ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 12 - ผู้ล้างแค้นในเงามืด
บทที่ 12
The Avenger in the Shade
ผู้ล้างแค้นในเงามืด
\"/เริ่มงานแรกพรุ่งนี้สินะ/\" เสียงหนักๆ ที่ชินชาหูเสียแล้วเอ่ยขึ้นกับเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอยู่ใกล้ๆ ขณะที่ตัวคนพูดนั่งเหยียดขาอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ ในห้องที่มีเพียงแสงเทียนสลัวเช่นเดิม
หากดวงตาสีเทาที่คมยิ่งกว่าดาบใดๆ ซึ่งเปล่งประกายอยู่ในเงามืดนั้น...ยังคงจับจ้องร่างของอีกฝ่ายหนึ่งไว้ตลอดเวลา
การผงกศีรษะเรียบๆ โดยไม่มีคำพูด...คือคำตอบของผู้อ่อนวัยกว่า
ชายเจ้าของดวงตาสีเทาพ่นลมหายใจพรืด...ฟังคล้ายเสียงถอนใจอย่างเยาะหยัน
\"/นี่ฉัน...\'ผลิต\' เครื่องมือสังหารชิ้นสุดท้ายสำเร็จแล้วงั้นรึ/\"
เด็กหนุ่มไม่ตอบว่าอะไร ไม่มีแม้การเปลี่ยนแปลงของสีหน้ากับคำคำนั้น
...\'เครื่องมือสังหาร\'...
ก็เขารู้มานานแล้วมิใช่หรือ?
รู้มาตั้งแต่วันที่ตนเองถูกผลักเข้ามาพบกับชายคนนี้...ในห้องเล็กๆ นี้
เครื่องมือสังหาร...มันก็แค่ทางออกหนึ่งในสองของเด็กนอกคอกที่ไม่มีสิทธิ์ในชีวิตตนเองเลยก็เท่านั้น
...ไม่ \'ฆ่า\' ก็ \'ถูกฆ่า\'...
\"/ผ่านมา...หกปีแล้วสินะ/\"
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเรียบๆ
หกปี...เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาในตอนนี้ เวลาที่นานพอจะเปลี่ยนเด็กชายตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอปวกเปียกกับดวงตาที่ฉายแววสิ้นหวังในชีวิต ให้เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงกับดวงตาที่เย็นชาเป็นประกายปลาบ
พร้อมจะลงมือเอาชีวิตใครได้ทุกเมื่อตามแต่จะได้รับคำสั่ง...
\"/ตั้งหกปี...แกโตขึ้นมาก แต่ไอ้นิสัยนี่กลับไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด/\" ท้ายคำพูดนั้นตามมาด้วยเสียงหัวเราะน้อยๆ...ที่ฟังไร้อารมณ์ขัน \"/แทบไม่เคยพูด มีแต่รับ...แล้วก็ทำตามคำสั่งเท่านั้น/\"
มีแต่รับคำสั่งให้ \'ฆ่า\' โดยไม่มีเกี่ยงงอน ห้ามขัดขืน ห้ามปฏิเสธ ห้ามแสดงแม้แต่ความสงสาร ห้าม... ห้าม...
...ห้าม \'มี\' ทุกสิ่งที่ผู้มีหัวใจพึงมี...
\"/แต่เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง แกถึงทนหายใจอยู่แบบว่างเปล่าไปวันๆ อย่างนี้ได้...ถึงแม้มันจะไม่เหมือนกับการใช้ชีวิตนักก็เถอะ/\" ชายผู้สูงวัยกว่าเอนหลังพิงกำแพง แหงนหน้ามองหน้าต่างลูกกรงเล็กๆ เหนือศีรษะ ปล่อยให้แสงจันทร์ภายนอกส่องลงทาบใบหน้าเรียวเพียงสลัว
\"/บางที...ชีวิตที่ว่างเปล่ามาแต่แรก...อาจจะดีกว่าชีวิตที่ต้องพบกับความสูญเสียสินะ/\" คำพูดนั้นเรียบเรื่อยและแผ่วเบาเหมือนจะรำพึงกับตนเอง
เสียงเคาะประตูสามครั้งจากด้านนอก ก่อนที่ผู้คุมจะแง้มประตูเข้ามาเป็นสัญญาณบอกเวลาที่หมดลง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน หันไปมองชายอีกคนในห้องเหมือนกับจะใช้สายตาบอกแทนคำพูด อีกฝ่ายหนึ่งก็พยักหน้ารับช้าๆ เหมือนกับเข้าใจดี
เด็กหนุ่มกลับหลังหันเดินไปที่ประตู แต่แล้วเสียงของชายผู้มีดวงตาสีเทากลับเรียกเขาอีกครั้ง
\"/คำแนะนำเป็นครั้งสุดท้ายจาก\'อาจารย์\'.../\"
เขาหันกลับไปพบกับดวงตาสีเทาที่ยังคมกริบ...และเรียบเฉยดุจเดิม
\"/ในฐานะ \'มือสังหาร\'...แกจงเก็บชีวิตที่ว่างเปล่านี่เอาไว้ให้นานที่สุด ไม่อย่างนั้น.../\" ดวงตาสีเทาเลื่อนหลบลงมองพื้น...หากเด็กหนุ่มยังเห็นได้ว่าแววตาของเขาแปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง \"/ \'จุดจบ\' ที่มาเร็วกว่าเดิมของแก...อาจจะเป็นแบบเดียวกับฉัน...หรือไม่ก็เลวร้ายยิ่งกว่าก็ได้/\"
เด็กหนุ่มยืนมองชายผู้เปรียบเสมือน \'อาจารย์\' คนเดียวในชีวิตของเขานิ่งนาน ก่อนจะกลับหลังหันเดินจากไปพร้อมกับเอ่ยเพียงแผ่วๆ...เป็นคำแรกของการมาเยือน และคำสุดท้ายในชีวิต...กับอีกฝ่ายหนึ่ง
\"/ลาก่อน.../\"
ออกมาสู่ทางเดินแคบๆ ปักคบเพลิงที่เวียนผ่านมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนในช่วงหกปีที่ผ่านมา
มีเพียงเสียงปิดประตูดังขึ้นเบื้องหลัง...
และเสียงฝีเท้าของตนที่สะท้อนก้องอยู่เพียงเท่านั้น...
..........................
ในตอนนั้น...เขายังไม่เข้าใจว่าคำพูดของชายคนนั้นหมายความว่าอะไร
ทว่าในตอนนี้...
เอรอนนั่งพิงต้นไม้ ก้มลงมองรอยแผลบนสีข้างของตนด้วยสายตาเรียบๆ ปากแผลที่เขาพยายามใช้เวทมนตร์ไชนิ่งดัสท์รักษากลับไม่ยอมปิดสนิท เลือดข้นๆ สีคล้ำออกดำที่ซึมอยู่เล็กน้อยฟ้องชัดว่าเป็นแผลจากดาบลงอาคม
สมกับเป็นดาบของ \'ซาร์โล...นักฆ่าเงาวิญญาณ\'
แม้จะไม่ได้อยู่ในมือของบุรุษเจ้าของสมญานั้นก็ตาม
ชายหนุ่มฉีกชายผ้าคลุมสีดำออกมาแถบใหญ่ ก่อนจะใช้พันรอบแผลแก้ขัดไปก่อน ขณะที่กำลังจะผูกปม...มือของเขาก็ไปถูกขนนกที่เหน็บไว้กับเข็มขัดเข้า
เอรอนหยิบมันออกมาดูอีกครั้ง แสงแดดยามเช้าส่องให้เห็นสีดำเป็นมันขลับตั้งแต่ก้านจรดปลายของขนปีกนั้นได้ชัด
น่าแปลก...ที่ดาบเป็นของ \'ซาร์โล\'
ทว่า \'ซาร์โล\' ไม่มีปีกสีดำ
หรือจะพูดตามจริงแล้วไม่มีแม้ปีกเสียด้วยซ้ำ...เพราะในการพบกันครั้งสุดท้ายนั้นปีกของเขาถูกตัดไปเสียแล้ว
แต่ไม่ว่าศัตรูคราวนี้จะเป็นใคร หรือมีจุดประสงค์อะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาคิดในตอนนี้
เขาต้องไปช่วยโคริน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
ชายหนุ่มเสียบขนนกกลับไว้ที่เดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ หันไปทางตะวันตกเฉียงใต้...ซึ่งมีทิวเขาสูงเป็นหลักให้สังเกต แล้วมุ่งหน้าไปทางนั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โครินมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกทิ้งตุบลงกับพื้น ศีรษะที่เลยพ้นชะง่อนหินก้มลงมองเบื้องล่าง...เห็นเพียงสันเขาที่ลาดลงไป ระเกะระกะด้วยหินเป็นปุ่มปม มีไม้ล้มลุกใหญ่บ้างเล็กบ้างขึ้นแซมประปราย
เด็กสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ การขยับพรวดพราดทำให้เธอเสียหลักแทบร่วงลงไปเบื้องล่าง...หากไม่ได้มือของใครคนหนึ่งช่วยยึดไว้
กรวดเม็ดเล็กที่มือของโครินบังเอิญถูกเข้ากลิ้งกุกกักลงไปตามทางลาดชันจนลับสายตา...ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสะท้อนกลับ
เสียงของผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของมือพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ เป็นภาษาที่เด็กสาวฟังไม่ออก
โครินหันไปสบตากับดวงตาสีนิลของอีกฝ่ายอย่างครั่นคร้าม เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวได้เห็นผู้ที่จับตัวเธอมาอย่างชัดเจน แสงอาทิตย์ที่โผล่พ้นเหลี่ยมเขาเผยให้เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวร่างสูงเพรียว ใบหน้าคมสวย ผมสั้นระบ่าเป็นสีม่วงองุ่น สวมชุดเกราะหนังแบบอ่อน ที่รอบคอมีรอยสักเป็นลวดลายประหลาด
แต่ที่น่าประหลาดที่สุด...คือปีกสีดำสนิทดุจเดียวกับสีตา ที่แผ่กว้างอยู่เบื้องหลังร่างนั้น
ชาวฟ้า...งั้นเหรอ? คำถามแวบเข้ามาในความคิดของโคริน ชาวฟ้าที่มีตำนานว่าสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปแล้วน่ะหรือ?
หญิงสาวผู้มีปีกสีดำเก็บดาบเข้าฝักด้วยทีท่าเรียบเฉย...ก่อนจะนั่งลงไม่ห่างจากเด็กสาวนัก
\"คุณจับตัวฉันมาทำไม?\" เด็กสาวเสี่ยงถามออกไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ
\"คุณเป็นใคร?\" เธอถามเป็นครั้งที่สอง ทว่าหญิงสาวยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยินคำถามของเธอเลย
แต่เมื่อโครินเสี่ยงขยับตัวเข้าไปใกล้...มือของเธอก็เลื่อนไปจับด้ามดาบในทันที พร้อมกับส่งสายตาคมกริบมาเป็นเชิงเตือนว่าเธอพร้อมจะ \'ฆ่า\' เด็กสาวได้ทุกเมื่อ
หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวพอเดาได้จากความเคร่งเครียดกับห้วนสั้นในน้ำเสียงว่าคงบอกให้เธอ \'เงียบ\' กับ \'อยู่เฉยๆ\' เอาไว้ โครินเลยจำใจนั่งลงที่เดิม ทั้งๆ ที่ในใจยังนึกกังวลถึงเพื่อนร่วมทางทั้งสองไม่หาย
เด็กสาวได้แต่เหลียวมองไปรอบๆ เห็นได้ว่าทั้งสองอยู่บนชะง่อนหินแคบๆ ที่สูงมากจนเห็นหุบเขาเบื้องล่างได้ทั่ว แต่นอกจากลำธาร หรือที่โล่งซึ่งพวกชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ แผ้วถางไว้ทำไร่นา ก็พบแต่ยอดไม้ครึ้มที่บดบังพื้นป่าเบื้องล่างไว้จนหมด...ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีใครหรืออะไรอยู่ที่ไหนบ้าง
เธอสงสัยเหลือเกินว่าจุดพักแรมเมื่อคืนอยู่ที่ไหน
แล้ววูลฟ์...จะเป็นอย่างไรบ้าง
เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เอรอนไล่ตามศัตรูมีปีกที่บุกเข้าจู่โจมไป โดยทิ้งเธอกับวูลฟ์ไว้ที่จุดพักแรม
ในขณะที่รอเขาอยู่ท่ามกลางความมืด เงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ วูลฟ์กระโจนเข้าใส่มัน...เพียงเพื่อจะถูกกรงเล็บขนาดยักษ์ของมันตบจนกระเด็น
แล้วร่างนั้นก็หันมาทางเธอ...
จากนั้น....
...
...
โครินยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมศีรษะพร้อมกับขมวดคิ้ว
จากนั้นเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย
ทุกสิ่งเหมือนจะวูบหายไปในทันที พอรู้สึกตัวอีกครั้ง เด็กสาวก็มายืนอยู่ข้างๆ ร่างที่โชกเลือดของวูลฟ์ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอคุกเข่าลงกำลังจะใช้มนต์รักษาจากอควาเวลให้หมาป่าสีเงิน แล้วจู่ๆ...ร่างที่มีปีกสีดำก็โฉบมาคว้าตัวเธอไป
เอรอนล่ะจะทำอะไรต่อไป เขาจะกลับไปดูอาการวูลฟ์อย่างที่เธอบอกหรือเปล่า?
แล้วเธอล่ะ?
มือข้างหนึ่งเลื่อนไปสัมผัสแขนตนเอง แล้วโครินก็ต้องชักมือกลับด้วยความตกใจ ก่อนจะยกแขนขึ้นมองเห็นคราบของเหลวดวงใหญ่ที่แห้งกรังอยู่บนแขนเสื้อ
เลือดแน่ๆ...แต่เป็นเลือดของใครกัน?
โครินหาคำตอบได้กับตนเองทันที่เมื่อได้ยินเสียงแควก...และเห็นหญิงสาวลึกลับฉีกผ้าพันแผลแถบหนึ่งออกมาพันต้นแขนขวาของตนไว้ แสดงว่าเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของเอรอนเช่นกัน
พอนึกถึงชื่อเอรอนแล้ว...โครินก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าหญิงสาวไม่น่าจะใช่พวกที่ตามหาอควาเวลกระมัง ไม่อย่างนั้นคงจะฆ่าเธอแล้วชิงมันไปเสียแต่แรกแล้ว
ดูจากการที่พุ่งเข้าทำร้ายเอรอนแต่แรก...แล้วจับตัวเธอมาโดยไม่ทำอันตรายแบบนี้เหมือนกับจะใช้ล่อให้เอรอนตามมามากกว่า...
แม้เธอจะไม่รู้ และไม่มีทางเดาได้เลยว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรต่อกัน
\"คุณเอรอน...\" โครินได้แต่พึมพำเบาๆ ด้วยความกังวล แม้จะเจ็บใจที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เลย แต่เมื่อดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วเธอคงได้แต่รอให้เขาตามมาช่วยเท่านั้นกระมัง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับมายังจุดพักแรม นักบวชหนุ่มนามพิออนนั่งอยู่ข้างกองไฟที่ถูกดับลงแล้ว โดยมีหมาป่าสีเงินที่พอค่อยยังชั่วเพราะได้มนต์รักษาจากฝีมือของเขานอนพักฟื้นอยู่ในบริเวณใกล้ๆ
หมาป่าสีเงินแม้จะบาดเจ็บหนักพอดู ก็ยังชันคอขึ้นคำรามในทันทีที่จับได้ถึงกลิ่นอันผิดสังเกต...ขณะที่นักบวชหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันเพียงยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยเรียบๆ
\"ผม \'รู้\' แล้วล่ะครับ คุณวูลฟ์ไม่ต้องห่วงหรอก นั่นเพื่อนของผมเอง...\"
\" \'เพื่อน\' เหรอ? กับแก...ฉันยังไม่อยากจะนับเป็นคนรู้จักเลยด้วยซ้ำ\" เสียงหนึ่งตอบกลับ พร้อมกับที่ร่างในชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับพิออนก้าวเข้ามาใกล้
พิออนลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างนั้นด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มน้อยๆ ตามเดิม
\"ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ลีก้า\"
\"แน่นอน ฉันน่ะเลวยังไงก็ยังเลวเหมือนเดิมอยู่เสมอ\" อีกฝ่ายตอบเสียงเย็นผิดกัน \"แต่นายนั่นแหละ...ที่เปลี่ยนไป\"
พิออนหัวเราะน้อยๆ
\"บางที...ฉันอาจจะนึกอยากเลวแบบนายขึ้นมาก็ได้ล่ะมั้ง ไหนๆ เราสองคนก็โดนศาสนจักรตราหน้าเป็น \'พวกนอกรีต\' ไปเรียบร้อยแล้วนี่\"
\"หึ...นอกจากจะนอกรีตแล้วยังหน้าหนาใส่ชุดนักบวชเดินลอยชายไปมาแบบสบายใจเฉิบได้อีกนะ\" ลีก้าประชด
\"ชอบพูดอะไรเข้าตัวจริงแฮะลีก้า\"
\"มันก็เข้าเราสองคนนั่นแหละ\" คู่สนทนาย้อนกลับ \"แต่กรุณาอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้พิศวาสศาสนจักรมากขนาดนั้น เพียงแต่เจ้าชุดนักบวชนี่ช่วยให้งานสะดวกขึ้นบ้างก็เท่านั้นเอง\"
\"เหตุผลเดียวกันสินะ\" พิออนยักไหล่ \"แต่ว่า...ของฉันรู้สึกจะมีความชอบส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องนิดหน่อย ชุดสีขาว...มันเปลี่ยนโฉมหน้าของเราได้นี่นะ\"
\"ใช่สิ...ทำให้ไอ้จิ้งจอกปลิ้นปล้อนตลบตะแลงอย่างแกดูใสซื่อเหมือนกับลูกแกะขึ้นมาไง!\"
ลีก้าตวัดมือลงพร้อมกับที่มีดาบบางปรากฏขึ้นในมือของเขา ปลายแหลมจี้ไปที่กรอบแว่นตาซ้ายของอีกฝ่ายหนึ่ง
แต่พิออนไม่มีทีท่าจะหวาดวิตก ยังคงรักษาทีท่าเยือกเย็นได้ดังเช่นปกติ
\"ทักทายแบบนี้แรงไปรึเปล่าเพื่อน\"
\"แกอย่ามาทำเป็นไขสือไปหน่อยเลย! อย่าคิดนะว่าฉันลืมเรื่องเมื่อตอนนั้นไปแล้ว...ตอนที่แกหักหลังฉัน!!\"
พิออนกลับหัวเราะรับ...ออกจะดังและแปลกหูผิดกับเสียงหัวเราะเย็นๆ ตามแบบฉบับของเขา
\"ถ้าจะฆ่าฉัน...ก็เอาสิ\" เขาตอบเรียบๆ \"ถ้านายลืมไปแล้วว่า \'สิ่งสำคัญ\' ของนาย...ยังอยู่กับฉัน\"
คำพูดนั้นเหมือนจะทำให้ลีก้าชะงักไป แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
\"แกน่าจะเป็นฝ่ายลืมมากกว่าล่ะมั้ง...ว่าฉันเป็นพวกที่ \'ถ้าไม่ได้อะไรที่อยากได้มาเป็นของตัว...ก็สู้ทำลายมันทิ้ง อย่าให้ใครได้ไปเลยซะจะดีกว่า!\' \"
\"ฮื่อ...ไม่ลืมหรอก\" พิออนพยักหน้ารับพร้อมกับตอบเฉยๆ เช่นเดิม \"เพราะฉันฟังประโยคนี้ของนายมาเป็นร้อยรอบแล้วล่ะมั้ง...ก็พวกเราโตขึ้นมาด้วยกันนี่นา\"
เขาใช้นิ้วแตะกระจกแว่นตาซ้ายเบาๆ เหมือนจะยั่วอีกฝ่ายให้ลงมือ
\"ถ้านายทำได้จริงๆ ก็เอาสิ เพราะฉันเองไม่แคร์อะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว\"
พิออนก้มหน้าลงน้อยๆ ขณะที่ลีก้ายังจ่อปลายดาบไว้ที่เขาอยู่นาน หมาป่าสีเงินจ้องมองทั้งสองอย่างระแวดระวัง แต่ก็ไม่มีทีท่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำเพียงหยั่งเชิงดูสถานการณ์ต่อไปเท่านั้น
แต่สุดท้าย...ลีก้าก็ชักมือกลับก่อนที่ดาบจะสลายหายไป เขาเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนจะหลบสายตาของพิออนที่บอกแทนคำพูดว่า \'กะแล้วว่านายต้องทำแบบนี้\'
\"อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ใจอ่อนหรืออะไรทำนองนั้นขึ้นมา\" ลีก้าเอ่ยเสียงเย็น \"ก็แค่นึกขึ้นมาได้ว่า...ถ้าฆ่านายซะที่นี่ ตอนนี้ \'เป้าหมาย\' ของฉันจะไหวตัวทันขึ้นมา แล้วงานสะกดรอยของฉันจะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น\"
พิออนยักไหล่เหมือนกับไม่สน แม้อีกฝ่ายจะไม่เห็น
\"จะเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ที่สำคัญคือ...นายไม่กล้าลงมือฆ่าฉัน\"
\"แค่ \'ยัง\' ไม่ฆ่า ต่างหาก\" ลีก้าเหลียวกลับไปมองพิออนแวบหนึ่งด้วยหางตา \"แต่คราวหน้า...ถ้าเจอแกอีกล่ะก็ไม่แน่\"
ลีก้าตั้งท่าจะเดินจากไป แต่เสียงของอีกฝ่ายกลับดังขึ้นเสียก่อน
\"อือ ฉันจะรอละกัน\" พิออนพูดพร้อมกับโบกมือส่งเสียอีก \"แล้วเจอกันใหม่นะ ลีก้า\"
ลีก้าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าต่อไปโดยไม่พูดอะไร มีสายตาของทั้งพิออนกับวูลฟ์มองตามไปจนลับตา
ผ่านไปครู่ใหญ่ พิออนจึงหันกลับมาสบตากับวูลฟ์...ที่บัดนี้ใช้ดวงตาสีทองจับจ้องเขาเหมือนจะถามด้วยความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
\"ก็เพื่อนเก่าจริงๆ แหละครับ คุณวูลฟ์ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก\" พิออนตอบก่อนจะคว้ากระเป๋าเก่าๆ ของเอรอนมาเปิดดู โดยที่หมาป่าสีเงินคอยแต่เฝ้ามองอย่างระแวดระวังเช่นเคย ในที่สุดนักบวชหนุ่มก็หยิบสิ่งหนึ่งมาเก็บไว้ในกระเป๋าใต้เสื้อคลุม แล้ววางกระเป๋าลงที่เดิม
เขาโน้มตัวลงหยิบคทาของตนขึ้น หันหน้าไปทางเทือกเขาด้านตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบๆ กับวูลฟ์ \"ได้เวลาที่ผมต้องไปแล้วล่ะครับ ลาเลยก็แล้วกัน เพราะผมคงจะไม่กลับมาพบกันคุณวูลฟ์ที่นี่อีก\"
นักบวชหนุ่มเริ่มเดินจากไป แต่เพียงก้าวเดียวเขาก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับรอยหยักยิ้มแฝงเลศนัยที่มุมปาก
\"ไปไหนน่ะเหรอ? ก็ไปช่วยคุณโคริน แล้วก็เอา \'ของ\' ไปส่งให้คุณเอรอนไงครับ\"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อดวงตะวันลอยสูงขึ้นบนฟ้า ภาพของชายหนุ่มผู้สวมผ้าคลุมสีดำที่ปรากฏให้เห็นแถวเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไปลิบๆ ทำให้โครินรู้สึกโล่งอกขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันก็กังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วเหลียวกลับไปมองหญิงสาวมีปีก...เห็นว่าเธอยังคงนั่งนิ่งเฉยตามเดิม คงจะยังไม่สังเกตเห็น
แต่พอโครินหันกลับไปเท่านั้น เธอก็พูดอะไรสั้นๆ (และโครินก็ยังไม่เข้าใจตามเดิม) ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกางปีกโฉบลงไปข้างล่างทันที ทิ้งเด็กสาวไว้บนชะง่อนหินเพียงลำพัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป้าหมายของเธอคืออะไร
สิ่งเดียวที่โครินทำได้คือชะโงกลงไปพร้อมกับตะโกนสุดเสียง
\"คุณเอรอน...ระวัง!!!\"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอรอนเงยหน้าขึ้นตามเสียงตะโกนที่ดังลงมาจากบนผา และเมื่อแลเห็นร่างที่มีปีกสีดำโผลงมา เขาก็รีบชักดาบออกเตรียมรับในทันที
แต่ร่างนั้นก็ไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีเขา กลับร่อนลงเบื้องหน้าชายหนุ่มห่างออกไปประมาณสิบก้าว เหมือนจะให้เขาได้เห็นชัด
ต่างฝ่ายจ้องมองกันด้วยสายตาเคร่งเครียดนิ่งอยู่เป็นนาน ในสมองของเอรอนมีแต่คำถามมากมายที่อยากได้คำตอบจากอีกฝ่ายผสมปนเปกันไปหมด เธอเป็นใคร? รอดชีวิตมาจากเอเธอเรียถล่มได้อย่างไร? เป็นอะไรกับซาร์โล? และโจมตีเขาเพื่ออะไร?
แต่เขาก็ทำเพียงเอ่ยกับร่างนั้นสั้นๆ เป็นภาษาเฟเธอเรี่ยน...ภาษาของพวกชาวฟ้า
\"/ปล่อยเด็กคนนั้นซะ แกไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย/\"
\"/ปล่อยน่ะปล่อยแน่/\" หญิงสาวตอบกลับด้วยเสียงเย็นพอกัน \"/แต่หลังจากที่ข้าได้หัวของเจ้าไปแล้วก็เท่านั้น/\"
เธอดึงดาบโค้งที่เป็นประกายเหลือบม่วงออกมาถือไว้ตรงหน้า ก่อนจะย้อนถามเอรอนที่ยังยืนนิ่ง
\"/รออะไรอยู่เล่า? ชักดาบออกมาสิ อย่าบอกนะว่ามาถึงขั้นนี้แล้วแกยังไม่รู้ว่าฉันมาเพื่ออะไร?/\"
\"/ฉันรู้ว่าเธอต้องการชีวิตฉัน/\" ชายหนุ่มตอบเสียงเครียด \"/แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร/\"
คำตอบของเขาทำให้สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนที่เธอจะตอบด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
\"/ยังมีหน้ามาถามอีกงั้นเหรอ...ไอ้ฆาตกรไร้หัวใจ!?!/\"
ไร้หัวใจ...เอรอนเบิกตาโพลง แววแค้นในดวงตาสีนิลคู่นี้...เหมือนกับแววแค้นในดวงตาของเด็กหญิงคนนั้น
เด็กหญิงที่น่าจะตายไปแล้ว...เช่นเดียวกับทุกๆ คนในครอบครัวของเธอ
...เช่นเดียวกับทุกคนในเอเธอเรีย...
\"/...ตระกูลสเทียฟรอสท์.../\" เอรอนพึมพำขณะที่ภาพความทรงจำวาบในสมอง
ภาพของเด็กหญิงเล็กๆ ที่สั่นไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว...แต่ยังกลั้นใจเอ่ยคำที่แสดงความเคียดแค้นนั้นออกมา
/...แก...มัน...ไร้หัวใจ.../
\"/ไม่คิดเลยว่าไอ้ฆาตกรที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นแบบแกจะจำเหยื่อของตัวเองได้เหมือนกัน/\" หญิงสาวหัวเราะสั้นๆ...แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังอย่างไรก็ไม่แสดงถึงอารมณ์ขันเลยแม้แต่น้อย \"/ใช่แล้ว...อาร์คาโด สเทียฟรอสท์ คือชื่อของฉัน! ฉันมาขอคำตอบแทนครอบครัวที่ตายไปแล้วจากแก!!/\"
พร้อมกับคำพูดนั้นคือการพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยฉับพลัน ชายหนุ่มเบี่ยงหลบดาบที่ฟันวาบมาก่อนจะแทงสวนไป แต่ยังช้าเกินกว่าร่างมีปีกที่โฉบขึ้นสูงก่อนจะควงสว่านลงโจมตีต่ออีกครั้ง
ทุกท่วงท่าของอาร์คาโดไม่ผิดเพี้ยนจากซาร์โลเลยด้วยซ้ำ...เล็งจุดตายอย่างแม่นยำ โจมตีอย่างฉับไว เฉียบคม และถอยกลับออกมาก่อนที่ศัตรูจะทันโต้ตอบทุกครั้ง เอรอนพยายามรวบรวมสมาธิร่ายมนต์ในขณะที่พยายามเบี่ยงหลบหรือใช้ดาบกันไว้ หากเป็นเมื่อก่อนที่เขายังมีปีกอยู่ย่อมมีทางแก้ \'วิชา\' ที่ตนเคยเรียนมาเช่นกันได้ แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มกลับตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ท่าเดียวเท่านั้น
\"/ไม่มี \'ปีก\' เหมือนมนุษย์เดินดินนี่คงจะลำบากมากสินะ!/\" หญิงสาวพูดเหมือนกับจะเยาะเย้ย แต่เอรอนไม่พูดตอบ ยังคงร่ายมนต์ต่อไป
\"โซล่าร์แฟลร์!!\" วงกลมแสงสีขาวเจิดจ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาเป้าหมายที่ประคองตัวอยู่บนฟ้า ทว่าหญิงสาวใช้ความไวบินฉวัดเฉวียนหลบหลีกได้
และวงกลมแสงนั้นก็ปะทะเข้ากับภูเขาด้านหลังจนระเบิดเป็นวงกว้าง ผงฝุ่นกรวดฟุ้งกระจาย
ที่ดังแทรกมากับเสียงระเบิดอยู่แว่วๆ คือเสียงร้องที่น่าจะเป็นของโคริน ซึ่งทำให้เอรอนยิ่งกระวนกระวายขึ้นไปอีก แต่หญิงสาวปีกดำที่หลบคาถาของเขายังวกกายกลับมาโจมตีต่อได้โดยไม่เปิดโอกาสให้เขามีโอกาสทำอะไรทั้งสิ้น
\"/เล็งไปที่ไหนกัน!?/\" อาร์คาโดเย้ยพร้อมกับตวัดดาบฟันเป็นวงกว้าง หมายจะฟันคู่ต่อสู้ให้ขาดสะพายแล่ง อาศัยจังหวะที่เอรอนกำลังชะงักทำให้เบี่ยงหลบช้าเกินไปจึงได้แผลยาวแฉลบที่ไหล่ไปแทน
\"/เป็นยังไงล่ะ...รสชาติความเจ็บปวด ที่แกเคยทำให้คนอื่นต้องทรมานมากกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่า!!/\" หญิงสาวตวาดขณะที่ปราดเข้ามาอีกครั้ง เอรอนหันกลับมาตั้งรับการโจมตีพร้อมกับพยายามเหลือบมองไปดูที่ภูเขาด้านหลัง...แต่ไม่พบร่างของโครินอยู่เลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แรงสั่นสะเทือนของคาถาโซล่าร์แฟลร์ที่ปะทะกับภูเขาเต็มๆ ทำให้ชะง่อนหินที่โครินนั่งอยู่ซึ่งค่อนข้างเปราะแตกออก และเด็กสาวก็เสียหลักร่วงลงไป ดีที่มือของเธอคว้าลำต้นไม้ล้มลุกที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ เป็นหลักเกาะไว้ได้ แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าจะยึดอยู่ต่อไปได้อีกไม่นานนัก
โครินอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปมองด้านล่าง...ทั้งที่ใจหนึ่งห้ามตนเองไม่ให้ทำอย่างนั้น ภาพของพื้นดินที่อยู่ต่ำลงไปเกือบห้าสิบเมตรทำให้เธอใจหายวูบ แม้สันเขาแห่งนี้จะไม่ได้ดิ่งลงไปเป็นแนวฉากเสียทีเดียว ความสูงบวกกับบรรดาต้นไม้และหินที่ระเกะระกะขวางทางก็คงทำให้เจ็บหนักไม่เบาทีเดียวหากตกลงไป
แรงดึงเริ่มทำให้รากไม้บางแขนงขาดออกมา เด็กสาวกระเสือ.กกระสนพยายามจะคว้าหินหรือต้นไม้ที่ใกล้มือแทน หากไม่พบอะไรที่พอจะใช้เป็นที่ยึดเกาะได้เลย
\"เกาะนี่ไว้สิครับ\" แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พร้อมกับแท่งอะไรบางอย่างสีน้ำเงินถูกยื่นมาตรงหน้า โครินเงยหน้าขึ้นเห็นร่างในชุดขาวที่เธอเคยเห็นยืนอยู่บนชะง่อนหินส่วนที่ยังไม่พังลงมา ถือคทาที่ยื่นปลายข้างหนึ่งมาให้เธอ
\"คุณพิออน!!\" เด็กสาวอุทาน
\"เร็วเข้าครับ\"
โครินรีบเปลี่ยนมาเกาะปลายคทาไว้ในทันที ก่อนที่พิออนจะช่วยดึงตัวเธอขึ้นมาด้วยแรงที่ออกจะมากผิดกับร่างกายผอมบางของเขา
ในที่สุด เด็กสาวก็ขึ้นมายืนอยู่บนชะง่อนหินข้างๆ นักบวชหนุ่มจนได้ เธอหันมามองพิออนด้วยสีหน้าที่บอกความโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันก็บอกความสงสัยว่าเขาขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร
\"ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณพิออน...\" เธอตั้งท่าจะถาม แต่นักบวชหนุ่มกลับขัดขึ้นเสียก่อน
\"ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรดีกว่าครับ ทางที่ดีเราหาทางลงไปจากตรงนี้ดีกว่า\"
โครินเหลียวมองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นเลยว่าทั้งสองจะลงไปได้อย่างไร หากยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือของพิออนข้างหนึ่งก็เลื่อนขึ้นมาโอบหลังของเธอไว้ ก่อนจะดึงร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้
\"กระแสลมอันบางเบาเอย...โปรดมอบปีกอันมองไม่เห็นให้กับเราด้วยเถิด\" พร้อมกับที่พิออนพึมพำคาถา...โครินก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีกระแสลมอ่อนๆ พัดพลิ้วขึ้นรอบร่างทั้งสอง โดยเฉพาะบริเวณใต้ฝ่าเท้าที่เริ่มลอยขึ้นจากพื้นราวกับกำลังยืนอยู่บนพื้นล่องหน
\"วินด์วอล์กเกอร์!\" เสร็จสิ้นการร่ายมนต์ นักบวชหนุ่มก็ประคองเด็กสาวก้าวเท้าลงจากชะง่อนหินไปเบื้องล่างทันที
ทั้งสองดิ่งลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยความเร็วที่ทำให้โครินนึกใจหายขึ้นมาอีกครั้ง หากพิออนก็บีบมือเธอไว้แน่นเหมือนจะบอกไม่ให้กังวลอะไรทั้งสิ้น
เมื่อใกล้จะถึงพื้น ความเร็วจึงค่อยชะลอลง จนสุดท้ายปลายเท้าของทั้งสองก็แตะพื้นดินโดยสวัสดิภาพ
พิออนปล่อยมือจากที่โอบโครินก่อนจะพูดกับเธอด้วยสีหน้าเรียบๆ
\"ลาก่อนล่ะครับ\"
นักบวชหนุ่มสะบัดกายหันกลับ กระชับคทาในมือมั่นก่อนจะออกเดินจากไป แต่เด็กสาวกลับร้องเรียกเขาพร้อมกับวิ่งตาม
\"ด...เดี๋ยวก่อนสิคะ! คุณพิออนจะไปไหน!?\"
\"ผมก็ต้องไปต่อตามทางของผมน่ะสิครับ\" พิออนหันกลับมาตอบ \"แต่ถ้าเรามีชะตาต้องกันก็อาจจะกลับมาเจอกันอีกได้\"
\"แต่ว่า...\"
\"อ๋อใช่ ฝากนี่ให้คุณเอรอนด้วยนะครับ เขาคงจำเป็นต้องใช้ในเร็วๆ นี้ล่ะ\" นักบวชหนุ่มยังคงพูดต่อไป พร้อมกับล้วงมือไปหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นจากใต้ผ้าคลุมส่งให้โคริน
เด็กสาวรับมามองอย่างงงๆ เห็นได้ว่ามันเป็นขวดใบเล็กๆ ที่ใส่น้ำยาสีดำไว้ครึ่งขวด ดูแล้วคุ้นตา แต่ในตอนนั้นโครินกลับนึกไม่ออกเลยว่าเคยเห็นขวดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
\"ฝากให้คุณเอรอนแทนผมด้วยนะครับ ขืนเขารู้ว่าผมแอบแตะต้องของของเขาโดยพลการ เขาต้องโกรธผมแน่ ผมไปก่อนนะครับ\"
พิออนโบกมือให้กับเด็กสาวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกลับหลังหันเดินจากไป ทิ้งโครินให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงง...บวกกับความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เหมือนจะตรึงเธอให้ยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมจนกระทั่งเขาลับสายตาไป
เมื่อนั้นเอง...เธอจึงเก็บขวดไว้ในผ้าคาดเอวแล้วมุ่งหน้าไปตามเสียงของการต่อสู้ที่ยังดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทางด้านเอรอนสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นเดิม คือได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับโดยไม่มีโอกาสตอบโต้ ดูเหมือนอาร์คาโดจะจับทางแผนของเขาที่หาโอกาสใช้มนต์ไปด้วยในขณะที่รอรับการโจมตีอยู่ จึงแกล้งบินฉวัดเฉวียน โฉบลงมาเฉียดๆ แถมเปิดช่องว่างให้หลายครั้งหลายหน แล้วพลิกกายกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทันโจมตี เหมือนกับตั้งใจจะยั่วให้เอรอนเสียสมาธิร่ายคาถา และแสดงความมั่นใจว่าคราวนี้เธอย่อมเป็นฝ่ายชนะแน่นอน
หญิงสาวโฉบลงมาตรงๆ หน้า กะไว้ว่าชายหนุ่มน่าจะเบี่ยงหลบทางด้านข้าง แล้วเธอจะโผขึ้นไปโฉบดักทางอีกครั้ง
แต่การณ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด...เอรอนกลับยืนนิ่ง ไม่มีทีท่าจะหลบเลยแม้แต่น้อย ดาบก็เพียงแต่ชูไว้ด้านหน้าเฉยๆ เปิดช่องว่างให้คู่ต่อสู้จู่โจมได้เต็มไปหมด
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นสบโอกาสที่จะเผด็จศึกให้รู้แล้วรู้รอด จึงเสือ.กดาบโค้งเข้าไปแทงเต็มแรง
ทว่าก่อนที่คมดาบจะทันถูกร่าง เอรอนกลับยกดาบขึ้นพร้อมกับที่แสงสีขาวสว่างวาบรอบลำดาบ เมื่อปะทะกับคมดาบโค้งเล่มบางก็ส่งแรงมหาศาลที่ทำให้อาร์คาโดถึงกับเซถลา หากยังดีที่อาศัยปีกบินหลบขึ้นฟ้าไปดูสถานการณ์ได้
สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นตกใจและประหลาดใจเมื่อเห็นลำแสงสีขาวที่ปลายดาบของเอรอนยังขยายขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะตวัดดาบวาบ ลำแสงนั้นกลายสภาพคล้ายกับนกที่มีร่างเป็นแสง สยายปีกกว้าง พุ่งตรงเข้าหาหญิงสาวโดยเร็ว
หญิงสาวหลบการโฉบในครั้งแรกได้...หากไม่พ้นในครั้งที่สองที่มันวกกลับมา
ลำแสงสีขาวปะทะกับร่างของอาร์คาโดเต็มๆ ก่อนจะสลายไป ส่งให้เธอร่วงลงกระแทกพื้น ยังดีที่ไม่สูงมากนักจึงไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด หากความรู้สึกเจ็บปวด...ทั้งจากคาถาที่กระทบ และแรงกระแทกแล่นพล่านไปทั่วกาย
กว่าจะตั้งสติได้อีกครั้ง...ปลายดาบของเอรอนที่พาดบ่าอยู่ก็บอกได้ชัดเจนว่าเธอพ่ายแพ้แล้ว
...ล้างแค้นให้กับทุกคนไม่ได้...
\"/เอาสิ/\" อาร์คาโดก้มหน้าลงพูดเรียบๆ ไม่อาจเห็นแววตาเรียบเฉยของชายผู้กำดาบเล่มนั้นไว้ \"/ฆ่าฉันซะ แกชนะแล้วนี่/\"
ปลายดาบยังคงนิ่งสนิทค้างอยู่เช่นเดิม ไม่มีทีท่าจะแทงลงมาแต่อย่างใด
\"/รออะไรอยู่เล่า!? แกฆ่าคนมานับร้อยแล้วไม่ใช่งั้นเหรอ!? จะฆ่าฉันไปซักคนมันก็เพิ่มยอดขึ้นแค่หนึ่งเท่านั้น!!/\"
\"/เท่านั้น...แล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ?/\" เอรอนพูดเรียบๆ
\"/อย่ามาทำเป็นเห็นอกเห็นใจไปหน่อยเลย!! ทีตอนนั้น...ตอนที่แกฆ่าทุกคนที่ฉันรู้จัก...ทำลายทุกอย่างที่ฉันเคยมี แกไม่เคยลังเลเลยไม่ใช่เหรอ!! แล้วทำไมตอนนี้.../\"
ชายหนุ่มปรายตามองร่างที่คุกเข่ารับความพ่ายแพ้อยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้
นิ่งเงียบอยู่นาน เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
\"/สุดท้าย...เธอก็อยากได้แค่ \'ความตาย\' เป็นเครื่องปลดปล่อยเท่านั้นสินะ/\"
เหมือนกับตอนนั้น...ตอนที่เขาอ้อนวอนขอความตายจาก \'มัน\' ที่ตอบกลับมาเพียงเสียงหัวเราะ และคำพูดที่แสนเย็นชาเชือดเฉือน
/สิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆ น่ะ...มันไม่ใช่ความตายหรอก
มันก็แค่...\'หนทางหลบหนีจากความจริงที่ไม่อยากยอมรับ\' เท่านั้น../
แม้กระนั้น...ชายหนุ่มก็ยังคงพูดต่อไปด้วยเสียงเรียบๆ เช่นเดิม
\"/ถ้าอย่างนั้น...ฉันจะสงเคราะห์ให้/\"
มือของเอรอนเกร็งด้ามดาบเงื้อขึ้น...พร้อมจะฟันลงมาบั่นลำคอของอีกฝ่ายหนึ่งที่นั่งนิ่งหลับตาเตรียมรับชะตากรรม
แต่ทว่า...
\"หยุดนะ!!!\" เสียงกรีดร้องพร้อมกับร่างเล็กๆ ในชุดสีเขียวที่ปราดเข้ามาขวางหน้าในทันใดนั้นทำเอาชายหนุ่มยั้งดาบไว้แทบไม่ทัน
โครินนั่นเองที่ถลาเข้ามาขวางกลางทั้งสอง หันหน้ามาทางเอรอนด้วยสายตาอ้อนวอนพร้อมกับร่ำร้อง
\"อย่าฆ่าเค้าเลยนะคะ!\"
ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วกลั้นอารมณ์ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ
\"มันเป็นกฎของผู้แพ้กับผู้ชนะ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการด้วย\"
\"แต่มันน่าจะมีทางอื่นไม่ใช่เหรอคะ?!\" เด็กสาวพยายามถาม \"ฉันไม่รู้ว่าคุณสองคนมีเรื่องอะไรกัน แต่มันก็น่าจะมีวิธีแก้ไขโดยที่ไม่ต้องฆ่ากันหรือใช้กำลังกันไม่ใช่เหรอ!?\"
\"ไม่มีทั้งนั้น\" เอรอนตอบง่ายๆ \"ถ้าข้าไม่ฆ่าผู้หญิงคนนี้ก็จะถูกหล่อนฆ่า เจ้าก็เห็นแล้วนี่\"
\"แต่ว่า...อ๊ะ!!\" โครินพูดได้เท่านี้ก็ถูกหญิงสาวกระชากตัวไปในทันที ก่อนจะดึงดาบโค้งมาจ่อคอเธอเอาไว้ บังคับให้ต้องถอยไปด้วยกัน
\"/ฉัน...ไม่รู้ว่าแกกับเด็กคนนี้เป็นอะไรกัน.../\" อาร์คาโดพูดกับเอรอนอีกครั้ง \"/แต่ว่า...ลองแกลงทุนถ่อมาช่วยนังเด็กนี่ แสดงว่ามันต้องสำคัญกับแกไม่น้อยสินะ.../\"
\"/อย่าทำอะไรโครินเป็นอันขาด!!/\" ชายหนุ่มเข่นเสียงตอบกลับ
\"/ถ้ายอมทิ้งดาบล่ะก็...ฉันไม่ทำอะไรแน่/\"
เอรอนได้แต่ขบฟัน ถอนใจหนักๆ ก่อนจะขว้างดาบไปปักฉึกอยู่บนพื้นห่างออกไปราวสามสี่เมตร
\"/พอใจหรือยัง?/\"
อาร์คาโดไม่พูดอะไรตอบ เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลดดาบลงแล้วผลักโครินให้ถลาหัวซุนออกไปชนเอรอนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพอดี
ขณะที่ทั้งสองเซไปน้อยๆ หญิงสาวก็สยายปีกสีดำลอยตัวขึ้นฟ้าไป แม้ดูท่าทางจะเหนื่อยอ่อนจากแรงคาถาที่ปะทะเข้าเต็มๆ ก็ตาม
\"/มันจะไม่มีวันจบสิ้น...จนกว่าพวกเราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไปซะก่อน!/\" เธอตะโกนลงบอกเอรอน \"/เก็บชีวิตของแกไว้ให้ดีๆ ล่ะ เอรอน อิกเนเทียส...เพราะฉันจะกลับมาเอามันแน่!!/\"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของอาร์คาโด สเทียฟรอสท์...ก่อนที่ร่างเจ้าของปีกสีดำจะบินจากไป
หลังจากที่อีกฝ่ายหายลับไปแล้ว เอรอนจึงหันมาทางโครินด้วยสีหน้าที่บอกความรู้สึกไม่ถูกขณะที่พยุงให้เธอลุกขึ้นยืน เขาได้แต่สะกดคำพูดต่อว่าเอาไว้ภายใน แม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่มากที่เธอเข้ามาทำเสียโอกาสก็ตาม
\"คุณเอรอน...ม...ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?\" เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วง แต่ชายหนุ่มกลับย้อนเสียงห้วนๆ
\"ถามตัวเองซะก่อนเถอะยัยโง่ ตอนสู้อยู่ได้ยินเสียงเจ้าร้องซะลั่น เป็นอะไรหรือเปล่า?\"
โครินชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะตอบแผ่วๆ
\"ฉันไม่เป็นไรค่ะ...เอ่อ...จริงๆ ก็เกือบตกเขาไปแล้ว แต่คุณพิออนช่วยเอาไว้\"
\"พิออน...งั้นเหรอ?\" สีหน้าของเอรอนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อของเขา
\"ค่ะ เค้าช่วยพาฉันลงจากเขา แต่เค้าไปแล้ว\" เด็กสาวล้วงลงไปในผ้าคาดเอวหยิบขวดใบเล็กออกมายื่นส่งให้เอรอน \"ก่อนไปเค้าฝากให้ฉันเอานี่มาให้คุณ เค้าบอกว่าคุณคงจำเป็นต้องใช้\"
ชายหนุ่มจ้องมองขวดบรรจุยาสีดำที่เพิ่งรับมาเขม็ง คิ้วขมวดแสดงความเคลือบแคลงสงสัย
ใช่ขวดใส่ยาประจำตัวของเขาแน่ๆ แต่ทำไมพิออนถึง...
\"คุณเอรอน?\" โครินเรียกเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขา ทำให้เอรอนรีบเก็บขวดใบนั้นก่อนจะพูดขึ้นสั้นๆ
\"รีบไปกันเถอะ\"
ชายหนุ่มหันไปหยิบดาบขึ้นมาเก็บเข้าฝักก่อนจะมุ่งหน้าไปทางจุดพักแรม แต่ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าวเขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้นในทันใดท่ามกลางความตกใจของโคริน
\"คุณเอรอน!!\" เด็กสาวปราดเข้าไปจะประคอง หากสัมผัสความชื้นที่รู้สึกได้เมื่อแตะไหล่ของชายหนุ่มทำให้เธอชักมือออกในทันที แม้จะมองไม่เห็นสีแดงของเลือดบนผ้าคลุมสีดำ หากคราบของเหลวส่งกลิ่นคาวที่ติดมือคลุ้งนั้นฟ้องชัด
\"คุณมีแผลนี่นา...ให้ฉัน...\" สัญชาตญาณหรืออะไรก็ตามแต่บอกให้โครินคว้าอควาเวลขึ้นมาทันที แต่เอรอนกลับปัดมือของเธอออกไปโดยแรงจนเด็กสาวตะลึงงัน
\"ถอยไป!!\"
แวบหนึ่งที่เขาสะบัดหน้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้โครินเห็นสีหน้าปวดร้าวเหมือนกับพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดที่มากถึงขีดสุด...แต่ขณะเดียวกันดวงตาสีฟ้าของเขากลับวาวโรจน์ดุดันน่าสะพรึงกลัว
\"ถอยไป...\" เอรอนพูดขึ้นอีกครั้ง...หากคราวนี้เสียงของเขาอ่อนลง และมีเสียงหายใจหอบปนอยู่ในบางจังหวะ \"อย่าเพิ่ง...เข้ามาใกล้ข้า...ตอนนี้...\"
เด็กสาวได้แต่ถอยห่างออกไปด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่ชายหนุ่มล้วงมือไปหยิบขวดใบเล็กขึ้นมา เปิดจุกขวดด้วยมือที่สั่นเทา แล้วรีบจ่อกับปากดื่มในทันที ความรีบร้อนทำให้เขาสำลักขึ้นมา โครินตั้งใจจะเข้าไปช่วย แต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรเขาก็ปิดฝาขวดเก็บไว้ตามเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่กลับเป็นปกติ
\"ไปกันเถอะ\" เอรอนบอกกับโครินก่อนจะก้าวต่อไปโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย
\"ค...คุณเอรอน ไม่เป็นไรเหรอคะ\" เด็กสาวถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ \"เมื่อตะกี้...\"
\"ก็แค่โรคประจำตัวเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก\" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตัดบท แล้วรีบเดินต่ออย่างรวดเร็ว ทำให้โครินไม่กล้าถามอะไรทั้งสิ้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
To be continued...
บทที่ 13 - ความคิดอันล่องลอย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Magic
โซล่าร์แฟลร์ (Solar Flare)
ประเภทมนต์โจมตี ธาตุแสง ระดับสูง รวบรวมพลังแสงเป็นลูกพลังงานทรงกลมขนาดใหญ่โจมตีเป็นวงกว้าง
วินด์วอล์กเกอร์ (Wind Walker)
ประเภทมนต์เฉพาะ ธาตุลม รวบรวมกระแสลมขึ้นรองรับใต้ฝ่าเท้าเพื่อช่วยลดแรงกระแทกเมื่อลงจากที่สูง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Character\'s Depth
ลีก้า เลโอนัส (Lieka Leonus)
ธาตุ: ไฟ
เชื้อสาย: มนุษย์
ถิ่นกำเนิด: อาร์โคเซีย (คาดว่า) 
อายุ: 21 ปี
วันเกิด: วันจินน์ที่ 3 เดือนอาเรส
ส่วนสูง - น้ำหนัก: 170 ซม. 56 กก.
สีผม - สีตา: น้ำตาลเข้ม - ดำ
อาวุธ: ดาบคู่ ไครม์ กับ พันนิชเมนท์ (Crime & Punishment)
เวทมนตร์ที่ถนัด : ไสยศาสตร์ด้านการเสกสิ่งของ และมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชอาร์โคเซียเล็กน้อย
ประวัติโดยสังเขป: อดีตนักบวชอาร์โคเซีย ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในภูตตระเวนราตรีที่สวามิภักดิ์ต่อจอมมารอาร์เซนิคซ์ เพราะต้องการล้างแค้นพิออนอดีตเพื่อน แต่เดิมทั้งพิออนกับลีก้าเป็นเด็กกำพร้าในความดูแลของศาสนจักรอาร์โคเซีย ทั้งสองรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง และได้เข้าเป็นนักบวชในเวลาต่อมา แต่เพราะความที่ชอบแอบศึกษาศาสตร์มืดจึงมักจะเจอปัญหาเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทั้งสองเดินทางไปตามหาวัตถุเวทย์ชิ้นหนึ่งที่เขาโดมินิค ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องถูกขับออกจากศาสนจักร และเป็นชนวนทำให้ลีก้าคิดว่าพิออน \"ทรยศ\" ตน จึงแยกทางออกมาตามลำพัง และได้พบอาร์เซนิคซ์เข้าในวันหนึ่ง...
เจ้าของตัวละคร: Ace
เบื้องหลังการออกแบบ: ตัวละครที่ได้รับสมัครเข้ามา โดยที่ต้นแบบตัวละครไม่ได้รู้เรื่อง และไม่ได้อ่านเรื่อง WoH เลยด้วยซ้ำ มูลเหตุอยู่ที่คนที่เป็นเจ้าของตัวละครเป็นเพื่อนกับผม ก็เลยสมัครตัวละครของตัวเองเข้ามา (พิออน) บวกกับตัวละครที่ได้แบบมาจากเพื่อนเขาอีกตัว คือลีก้า จะใส่ชื่อเพื่อนเขาเป็นเจ้าของตัวละครไปเลยก็ดูจะแปลกๆ อยู่ ก็เลยลงชื่อคนสมัครให้ก็แล้วกัน พอเขียนไปเขียนมา ทั้งพิออนกับลีก้ากลับไปคล้ายกับคู่เอสเทลล่ากับโอลิเวียจนผมเองยังงงเลยครับ พิออนกับเอสเทลล่าเป็นธาตุน้ำ นิสัยก็ลื่นไหลคล้ายๆกัน โอลิเวียกับลีก้าที่เป็นธาตุไฟก็เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน (แล้วไฟเจอกับไฟมันจะเหลืออะไรล่ะนี่??) แต่ลีก้าจะมีมาดกวนๆผสมอยู่ นับว่าถึงไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทก็เข้ากับเจ้านายแบบอาร์เซนิคซ์ได้พอสมควร (จนเอสเทลล่าเก็บมาด่ากระทบนั่นแหละ)
The Avenger in the Shade
ผู้ล้างแค้นในเงามืด
\"/เริ่มงานแรกพรุ่งนี้สินะ/\" เสียงหนักๆ ที่ชินชาหูเสียแล้วเอ่ยขึ้นกับเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอยู่ใกล้ๆ ขณะที่ตัวคนพูดนั่งเหยียดขาอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ ในห้องที่มีเพียงแสงเทียนสลัวเช่นเดิม
หากดวงตาสีเทาที่คมยิ่งกว่าดาบใดๆ ซึ่งเปล่งประกายอยู่ในเงามืดนั้น...ยังคงจับจ้องร่างของอีกฝ่ายหนึ่งไว้ตลอดเวลา
การผงกศีรษะเรียบๆ โดยไม่มีคำพูด...คือคำตอบของผู้อ่อนวัยกว่า
ชายเจ้าของดวงตาสีเทาพ่นลมหายใจพรืด...ฟังคล้ายเสียงถอนใจอย่างเยาะหยัน
\"/นี่ฉัน...\'ผลิต\' เครื่องมือสังหารชิ้นสุดท้ายสำเร็จแล้วงั้นรึ/\"
เด็กหนุ่มไม่ตอบว่าอะไร ไม่มีแม้การเปลี่ยนแปลงของสีหน้ากับคำคำนั้น
...\'เครื่องมือสังหาร\'...
ก็เขารู้มานานแล้วมิใช่หรือ?
รู้มาตั้งแต่วันที่ตนเองถูกผลักเข้ามาพบกับชายคนนี้...ในห้องเล็กๆ นี้
เครื่องมือสังหาร...มันก็แค่ทางออกหนึ่งในสองของเด็กนอกคอกที่ไม่มีสิทธิ์ในชีวิตตนเองเลยก็เท่านั้น
...ไม่ \'ฆ่า\' ก็ \'ถูกฆ่า\'...
\"/ผ่านมา...หกปีแล้วสินะ/\"
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเรียบๆ
หกปี...เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาในตอนนี้ เวลาที่นานพอจะเปลี่ยนเด็กชายตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอปวกเปียกกับดวงตาที่ฉายแววสิ้นหวังในชีวิต ให้เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงกับดวงตาที่เย็นชาเป็นประกายปลาบ
พร้อมจะลงมือเอาชีวิตใครได้ทุกเมื่อตามแต่จะได้รับคำสั่ง...
\"/ตั้งหกปี...แกโตขึ้นมาก แต่ไอ้นิสัยนี่กลับไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด/\" ท้ายคำพูดนั้นตามมาด้วยเสียงหัวเราะน้อยๆ...ที่ฟังไร้อารมณ์ขัน \"/แทบไม่เคยพูด มีแต่รับ...แล้วก็ทำตามคำสั่งเท่านั้น/\"
มีแต่รับคำสั่งให้ \'ฆ่า\' โดยไม่มีเกี่ยงงอน ห้ามขัดขืน ห้ามปฏิเสธ ห้ามแสดงแม้แต่ความสงสาร ห้าม... ห้าม...
...ห้าม \'มี\' ทุกสิ่งที่ผู้มีหัวใจพึงมี...
\"/แต่เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง แกถึงทนหายใจอยู่แบบว่างเปล่าไปวันๆ อย่างนี้ได้...ถึงแม้มันจะไม่เหมือนกับการใช้ชีวิตนักก็เถอะ/\" ชายผู้สูงวัยกว่าเอนหลังพิงกำแพง แหงนหน้ามองหน้าต่างลูกกรงเล็กๆ เหนือศีรษะ ปล่อยให้แสงจันทร์ภายนอกส่องลงทาบใบหน้าเรียวเพียงสลัว
\"/บางที...ชีวิตที่ว่างเปล่ามาแต่แรก...อาจจะดีกว่าชีวิตที่ต้องพบกับความสูญเสียสินะ/\" คำพูดนั้นเรียบเรื่อยและแผ่วเบาเหมือนจะรำพึงกับตนเอง
เสียงเคาะประตูสามครั้งจากด้านนอก ก่อนที่ผู้คุมจะแง้มประตูเข้ามาเป็นสัญญาณบอกเวลาที่หมดลง เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน หันไปมองชายอีกคนในห้องเหมือนกับจะใช้สายตาบอกแทนคำพูด อีกฝ่ายหนึ่งก็พยักหน้ารับช้าๆ เหมือนกับเข้าใจดี
เด็กหนุ่มกลับหลังหันเดินไปที่ประตู แต่แล้วเสียงของชายผู้มีดวงตาสีเทากลับเรียกเขาอีกครั้ง
\"/คำแนะนำเป็นครั้งสุดท้ายจาก\'อาจารย์\'.../\"
เขาหันกลับไปพบกับดวงตาสีเทาที่ยังคมกริบ...และเรียบเฉยดุจเดิม
\"/ในฐานะ \'มือสังหาร\'...แกจงเก็บชีวิตที่ว่างเปล่านี่เอาไว้ให้นานที่สุด ไม่อย่างนั้น.../\" ดวงตาสีเทาเลื่อนหลบลงมองพื้น...หากเด็กหนุ่มยังเห็นได้ว่าแววตาของเขาแปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง \"/ \'จุดจบ\' ที่มาเร็วกว่าเดิมของแก...อาจจะเป็นแบบเดียวกับฉัน...หรือไม่ก็เลวร้ายยิ่งกว่าก็ได้/\"
เด็กหนุ่มยืนมองชายผู้เปรียบเสมือน \'อาจารย์\' คนเดียวในชีวิตของเขานิ่งนาน ก่อนจะกลับหลังหันเดินจากไปพร้อมกับเอ่ยเพียงแผ่วๆ...เป็นคำแรกของการมาเยือน และคำสุดท้ายในชีวิต...กับอีกฝ่ายหนึ่ง
\"/ลาก่อน.../\"
ออกมาสู่ทางเดินแคบๆ ปักคบเพลิงที่เวียนผ่านมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนในช่วงหกปีที่ผ่านมา
มีเพียงเสียงปิดประตูดังขึ้นเบื้องหลัง...
และเสียงฝีเท้าของตนที่สะท้อนก้องอยู่เพียงเท่านั้น...
..........................
ในตอนนั้น...เขายังไม่เข้าใจว่าคำพูดของชายคนนั้นหมายความว่าอะไร
ทว่าในตอนนี้...
เอรอนนั่งพิงต้นไม้ ก้มลงมองรอยแผลบนสีข้างของตนด้วยสายตาเรียบๆ ปากแผลที่เขาพยายามใช้เวทมนตร์ไชนิ่งดัสท์รักษากลับไม่ยอมปิดสนิท เลือดข้นๆ สีคล้ำออกดำที่ซึมอยู่เล็กน้อยฟ้องชัดว่าเป็นแผลจากดาบลงอาคม
สมกับเป็นดาบของ \'ซาร์โล...นักฆ่าเงาวิญญาณ\'
แม้จะไม่ได้อยู่ในมือของบุรุษเจ้าของสมญานั้นก็ตาม
ชายหนุ่มฉีกชายผ้าคลุมสีดำออกมาแถบใหญ่ ก่อนจะใช้พันรอบแผลแก้ขัดไปก่อน ขณะที่กำลังจะผูกปม...มือของเขาก็ไปถูกขนนกที่เหน็บไว้กับเข็มขัดเข้า
เอรอนหยิบมันออกมาดูอีกครั้ง แสงแดดยามเช้าส่องให้เห็นสีดำเป็นมันขลับตั้งแต่ก้านจรดปลายของขนปีกนั้นได้ชัด
น่าแปลก...ที่ดาบเป็นของ \'ซาร์โล\'
ทว่า \'ซาร์โล\' ไม่มีปีกสีดำ
หรือจะพูดตามจริงแล้วไม่มีแม้ปีกเสียด้วยซ้ำ...เพราะในการพบกันครั้งสุดท้ายนั้นปีกของเขาถูกตัดไปเสียแล้ว
แต่ไม่ว่าศัตรูคราวนี้จะเป็นใคร หรือมีจุดประสงค์อะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาคิดในตอนนี้
เขาต้องไปช่วยโคริน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
ชายหนุ่มเสียบขนนกกลับไว้ที่เดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ หันไปทางตะวันตกเฉียงใต้...ซึ่งมีทิวเขาสูงเป็นหลักให้สังเกต แล้วมุ่งหน้าไปทางนั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โครินมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกทิ้งตุบลงกับพื้น ศีรษะที่เลยพ้นชะง่อนหินก้มลงมองเบื้องล่าง...เห็นเพียงสันเขาที่ลาดลงไป ระเกะระกะด้วยหินเป็นปุ่มปม มีไม้ล้มลุกใหญ่บ้างเล็กบ้างขึ้นแซมประปราย
เด็กสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ การขยับพรวดพราดทำให้เธอเสียหลักแทบร่วงลงไปเบื้องล่าง...หากไม่ได้มือของใครคนหนึ่งช่วยยึดไว้
กรวดเม็ดเล็กที่มือของโครินบังเอิญถูกเข้ากลิ้งกุกกักลงไปตามทางลาดชันจนลับสายตา...ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสะท้อนกลับ
เสียงของผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของมือพูดอะไรบางอย่างสั้นๆ เป็นภาษาที่เด็กสาวฟังไม่ออก
โครินหันไปสบตากับดวงตาสีนิลของอีกฝ่ายอย่างครั่นคร้าม เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวได้เห็นผู้ที่จับตัวเธอมาอย่างชัดเจน แสงอาทิตย์ที่โผล่พ้นเหลี่ยมเขาเผยให้เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวร่างสูงเพรียว ใบหน้าคมสวย ผมสั้นระบ่าเป็นสีม่วงองุ่น สวมชุดเกราะหนังแบบอ่อน ที่รอบคอมีรอยสักเป็นลวดลายประหลาด
แต่ที่น่าประหลาดที่สุด...คือปีกสีดำสนิทดุจเดียวกับสีตา ที่แผ่กว้างอยู่เบื้องหลังร่างนั้น
ชาวฟ้า...งั้นเหรอ? คำถามแวบเข้ามาในความคิดของโคริน ชาวฟ้าที่มีตำนานว่าสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปแล้วน่ะหรือ?
หญิงสาวผู้มีปีกสีดำเก็บดาบเข้าฝักด้วยทีท่าเรียบเฉย...ก่อนจะนั่งลงไม่ห่างจากเด็กสาวนัก
\"คุณจับตัวฉันมาทำไม?\" เด็กสาวเสี่ยงถามออกไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ
\"คุณเป็นใคร?\" เธอถามเป็นครั้งที่สอง ทว่าหญิงสาวยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยินคำถามของเธอเลย
แต่เมื่อโครินเสี่ยงขยับตัวเข้าไปใกล้...มือของเธอก็เลื่อนไปจับด้ามดาบในทันที พร้อมกับส่งสายตาคมกริบมาเป็นเชิงเตือนว่าเธอพร้อมจะ \'ฆ่า\' เด็กสาวได้ทุกเมื่อ
หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง เด็กสาวพอเดาได้จากความเคร่งเครียดกับห้วนสั้นในน้ำเสียงว่าคงบอกให้เธอ \'เงียบ\' กับ \'อยู่เฉยๆ\' เอาไว้ โครินเลยจำใจนั่งลงที่เดิม ทั้งๆ ที่ในใจยังนึกกังวลถึงเพื่อนร่วมทางทั้งสองไม่หาย
เด็กสาวได้แต่เหลียวมองไปรอบๆ เห็นได้ว่าทั้งสองอยู่บนชะง่อนหินแคบๆ ที่สูงมากจนเห็นหุบเขาเบื้องล่างได้ทั่ว แต่นอกจากลำธาร หรือที่โล่งซึ่งพวกชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ แผ้วถางไว้ทำไร่นา ก็พบแต่ยอดไม้ครึ้มที่บดบังพื้นป่าเบื้องล่างไว้จนหมด...ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีใครหรืออะไรอยู่ที่ไหนบ้าง
เธอสงสัยเหลือเกินว่าจุดพักแรมเมื่อคืนอยู่ที่ไหน
แล้ววูลฟ์...จะเป็นอย่างไรบ้าง
เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เอรอนไล่ตามศัตรูมีปีกที่บุกเข้าจู่โจมไป โดยทิ้งเธอกับวูลฟ์ไว้ที่จุดพักแรม
ในขณะที่รอเขาอยู่ท่ามกลางความมืด เงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ วูลฟ์กระโจนเข้าใส่มัน...เพียงเพื่อจะถูกกรงเล็บขนาดยักษ์ของมันตบจนกระเด็น
แล้วร่างนั้นก็หันมาทางเธอ...
จากนั้น....
...
...
โครินยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมศีรษะพร้อมกับขมวดคิ้ว
จากนั้นเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย
ทุกสิ่งเหมือนจะวูบหายไปในทันที พอรู้สึกตัวอีกครั้ง เด็กสาวก็มายืนอยู่ข้างๆ ร่างที่โชกเลือดของวูลฟ์ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอคุกเข่าลงกำลังจะใช้มนต์รักษาจากอควาเวลให้หมาป่าสีเงิน แล้วจู่ๆ...ร่างที่มีปีกสีดำก็โฉบมาคว้าตัวเธอไป
เอรอนล่ะจะทำอะไรต่อไป เขาจะกลับไปดูอาการวูลฟ์อย่างที่เธอบอกหรือเปล่า?
แล้วเธอล่ะ?
มือข้างหนึ่งเลื่อนไปสัมผัสแขนตนเอง แล้วโครินก็ต้องชักมือกลับด้วยความตกใจ ก่อนจะยกแขนขึ้นมองเห็นคราบของเหลวดวงใหญ่ที่แห้งกรังอยู่บนแขนเสื้อ
เลือดแน่ๆ...แต่เป็นเลือดของใครกัน?
โครินหาคำตอบได้กับตนเองทันที่เมื่อได้ยินเสียงแควก...และเห็นหญิงสาวลึกลับฉีกผ้าพันแผลแถบหนึ่งออกมาพันต้นแขนขวาของตนไว้ แสดงว่าเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของเอรอนเช่นกัน
พอนึกถึงชื่อเอรอนแล้ว...โครินก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าหญิงสาวไม่น่าจะใช่พวกที่ตามหาอควาเวลกระมัง ไม่อย่างนั้นคงจะฆ่าเธอแล้วชิงมันไปเสียแต่แรกแล้ว
ดูจากการที่พุ่งเข้าทำร้ายเอรอนแต่แรก...แล้วจับตัวเธอมาโดยไม่ทำอันตรายแบบนี้เหมือนกับจะใช้ล่อให้เอรอนตามมามากกว่า...
แม้เธอจะไม่รู้ และไม่มีทางเดาได้เลยว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรต่อกัน
\"คุณเอรอน...\" โครินได้แต่พึมพำเบาๆ ด้วยความกังวล แม้จะเจ็บใจที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เลย แต่เมื่อดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วเธอคงได้แต่รอให้เขาตามมาช่วยเท่านั้นกระมัง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับมายังจุดพักแรม นักบวชหนุ่มนามพิออนนั่งอยู่ข้างกองไฟที่ถูกดับลงแล้ว โดยมีหมาป่าสีเงินที่พอค่อยยังชั่วเพราะได้มนต์รักษาจากฝีมือของเขานอนพักฟื้นอยู่ในบริเวณใกล้ๆ
หมาป่าสีเงินแม้จะบาดเจ็บหนักพอดู ก็ยังชันคอขึ้นคำรามในทันทีที่จับได้ถึงกลิ่นอันผิดสังเกต...ขณะที่นักบวชหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันเพียงยิ้มขึ้นมาก่อนจะเอ่ยเรียบๆ
\"ผม \'รู้\' แล้วล่ะครับ คุณวูลฟ์ไม่ต้องห่วงหรอก นั่นเพื่อนของผมเอง...\"
\" \'เพื่อน\' เหรอ? กับแก...ฉันยังไม่อยากจะนับเป็นคนรู้จักเลยด้วยซ้ำ\" เสียงหนึ่งตอบกลับ พร้อมกับที่ร่างในชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกับพิออนก้าวเข้ามาใกล้
พิออนลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างนั้นด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มน้อยๆ ตามเดิม
\"ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ลีก้า\"
\"แน่นอน ฉันน่ะเลวยังไงก็ยังเลวเหมือนเดิมอยู่เสมอ\" อีกฝ่ายตอบเสียงเย็นผิดกัน \"แต่นายนั่นแหละ...ที่เปลี่ยนไป\"
พิออนหัวเราะน้อยๆ
\"บางที...ฉันอาจจะนึกอยากเลวแบบนายขึ้นมาก็ได้ล่ะมั้ง ไหนๆ เราสองคนก็โดนศาสนจักรตราหน้าเป็น \'พวกนอกรีต\' ไปเรียบร้อยแล้วนี่\"
\"หึ...นอกจากจะนอกรีตแล้วยังหน้าหนาใส่ชุดนักบวชเดินลอยชายไปมาแบบสบายใจเฉิบได้อีกนะ\" ลีก้าประชด
\"ชอบพูดอะไรเข้าตัวจริงแฮะลีก้า\"
\"มันก็เข้าเราสองคนนั่นแหละ\" คู่สนทนาย้อนกลับ \"แต่กรุณาอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้พิศวาสศาสนจักรมากขนาดนั้น เพียงแต่เจ้าชุดนักบวชนี่ช่วยให้งานสะดวกขึ้นบ้างก็เท่านั้นเอง\"
\"เหตุผลเดียวกันสินะ\" พิออนยักไหล่ \"แต่ว่า...ของฉันรู้สึกจะมีความชอบส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องนิดหน่อย ชุดสีขาว...มันเปลี่ยนโฉมหน้าของเราได้นี่นะ\"
\"ใช่สิ...ทำให้ไอ้จิ้งจอกปลิ้นปล้อนตลบตะแลงอย่างแกดูใสซื่อเหมือนกับลูกแกะขึ้นมาไง!\"
ลีก้าตวัดมือลงพร้อมกับที่มีดาบบางปรากฏขึ้นในมือของเขา ปลายแหลมจี้ไปที่กรอบแว่นตาซ้ายของอีกฝ่ายหนึ่ง
แต่พิออนไม่มีทีท่าจะหวาดวิตก ยังคงรักษาทีท่าเยือกเย็นได้ดังเช่นปกติ
\"ทักทายแบบนี้แรงไปรึเปล่าเพื่อน\"
\"แกอย่ามาทำเป็นไขสือไปหน่อยเลย! อย่าคิดนะว่าฉันลืมเรื่องเมื่อตอนนั้นไปแล้ว...ตอนที่แกหักหลังฉัน!!\"
พิออนกลับหัวเราะรับ...ออกจะดังและแปลกหูผิดกับเสียงหัวเราะเย็นๆ ตามแบบฉบับของเขา
\"ถ้าจะฆ่าฉัน...ก็เอาสิ\" เขาตอบเรียบๆ \"ถ้านายลืมไปแล้วว่า \'สิ่งสำคัญ\' ของนาย...ยังอยู่กับฉัน\"
คำพูดนั้นเหมือนจะทำให้ลีก้าชะงักไป แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
\"แกน่าจะเป็นฝ่ายลืมมากกว่าล่ะมั้ง...ว่าฉันเป็นพวกที่ \'ถ้าไม่ได้อะไรที่อยากได้มาเป็นของตัว...ก็สู้ทำลายมันทิ้ง อย่าให้ใครได้ไปเลยซะจะดีกว่า!\' \"
\"ฮื่อ...ไม่ลืมหรอก\" พิออนพยักหน้ารับพร้อมกับตอบเฉยๆ เช่นเดิม \"เพราะฉันฟังประโยคนี้ของนายมาเป็นร้อยรอบแล้วล่ะมั้ง...ก็พวกเราโตขึ้นมาด้วยกันนี่นา\"
เขาใช้นิ้วแตะกระจกแว่นตาซ้ายเบาๆ เหมือนจะยั่วอีกฝ่ายให้ลงมือ
\"ถ้านายทำได้จริงๆ ก็เอาสิ เพราะฉันเองไม่แคร์อะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว\"
พิออนก้มหน้าลงน้อยๆ ขณะที่ลีก้ายังจ่อปลายดาบไว้ที่เขาอยู่นาน หมาป่าสีเงินจ้องมองทั้งสองอย่างระแวดระวัง แต่ก็ไม่มีทีท่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำเพียงหยั่งเชิงดูสถานการณ์ต่อไปเท่านั้น
แต่สุดท้าย...ลีก้าก็ชักมือกลับก่อนที่ดาบจะสลายหายไป เขาเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนจะหลบสายตาของพิออนที่บอกแทนคำพูดว่า \'กะแล้วว่านายต้องทำแบบนี้\'
\"อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ใจอ่อนหรืออะไรทำนองนั้นขึ้นมา\" ลีก้าเอ่ยเสียงเย็น \"ก็แค่นึกขึ้นมาได้ว่า...ถ้าฆ่านายซะที่นี่ ตอนนี้ \'เป้าหมาย\' ของฉันจะไหวตัวทันขึ้นมา แล้วงานสะกดรอยของฉันจะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น\"
พิออนยักไหล่เหมือนกับไม่สน แม้อีกฝ่ายจะไม่เห็น
\"จะเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ที่สำคัญคือ...นายไม่กล้าลงมือฆ่าฉัน\"
\"แค่ \'ยัง\' ไม่ฆ่า ต่างหาก\" ลีก้าเหลียวกลับไปมองพิออนแวบหนึ่งด้วยหางตา \"แต่คราวหน้า...ถ้าเจอแกอีกล่ะก็ไม่แน่\"
ลีก้าตั้งท่าจะเดินจากไป แต่เสียงของอีกฝ่ายกลับดังขึ้นเสียก่อน
\"อือ ฉันจะรอละกัน\" พิออนพูดพร้อมกับโบกมือส่งเสียอีก \"แล้วเจอกันใหม่นะ ลีก้า\"
ลีก้าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าต่อไปโดยไม่พูดอะไร มีสายตาของทั้งพิออนกับวูลฟ์มองตามไปจนลับตา
ผ่านไปครู่ใหญ่ พิออนจึงหันกลับมาสบตากับวูลฟ์...ที่บัดนี้ใช้ดวงตาสีทองจับจ้องเขาเหมือนจะถามด้วยความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
\"ก็เพื่อนเก่าจริงๆ แหละครับ คุณวูลฟ์ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก\" พิออนตอบก่อนจะคว้ากระเป๋าเก่าๆ ของเอรอนมาเปิดดู โดยที่หมาป่าสีเงินคอยแต่เฝ้ามองอย่างระแวดระวังเช่นเคย ในที่สุดนักบวชหนุ่มก็หยิบสิ่งหนึ่งมาเก็บไว้ในกระเป๋าใต้เสื้อคลุม แล้ววางกระเป๋าลงที่เดิม
เขาโน้มตัวลงหยิบคทาของตนขึ้น หันหน้าไปทางเทือกเขาด้านตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบๆ กับวูลฟ์ \"ได้เวลาที่ผมต้องไปแล้วล่ะครับ ลาเลยก็แล้วกัน เพราะผมคงจะไม่กลับมาพบกันคุณวูลฟ์ที่นี่อีก\"
นักบวชหนุ่มเริ่มเดินจากไป แต่เพียงก้าวเดียวเขาก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับรอยหยักยิ้มแฝงเลศนัยที่มุมปาก
\"ไปไหนน่ะเหรอ? ก็ไปช่วยคุณโคริน แล้วก็เอา \'ของ\' ไปส่งให้คุณเอรอนไงครับ\"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อดวงตะวันลอยสูงขึ้นบนฟ้า ภาพของชายหนุ่มผู้สวมผ้าคลุมสีดำที่ปรากฏให้เห็นแถวเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไปลิบๆ ทำให้โครินรู้สึกโล่งอกขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันก็กังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วเหลียวกลับไปมองหญิงสาวมีปีก...เห็นว่าเธอยังคงนั่งนิ่งเฉยตามเดิม คงจะยังไม่สังเกตเห็น
แต่พอโครินหันกลับไปเท่านั้น เธอก็พูดอะไรสั้นๆ (และโครินก็ยังไม่เข้าใจตามเดิม) ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกางปีกโฉบลงไปข้างล่างทันที ทิ้งเด็กสาวไว้บนชะง่อนหินเพียงลำพัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป้าหมายของเธอคืออะไร
สิ่งเดียวที่โครินทำได้คือชะโงกลงไปพร้อมกับตะโกนสุดเสียง
\"คุณเอรอน...ระวัง!!!\"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอรอนเงยหน้าขึ้นตามเสียงตะโกนที่ดังลงมาจากบนผา และเมื่อแลเห็นร่างที่มีปีกสีดำโผลงมา เขาก็รีบชักดาบออกเตรียมรับในทันที
แต่ร่างนั้นก็ไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีเขา กลับร่อนลงเบื้องหน้าชายหนุ่มห่างออกไปประมาณสิบก้าว เหมือนจะให้เขาได้เห็นชัด
ต่างฝ่ายจ้องมองกันด้วยสายตาเคร่งเครียดนิ่งอยู่เป็นนาน ในสมองของเอรอนมีแต่คำถามมากมายที่อยากได้คำตอบจากอีกฝ่ายผสมปนเปกันไปหมด เธอเป็นใคร? รอดชีวิตมาจากเอเธอเรียถล่มได้อย่างไร? เป็นอะไรกับซาร์โล? และโจมตีเขาเพื่ออะไร?
แต่เขาก็ทำเพียงเอ่ยกับร่างนั้นสั้นๆ เป็นภาษาเฟเธอเรี่ยน...ภาษาของพวกชาวฟ้า
\"/ปล่อยเด็กคนนั้นซะ แกไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย/\"
\"/ปล่อยน่ะปล่อยแน่/\" หญิงสาวตอบกลับด้วยเสียงเย็นพอกัน \"/แต่หลังจากที่ข้าได้หัวของเจ้าไปแล้วก็เท่านั้น/\"
เธอดึงดาบโค้งที่เป็นประกายเหลือบม่วงออกมาถือไว้ตรงหน้า ก่อนจะย้อนถามเอรอนที่ยังยืนนิ่ง
\"/รออะไรอยู่เล่า? ชักดาบออกมาสิ อย่าบอกนะว่ามาถึงขั้นนี้แล้วแกยังไม่รู้ว่าฉันมาเพื่ออะไร?/\"
\"/ฉันรู้ว่าเธอต้องการชีวิตฉัน/\" ชายหนุ่มตอบเสียงเครียด \"/แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร/\"
คำตอบของเขาทำให้สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนที่เธอจะตอบด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
\"/ยังมีหน้ามาถามอีกงั้นเหรอ...ไอ้ฆาตกรไร้หัวใจ!?!/\"
ไร้หัวใจ...เอรอนเบิกตาโพลง แววแค้นในดวงตาสีนิลคู่นี้...เหมือนกับแววแค้นในดวงตาของเด็กหญิงคนนั้น
เด็กหญิงที่น่าจะตายไปแล้ว...เช่นเดียวกับทุกๆ คนในครอบครัวของเธอ
...เช่นเดียวกับทุกคนในเอเธอเรีย...
\"/...ตระกูลสเทียฟรอสท์.../\" เอรอนพึมพำขณะที่ภาพความทรงจำวาบในสมอง
ภาพของเด็กหญิงเล็กๆ ที่สั่นไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว...แต่ยังกลั้นใจเอ่ยคำที่แสดงความเคียดแค้นนั้นออกมา
/...แก...มัน...ไร้หัวใจ.../
\"/ไม่คิดเลยว่าไอ้ฆาตกรที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นแบบแกจะจำเหยื่อของตัวเองได้เหมือนกัน/\" หญิงสาวหัวเราะสั้นๆ...แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังอย่างไรก็ไม่แสดงถึงอารมณ์ขันเลยแม้แต่น้อย \"/ใช่แล้ว...อาร์คาโด สเทียฟรอสท์ คือชื่อของฉัน! ฉันมาขอคำตอบแทนครอบครัวที่ตายไปแล้วจากแก!!/\"
พร้อมกับคำพูดนั้นคือการพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยฉับพลัน ชายหนุ่มเบี่ยงหลบดาบที่ฟันวาบมาก่อนจะแทงสวนไป แต่ยังช้าเกินกว่าร่างมีปีกที่โฉบขึ้นสูงก่อนจะควงสว่านลงโจมตีต่ออีกครั้ง
ทุกท่วงท่าของอาร์คาโดไม่ผิดเพี้ยนจากซาร์โลเลยด้วยซ้ำ...เล็งจุดตายอย่างแม่นยำ โจมตีอย่างฉับไว เฉียบคม และถอยกลับออกมาก่อนที่ศัตรูจะทันโต้ตอบทุกครั้ง เอรอนพยายามรวบรวมสมาธิร่ายมนต์ในขณะที่พยายามเบี่ยงหลบหรือใช้ดาบกันไว้ หากเป็นเมื่อก่อนที่เขายังมีปีกอยู่ย่อมมีทางแก้ \'วิชา\' ที่ตนเคยเรียนมาเช่นกันได้ แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มกลับตกเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ท่าเดียวเท่านั้น
\"/ไม่มี \'ปีก\' เหมือนมนุษย์เดินดินนี่คงจะลำบากมากสินะ!/\" หญิงสาวพูดเหมือนกับจะเยาะเย้ย แต่เอรอนไม่พูดตอบ ยังคงร่ายมนต์ต่อไป
\"โซล่าร์แฟลร์!!\" วงกลมแสงสีขาวเจิดจ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาเป้าหมายที่ประคองตัวอยู่บนฟ้า ทว่าหญิงสาวใช้ความไวบินฉวัดเฉวียนหลบหลีกได้
และวงกลมแสงนั้นก็ปะทะเข้ากับภูเขาด้านหลังจนระเบิดเป็นวงกว้าง ผงฝุ่นกรวดฟุ้งกระจาย
ที่ดังแทรกมากับเสียงระเบิดอยู่แว่วๆ คือเสียงร้องที่น่าจะเป็นของโคริน ซึ่งทำให้เอรอนยิ่งกระวนกระวายขึ้นไปอีก แต่หญิงสาวปีกดำที่หลบคาถาของเขายังวกกายกลับมาโจมตีต่อได้โดยไม่เปิดโอกาสให้เขามีโอกาสทำอะไรทั้งสิ้น
\"/เล็งไปที่ไหนกัน!?/\" อาร์คาโดเย้ยพร้อมกับตวัดดาบฟันเป็นวงกว้าง หมายจะฟันคู่ต่อสู้ให้ขาดสะพายแล่ง อาศัยจังหวะที่เอรอนกำลังชะงักทำให้เบี่ยงหลบช้าเกินไปจึงได้แผลยาวแฉลบที่ไหล่ไปแทน
\"/เป็นยังไงล่ะ...รสชาติความเจ็บปวด ที่แกเคยทำให้คนอื่นต้องทรมานมากกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่า!!/\" หญิงสาวตวาดขณะที่ปราดเข้ามาอีกครั้ง เอรอนหันกลับมาตั้งรับการโจมตีพร้อมกับพยายามเหลือบมองไปดูที่ภูเขาด้านหลัง...แต่ไม่พบร่างของโครินอยู่เลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แรงสั่นสะเทือนของคาถาโซล่าร์แฟลร์ที่ปะทะกับภูเขาเต็มๆ ทำให้ชะง่อนหินที่โครินนั่งอยู่ซึ่งค่อนข้างเปราะแตกออก และเด็กสาวก็เสียหลักร่วงลงไป ดีที่มือของเธอคว้าลำต้นไม้ล้มลุกที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ เป็นหลักเกาะไว้ได้ แต่ก็น่าเป็นห่วงว่าจะยึดอยู่ต่อไปได้อีกไม่นานนัก
โครินอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปมองด้านล่าง...ทั้งที่ใจหนึ่งห้ามตนเองไม่ให้ทำอย่างนั้น ภาพของพื้นดินที่อยู่ต่ำลงไปเกือบห้าสิบเมตรทำให้เธอใจหายวูบ แม้สันเขาแห่งนี้จะไม่ได้ดิ่งลงไปเป็นแนวฉากเสียทีเดียว ความสูงบวกกับบรรดาต้นไม้และหินที่ระเกะระกะขวางทางก็คงทำให้เจ็บหนักไม่เบาทีเดียวหากตกลงไป
แรงดึงเริ่มทำให้รากไม้บางแขนงขาดออกมา เด็กสาวกระเสือ.กกระสนพยายามจะคว้าหินหรือต้นไม้ที่ใกล้มือแทน หากไม่พบอะไรที่พอจะใช้เป็นที่ยึดเกาะได้เลย
\"เกาะนี่ไว้สิครับ\" แต่แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พร้อมกับแท่งอะไรบางอย่างสีน้ำเงินถูกยื่นมาตรงหน้า โครินเงยหน้าขึ้นเห็นร่างในชุดขาวที่เธอเคยเห็นยืนอยู่บนชะง่อนหินส่วนที่ยังไม่พังลงมา ถือคทาที่ยื่นปลายข้างหนึ่งมาให้เธอ
\"คุณพิออน!!\" เด็กสาวอุทาน
\"เร็วเข้าครับ\"
โครินรีบเปลี่ยนมาเกาะปลายคทาไว้ในทันที ก่อนที่พิออนจะช่วยดึงตัวเธอขึ้นมาด้วยแรงที่ออกจะมากผิดกับร่างกายผอมบางของเขา
ในที่สุด เด็กสาวก็ขึ้นมายืนอยู่บนชะง่อนหินข้างๆ นักบวชหนุ่มจนได้ เธอหันมามองพิออนด้วยสีหน้าที่บอกความโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันก็บอกความสงสัยว่าเขาขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร
\"ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณพิออน...\" เธอตั้งท่าจะถาม แต่นักบวชหนุ่มกลับขัดขึ้นเสียก่อน
\"ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรดีกว่าครับ ทางที่ดีเราหาทางลงไปจากตรงนี้ดีกว่า\"
โครินเหลียวมองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นเลยว่าทั้งสองจะลงไปได้อย่างไร หากยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือของพิออนข้างหนึ่งก็เลื่อนขึ้นมาโอบหลังของเธอไว้ ก่อนจะดึงร่างของเด็กสาวเข้ามาใกล้
\"กระแสลมอันบางเบาเอย...โปรดมอบปีกอันมองไม่เห็นให้กับเราด้วยเถิด\" พร้อมกับที่พิออนพึมพำคาถา...โครินก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีกระแสลมอ่อนๆ พัดพลิ้วขึ้นรอบร่างทั้งสอง โดยเฉพาะบริเวณใต้ฝ่าเท้าที่เริ่มลอยขึ้นจากพื้นราวกับกำลังยืนอยู่บนพื้นล่องหน
\"วินด์วอล์กเกอร์!\" เสร็จสิ้นการร่ายมนต์ นักบวชหนุ่มก็ประคองเด็กสาวก้าวเท้าลงจากชะง่อนหินไปเบื้องล่างทันที
ทั้งสองดิ่งลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยความเร็วที่ทำให้โครินนึกใจหายขึ้นมาอีกครั้ง หากพิออนก็บีบมือเธอไว้แน่นเหมือนจะบอกไม่ให้กังวลอะไรทั้งสิ้น
เมื่อใกล้จะถึงพื้น ความเร็วจึงค่อยชะลอลง จนสุดท้ายปลายเท้าของทั้งสองก็แตะพื้นดินโดยสวัสดิภาพ
พิออนปล่อยมือจากที่โอบโครินก่อนจะพูดกับเธอด้วยสีหน้าเรียบๆ
\"ลาก่อนล่ะครับ\"
นักบวชหนุ่มสะบัดกายหันกลับ กระชับคทาในมือมั่นก่อนจะออกเดินจากไป แต่เด็กสาวกลับร้องเรียกเขาพร้อมกับวิ่งตาม
\"ด...เดี๋ยวก่อนสิคะ! คุณพิออนจะไปไหน!?\"
\"ผมก็ต้องไปต่อตามทางของผมน่ะสิครับ\" พิออนหันกลับมาตอบ \"แต่ถ้าเรามีชะตาต้องกันก็อาจจะกลับมาเจอกันอีกได้\"
\"แต่ว่า...\"
\"อ๋อใช่ ฝากนี่ให้คุณเอรอนด้วยนะครับ เขาคงจำเป็นต้องใช้ในเร็วๆ นี้ล่ะ\" นักบวชหนุ่มยังคงพูดต่อไป พร้อมกับล้วงมือไปหยิบสิ่งหนึ่งขึ้นจากใต้ผ้าคลุมส่งให้โคริน
เด็กสาวรับมามองอย่างงงๆ เห็นได้ว่ามันเป็นขวดใบเล็กๆ ที่ใส่น้ำยาสีดำไว้ครึ่งขวด ดูแล้วคุ้นตา แต่ในตอนนั้นโครินกลับนึกไม่ออกเลยว่าเคยเห็นขวดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
\"ฝากให้คุณเอรอนแทนผมด้วยนะครับ ขืนเขารู้ว่าผมแอบแตะต้องของของเขาโดยพลการ เขาต้องโกรธผมแน่ ผมไปก่อนนะครับ\"
พิออนโบกมือให้กับเด็กสาวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกลับหลังหันเดินจากไป ทิ้งโครินให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงง...บวกกับความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เหมือนจะตรึงเธอให้ยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมจนกระทั่งเขาลับสายตาไป
เมื่อนั้นเอง...เธอจึงเก็บขวดไว้ในผ้าคาดเอวแล้วมุ่งหน้าไปตามเสียงของการต่อสู้ที่ยังดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทางด้านเอรอนสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นเดิม คือได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับโดยไม่มีโอกาสตอบโต้ ดูเหมือนอาร์คาโดจะจับทางแผนของเขาที่หาโอกาสใช้มนต์ไปด้วยในขณะที่รอรับการโจมตีอยู่ จึงแกล้งบินฉวัดเฉวียน โฉบลงมาเฉียดๆ แถมเปิดช่องว่างให้หลายครั้งหลายหน แล้วพลิกกายกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทันโจมตี เหมือนกับตั้งใจจะยั่วให้เอรอนเสียสมาธิร่ายคาถา และแสดงความมั่นใจว่าคราวนี้เธอย่อมเป็นฝ่ายชนะแน่นอน
หญิงสาวโฉบลงมาตรงๆ หน้า กะไว้ว่าชายหนุ่มน่าจะเบี่ยงหลบทางด้านข้าง แล้วเธอจะโผขึ้นไปโฉบดักทางอีกครั้ง
แต่การณ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด...เอรอนกลับยืนนิ่ง ไม่มีทีท่าจะหลบเลยแม้แต่น้อย ดาบก็เพียงแต่ชูไว้ด้านหน้าเฉยๆ เปิดช่องว่างให้คู่ต่อสู้จู่โจมได้เต็มไปหมด
หญิงสาวรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็เห็นสบโอกาสที่จะเผด็จศึกให้รู้แล้วรู้รอด จึงเสือ.กดาบโค้งเข้าไปแทงเต็มแรง
ทว่าก่อนที่คมดาบจะทันถูกร่าง เอรอนกลับยกดาบขึ้นพร้อมกับที่แสงสีขาวสว่างวาบรอบลำดาบ เมื่อปะทะกับคมดาบโค้งเล่มบางก็ส่งแรงมหาศาลที่ทำให้อาร์คาโดถึงกับเซถลา หากยังดีที่อาศัยปีกบินหลบขึ้นฟ้าไปดูสถานการณ์ได้
สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นตกใจและประหลาดใจเมื่อเห็นลำแสงสีขาวที่ปลายดาบของเอรอนยังขยายขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะตวัดดาบวาบ ลำแสงนั้นกลายสภาพคล้ายกับนกที่มีร่างเป็นแสง สยายปีกกว้าง พุ่งตรงเข้าหาหญิงสาวโดยเร็ว
หญิงสาวหลบการโฉบในครั้งแรกได้...หากไม่พ้นในครั้งที่สองที่มันวกกลับมา
ลำแสงสีขาวปะทะกับร่างของอาร์คาโดเต็มๆ ก่อนจะสลายไป ส่งให้เธอร่วงลงกระแทกพื้น ยังดีที่ไม่สูงมากนักจึงไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด หากความรู้สึกเจ็บปวด...ทั้งจากคาถาที่กระทบ และแรงกระแทกแล่นพล่านไปทั่วกาย
กว่าจะตั้งสติได้อีกครั้ง...ปลายดาบของเอรอนที่พาดบ่าอยู่ก็บอกได้ชัดเจนว่าเธอพ่ายแพ้แล้ว
...ล้างแค้นให้กับทุกคนไม่ได้...
\"/เอาสิ/\" อาร์คาโดก้มหน้าลงพูดเรียบๆ ไม่อาจเห็นแววตาเรียบเฉยของชายผู้กำดาบเล่มนั้นไว้ \"/ฆ่าฉันซะ แกชนะแล้วนี่/\"
ปลายดาบยังคงนิ่งสนิทค้างอยู่เช่นเดิม ไม่มีทีท่าจะแทงลงมาแต่อย่างใด
\"/รออะไรอยู่เล่า!? แกฆ่าคนมานับร้อยแล้วไม่ใช่งั้นเหรอ!? จะฆ่าฉันไปซักคนมันก็เพิ่มยอดขึ้นแค่หนึ่งเท่านั้น!!/\"
\"/เท่านั้น...แล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ?/\" เอรอนพูดเรียบๆ
\"/อย่ามาทำเป็นเห็นอกเห็นใจไปหน่อยเลย!! ทีตอนนั้น...ตอนที่แกฆ่าทุกคนที่ฉันรู้จัก...ทำลายทุกอย่างที่ฉันเคยมี แกไม่เคยลังเลเลยไม่ใช่เหรอ!! แล้วทำไมตอนนี้.../\"
ชายหนุ่มปรายตามองร่างที่คุกเข่ารับความพ่ายแพ้อยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้
นิ่งเงียบอยู่นาน เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
\"/สุดท้าย...เธอก็อยากได้แค่ \'ความตาย\' เป็นเครื่องปลดปล่อยเท่านั้นสินะ/\"
เหมือนกับตอนนั้น...ตอนที่เขาอ้อนวอนขอความตายจาก \'มัน\' ที่ตอบกลับมาเพียงเสียงหัวเราะ และคำพูดที่แสนเย็นชาเชือดเฉือน
/สิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆ น่ะ...มันไม่ใช่ความตายหรอก
มันก็แค่...\'หนทางหลบหนีจากความจริงที่ไม่อยากยอมรับ\' เท่านั้น../
แม้กระนั้น...ชายหนุ่มก็ยังคงพูดต่อไปด้วยเสียงเรียบๆ เช่นเดิม
\"/ถ้าอย่างนั้น...ฉันจะสงเคราะห์ให้/\"
มือของเอรอนเกร็งด้ามดาบเงื้อขึ้น...พร้อมจะฟันลงมาบั่นลำคอของอีกฝ่ายหนึ่งที่นั่งนิ่งหลับตาเตรียมรับชะตากรรม
แต่ทว่า...
\"หยุดนะ!!!\" เสียงกรีดร้องพร้อมกับร่างเล็กๆ ในชุดสีเขียวที่ปราดเข้ามาขวางหน้าในทันใดนั้นทำเอาชายหนุ่มยั้งดาบไว้แทบไม่ทัน
โครินนั่นเองที่ถลาเข้ามาขวางกลางทั้งสอง หันหน้ามาทางเอรอนด้วยสายตาอ้อนวอนพร้อมกับร่ำร้อง
\"อย่าฆ่าเค้าเลยนะคะ!\"
ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วกลั้นอารมณ์ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ
\"มันเป็นกฎของผู้แพ้กับผู้ชนะ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการด้วย\"
\"แต่มันน่าจะมีทางอื่นไม่ใช่เหรอคะ?!\" เด็กสาวพยายามถาม \"ฉันไม่รู้ว่าคุณสองคนมีเรื่องอะไรกัน แต่มันก็น่าจะมีวิธีแก้ไขโดยที่ไม่ต้องฆ่ากันหรือใช้กำลังกันไม่ใช่เหรอ!?\"
\"ไม่มีทั้งนั้น\" เอรอนตอบง่ายๆ \"ถ้าข้าไม่ฆ่าผู้หญิงคนนี้ก็จะถูกหล่อนฆ่า เจ้าก็เห็นแล้วนี่\"
\"แต่ว่า...อ๊ะ!!\" โครินพูดได้เท่านี้ก็ถูกหญิงสาวกระชากตัวไปในทันที ก่อนจะดึงดาบโค้งมาจ่อคอเธอเอาไว้ บังคับให้ต้องถอยไปด้วยกัน
\"/ฉัน...ไม่รู้ว่าแกกับเด็กคนนี้เป็นอะไรกัน.../\" อาร์คาโดพูดกับเอรอนอีกครั้ง \"/แต่ว่า...ลองแกลงทุนถ่อมาช่วยนังเด็กนี่ แสดงว่ามันต้องสำคัญกับแกไม่น้อยสินะ.../\"
\"/อย่าทำอะไรโครินเป็นอันขาด!!/\" ชายหนุ่มเข่นเสียงตอบกลับ
\"/ถ้ายอมทิ้งดาบล่ะก็...ฉันไม่ทำอะไรแน่/\"
เอรอนได้แต่ขบฟัน ถอนใจหนักๆ ก่อนจะขว้างดาบไปปักฉึกอยู่บนพื้นห่างออกไปราวสามสี่เมตร
\"/พอใจหรือยัง?/\"
อาร์คาโดไม่พูดอะไรตอบ เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลดดาบลงแล้วผลักโครินให้ถลาหัวซุนออกไปชนเอรอนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพอดี
ขณะที่ทั้งสองเซไปน้อยๆ หญิงสาวก็สยายปีกสีดำลอยตัวขึ้นฟ้าไป แม้ดูท่าทางจะเหนื่อยอ่อนจากแรงคาถาที่ปะทะเข้าเต็มๆ ก็ตาม
\"/มันจะไม่มีวันจบสิ้น...จนกว่าพวกเราฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไปซะก่อน!/\" เธอตะโกนลงบอกเอรอน \"/เก็บชีวิตของแกไว้ให้ดีๆ ล่ะ เอรอน อิกเนเทียส...เพราะฉันจะกลับมาเอามันแน่!!/\"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของอาร์คาโด สเทียฟรอสท์...ก่อนที่ร่างเจ้าของปีกสีดำจะบินจากไป
หลังจากที่อีกฝ่ายหายลับไปแล้ว เอรอนจึงหันมาทางโครินด้วยสีหน้าที่บอกความรู้สึกไม่ถูกขณะที่พยุงให้เธอลุกขึ้นยืน เขาได้แต่สะกดคำพูดต่อว่าเอาไว้ภายใน แม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่มากที่เธอเข้ามาทำเสียโอกาสก็ตาม
\"คุณเอรอน...ม...ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?\" เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วง แต่ชายหนุ่มกลับย้อนเสียงห้วนๆ
\"ถามตัวเองซะก่อนเถอะยัยโง่ ตอนสู้อยู่ได้ยินเสียงเจ้าร้องซะลั่น เป็นอะไรหรือเปล่า?\"
โครินชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะตอบแผ่วๆ
\"ฉันไม่เป็นไรค่ะ...เอ่อ...จริงๆ ก็เกือบตกเขาไปแล้ว แต่คุณพิออนช่วยเอาไว้\"
\"พิออน...งั้นเหรอ?\" สีหน้าของเอรอนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อของเขา
\"ค่ะ เค้าช่วยพาฉันลงจากเขา แต่เค้าไปแล้ว\" เด็กสาวล้วงลงไปในผ้าคาดเอวหยิบขวดใบเล็กออกมายื่นส่งให้เอรอน \"ก่อนไปเค้าฝากให้ฉันเอานี่มาให้คุณ เค้าบอกว่าคุณคงจำเป็นต้องใช้\"
ชายหนุ่มจ้องมองขวดบรรจุยาสีดำที่เพิ่งรับมาเขม็ง คิ้วขมวดแสดงความเคลือบแคลงสงสัย
ใช่ขวดใส่ยาประจำตัวของเขาแน่ๆ แต่ทำไมพิออนถึง...
\"คุณเอรอน?\" โครินเรียกเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขา ทำให้เอรอนรีบเก็บขวดใบนั้นก่อนจะพูดขึ้นสั้นๆ
\"รีบไปกันเถอะ\"
ชายหนุ่มหันไปหยิบดาบขึ้นมาเก็บเข้าฝักก่อนจะมุ่งหน้าไปทางจุดพักแรม แต่ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าวเขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้นในทันใดท่ามกลางความตกใจของโคริน
\"คุณเอรอน!!\" เด็กสาวปราดเข้าไปจะประคอง หากสัมผัสความชื้นที่รู้สึกได้เมื่อแตะไหล่ของชายหนุ่มทำให้เธอชักมือออกในทันที แม้จะมองไม่เห็นสีแดงของเลือดบนผ้าคลุมสีดำ หากคราบของเหลวส่งกลิ่นคาวที่ติดมือคลุ้งนั้นฟ้องชัด
\"คุณมีแผลนี่นา...ให้ฉัน...\" สัญชาตญาณหรืออะไรก็ตามแต่บอกให้โครินคว้าอควาเวลขึ้นมาทันที แต่เอรอนกลับปัดมือของเธอออกไปโดยแรงจนเด็กสาวตะลึงงัน
\"ถอยไป!!\"
แวบหนึ่งที่เขาสะบัดหน้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้โครินเห็นสีหน้าปวดร้าวเหมือนกับพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดที่มากถึงขีดสุด...แต่ขณะเดียวกันดวงตาสีฟ้าของเขากลับวาวโรจน์ดุดันน่าสะพรึงกลัว
\"ถอยไป...\" เอรอนพูดขึ้นอีกครั้ง...หากคราวนี้เสียงของเขาอ่อนลง และมีเสียงหายใจหอบปนอยู่ในบางจังหวะ \"อย่าเพิ่ง...เข้ามาใกล้ข้า...ตอนนี้...\"
เด็กสาวได้แต่ถอยห่างออกไปด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่ชายหนุ่มล้วงมือไปหยิบขวดใบเล็กขึ้นมา เปิดจุกขวดด้วยมือที่สั่นเทา แล้วรีบจ่อกับปากดื่มในทันที ความรีบร้อนทำให้เขาสำลักขึ้นมา โครินตั้งใจจะเข้าไปช่วย แต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรเขาก็ปิดฝาขวดเก็บไว้ตามเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่กลับเป็นปกติ
\"ไปกันเถอะ\" เอรอนบอกกับโครินก่อนจะก้าวต่อไปโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย
\"ค...คุณเอรอน ไม่เป็นไรเหรอคะ\" เด็กสาวถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ \"เมื่อตะกี้...\"
\"ก็แค่โรคประจำตัวเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก\" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตัดบท แล้วรีบเดินต่ออย่างรวดเร็ว ทำให้โครินไม่กล้าถามอะไรทั้งสิ้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
To be continued...
บทที่ 13 - ความคิดอันล่องลอย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Magic
โซล่าร์แฟลร์ (Solar Flare)
ประเภทมนต์โจมตี ธาตุแสง ระดับสูง รวบรวมพลังแสงเป็นลูกพลังงานทรงกลมขนาดใหญ่โจมตีเป็นวงกว้าง
วินด์วอล์กเกอร์ (Wind Walker)
ประเภทมนต์เฉพาะ ธาตุลม รวบรวมกระแสลมขึ้นรองรับใต้ฝ่าเท้าเพื่อช่วยลดแรงกระแทกเมื่อลงจากที่สูง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Character\'s Depth
ลีก้า เลโอนัส (Lieka Leonus)
ธาตุ: ไฟ
เชื้อสาย: มนุษย์
ถิ่นกำเนิด: อาร์โคเซีย (คาดว่า) 
อายุ: 21 ปี
วันเกิด: วันจินน์ที่ 3 เดือนอาเรส
ส่วนสูง - น้ำหนัก: 170 ซม. 56 กก.
สีผม - สีตา: น้ำตาลเข้ม - ดำ
อาวุธ: ดาบคู่ ไครม์ กับ พันนิชเมนท์ (Crime & Punishment)
เวทมนตร์ที่ถนัด : ไสยศาสตร์ด้านการเสกสิ่งของ และมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของนักบวชอาร์โคเซียเล็กน้อย
ประวัติโดยสังเขป: อดีตนักบวชอาร์โคเซีย ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในภูตตระเวนราตรีที่สวามิภักดิ์ต่อจอมมารอาร์เซนิคซ์ เพราะต้องการล้างแค้นพิออนอดีตเพื่อน แต่เดิมทั้งพิออนกับลีก้าเป็นเด็กกำพร้าในความดูแลของศาสนจักรอาร์โคเซีย ทั้งสองรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง และได้เข้าเป็นนักบวชในเวลาต่อมา แต่เพราะความที่ชอบแอบศึกษาศาสตร์มืดจึงมักจะเจอปัญหาเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทั้งสองเดินทางไปตามหาวัตถุเวทย์ชิ้นหนึ่งที่เขาโดมินิค ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องถูกขับออกจากศาสนจักร และเป็นชนวนทำให้ลีก้าคิดว่าพิออน \"ทรยศ\" ตน จึงแยกทางออกมาตามลำพัง และได้พบอาร์เซนิคซ์เข้าในวันหนึ่ง...
เจ้าของตัวละคร: Ace
เบื้องหลังการออกแบบ: ตัวละครที่ได้รับสมัครเข้ามา โดยที่ต้นแบบตัวละครไม่ได้รู้เรื่อง และไม่ได้อ่านเรื่อง WoH เลยด้วยซ้ำ มูลเหตุอยู่ที่คนที่เป็นเจ้าของตัวละครเป็นเพื่อนกับผม ก็เลยสมัครตัวละครของตัวเองเข้ามา (พิออน) บวกกับตัวละครที่ได้แบบมาจากเพื่อนเขาอีกตัว คือลีก้า จะใส่ชื่อเพื่อนเขาเป็นเจ้าของตัวละครไปเลยก็ดูจะแปลกๆ อยู่ ก็เลยลงชื่อคนสมัครให้ก็แล้วกัน พอเขียนไปเขียนมา ทั้งพิออนกับลีก้ากลับไปคล้ายกับคู่เอสเทลล่ากับโอลิเวียจนผมเองยังงงเลยครับ พิออนกับเอสเทลล่าเป็นธาตุน้ำ นิสัยก็ลื่นไหลคล้ายๆกัน โอลิเวียกับลีก้าที่เป็นธาตุไฟก็เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน (แล้วไฟเจอกับไฟมันจะเหลืออะไรล่ะนี่??) แต่ลีก้าจะมีมาดกวนๆผสมอยู่ นับว่าถึงไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทก็เข้ากับเจ้านายแบบอาร์เซนิคซ์ได้พอสมควร (จนเอสเทลล่าเก็บมาด่ากระทบนั่นแหละ)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น