ตอนที่ 48 : พัง
สามอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วเขาว่ากันว่าอำนาจเงินสามารถเนรมิตได้ทุกอย่างดูท่าแล้วจะเป็นเรื่องจริง เพราะระยะเวลาภายในไม่กี่สัปดาห์ คุณวิเศษก็จัดการสรรหาสิ่งตรงหน้าออกมาได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด งานหมั้นสุดอลังการและยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
บลูทำหน้าบุญไม่รับตั้งแต่แต่งตัวเสร็จ ชายหนุ่มนั่งอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง เพราะยังไม่ถึงเวลาฤกษ์ยาม ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์เหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง สีหน้าของเขาไม่มีความสุขเลยสักนิด แต่เขาก็จำใจต้องทำเพื่อแลกกับอิสรภาพของตนเอง
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำให้เขาหลุดจากภวังค์ก่อนสายตาคมจะตวัดหางตาหันไปมอง เพราะเขาบอกไปแล้วว่าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเป็นคนที่ตนไม่อยากจะเจอ
“เข้ามาทำไมรุ้งลดา” รุ้งลดาที่ใส่ชุดไทยและแต่งหน้าสวยสด เดินเข้ามาหาว่าที่คู่หมั้นด้วยท่าทางร้อนรน เหมือนเธอกำลังรีบ
“พี่บลูฟังรุ้งนะคะ เรามีเวลาไม่มาก รุ้งแอบเข้ามาเพื่อจะบอกข่าว”
รุ้งลดาและบิดารู้แผ่นการทุกอย่างในวันนี้ เพราะเมื่อสามอาทิตย์ก่อนบอมได้มาที่บ้าน เพื่อขอให้ทั้งสองคนช่วยและยังบอกอีกว่ารามกำลังตกอยู่ในอันตราย พอทั้งสองคนได้ฟังก็ไม่ได้นิ่งนอนใจตกปากรับคำในทันที โดยบอมบอกว่าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองให้ทั้งคู่ไม่ต้องเป็นห่วง
เจ้าสัวเองก็คิดว่าดีเหมือนกันเพราะครอบครัวของตนเองไม่ได้มีอำนาจใด ๆ ผิดกับคุณวิเศษที่มีอิทธิล้นเหลือ นั่นจึงทำให้เจ้าสัวต้องยอมเล่นตามน้ำและให้บอมเป็นคนจัดการแทน เพราะถ้าเกิดทำอะไรบุ่มบ่ามอาจจะทำให้รามเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิม
“เดี๋ยวภายในงานจะมีเหตุวุ่นวายและทุกคนจะต้องวิ่งวุ่น พี่บลูไปทางด้านหลังนะคะจะมีเรือมาจอดรออยู่ พี่บอมให้รุ้งมาบอกแค่นี้ ฝากดูแลพี่รามด้วยนะคะ” รุ้งลดารีบพูดและกำลังจะกลับออกไป เพราะเธอหลอกให้คนเฝ้าหน้าห้องไปจากตรงนี้ได้ไม่นาน
“เธอพูดอะไรของเธอ” บลูไม่เข้าใจว่ารุ้งลดาจะมาช่วยเขาทำไม ชายหนุ่มรู้ว่ารามเป็นคนของตระกูลรังสิมันต์ แต่ไม่คิดว่าเจ้าสัวจะยอมเสียสละชื่อเสียงของลูกสาวเพียงเพราะช่วยหลานชาย “ทำแบบนี้ทำไม...” บลูถามอย่างไม่เข้าใจ
“เพื่อคนในครอบครัวรุ้งเสียสละได้ค่ะ คนของพี่บอมรออยู่ที่เรืออยู่แล้ว ป๊าจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้แล้วด้วย รวมถึงเงินสด...ฝากดูแลพี่รามด้วยนะคะรุ้งต้องไปแล้ว”
“ขอบใจมากนะรุ้งลดา” บลูเอ่ยออกมาในที่สุด เขาไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะรักรามถึงขนาดนี้
“ไม่เป็นไรค่ะพี่สะใภ้” ว่าจบเธอก็รีบเดินออกไปเพราะเดี๋ยวคนของวิเศษจะกลับมาเสียก่อน
ภายในงานคึกคักไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ นักธุรกิจ และไฮโซที่ต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง นักข่าวสายธุรกิจทุกสำนักต่างลงมาทำข่าวเพราะสองตระกูลใหญ่ที่กำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันในไม่ช้า
งานหมั้นถูกจัดขึ้นท่ามกลางสวนดอกไม้กลางแจ้งติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งอลังการและยิ่งใหญ่สมเกียรติของสองตระกูล และคนที่ดูเหมือนว่าจะมีความสุขที่สุด คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณวิเศษเถ้าแก่ของงาน ที่เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ต้อนแขกผู้มาร่วมยินดีไม่หุบ
เพียงไม่นานก็ถึงเวลาฤกษ์ยามแขกผู้มีเกียรติจึงเดินเข้าไปที่ห้องโถงด้านใน บลูนั่งพับเพียบใบหน้าเรียบตึงอยู่ที่พื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อรุ้งลดาเดินเข้ามาถึงแล้ว สินสอดทองหมั้นถูกยกเข้ามา ทั้งสองครอบครัวพูดคุยกันพอเป็นพิธี ก่อนบอมจะยืนกล่องแหวนเพชรให้น้องชาย บลูจึงรับมาอย่างเสียไม่ได้
แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเพราะไฟในห้องโถงดับทุกดวง ภายในงานจึงตกอยู่ในความมืดสลัวก่อนแสงไฟฉุกเฉินจะส่องสว่างแต่มันก็มีเพียงน้อยนิด
เสียงร้องอุทานเบา ๆ จากแขกประกอบกับเสียงพูดคุยเริ่มดังเซ็งแซ่ คุณวิเศษมองซ้ายมองขวาก่อนจะตะโกนถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“เดี๋ยวผมไปดูเอง” บอมบอกกับบิดา
แกร๊ก
ยังไม่ทันที่บอมจะได้ขยับไปไหนก็มีเสียงวัตถุบางอย่างคล้ายเสียงกระป๋องตกลงที่พื้นดังขึ้น ก่อนกลุ่มควันสีขาวจะลอยคละคลุ้งไปในอากาศ
“กลิ่นอะไร” เสียงใครสักคนในงานพูดขึ้น และมีเสียงหนึ่งคนตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“ระเบิด!!”
“กรี๊ดดด!!” เสียงผู้คนที่มาร่วมงานวิ่งหนีตายกันอย่างอลหม่านวุ่นวายกันไปหมด
“คุ้มกันป๊า” บอมตะโกนบอก ก่อนการ์ดสองสามคนภายในงานจะวิ่งเข้ามาคุ้มกันคุณวิเศษออกไปก่อน
“แม่...แม่ครับแม่” เสียงบูมและบลูเอ่ยเรียกมารดาท่ามกลางไฟที่ยังไม่ติดและความอลหม่านวุ่นวายที่ยังคงดังเซ็งแซ่ แต่ทั้งสองไม่ได้ร้อนใจเท่าที่ควรเพราะรู้ว่าเป็นแผนการของพี่ชายคนโต
“แม่อยู่นี่...” พราวส่งเสียงเธอเองก็รู้เห็นเป็นใจก็เลยไม่ได้ขยับไปไหนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เจ้าสัวและรุ้งลดาเองก็เหมือนกัน
“ออกไปข้างนอกกันครับ” บูมบอกกับมารดาและค่อย ๆ ประคองเธอขึ้น
“บลู...ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” เธอจับมือลูกชายคนเล็กที่ยังนั่งอยู่กับที่ด้วยน้ำตาคลอ
“ครับ...ขอบคุณแม่นะครับ” บลูบอกก่อนจะกอดกับมารดาแน่น “บลูรักแม่นะ...ดูแลตัวเองด้วย” หลังจากฟังคำลูกชายเธอกอดรัดแน่นขึ้นอีก
“ไปซะไอ้บลู ก่อนที่ไฟจะติด” บูมบอกกับน้อง ทั้งสองจึงโผเข้ากอดกัน
“ฝากดูแลรามด้วยนะ” เสียงเจ้าสัวเอ่ยบอก
“ครับ...ไม่ต้องห่วง” เขาตอบ “ขอบคุณมากนะครับ” บลูบอกกับเจ้าสัว
“ไปได้แล้ว” แต่เพราะมีเวลาไม่มากทำให้มัวโอ้เอ้ไม่ได้ บูมจึงบอกน้องอีกครั้ง บลูจึงรีบลุกขึ้นและใช้จังหวะที่ไฟยังไม่ติดบวกกับผู้คนกำลังวุ่นวายหนีออกไปทางด้านหลังตามที่รุ้งลดาได้บอกไว้ก่อนหน้า
“คุณบลู...ทางนี้ครับ” ชายหนุ่มเดินออกมาไม่ไกลเท่าไรนักก็มีชายชุดดำใส่หมวกแก๊ปอำพรางใบหน้าตะโกนเรียก บลูจึงเดินไปบนเรือสปีดโบ๊ทที่จอดติดเครื่องรอไว้อยู่แล้ว ชายชุดดำเมื่อเห็นว่าบลูขึ้นมาเรียบร้อยก็ออกเรือไปทันที
“เสื้อผ้าและน้ำเปล่าอยู่ในนั้นนะครับคุณบลู” เสียงคนขับเรือตะโกนแข่งกับเสียงลมเป็นเพราะต้องทำเวลา จึงทำให้เขาขับเรือเร็วมาก บลูเองก็ไม่รอให้บอกซ้ำ เขาเปิดกระเป๋าจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดสูทออกทันที
“เราจะไปที่ไหน” บลูเอ่ยถามหลังจากที่จัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว เขานั่งลงด้านหลังและห่างออกไปพอสมควร
“ตอนนี้เฮียรามน่าจะกำลังออกมาจากบ้านพักต่างอากาศที่ประจวบ เราจะไปเจอเขาที่ด่านสิงขรครับ” ชายชุดดำตอบเสียงเรียบก่อนบลูจะจับสังเกตเพราะคนตรงหน้าเรียกรามสนิทสนมมาก
เวลาเดียวกันอีกด้านหนึ่ง จอมกับรันเวย์มาถึงบ้านพักต่างอากาศครอบครัวของบลูแล้ว รันเวย์แน่ใจว่ารามอยู่ในนั้นเพราะถุงกระดาษของบอมที่บอกแผ่นที่และจุดต่าง ๆ โดยละเอียด
ทั้งสองกำลังแอบอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้านเท่าไรหนัก ตอนนี้กำลังรอสัญญาณจากอาร์เอ็มที่กำลังตัดระบบกล้องวงจรปิด แต่ก็มีเวลามามากเพราะกล้องจะรีเซตตัวเองภายในสามสิบนาที แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะมีเวรยามอยู่ด้านหน้าสามคนด้วยกัน และอีกสองคนหน้าจะเฝ้าอยู่ด้านใน คงต้องรออาร์เอ็มบอกอีกที
“พี่จอมได้ยินไหมครับ” อาร์เอ็มเรียกชายหนุ่มผ่านหูฟังบลูทูธ
“อือ”
“ด้านในมีสองคนจริงด้วยครับ...พวกมันเฝ้าอยู่หน้าห้องผมว่าเฮียรามต้องอยู่ในห้องนั่นแหละ” อาร์เอ็มรายงาน เพราะมีชายหนุ่มคนเดียวที่เห็นด้านใน ตอนนี้อาร์เอ็มนั่งอยู่ในรถตู้ที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านพักพอสมควร
“อือ...ไหวไหมรันเวย์” จอมรับรายงานของอาร์เอ็ม ก่อนจะหันมาหารันเวย์ สองต่อห้าแถมพวกมันอาวุธครบมือพวกเขามากันแค่สองคนไม่ได้พาลูกน้องมาด้วยเพราะมันจะผิดสังเกต
“ไหวครับ ผมจะไปด้านซ้ายจัดการสองคนทางนั้น ส่วนพี่จอมไปด้านขวาจัดการไอ้นั่นแล้วเข้าไปด้านในผมจะดูหลังให้”
“แต่เดี๋ยวพี่จอม” เสียงอาร์เอ็มแทรกขึ้นมาอีกครั้ง ขณะทั้งสองคนกำลังจะเริ่มลงมืออยู่แล้ว
“อะไรอาร์เอ็ม...มีอะไร”
“อีกคนที่อยู่ด้านใน มันเดินไปอีกด้านแล้วครับ เหมือนมันจะยืนเฝ้าอยู่อีกห้องหนึ่ง” อาร์เอ็มรายงาน
ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยเห็นเพราะชายหนุ่มแฮ็กได้แค่กล้องวงจรปิดด้านหน้าเท่านั้น กล้องตัวที่อยู่ในบ้านเหมือนจะคนละระบบกันและน่าจะเป็นรุ่นเก่าที่ใช้ระบบแอนะล็อกไม่ได้ออนไลน์แต่ใช้การบันทึกดีวีอาร์ เลยทำให้ก่อนหน้านี้อาร์เอ็มไม่สามารถหาไอพีได้ ต้องใช้สัญญาณคลื่นเข้าไปรบกวนเพื่อที่จะจับภาพ
“เอาไงพี่จอม” หลังจากที่รันเวย์ได้ฟังก็หันมาปรึกษากับจอมอีกครั้ง
“ด้านหน้าเอาตามที่มึงบอก...พอเข้าไปข้างในแล้ว มึงไปทางซ้ายกูจะไปทางขวาจัดการคนละคน ใส่กระบอกเก็บเสียงแล้วใช่ไหม” จอมเอ่ยถาม ถึงแม้ที่นี่จะเป็นบ้านพักส่วนตัวและห่างจากผู้คนพอสมควร แต่ก็เป็นถนนตัดผ่าน ชายหนุ่มไม่อยากเสี่ยงให้ใครมากวนโดยเฉพาะตำรวจ
“ใส่แล้วครับ”
“งั้นเราก็มาทำให้ภารกิจสำเร็จ... ไป” จอมบอกก่อนทั้งสองคนจะหยิบหมวกแก๊ปและแมสสีดำมาใส่ ชักปืนขึ้นนกเตรียมความพร้อมแล้วเปิดประตูลงไปจากรถ
ทั้งสองทำตามแผนโดยรันเวย์เดินไปทางซ้ายตามที่ตกลง ชายหนุ่มแอบอยู่ตรงมุมตึก ตรงที่เวรยามกำลังเดินตรงเข้ามา รันเวย์ไม่แปลกใจหรอกเพราะชายหนุ่มกับจอมแอบมองพวกมันทั้งสามคนเดินไปเดินมารอบบ้านได้สักพักแล้ว
รันเวย์หยิบมีดพับคู่ใจขึ้นมาก่อนจะตวัดเตรียมพร้อม จังหวะที่มันกำลังเลี้ยวตรงมุมตึกพอดี ชายหนุ่มล็อกคอและก่อนที่มันจะดิ้นขัดขืนเขาปักมีดสั้นเข้าตรงลำคอจนมิดด้าม
ชายหนุ่มหมุนปลายมีดและดึงออกมา ปล่อยให้ร่างของเวรยามทรุดตัวลงสิ้นใจนอนแน่นิ่งอยู่ตรงมุมตึก รันเวย์นั่งลงบนปลายเท้าแล้วใช้ปลายลิ้นดันกระพุ้งแก้มเบา ๆ เขาจับตัวพลิกดูว่าตายสนิทหรือยัง ก่อนจะยกยิ้มและเช็ดปลายมีดที่เปื้อนเลือดกับเสื้อผ้าของคนที่ตาย
จอมเองก็จัดการคนด้านขวาด้วยปืนเก็บเสียงแน่นิ่งไปแล้วเหมือนกัน เขากำลังเดินไปที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะดันเข้าไปเบา ๆ ภายในเป็นบ้านสองชั้น มีข้าวของอยู่เต็มไปหมด ทำให้ง่ายต่อการหลบซ่อน
จอมคิดว่าต้องดึงความสนใจให้คนหนึ่งลงมาด้านล่างเสียก่อน ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ อย่างหาตัวช่วย ก่อนจะพบเข้ากับกระป๋องน้ำอัดลม เขาจึงหยิบมันขึ้นมาก่อนจะยืนหลบอยู่หลังตู้โชว์
“อาร์เอ็ม”
“ครับ”
“ทั้งสองห้องอยู่ห่างกันมากไหม”
“ก็ไม่มากเท่าไรสามสิบเมตรครับ” เพราะเป็นบ้านสองชั้นและหลังใหญ่พอสมควรเลยอยากถามให้แน่ใจ จอมคิดว่าอีกไม่นาน คนของท่านวิเศษต้องแห่มาแน่ ๆ เพราะเขาต้องสงสัยหลังจากที่เกิดเรื่องภายในงาน
“อือ ซีเครายงานมาไหม”
“ซีเคกำลังติดเครื่องรออยู่ครับ...แต่ดูเหมือนแผนการจะเริ่มแล้วเพราะเห็นคนเริ่มกรูกันออกมา”
“อือ”
“รันเวย์เรียบร้อยไหม”
“ครับ...ผมจัดการมันได้แล้วกำลังจะเข้าไป”
จอมโยนกระป๋องน้ำอัดลมเพื่อเรียกร้องความสนใจจากด้านบน ก่อนเขาจะหลบเข้าไปในมุมมืดอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะใส่หูฟังของพวกมันที่เขาเอามาจากเวรยามด้านหน้าที่จัดการไปแล้ว
[“ข้างล่างมีอะไรมึงไปดูสิเดี๋ยวกูเฝ้าบนนี้เอง”] หนึ่งในเวรยามเอ่ยขึ้น แค่นี้จอมก็รู้แล้วว่ารามอยู่ห้องไหนเพราะเหตุการณ์แบบนี้มันต้องเลือกเฝ้าสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่แล้ว
[“เออ”] เวรยามอีกตอบรับพร้อมกับจอมได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังเดินลงมาทางตนเอง
จอมแสยะยิ้ม โง่ฉิบหาย ชายหนุ่มคิดในใจ
เวรยามเดินสำรวจไปทั่วบ้าน จอมกำลังยืนมองมันอย่างใจเย็น ก่อนจะเห็นมันกำลังจะเดินมาทางนี้
“หยุด” จอมใช้ปืนจ่อเข้าที่หัวทันที โดยที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัว “วางปืนมึงลงช้า ๆ ...เออนั่นแหละ” จอมบอกกับมันและมันก็ทำตาม เวรยามวางปืนลงที่พื้นก่อนมันจะยืนเต็มความสูงและยกมือขึ้นทั้งสองข้าง
“เดินไป” จอมใช้ปืนจี้ให้มันเดินไปอีกทางในห้องโถง รันเวย์ที่เห็นทางสะดวกชายหนุ่มจึงรีบขึ้นไปด้านบนทันที ก่อนทั้งสองคนจะได้ยินเสียงของอาร์เอ็ม
“พี่จอมเร็วครับ แห่มากันแล้ว” อาร์เอ็มรายงาน ชายหนุ่มที่นั่งดูกล้องวงจรปิดที่แฮ็กทั่วบริเวณก็เห็นว่ารถกระบะคันสีดำที่มีชายฉกรรจ์อยู่เต็มด้านหลังกำลังเลี้ยวเข้ามาตรงหน้าปากซอย
จอมชะงักนิดหนึ่ง ก่อนเวรยามจะอาศัยจังหวะสับศอกใส่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง จนปืนหลุดกระเด็นไปอีกทาง จอมสะบัดหน้าไล่ความมึนงง และเห็นว่ามันกำลังวิ่งไปหยิบปืน ชายหนุ่มจึงอาศัยความไวกระโดดถีบจนคนร้ายถลาไปชนกับขอบโต๊ะ ก่อนมันจะหันมาสวนหมัดเข้าใส่แต่จอมหลบทัน
ชายหนุ่มจึงเตะเข้าไปที่หน้าท้องของมันเต็มแรง เวรยามทรุดตัวกุมท้องมันเงยหน้าขึ้นอย่างเจ็บปวดประจวบกับจอมเตะเสยเข้าที่ใบหน้าของมันจนหงายหลังนอนแน่นิ่งไป
“เฮียรีบเร็ว...รถใกล้เข้ามาถึงแล้ว” อาร์เอ็มยังคงรายงานด้วยน้ำเสียงร้อนรน จอมจึงรีบขึ้นไปดูด้านบนเห็นรันเวย์จัดการเวรยามอีกคนแน่นิ่งไปพอดี
“ห้องนี่แหละ” จอมเอ่ยบอกก่อนจะใช้ปืนยิงไปที่ลูกบิดประตู ขณะที่รันเวย์หยิบกุญแจออกมาจากเวรยามที่นอนแน่นิ่งชายหนุ่มชูมันขึ้นก่อนจะสะบัดเบา ๆ แล้วเลิกคิ้วไปที่กุญแจ
กริ๊ง กริ๊ง
“ไม่ทันใจ” จอมบอกยกยิ้ม ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
ปัง!!! แต่ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะมีอีกคนข้างใน มันยิ่งสวนออกมา กระสุนถากเข้าที่ลำแขนของจอมพอดี
“สัสเอ๊ย” รันเวย์สบถก่อนจะเหวี่ยงแขนปล่อยมีดสั้นออกไปเข้าปักตรงกลางหน้าผากจนมิดด้าม ทำให้เวรยามคนนั้นล้มลงกับพื้นสิ้นใจตายทันที
“พี่จอมเป็นไรเปล่า”
“ไปช่วยไอ้รามก่อน” จอมกุมแขนด้วยใบหน้าเจ็บปวด ก่อนจะบอกให้รันเวย์เดินเข้าไปหาราม
“พี่จอมใกล้ถึงหน้าบ้านแล้วพี่” อาร์เอ็มยังคงรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รันเวย์ก็ได้ยินเหมือนกันจึงรับเข้าไปหาพี่ชายที่ถูกมัดสลบอยู่กับเก้าอี้ รันเวย์ตบหน้าพี่ชายเบา ๆ เพื่อปลุกเรียกสติ รามมีใบหน้าอิดโรย และรอยบาดแผลจากการโดนซ้อม ชายหนุ่มเงยหน้าบวมช้ำขึ้นช้า ๆ
“รัน”
“เฮียอย่าเพิ่งพูดอะไร” รันเวย์รับใช้มีดตัดเชือกออก ก่อนรามจะหลุดตัวตามแรงโน้มถ่วง ชายหนุ่มไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัว เพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากน้ำเปล่ามาทั้งอาทิตย์ วิเศษสั่งคนงดให้อาหารชายหนุ่มเว้นแต่น้ำเปล่า รามจึงแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงแล้วตอนนี้
“ไปเถอะ” จอมเอ่ยบอก
“พี่จอมอยู่หน้าบ้านแล้วพี่” เสียงอาร์เอ็มยังคงรายงานไม่หยุด
“เชี่ยเอ๊ย” รันเวย์สบถอีกครั้ง ตอนนี้ชายหนุ่มพยุงรามเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ถือปืน
“เอาไงดีพี่จอม” เขาเอ่ยถามเพราะจะลงไปด้านล่างไม่ได้แล้ว คนของคุณวิเศษกำลังกรูกันเข้ามา แต่เพราะบ้านหลังใหญ่มากและไม่รู้ว่าพวกเขามากันกี่คน ทำให้พวกมันเองก็ต้องระวังตัวเหมือนกัน
จอมเองก็ออกไปมองทางหน้าต่างชั้นสองของตัวบ้าน ชายหนุ่มมองดูมันสูงห่างจากพื้นไม่เกินเก้าเมตร แต่ดีที่มีหลังคาเล็ก ๆ ตรงช่องหน้าต่างให้พอยืนได้แต่มันก็แคบมาก ๆ แต่เขาตัดสินใจแล้วจะให้ทั้งคู่ลงไปก่อน
“มึงลงไปก่อน” จอมบอกกับรันเวย์ เสียงข้างนอกก็เริ่มดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วตอนนี้ รันเวย์จึงตัดสินใจ ส่งรามให้กับจอม “พี่แหละไป...ผมจะรับมือพวกมันเอง”
“รัน” เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียก
“พี่จอมขึ้นมาบนชั้นสองแล้วพี่” อาร์เอ็มยังคงรายงานสถานการณ์ เพราะอีกไม่นาน มันต้องตรงมาที่ห้องนี้แน่นอน
“ฝากเฮียด้วยนะพี่จอม” รันเวย์ดันตัวของรามไปให้จอม มือที่กำเสื้อน้องชายไว้แน่นไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงจึงทำให้หลุดอย่างง่ายดาย
“ไป!” รันเวย์ตะคอกสั่งก่อนจะหยิบมีดพับคู่ใจยัดใส่มือของพี่ชาย รามเองก็กำเอาไว้แน่น
“ระวังตัวด้วย” จอมบอกก่อนจะพารามออกไปทางหน้าต่าง
เสียงพวกมันอยู่หน้าประตูแล้วตอนนี้ รันเวย์ชะโงกมองทั้งสองที่กำลังลงไปแล้ว เขาหันกลับมาชายหนุ่มน้ำตาคลอแล้ว หลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะหยิบระเบิดออกมาจากกระเป๋าสะพายด้านหลัง ชายหนุ่มเอามาเผื่อโดยไม่คิดเลยว่ามันจะได้ใช้จริง ๆ
“ลาก่อน” รันเวย์ดึงสลักพร้อมกับที่พวกมันกรูกันเข้ามา เขาแสยะยิ้มก่อนจะปล่อยมันหลุดลงจากมือให้ร่วงตามแรงโน้มถ่วง
ตูม!!!!
ทั้งสองคนที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้นทรายหันกลับไปมองตามเสียงทันที
“รัน” รามหลุดเสียงออกมาเบา ๆ จอมเองก็นิ่งค้างไปเลยเหมือนกัน เพราะเป็นห่วงรันเวย์
“มึงจะไปไหนไอ้ราม” จอมได้สติอีกครั้งเมื่อรามหยิบปืนที่แนบอยู่ตรงเอวของตนขึ้นมาแล้วทำท่าจะเดินกลับเข้าไป
“ปล่อยกู” รามใช้แรงเพียงน้อยนิดสลัดจอมออกแต่มีหรือแรงแค่นั้นจะทำอะไรชายหนุ่มได้
“ตั้งสติไอ้ราม...มึงกลับเข้าไปก็ตาย” จอมจับต้นคอของรามให้หันมามองที่ตนเองก่อนจะตะคอกเพื่อเรียกสติ
“แต่...ไอ้รันอยู่ในนั้น” รามพูดออกมาเสียงเบา
“อาร์เอ็ม...เกิดอะไรขึ้น” จอมจึงหันไปถามอาร์เอ็มแทน
แต่ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบ รามก็ขัดขืนขึ้นมาอีกครั้งเพราะจะกลับเข้าไปให้ได้ จอมจึงใช้ฝ่ามือสับไปที่ต้นคอเพื่อให้รามสลบก่อนจะลากไปที่รถตู้โดยมีอาร์เอ็มนั่งกุมหัวเปิดประตูรออยู่แล้ว ชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นจึงเข้าไปช่วยพยุงรามออกมาจากจอมที่กำลังบาดเจ็บ ก่อนจะแบกเข้าไปด้านใน จอมเท้าเอวมองดูเพื่อนสนิทนิ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างคิดไม่ตก
“มึงเห็นไอ้รันไหม...มันทำอะไร” จอมเอ่ยถามอาร์เอ็มที่ก้มหน้านิ่งเช่นกัน “กูถามว่ามึงเห็นใช่ไหม”
“ผมเห็นแค่แสงไฟออกมาจากในห้องแล้วกล้องก็ดับไป” อาร์เอ็มตอบตามความจริง เพราะข้างในห้องนั้นมันไม่มีกล้องอยู่แล้ว จะมีก็แต่หน้าห้องแต่เขาเองก็ไม่ได้เห็นอะไรนอกจากสิ่งที่ได้เล่าออกไป
“ไปจากตรงนี้กันก่อน” เมื่อสติกลับมา จอมจึงสั่งอีกครั้งก่อนอาร์เอ็มจะขึ้นไปประจำที่คนขับและขับออกไปจากตรงนั้นทันที
......................................................
ไรท์ไม่รู้จะพูดอะไรเลยบทนี้ โปรดคอมเม้นด้วยความสุภาพนะคะ
Runway : Image Park jimin BTS

ชื่อตอนตั้งใจเด้อ....
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
