ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความทรงจำแห่งสายลม

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 - ความฝัน มายา ความจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 160
      0
      17 พ.ค. 49

     บทที่ 4

    ความฝัน มายา ความจริง

    ข้าควรจะตายไปแล้ว...

    ตาย...

    หมดสิ้นลมหายใจ หมดสิ้นความรู้สึก หมดสิ้นความเจ็บปวด...ความทุกข์...และความทรงจำทั้งมวล...

    แต่ข้ากลับยังมีชีวิตอยู่...

    พอรู้สึกตัว...ความเจ็บปวดยังคงอยู่ทั้งที่สติของข้าลางเลือนจนบอกอะไรไม่ถูก ศีรษะหนักอึ้งจนยกไม่ขึ้น ข้าได้ยินเสียงคนพูด บางครั้งก็เบาเหมือนกับอยู่ห่างออกไปแสนไกล บางครั้งก็อู้อี้จนฟังไม่ถูก พอจับใจความได้เป็นบางคำเท่านั้น

    "อย่าเพิ่งขยับ...

    ...

    เจ้าบาดเจ็บมากนะรู้ไหม?

    ...

    ...ดื่มยาเสียก่อน"

    กลิ่นฉุนลอยมาเข้าจมูกก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเอาถ้วยจ่อเข้าที่ปากของข้า บังคับให้ข้าอ้าปากกลืนน้ำขมๆ ในนั้นลงไป ข้าทั้งสำลักทั้งพยายามหันหน้าหนี แต่ไม่มีกระทั่งเรี่ยวแรงจะขัดขืน ได้แต่จำใจกลืนน้ำขมลงคอจนหมดถ้วย ก่อนที่คนผู้นั้นจะวางศีรษะของข้าลงบนพื้นผิวนุ่ม...

    และข้าก็หลับไปอีกครั้ง...

    ข้ารู้สึกเหมือนกับฝันไป...

    ในฝันนั้นข้าพบตัวเองอยู่ในเมืองแห่งสายลม...ไม่ใช่เมืองแห่งสายลมในปัจจุบัน ไม่ใช่ซากปรักหักพังที่เป็นที่พักของพวกเบดูอินหรือนักเดินทาง แต่เป็นเมืองที่มีชีวิต...

    อาคารบ้านเรือนยังอยู่ในสภาพดี ชาวบ้านสัญจรไปมาพูดคุยกันเซ็งแซ่ สีหน้าของพวกเขาล้วนแต่บ่งบอกถึงความสุข

    ข้าเดินดุ่มไปเรื่อยๆ หากไม่มีใครสนใจข้าเลย ข้ายังคงเดินต่อไป...ไปจนถึงโอเอซิสแห่งเดิม ใต้ต้นอินทผลัมคู่ข้างดงกระบองเพชรยังมีหญิงสาวร่างระหงยืนอยู่กับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง...

    ดูเหมือนทั้งสองจะไม่สังเกตเห็นข้า ไม่สิ...คงต้องบอกว่าข้าไม่มีตัวตนอยู่ที่นั่นกับพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

    เด็กหนุ่มคนนั้นแต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง ผมดำหยักศก ผิวคล้ำแดดเหมือนกับชาวทะเลทรายโดยกำเนิด เขาดูสะดุดตาข้าอย่างบอกไม่ถูก ส่วนหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างมีดวงหน้าที่ข้าเรียกได้อย่างเต็มปากว่างามหยาดฟ้าราวกับเทพธิดา เธอแต่งกายด้วยชุดผ้าแพรมันสีเขียวเหลือบ ชายกระโปรงทิ้งตัวลงจรดพื้น ที่คอสวมสร้อยทองเจิดจ้า ฉลุเป็นลวดลายแปลกตาดูเหมือนสายลมที่หมุนวน เส้นผมยาวประบ่าสีน้ำตาลแดงปล่อยสยายไหวล้อสายลม

    "หากเจ้าไปแล้ว ข้าคงอ้างว้างมากนะ...ยูซิส" หญิงสาวเอ่ยเศร้าๆ...ด้วยน้ำเสียงที่ข้าจำได้ว่าเหมือนกับซิมูนไม่มีผิดเพี้ยน

    เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก้มหน้าลง ราวกับกลัวที่จะต้องสบตากับเธอ

    "ท่านจะห้ามข้าก็ได้" เขาพูดเสียงสั่น "ถ้าเพียงแต่ท่านเอ่ยปากห้ามข้าแค่ครั้งเดียว ข้าจะไม่จากไปไหนเลย"

    ซิมูนถอนหายใจยาว

    "จะให้ข้าเหนี่ยวรั้งเจ้าไว้ได้อย่างไรเล่า ในเมื่อมันเป็นความฝันของเจ้าไม่ใช่หรือ?" เธอวาดมือเรียวงามไปตามเส้นขอบที่ผืนฟ้าจรดกับผืนทราย "หากข้ายังดึงดันให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็เท่ากับว่าข้าทำลายความฝันของเจ้า แล้วข้า...จะทำแบบนั้นได้อย่างไร?"

    หญิงสาวก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน

    "ยูซิส...ข้าอยากให้เจ้าไปจริงๆ นะ ไปเห็นโลกกว้างใบนี้ด้วยสายตาของตนเอง แล้วกลับมาเล่าให้ข้าที่ไม่อาจไปจากที่นี่ได้ฟังบ้าง"

    ซิมูนส่งยิ้มเศร้าสร้อยให้กับยูซิส ดวงตาสีทองไร้ซึ่งวี่แววของความเย็นชา บอกความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างชัดแจ้ง เธอถอดสร้อยคอทองสวมให้กับเด็กหนุ่มคนนั้นก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา

    "นี่เป็นตัวแทนที่ข้ามอบให้...เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ลืมข้า"

    "ซิมูน...ของสำคัญแบบนี้ทำไมท่านถึง..."

    "ก็เพราะมันเป็นของสำคัญอย่างไรเล่า ข้าจึงอยากให้เจ้ามอบคืนให้กับข้าด้วยมือของเจ้าเอง ในวันที่เจ้ากลับมา"

    "ถ้าอย่างนั้น...ข้าสัญญาว่า..."

    ซิมูนแตะปลายนิ้วเรียวลงบนริมฝีปากของเด็กหนุ่ม หยุดคำพูดของเขาเอาไว้

    "ข้าไม่ต้องการสัญญาหรือข้อผูกมัดใดๆ ขอเพียงเจ้าไม่ลืมว่า...ยังมีใครสักคนที่รอการกลับมาของเจ้าอยู่ที่นี่เท่านั้น"

    ยูซิสอึ้งไปนาน ก่อนจะโผเข้าสวมกอดซิมูนในทันใด

    "ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่สัญญาอะไรทั้งสิ้น...แต่ข้าจะกลับมาแน่ๆ ข้าไม่มีวันลืมท่านหรอกซิมูน" เขากระซิบแผ่วเบา "การลาจาก...ไม่ใช่การสิ้นสุดหรอกนะ ซิมูน"

    ยูซิสกลับหลังหันวิ่งจากไป...ทิ้งให้ซิมูนมองตามหลังไปอย่างอ้างว้าง เป็นเวลานานแสนนาน...ภาพของท้องฟ้าที่เปลี่ยนผันจากกลางวันเป็นกลางคืนอย่างรวดเร็วนับครั้งไม่ถ้วนบอกข้าถึงกาลเวลาที่ผันผ่าน

    จนกระทั่งท้องฟ้าเป็นสีแดงก่ำดั่งโลหิต...

    ลูกไฟจำนวนมากมายตกลงมาจากท้องฟ้าราวห่าฝน...หากแต่เป็นฝนเพลิงที่เผาผลาญเมืองแห่งสายลมให้มอดไหม้ ผู้คนวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีทางรอดไปจากเมืองที่ตกอยู่กลางวงล้อมของเปลวเพลิงได้เลย

    ซิมูนเงยหน้าขึ้นมองฟ้าสีเลือดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ข้าได้ยินเสียงคำรามดังกึกก้องดุจฟ้าผ่า ตวาดเป็นภาษาที่ข้าไม่รู้จักและไม่อาจเข้าใจ เธอตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน และด้วยน้ำเสียงที่ข้าจำได้ติดหู ดูเหมือนเธอพยายามจะวิงวอนต่อเจ้าของเสียงนั้น แต่เสียงทรงอำนาจกลับยิ่งทวีความกราดเกรี้ยว

    ข้าใจหายวาบเมื่อเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ลูกหนึ่งพุ่งตรงมายังซิมูน เธอล้มลงกับพื้น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานทั้งที่มีไฟลุกไหม้ทั่วตัว ข้าปราดเข้าไปช่วยเธออย่างไม่ทันคิด แต่มือของข้ากลับทะลุร่างของเธอไปเสียเฉยๆ ทั้งๆ ที่ข้ารู้สึกถึงความแสบร้อนของไฟที่เหมือนจริง และเผาผลาญข้าไปพร้อมๆ กัน...

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

             และแล้วภาพทุกอย่างก็วูบหายไป...

            
    กลิ่นฉุนของบางสิ่งลอยมาเข้าจมูกปลุกข้าให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ข้าค่อยรู้สึกตัวว่ามีสติอยู่บ้าง ข้าลืมตามองไปเห็นแสงไฟเต้นระริก มีหม้อดินเล็กๆ ตั้งไฟอยู่บนกองหินเส้า นี่เองคงเป็นที่มาของกลิ่นแปลกๆ นั้น มีชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กองไฟ แม้จะมีเพียงแสงสลัวข้าก็ยังจำใบหน้าของเขาได้

            
    ซิดัลฟาร์...

             เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่?

            
    ข้าขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง แต่ความเจ็บแปลบที่แล่นไปทั่วทำให้ข้าถึงกับยกศีรษะไม่ขึ้น ซิดัลฟาร์เพียงแต่หันมามองข้าด้วยสายตาเฉยชาเท่านั้น

            
    "ฟื้นแล้วหรือ? เจ้าสลบไปถึงสองวันเต็มๆ เจ็บหนักจนข้านึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว" เขาพูดด้วยเสียงเรียบๆ
             
             บาดเจ็บ? ข้าไปบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อใดกัน? ตอนแรกสมองที่ยังมึนงงของข้านึกไม่ออก แต่แล้วความทรงจำของเหตุการณ์ที่ข้ารู้สึกเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นก็ค่อยๆ ย้อนกลับเข้ามา ในที่สุดข้าก็สารภาพความในใจกับซิมูน ในที่สุดข้าก็ได้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมของเธอ เรื่องที่เธอปิดบังไว้ในใจ และความจริงที่ข้าไม่อาจยอมรับ...
     
             เธอจากข้าไปแล้ว... 

             จากไป...อย่างที่คงจะไม่มีวันกลับมาอีก...

            
    ข้ากระโจนลงจากหน้าผาตามเธอมา ข้าน่าจะตายไปแล้ว แต่ซิดัลฟาร์คงจะช่วยชีวิตของข้าเอาไว้

            
    ว่าแต่เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน? 
            
             ข้าอ้าปากจะพูด แต่ลำคอกลับแห้งผากเปล่งเสียงไม่ออก ซิดัลฟาร์เพียงแต่แลดูอาการของข้าอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่งก่อนจะขยับกายเข้าไปใกล้กองไฟ แล้วใช้มือเปล่าจับขอบหม้อยกขึ้นจากเตาหินเส้าวางลงกับพื้น ก่อนจะใช้ทัพพีตักของเหลวกลิ่นฉุนในหม้อใส่ถ้วย

            
    "ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดอะไร ดื่มยาเสียก่อนจะช่วยให้ดีขึ้น"

            
    เขาช่วยพยุงข้าให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วเอาถ้วยจ่อเข้าที่ปากของข้า กรอกน้ำยารสขมลงไปอีกครั้ง ของเหลวที่รินลงคอร้อนวาบเป็นทางลงไปถึงท้อง แต่กลับช่วยให้ข้ารู้สึกชุ่มคอและสบายขึ้นอย่างประหลาด ซิดัลฟาร์ให้ข้าดื่มยาจนหมดถ้วย ก่อนจะกลับไปนั่งที่มุมของเขาอีกครั้ง

            
    "ท่านพี่..." คราวนี้ข้าค่อยมีเสียงพูดแม้จะแหบแห้งไปบ้าง "ที่นี่ที่ไหนกัน?"

            
    "ก็แค่ถ้ำแห่งหนึ่งใต้ผาในทะเลทราย" ซิดัลฟาร์ตอบ "ข้าบังเอิญเจอเจ้าตกลงมาบาดเจ็บ เลยพามารักษาตัวที่นี่"

            
    บังเอิญหรือ? ข้าฟังแล้วกลับรู้สึกแปลกๆ ในใจ มีบางสิ่งบอกข้าว่าการที่เราพบกันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แล้วยังความรู้สึกเย็นชาแบบแปลกๆ ที่ข้าสัมผัสได้นี่อีก สีหน้าของเขาไม่ผิดอะไรกับหน้ากาก

            
    ไม่เหมือนกับซิดัลฟาร์จากบาบิโลเนียที่ข้าเคยรู้จัก

            
    "ท่านพี่...แปลกไป" ข้าเอ่ยออกไปโดยไม่ทันคิด ซิดัลฟาร์หันขวับมามองข้าทันที

            
    "นับว่าเจ้ามองออกเร็วกว่าที่คิดสินะ" เขายิ้มให้ข้า แต่เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวจนข้ารู้สึกเย็นวาบ ข้ากะจะถามว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่เขากลับพูดต่อราวกับเดาใจของข้าออก "ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรข้า เซ็ฟ จงฟังเรื่องที่ข้าจะเล่าต่อไปนี้ให้ดี"

            
    ข้าจำใจสะกดความสงสัยไว้ขณะที่มองซิดัลฟาร์ทอดสายตาออกไปยังปากถ้ำสู่ฟ้ายามราตรีอันมืดมิด

            
    "อาณาบริเวณที่ปกคลุมด้วยผืนทรายทั้งมวลอยู่ภายใต้การอารักษ์แห่งเทพผู้ปกปักทะเลทราย ซิมูนธิดาแห่งทะเลทราย...คือผู้ที่พระบิดาจ้าวมอบภาระให้รับผิดชอบดูแลโอเอซิสแห่งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการตั้งชุมชนขึ้น ถูกแล้ว...'เมืองแห่งสายลม' ในกาลก่อนเคยเป็นเมืองธรรมดาที่สุขสงบ มีซิมูนเป็นผู้คอยเฝ้ามองการเติบโตของเมืองและผู้คนอย่างเงียบๆ อยู่เสมอ

            
    แต่แล้ววันหนึ่ง นาง...ก็ได้ก่อบาปอย่างมหันต์"

            
    ซิดัลฟาร์หันกลับมาสบตากับข้า 

             "นางตกหลุมรักมนุษย์คนหนึ่ง รักจนกระทั่งมอบตราแห่งสายลม...สิ่งสำคัญซึ่งแสดงถึงฐานะแห่งเทพของนางให้กับมัน หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนผืนทรายแห่งนี้ย่อมอยู่ในสายพระเนตรของพระบิดาจ้าวอยู่เสมอ เมื่อทรงตื่นจากบรรทมได้ทรงทราบความจริงเข้า...องค์พระบิดาพิโรธดั่งไฟกัลป์ พระองค์ทรงส่งหายนะมาทำลายเมืองแห่งสายลมจนพินาศ และตัดพระทัยสาปธิดาที่พระองค์ทรงเคยรักเป็นที่สุดด้วยคำสาปอันหนักหนาเกินไถ่ถอน ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงเพราะนางมอบสิ่งที่มิควรมอบให้แก่มนุษย์ที่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน"

            
    ซิดัลฟาร์ถอดผ้าพันคอออก ประกายสีทองสะท้อนมาเข้าตาของข้าชั่วแวบ เขาสวมสร้อยเหมือนกับที่ข้าเห็นซิมูนมอบให้ยูซิสไม่มีผิด หรือว่าเขาจะเป็น...

             
    ยูซิส----------!!! 

           
    "คนคนนั้น...คือคนที่ข้าเกลียดชังยิ่งกว่าสิ่งใด" 

           
    "ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เคยมีชายคนหนึ่ง...มนุษย์คนหนึ่ง...ที่พูดกับข้าเหมือนกับเจ้านี่แหละ"

           
    "ข้ามอบหัวใจให้เขาจนหมดสิ้น...แล้วรู้ไหมเขาทำอย่างไรกับข้า..."

           
    "เขาทิ้งข้าไป...ทิ้งให้ข้ารับทัณฑ์ขององค์พระบิดาอยู่เพียงผู้เดียว"

            
    คำพูดเก่าๆ ของซิมูนที่ย้อนกลับเข้ามาในใจทำให้โทสะของข้าพลุ่งขึ้นในทันที

            
    "แก!!! " ข้าใช้เรี่ยวแรงจากที่ใดก็ไม่รู้ลุกขึ้น ปราดเข้าไปหมายจะชกคนที่ทำให้ซิมูนต้องเป็นแบบนี้สักหมัดให้สาสม แต่เขากลับไม่หลบเลี่ยงหรือโต้ตอบ เพียงแต่ใช้มือข้างหนึ่งหยุดหมัดของข้าไว้ทั้งที่สีหน้ายังเรียบเฉยตามเดิม

            
    "แกใช่ไหมที่ทำให้ซิมูนต้องเจ็บปวด!? แกใช่ไหมที่ทิ้งเธอไปแบบนั้น!?" ข้าตะโกนใส่หน้าเขา คำพูดหลั่งไหลออกมาจากปากอย่างที่ตนเองห้ามไม่อยู่ "ใช่ไหมยูซิส!?!

            
     ซิดัลฟาร์ยิ้มเหมือนจะเยาะข้าก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับขบขันเต็มประดา

            
    "มนุษย์...จะอย่างไรก็ไม่เคยพ้นโง่เขลา นี่เจ้านึกว่าข้าเป็นยูซิสอย่างนั้นหรือ?"

            
    "ว่าอะไรนะ?..."

            
    "ข้าไม่ใช่ยูซิส..." ซิดัลฟาร์จ้องมองข้าด้วยสายตาแข็งกร้าวเหมือนกับจะฆ่าข้าได้ทุกเมื่อ "เจ้าต่างหาก!!"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×