ตอนที่ 4 : เพราะกูคงไม่มีใคร
บลูเดินผิวปากเข้ามาในบ้าน เนื้อตัวของชายหนุ่มเปียกเปื้อนเลอะเทอะไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้าและทรงผมที่ยุ่งเหยิงจนดูแทบไม่ได้ ถ้าเป็นเวลาอื่นปานนี้เขาคงโมโหไปแล้ว ผิดกับวันนี้ ที่เขารู้สึกเหมือนได้เล่นสนุกและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากที่ชายหนุ่มอาบน้ำเสร็จเขาก็เดินลงมาที่โต๊ะอาหารในเวลาต่อมา ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา จะขาดก็แต่หัวหน้าครอบครัวเท่านั้น เพราะคงจะมีงานด่วนอีกเช่นเคย
“ป๊าละครับ” บลูเอ่ยถามคุณแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ป๊าไปดูงานที่สิงคโปร์จ้ะ” ถึงแม้ว่าคนเป็นแม่จะตอบชายหนุ่มน้ำเสียงปกติ แต่สีหน้ากลับนิ่งเรียบคล้ายกับกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“พรุ่งนี้มึงเข้าประชุมแทนป๊าด้วย” บอมเอ่ยบอก
“มีเรื่องอะไรสำคัญเหรอเฮีย ทำไมต้องให้บลูเข้าแทนด้วย” บลูถามพี่ชายคนโตอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าไม่มีเรื่องอะไรเขาไม่ค่อยเข้าไปที่บริษัทใหญ่นักหรอก
“ว่าจะให้ไปดูงานที่มาเก๊า” บอมตอบบลูกำลังจะเอ่ยถาม แต่มารดาก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เรื่องงานเอาไว้ค่อยคุยได้ไหมจ๊ะ นี่บนโต๊ะอาหารไม่คิดจะคุยกับแม่บ้างเลยหรือไง” คุณหญิงพราวบ่นลูกชายทั้งสอง ดีนะที่บูมนั่งเงียบไม่งั้นคงโดนบ่นไปด้วยอีกคน
“หรือคุณแม่อยากไปมาเก๊าด้วยกันไหมครับ” บลูยิ้มแล้วหันมาหยอกเย้าเอ่ยถามมารดาอย่างไม่จริงจังนัก หวังอยากให้ท่านอารมณ์ดี
“แม่ก็อยากไปนะ ไม่เจอเหม่ยหลิงตั้งนานแล้ว” คำพูดของมารดาทำเอาบลูงงนิดหน่อย ใครกันเหม่ยหลิง
“ใครเหรอครับ”
“เพื่อนของแม่เองจ้ะ แต่บลูเองคงจะจำไม่ได้ เพราะตอนไปฮ่องกงตอนนั้นบลูยังเด็กมาก” มารดาตอบและอมยิ้มคล้ายกำลังนึกถึงความหลัง
“ไปครั้งนี้อาจจะได้เจอ เพราะมึงต้องไปติดต่องานกับลูกชายเขาด้วย” เฮียบอมเอ่ยบอกแล้วก็วนมาเรื่องงานอีกจนได้
“ดีเลย แม่จะได้ฝากของฝากไปด้วย” คุณหญิงพราวบอกอย่างอารมณ์ดี ลืมความขุ่นมัวของสามีบ้างานไปแทบสนิท
“ไหนบอกไปมาเก๊า...จะไปให้ไปฮ่องกงอีกละ เอาไงกันแน่เฮีย” บลูบ่นอย่างไม่จริงจังนักเพราะเขาก็แบบนี้แหละ ขี้บ่น แต่ก็ตั้งใจทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี
“มันก็ใกล้ ๆ กัน... มึงแวะไปคุยเรื่องโรงแรมกับไคก่อน” บอมบอกกับน้อง
“โอ๊ย ปวดหัว...ขึ้นเงินเดือนพร้อมโบนัสให้ด้วยนะเฮีย”
“เออ มึงเจรจาให้เขายอมให้เอาทัวร์ลงสำเร็จก่อนเถอะ มึงค่อยมาขอขึ้นเงินเดือน” บอมว่าก่อนจะส่ายหัว และอีกเช่นเคย บูมได้แต่นั่งเงียบเพราะเขาไม่เข้าใจธุรกิจด้านนี้เท่าไหร่นัก
“เดี๋ยวมึงไปบอกไอ้รามด้วยละกัน ให้เดินทางกันพรุ่งนี้เลย” บอมสั่งอีกครั้ง เพราะถ้าให้บลูไปคนเดียวไม่รู้จะได้เรื่องไหม
“สั่งเก่งสั่งจริงสั่งจัง” บลูยังคงบ่น
“พูดมาก”
“พอได้แล้วจ้ะ” มารดาต้องเอ่ยห้ามอีกครั้ง ทั้งสองคนเลยเงียบแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานแทน เพราะเดี๋ยวมารดาพาลงอนขึ้นมาจริง ๆ จะแย่เอาได้
หลังจากที่กินข้าวเสร็จบลูก็เดินผ่านสวนหลังบ้านเพื่อเดินไปที่บ้านของราม ชายหนุ่มเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง ก่อนนมอ่อนจะเป็นคนมาเปิด
“อ้าวคุณบลู เข้ามาก่อนซิคะ” นมอ่อนเปิดประตูออกกว้างก่อนจะเชื้อเชิญอีกคนให้เข้ามาในบ้าน
“ไอ้รามละครับนม” บลูเอ่ยถามทันที เมื่อมองไปยังหน้าทีวีก็ไม่เจอ
“อยู่ข้างบนค่ะ... กำลังอาบน้ำ เพิ่งกินข้าวเสร็จเมื่อกี้นี้เอง” นมอ่อนบอกแล้วยิ้มให้คุณบลูของเธอ
“เดี๋ยวผมขึ้นไปหามันก่อนนะครับ” บลูบอกก่อนจะเดินไปหอมแก้มนมอ่อนและขึ้นไปด้านบน
ชายหนุ่มหมุนลูกบิดประตูเข้าไปทันทีที่เดินมาถึง เขามองเข้าไปในห้องนอนเล็ก ๆ แคบ ๆ แห่งนี้จนทั่วก็ยังไม่เจอคนที่ต้องการ แต่ด้วยความที่สนิทสนมเข้านอกออกในบ้านหลังนี้บ่อย ๆ เขาจึงถือวิสาสะเดินเข้ามาด้านในห้องนอนของบอดี้การ์ดหนุ่มทันที
บลูเดินสำรวจไปจนทั่ว รามยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิม ข้าวของทุกอย่างเก็บอย่างเป็นระเบียบ ช่างแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่บลูจะไม่ค่อยเรียบร้อยมากนัก เพราะมีรามคอยจัดการให้อยู่เสมอ
เขาเดินมาหยุดดูกรอบรูปใบเดิมที่เคยถ่ายด้วยกันตั้งแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย รามวางมันเอาไว้ที่ข้างหัวเตียง บลูจึงยิ้มและหยิบมันขึ้นมา
แหม...เขานี่มันหล่อจริง ๆ
ชายหนุ่มมองวิเคราะห์ใบหน้าของตนเองก่อนจะวางมันลงตรงที่เดิม สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสร้อยล็อกเกตเงินเส้นหนึ่งวางอยู่ สร้อยเส้นนี้เขาเห็นรามใส่มานานมากแล้ว แต่ไม่เคยแม้จะเอ่ยถามหรือเปิดมันดูเลยสักครั้ง
“สวยดีเหมือนกันแฮะ” บลูหยิบมันขึ้นดูใกล้ ๆ แต่ไม่ได้เปิดดูภายใน เขาสังเกตดูที่ภายนอกมันมีสัญลักษณ์อะไรสักอย่างแปลก ๆ เขาดูแล้วมันก็สวยดี เหมือนตราประจำตระกูลในหนังไม่มีผิด
“คุณบลูมาตั้งแต่เมื่อไรเหรอครับ” รามที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้น บนตัวก็มีหยดน้ำเกาะแพรวพราวตามมัดกล้ามที่สมบูรณ์แบบของคนที่ออกกำลังกายบ่อย ๆ
“มารอตั้งนานละ...ลีลาฉิบหายอาบน้ำหรือไปทำอะไรมาวะ” บลูวางสร้อยล็อกเกตลงก่อนจะหันมาหารามที่ยืนเช็ดผมอยู่
“ขอโทษครับ ไม่รู้ว่าคุณจะมา” รามเอ่ยบอกขณะที่เขากำลังยืนเช็ดผมอยู่อย่างนั้น ไม่มีคำว่าอายไม่มีอะไรต้องหลบ เพราะทั้งสองคนอยู่กันมาทุกช่วงเวลาของชีวิต เรียกได้ว่าเห็นของกันและกันจนเบื่อ
“เออ ๆ ” บลูว่าก่อนจะนั่งลงบนเตียง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดรีโมตเปิดแอร์เสร็จสรรพ รามมองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเอ่ยถาม
“คุณบลูมีอะไรเหรอครับ”
“พรุ่งนี้เฮียจะให้ไปดูงานที่มาเก๊า เตรียมตัวด้วย” บลูว่าพร้อมกับเลิกผ้านวมบนเตียงขึ้นแล้วล้มตัวลงทันที
“ครับ” รามเดินไปใส่กางเกงนอนหลังจากที่เช็ดผมจนแห้งดีแล้ว ก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวไปตากแล้วเดินกลับมา คุณบลูของเขาก็หลับตาลงแล้ว รามมองก่อนยกยิ้มเบา ๆ
“คุณบลูจะนอนนี่เหรอครับ” รามเอ่ยถามขณะที่กำลังเดินไปปิดไฟ
“เออ กูขี้เกียจเดินกลับ” บลูเอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา รามยกยิ้มอีกครั้งก่อนจะปิดไฟทำในห้องเหลือเพียงแค่แสงจากด้านนอกที่สะท้อนเข้ามาราง ๆ แค่นั้น เขาเดินกลับมาล้มตัวลงนอนบนที่นอน เขยิบห่างออกไปจนชิดขอบเตียง
“นอนอะไรซะชิด เขยิบมาดิวะ” บลูว่าขณะเอื้อมมือข้ามตัวของรามไปจับขอบเตียงอีกฝั่ง และเป็นจริงดังคาด บอดี้การ์ดของเขานอนซะชิดขอบเหมือนดังเช่นเคย แต่ที่น่าแปลกเพราะทุกครั้งเขาเองก็ไม่เคยใส่ใจแต่ครั้งนี้กลับรู้สึกหงุดหงิดรำคาญอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวคุณจะนอนไม่สบาย” รามตอบก่อนจะพลิกตัวกลับมา หันหน้าเข้าหากันแล้วหลับตาลง
“ไม่ต้องเสือกรู้มาก มึงมันชอบเสือกประจำ” บลูว่าก่อนจะขยับไปนอนที่หมอนของตัวเอง และหลับตาลงในความมืด
รามลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นสักพัก ชายหนุ่มนอนตะแคงข้างมองบลูที่นอนหลับตาด้วยสายตาอ่อนโยน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองนอนบนเตียงเดียวกัน บลูเคยมานอนอยู่ที่นี่หลายครั้งแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ดูเหมือนพอเริ่มโตด้วยหน้าที่การงานและอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้นานมากแล้วที่บลูไม่ได้มา
รามนอนมองบลูอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าได้หลับสนิทแล้วเขาจึงค่อย ๆ ขยับตัวเอื้อมมือไปจับมือเย็นเฉียบที่อยู่นอกผ้านวม สอดเข้าไปอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา รามมองบลูในระยะใกล้เหมือนโดนมนต์สะกด แล้วค่อย ๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปหอมแก้มบลูในความมืดเบา ๆ
“ฝันดีนะครับ” รามกล่าวเบาราวกับกระซิบแล้วถอนใบหน้าออกมา ล้มตัวนอนลงชิดขอบเตียงและก็หลับตาลงไปทั้งรอยยิ้ม
บลูลืมตาขึ้นมาในความมืด ใบหน้าของเขานิ่งสนิท ชายหนุ่มไม่ได้ขยับตัวหรือทำอะไร ยังคงนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิมอีกทั้งเมื่อกี้เขาก็ยังไม่ได้หลับอีกด้วย
เช้าวันต่อมา
ทั้งสองมาถึงบริษัทในเวลาต่อมา ก่อนจะเข้าประชุมกับพี่ชายตามคำสั่งที่ได้รับเมื่อวาน และหลังจากที่ประชุมจนเสร็จก็เดินทางไปที่สนามบินต่อทันที
“คุณบลูหิวไหมครับ” รามเอ่ยถามขณะดูนาฬิกาที่ข้อมือบ่งบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว
“อือ” บลูตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหลับตาลง รามได้แต่มองเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง และอยู่ดีๆ บลูก็ลืมตาขึ้นทั้งสองคนจึงสบตากันเข้าพอดี
“มึงแค่มีแฟนไหม?” อยู่ดี ๆ บลูก็ถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย รามมองสบตาผ่านกระจกหลังอีกครั้งก่อนจะตอบ
“ไม่ครับไม่เคย...แล้วทำไมคุณถึงไม่มีล่ะครับ” รามตอบเรียบนิ่งก่อนจะย้อนถาม
“ทำไมกูต้องมีด้วยวะ” บลูไม่อยากมีความรักเพราะคิดว่าพวกผู้หญิงมีให้เลือกเยอะแยะ ทำไมเขาจะต้องเอาชีวิตอิสระไปผูกมัดไว้กับใครด้วย
“คุณก็ลองซิครับ...จะได้รู้ว่ามันดียังไง”
“มึงพูดเหมือนเคยมีอย่างงั้นแหละ” รามยกยิ้ม
“ผมต้องดูแลคุณ ไม่มีเวลาไปดูแลคนอื่นหรอกครับ” เพราะผมจะดูแลคุณไปตลอดชีวิตของผมหรือตราบที่คุณยังคงต้องการ ประโยคหลังรามได้แค่คิดในใจ แต่สายตายังคงจับจ้องมองบลูผ่านกระจกมองหลังอยู่ เหมือนเขาต้องการจะบอกกับเจ้านายผ่านมันอย่างไรอย่างนั้น
“งั้นมึงก็คงอยู่กับกูไปแบบนี้แหละเพราะกูคงไม่มีใคร...นอกจากมึง” คำตอบของบลูเกือบทำชายหนุ่มหลุดยิ้มแต่ดีที่เขาเก็บสีหน้าได้ทัน รามไม่รู้หรอกว่าเจ้านายจะหมายถึงอยู่แบบไหน เขาไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว ไม่เคยคิดอาจเอื้อม ขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลก็เพียงพอแล้ว
และไม่นานทั้งคู่ก็ขับมาถึงสนามบิน รามเดินไปเช็กอินให้เจ้านายจนเรียบร้อย ทั้งสองจึงเดินเข้าเกทไปพร้อมกัน โดยมีรามเข็นรถเข็นกระเป๋าเดินตามหลัง
........................................
ยังไงคุณบลูอ่อยเก่ง......ให้ความหวังเก่ง

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
