที่จริงก็รู้สึกผิดว่าตนเองอาจใจร้าย และระแวงผู้อาวุโสไปสักหน่อย ทั้งๆ ที่เขาดูผ่ายผอม ไร้เรี่ยวแรงจริงๆ แท้ๆ

    “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ข้าจะมอบอาหารให้ท่านครึ่งหนึ่งก่อน แล้วจะมอบให้อีกครึ่งหลังไปถึงน้ำพุ ตกลงไหม”

    ชายชรารีบพยักหน้า

    ข้ามองเขาที่ยังยืนอยู่ในบึง แล้วก็ตัดสินใจล้วงเข้าไปในย่าม หยิบเนื้อแห้งแท่งหนึ่งออกมาโยนให้ทันทาโลส เขารับด้วยมือสั่นเทา รีบยกมันเข้าปากกัดเคี้ยวเสียงดังอย่างตะกละตะกรามจนสำลัก แต่สุดท้ายก็กลืนเนื้อแห้งทั้งชิ้นลงไปในคำเดียวได้สำเร็จ ก่อนจะสะอื้นไห้

    “อร่อย...อร่อยเหลือเกิน...”

    เห็นเช่นนี้ข้าก็ไม่อาจห้ามตนเองให้เวทนา จึงโยนเนื้อแห้งลงไปมากกว่าที่ตั้งใจราวสองสามชิ้น ชายชรากินเนื้อแห้งแข็งเหล่านั้นอย่างดีอกดีใจ...ราวกับได้รับอาหารทิพย์ แล้วก็ถอนใจเฮือก ร้องไห้สูดจมูกเสียงดังเป็นเด็กๆ หลังจากได้ดื่มน้ำจากถุงน้ำดื่มของข้าล้างคอ กระนั้น เขายังคงเรียกร้องขออาหารเพิ่ม จนข้าได้แต่ตัดบทว่านี่คือครึ่งหนึ่งของเสบียงที่ข้านำติดตัวมาแล้ว

    “หากท่านพอมีแรงก็รีบพาข้าไปยังน้ำพุเถอะ จะได้รับค่าตอบแทนส่วนที่เหลือ”

    * * * * *

    ข้าคงใช้เวลาสองชั่วยามต่อมา กับการเดินตามชายชราร่างผอมผิวขาวซีดที่มีเพียงผ้าเตี่ยวพันท่อนล่าง ในทุ่งอัสโฟเดลซึ่งยังคงทอดยาวไร้จุดสิ้นสุด

    วิญญาณดวงอื่นๆ ไม่สนใจเราทั้งสองเลยแม้แต่น้อย และยังคงเก็บกินผลอัสโฟเดลไปตามประสาตน ถึงตอนหนึ่งข้าอดเปรยขึ้นมาไม่ได้ว่า...วิญญาณที่นี่ทำราวกับไม่เห็นผู้อื่นหรือไม่มีความรู้สึกใดๆ เสียด้วยซ้ำ

    “พวกที่ไม่มีทั้งบุญบาปชัดเจน...ก็ควรจะไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนี้อยู่แล้ว” ทันทาโลสกลับตอบอย่างไม่คาดฝัน “ที่ทาร์ทาโรสมีเพียงความทุกข์ทรมานและเสียงกรีดร้อง ส่วนที่เอลิวเซียข้าไม่เคยเห็น แต่ก็คงมีเพียงความสุขความรื่นเริงเพียงอย่างเดียว สิ่งที่อยู่ตรงกลางระหว่างความทุกข์สุขคือความเฉยชาไม่ใช่หรือ หากเฉยชาก็จะไม่ยินดีเมื่อพบญาติมิตรเหมือนในเอลิวเซีย ไม่เป็นทุกข์เมื่อพบว่าที่นี่มีเพียงชีวิตว่างเปล่าของการกิน เดิน นั่ง นอน รอเวลากลับไปเกิดใหม่เท่านั้นเอง”

    “ก็จริงของท่าน” ข้ารับ นึกแวบขึ้นมา...ว่าหากพบผู้ที่ข้ารู้จักอยู่ในนี้จะเป็นเช่นไร ครั้นแล้วก็กลืนน้ำลายฝืดๆ นึกออกเพียงคนเดียวเท่านั้นคือแม่ พ่อกับแม่เลี้ยง และลูกๆ ของพวกเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ แม้ข้าจะไม่ได้กลับไป หรือถามไถ่ข่าวคราวจากเดโลสเนิ่นนานเหลือเกิน ที่จริงข้าอยากพบแม่อีกครั้ง แต่ก็หวังว่าท่านมีคุณงามความดีพอจะได้อาศัยในทุ่งเอลิวเซีย มิเช่นนั้นก็จากที่นี่ไปเกิดใหม่นานแล้ว ข้าไม่อยากเห็นท่านเดินเลื่อนลอยอยู่ในที่แบบนี้ หลังจากต้องใช้ชีวิตที่มีเพียงงานบ้านของสตรีและความเจ็บป่วยซ้ำๆ ในฐานะภรรยานักบวช

    “ว่าแต่...เจ้ามีอาหารอื่นนอกจากเนื้อแห้งใช่ไหม” ทันทาโลสถามขัดความคิดของข้าโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย “ข้าได้กลิ่นเหมือนเครื่องเทศ ใช่เนื้อปรุงรสหรือเปล่า”

    “ใช่ แต่นั่นไม่ใช่เสบียงของข้า” ข้าตอบ “เป็นของเคอร์เบโรส ข้ายังต้องผ่านมันตอนเดินทางกลับโลกมนุษย์ มอบให้ท่านไม่ได้หรอก”

    ข้าซื้อเนื้อปรุงรสชั้นพิเศษนี้เพื่อกำนัลสุนัขสามหัวโดยเฉพาะ มันมีราคาแพงจนข้าไม่เคยซื้อกินเอง และก็มีเงินพอจะสู้ราคาได้เพียงสองชิ้นสำหรับการเดินทางเข้าออกเท่านั้น

    “อา...น่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไร” ชายชราถอนใจเฮือก “ข้าเพียงแต่...คิดว่าจะขอ...แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

    ทันทาโลสเงียบไปนานหลังจากนั้น เราสองยังคงเดินต่อไปจนข้ารู้สึกกระหายน้ำและหิวขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าหยุดพักดื่มกิน...ด้วยกลัวจะยั่วความหิวกระหายของเขาเกินไป

    * * * * *

    เมื่อเห็นดวงวิญญาณที่เรียงแถวอยู่ห่างๆ ตรงทุ่งด้านหนึ่ง ชายชราก็เปิดปากอีกครั้ง

    “เลเธและเนโมซิวเนอยู่ทางนั้น” เขาชี้บอก “เจ้าคงหาทางไปถึงน้ำพุได้ไม่ยาก”

    “ขอบคุณมาก ท่านทันทาโลส” ข้าค้อมศีรษะ “ทีนี้เรื่องค่าจ้าง...”

    ข้าล้วงลงไปในย่าม ตรวจดูเนื้อแห้งเท่าที่มี ตั้งใจจะแบ่งให้เขาจนเหลือพอให้ตนเดินทางกลับเท่านั้น เหลือปัญหาแค่จะแบ่งน้ำอย่างไรดี ในเมื่อข้ามีถุงใส่น้ำเพียงสองใบ และใบหนึ่งก็ตั้งใจจะนำไปใส่น้ำจากน้ำพุเนโมซิวเน

    ยังคิดไม่ตก...ข้าก็พลันรู้สึกปวดแปลบที่หลังศีรษะ

    ตอนที่ร่างล้มลงบนพื้นโครมใหญ่ สายตาเลือนรางเลื่อนไปเห็นเพียงชายชราร่างผอมซีด...ซึ่งถือหินก้อนใหญ่ไว้ในมือทั้งสองเท่านั้น

    ...แล้วความรู้สึกทั้งมวลก็ดับวูบไป...

    * * * * *
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×