ตอนที่ 2 : ไม่เข้าใจ...
บอดี้การ์ดหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาลุกขึ้นนั่งแล้วสะบัดหน้าสองสามครั้ง ก่อนจะเสยผมขึ้นลวก ๆ ดวงตาคมมองไปยังห้องของเจ้านายที่ยังคงปิดสนิท ร่างกายสูงสมส่วนลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องที่เขาใช้ล้างหน้าล้างตาเมื่อคืน เพื่อใช้อีกครั้ง
จากนั้นไม่นานรามก็เดินตรงไปยังห้องนอนของเจ้านายทันที เพื่อที่จะได้ปลุกชายหนุ่มไปทำงานเพราะวันนี้มีประชุมสำคัญ
“คุณบลูครับ คุณบลูตื่นเถอะครับ วันนี้มีประชุมนะครับ” รามพยายามปลุกชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์
“รำคาญ กูจะนอน” บลูงัวเงียตอบกลับมาก่อนจะเอาหมอนปิดหูเพื่อหลับต่อ
“คุณบลูครับ วันนี้สำคัญมากจริง ๆ นะครับ ท่านประธานก็จะเข้าร่วมประชุมด้วยนะ” เมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลรามรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรต่อจากนั้น เขาจึงใช้ท่านประธานมาเป็นข้ออ้างเพื่อปลุกให้เจ้านายตื่น
“เออ ไม่ต้องเอาป๊ามาขู่กู” เจ้าตัวพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมแกะตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน ร่างกายกำยำสมส่วนเปลือยท่อนบนลุกขึ้นนั่ง โดยมีผ้านวมคลุมจุดล่อแหลมอยู่
รามเดินไปหยิบผ้าขนหนูส่งให้ ไม่ต้องบอกรามก็รู้ว่าอีกคนไม่ได้ใส่อะไรนอนสักชิ้น บลูรับมาพาดไว้บนบ่า ก่อนเขาจะสะบัดผ้านวมออก ลุกขึ้นเดินโทง ๆ ไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่ได้สนคนที่ยืนอยู่ในห้องด้วยสักนิดเลย
รามได้แต่มองตามหลังไป ก่อนจะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมชุดสูทให้ไม่เว้นแม้แต่เนกไท นาฬิกา หรือแม้กระทั่งถุงเท้า รองเท้า ที่เข้าชุดกัน
หลังจากเตรียมทุกอย่างจนเสร็จสรรพก็ออกไปจัดการอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เจ้านายต่อ รามอยู่กับบลูมานานจนรู้ใจกันมาก รู้หมดทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งความคิด ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
“มึงไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า?” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จบลูที่กำลังใส่นาฬิกาหรูราคาแพง ก็เดินออกมาถามรามที่กำลังตั้งโต๊ะอาหารเช้าอยู่
“ครับ เดี๋ยวผมค่อยเปลี่ยนตอนคุณบลูไปถึงบริษัทแล้วก็ได้ครับ” รามเอ่ยเสียงราบเรียบ ขณะกำลังจะเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้านาย
“ไม่ต้อง มึงจะเสียเวลาทำไม ตามกูมา” บลูไม่ได้นั่งลงแต่เดินนำบอดี้การ์ดเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง เขาเดินไปในห้องแต่งตัวและเปิดตู้เสื้อผ้า เพื่อหาชุดสูทให้รามใส่ไปก่อน
“อะ...มึงจะไปไหน อาบนี่แหละยุ่งอยากฉิบหาย” บลูยื่นมันส่งให้ ก่อนรามจะรับไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่เจ้านายก็ห้ามไว้เสียก่อน แล้วบอกให้เข้าไปอาบในห้องนอนของตนแทน
“เร็ว ๆ มึงรีบไม่ใช่หรือไง” บลูเร่งอีกครั้งเพราะเห็นอีกคนยังลังเล ไม่รู้ว่าจะอะไรหนักหนา ทั้ง ๆ ที่ก็โตมาด้วยกันแท้ ๆ เรียนก็เรียนมาด้วยกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาและทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่เคยจะมีตอนไหนที่ห่างกันเพราะอยู่ด้วยกันจนชิน จนมารู้ตัวอีกตอนนี้ก็อายุจะสามสิบเข้าไปแล้ว แต่รามก็ยังคงเป็นราม อยู่เหมือนเดิม เจียมตัวและไม่เคยล้ำเส้น
รถBMW M4 แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบริษัทตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงเทพมหานคร บลูจัดการความเรียบร้อยของเสื้อผ้าและติดกระดุมที่ชุดสูทก่อนจะก้าวลงจากรถโดยมีบอดี้การ์ดเปิดประตูรอไว้อยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ลงไปยืนเรียบร้อยเสียงชัตเตอร์พร้อมแสงแฟลชจากนักข่าวก็รัวใส่ชายหนุ่มจากทั่วทุกสารทิศ ไม่รู้ว่ากล้องไหนเป็นกล้องไหน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถตู้อีกคันแล่นเข้ามาจอด ท่านวิเศษและคุณหญิงพราว พร้อมลูกชายอีกสองคนก้าวลงมาจากรถ โดยมีบอดี้การ์ดนับสิบกว่าชีวิตตามลงมาประกบไม่ห่าง และเช่นเดิมนักข่าวรัวแสงแฟลชใส่ไม่ยั้งเช่นกัน
“ท่านคะ มองกล้องนี้หน่อยค่ะ”
“ท่านคะกล้องนี้ด้วยค่ะ” เสียงนักข่าวตะโกนแข่งกันเพราะอยากได้รูปสวย ๆ ไปทำข่าว และเมื่อนักข่าวถ่ายรูปจนพอใจ เหล่าบอดี้การ์ดของท่านวิเศษก็กันนักข่าวออกไปเพื่อให้เจ้านายทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในได้สะดวก
“นึกว่าบลูจะมาไม่ทันซะแล้ว” คุณหญิงพราวเอ่ยขึ้นกับลูกชายคนเล็ก เพราะเมื่อคืนชายหนุ่มไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านใหญ่
“โธ่ คุณแม่ครับ มีไอ้รามทั้งคนจะกลัวอะไรล่ะครับ” บูมเอ่ยขึ้นอย่างหยอกเย้า
“เหอะ ถ้าไม่ได้ไอ้ราม มีหรือมันจะตื่น” ท่านวิเศษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ บลูไม่ได้พูดอะไรออกไป ทำได้แค่ยืนนิ่ง ๆ มองตรงไป
ทั้งหมดออกจากลิฟต์มายังห้องประชุมในเวลาต่อมา ส่วนคุณหญิงก็เข้าไปรอในห้องรับรองแทน และเมื่อทุกคนนั่งประจำที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วคุณวิเศษจึงกล่าวเปิดการประชุมกับหุ้นส่วนและกรรมการที่เกี่ยวกับธุรกิจ ดับเบิล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มีการยักยอกเงินค่าโฆษณา เลยทำให้ต้องมีการประชุมร่วมกันในวันนี้
ซึ่งต้องมีการโยกย้ายตำแหน่งใหญ่ในบริษัทอีกหลายตำแหน่งแน่ ๆ และถึงแม้ว่าวันนี้ท่านวิเศษจะยังไม่ทำอะไรมากนักเพื่อเป็นการประนีประนอมแต่นั่นก็เปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าท่านวิเศษไม่ได้มีเพียงธุรกิจถูกกฎหมายเพียงอย่างเดียว ยังมีธุรกิจสีเทาอย่างอื่นอีกมากมาย ทั้งยังอยู่เบื้องหลังและเป็นนายทุนให้นักการเมืองอีกด้วย วันนี้ก็เลยเป็นเหมือนการเชือดไก่ให้ลิงดูเสียมากกว่า
“อย่างที่ทุกท่านทราบ คุณชัยวัฒน์กรรมการบริษัทของเราได้เสียชีวิตลงแล้วในเมื่อคืน ผมจึงเห็นควรว่าต้องแต่งตั้งตำแหน่งใหม่มาทดแทนตำแหน่งเก่าที่ขาดหาย รวมถึงมีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับแผนการตลาดใหม่ในไตรมาสที่กำลังจะมาถึงนี้ด้วย และผมในฐานะประธานบริษัทขอแต่งตั้งบูกิตเป็นประธานคนใหม่ และบริณตเป็นรองประธานบริษัทครับ จะมีใครจะคัดค้านอะไรไหม” หลังจากท่านวิเศษพูดจบในห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงคัดค้านหรือซุบซิบอะไรเล็ดลอดออกมา เมื่อเห็นดังนั้นทุกคนจึงลุกขึ้นปรบมือเสียงดังกึกก้องไปทั่วห้องประชุม ทั้งสามคนพี่น้องจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะก้มนิดหนึ่งอย่างสุภาพ
หลังจากนั้นไม่นานก็อนุญาตให้นักข่าวได้เข้ามาเก็บภาพได้ ก่อนจะขอสัมภาษณ์คุณวิเศษ เลยมาถึงพี่ชายคนโตอีกคน
“รู้สึกอย่างไรบ้างคะ ที่ชวดตำแหน่งประธานบริษัท” นักข่าวเอ่ยถามอย่างเสียมารยาทกับบรรณวิชญ์ลูกชายคนโต ซึ่งอดนั่งแท่นประธานบริษัทเพราะหวยดันไปออกที่บูกิตลูกชายคนรองแทน
“ผมต้องรู้สึกอย่างไรเหรอครับ ไม่ว่าผมจะอยู่ตำแหน่งไหนยังไงเราก็คือจิระอรรถวรกุลอยู่ดี” บอมตอบนิ่ง ๆ ตามสไตล์ เพราะถึงอย่างไรบริษัทที่อยู่ในเครือก็ขึ้นตรงกับลูกชายคนโตที่เป็นประธานอยู่ดี
“แล้วอีกอย่างน้องชายของผมก็มีความรู้ความสามารถ ถึงเขาจะอยู่ในตำแหน่งไหนยังไง ผมว่าเขาจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ” ดูเหมือนว่าคำตอบของบอมจะทำนักข่าวท่านนั้นหน้าชาไปแล้ว บูมเองก็ได้แต่ยิ้มเพราะพี่ชายคนโตไม่ค่อยได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาหรอก นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นวันของเขาคงตอกกลับไปแรงกว่านี้เสียอีกด้วยซ้ำ
“แล้วคุณบริณตรู้สึกอย่างไรบ้างคะ พูดอะไรหน่อยค่ะ” นักข่าวสาวอีกคนเข้ามาถามชายหนุ่ม แต่ก็ยังไม่ทันได้ตอบอะไร บอดี้การ์ดของท่านวิเศษก็เข้ามากันออกไปเสียก่อน บลูเลยได้แต่ยิ้มให้นักข่าวสาวคนนั้นก่อนจะยื่นนามบัตรส่งให้ เธอสายตาช้อนมองนิดหน่อยมุมปากโปรยยิ้มและเดินจากไป
“หึ” บอมพี่ชายคนโตแสยะยิ้มให้น้องชายทีหนึ่งอย่างรู้ทัน
“อะไรเฮีย” บลูทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วเดินนำคนอื่น ๆ เข้าลิฟต์ไปก่อน โดยมีรามที่ยังเดินตามอยู่ห่าง ๆ
“มึงนินะ” บอมพูดเพียงนิดเดียวก่อนจะเดินตามออกไป
รามขับรถมาที่คอนโดของบลูในเวลาต่อมา ชายหนุ่มผิวปากอย่างอารมณ์ดีโดยมีรามเดินถือเสื้อสูทตัวนอกเดินตามมาด้านหลัง บลูเปิดประตูเข้ามาด้านในก่อนจะนั่งที่โซฟากลางห้อง มือก็คลายเนกไทออกเพื่อระบายความอึดอัดแล้วโยนมันลงไปกองอยู่ที่พื้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบวิสกี้มารินใส่แก้วใบใส รามเห็นดังนั้นจึงเดินไปเก็บเนกไทให้ชายหนุ่มและเอาไปใส่ตะกร้าพร้อมกับเสื้อสูทตัวนอก
“วันนี้นักข่าวคนนั้นจะมาหากู เตรียมห้องให้ด้วย” บลูสั่งขึ้นขณะกำลังจิบวิสกี้อย่างอารมณ์ดี รามได้แต่รับคำเบา ๆ และเดินไปอีกห้องหนึ่งเพื่อจัดการตามที่เจ้านายต้องการ
ห้องที่ต้องเตรียมมันก็คือห้องเดียวกันกับที่เขาใช้มันล้างหน้าล้างตาในเมื่อคืนและนั้นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่เข้ามาใช้นอน
“เสร็จแล้วคุณบลูจะไปไหนอีกไหมครับ” หลังจากที่จัดการจนเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินออกมาเอ่ยถามเจ้านายที่กำลังนั่งจิบวิสกี้ราคาแพงอย่างใจเย็น
“ไม่”
“งั้นผมขอกลับบ้านเลยนะครับ” รามเอ่ยขึ้นและไม่ได้รอฟังคำตอบ เขาเดินออกไปด้านนอกทันทีปล่อยให้บลูมองตามหลังอย่างไม่เข้าใจ
....................................................
แรกๆ ก็ยังไม่ค่อยจะมีอะไรเน่อ ปูไปก่อนจร้า
โปรดคอมเม้นด้วยความสุภาพ อย่าลืมอ่านคำแนะนำ ถ้าพอร์ตไม่ถูกใจผ่านได้เลยจร้า
*เปิดตัวคุณบอม คุณบูม และคุณบลู คร้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
