ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Life Reset รีเซทชีวิต : การกลับมาของผู้แบกความแค้น [ภาค 1]

    ลำดับตอนที่ #2 : ต่างโลก

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 61


     ณ พื้นที่ปริศนามันมืดมิดไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด หากในครรลองสายตาปรากฏดวงดารานับไม่หมดขึ้นอย่างมากมายมันเป็นเหมือนห่วงอวกาศ

     แต่พวกเขาทุกคนสามารถหายใจ.. พวกเขาในที่นี้คือปีสองห้องสามทั้งหมดแลเอาจารย์อีกสองคนกำลังอยู่ท่ามกลางสิ่งที่คล้ายอวกาศที่ไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาทุกคนอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น....

     และในที่สิ้นหลังจากผ่านไปไม่นานก็มีสุ้มเสียงอันทรงพลังดังขึ้นเมื่อเสียงนี้ดังขึ้นความรู้สึกกดดันนั้นถูกปลดปล่อยออกมา แม้จะไม่ใช่เพื่อขู่ แต่ราวกับว่ามันกลัวโดยสัญชาติญาน

    『เหลาผู้ถูกเลือกเอ่ย... ข้ามีนามว่า เซเลส หรือพระเจ้าแห่งโลกระดับกลาง...』

     "เอื๊อก" พวกเขาทั้งหมดที่ได้สติกลัลมาจากความกดดันพลันกลื่นน้ำลายคำใหญ่ด้วยความกลัวเหงือโชกไปทั้งร่าง พวกเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนนี้ไม่เพียงสามารถปริปากได้สักคำ

     อย่าว่าแต่ปริปากเลยหายใจยังลำบากพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมันเรื่องอะไรกัน! ทั้งๆที่เมื่อกี้กำลังนั่งเรียนอยู่แท้ๆ ในตอนนั้นเอง จู่ๆมีเสียงดังขึ้น "ฉี่...." เป็นเสียงของผู้ชายในห้องที่กลัวจนของเหลวไหลออกมา!!

    ถ้าหากมองเห็นใบหน้าของต้นเสียงจะเห็นเป็นดูหมิ่นเหยียดหยามเป็นอย่างมากเขากล่าวต่ออย่างเอื่อยเชื่อย ราวกับคิดว่า 'มันก็แค่นั้นล่ะ'

    『ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามายังจุดนี้ไม่ใช่อะไร.. พวกเจ้าทุกคนถูกเลือกให้เข้าสู่ดาวชั้นกลาง... เพื่อไปเป็นตัวแทนเพื่อช่วยโลก... เอาเถอะเมื่อพวกเจ้าไปถึงจะรู้เองเดียวข้าจะมอบของขวัญให้』

    พอกล่าวแบบนั้นจู่ๆก็มีแสงลอยเข้าสู่ร่างของนักเรียนทุกคนและอาจารย์ แต่ทว่ามีเพียงผู้เดียวที่ไม่ลอยเข้าไป.. และไม่ลอยหาเลย นั้นคือเซย์จิ! พวกนักเรียนแน่นอนไม่ได้สังเกตุ ขนาดหายใจยังไม่กล้าเลยในตอนนี้

     และเหตุผลไม่ใช่อะไร.. เพราะตอนนี้เขาได้ขมวดคิ้วและทำหน้าตาน่ารังเกียจใส่ต้นตอเสียงที่ไม่รู้ว่าอยู่จุดไหนเพราะเขานั้นรับรู้ถึงการเหยียดหยามจากน้ำเสียงที่กล่าวเมื่อครู่ จึงเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ

     ความจริงแล้วเขาเป็นคนเดียวด้วยซ้ำที่ยังตั้งสติได้เต็มร้อยในสถานะการนี้ ที่เขาสามารถรู้ถึงการเหยียดหยามเพราะตัวเขานั้นผ่านการโดนดูถูกเหยียดหยามมานาน เพียงแค่คนที่จ้องเขาก็รู้สึกว่าเหยียดหยามได้ หากอีกฝ่ายมองเช่นนั้น

    『โห่...』

    เสียงของคนที่ชื่อ เซเลส ที่อ้างตนว่าพระเจ้าจ้องมองมายังเซย์จิโดยไม่ทราบว่าจ้องมาจากทางด้านใดและในเวลาต่อมาจู่ๆแสงเกิดขึ้นรอบๆพวกเขาในห้องทั้งหมด!! ในตอนนี้เซย์จิเองยังไม่ได้รับสิ่งที่น่าจะเรียกว่าของขวัญเสียด้วยซ้ำ

     แต่ทว่าแสงก็ไม่ได้ห่อหุมร่างกายของเซย์จิด้วยเช่นกัน!! จนกระทั่งคนในนี้หายกันไปหมดมีเพียงเซย์จิคนเดียวที่ยังยืนอยู่ เซย์จิไม่ได้เกรงกลัว อาจจะเป็นเพราะความกาว ของตัวเอง... ไม่สิ เขาคงคิดว่าเป็นการอัญเชิญไปต่างโลกจากพระเจ้าไรงี้...

     ประมาณว่าไปแล้วตัวเองมีพลังที่เทพสุดๆกว่าคนธรรมดาซึ้งคือผู้กล้าอะไรทำนองนี้ มั้ง และเซเลสที่รับรู้เช่นนั้นเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

    『ฮ่ะ ฮ่าๆ ดีๆเจ้ามองโลกในหลายๆแง่ได้ไวดี!! ข้าติดใจเจ้าเข้าแล้วสิ ฮ่ะ ฮ่าๆ จะบอกว่าแค่ข้าคงไม่ได้ เอาล่ะนี้ของขวัญสำหรับเจ้า』

     เซย์จิเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้ถูกใจ.. ไม่สิในตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคืออะไร ? .... แต่ทว่าแสงสีทองได้ลอยเข้ามาในหัวของเขามันไม่ได้ลอยเข้าร่างแต่ลอยเข้าหัวของเขา...

     เพียงพริบตาต่อมาก็มีเสียงร้องออกมาทันที

    「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก」

    เซย์จิลงไปนอนดิ้นทุลนทุลายบนพื้นราวกับสัตว์ที่ไกล้ตายยังไงก็เด็กที่จินตนาการเท่านั้นถึงแม้จะจินตนาการเก่ง เด็กอายุ 17 ก็คือเด็กวันยังค่ำ ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก!!

    「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก」

    บนใบหน้าเขามีทั้งน้ำตา น้ำมูก น้ำลาย ไหลออกมาอย่างอนาถ หากมีใครพบเห็นคงสงสารเป็นแน่... และความเจ็บปวดก็ค่อยๆสิ้นสุดลง เขาได้สติกลับมา... ก่อนที่จะโดนแสงห่อหุมและหายไปจากจุดนั้น...

     ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบจู่ๆพวกเขาก็ปรากฏร่างขึ้นมาในพื้นที่.. สุดแปลกประหลาด ในมุมมองครรลองสายตาพวกเขามีคนยืนอยู่และเบื้องหน้ามี สมุดคัมภีร์ลอยอยู่ !?

     และเซย์จิที่โผล่ขึ้นมาความเจ็บปวดเขาก็หายไปแล้วแถมน้ำตาที่ไหลเต็มตาเต็มปากเมื้อกี้ก็หายไปอย่างสิ้นเชิง... เขาในตอนนี้ราวกับตอนก่อนมาเลย... แต่ทว่าใบหน้าเขารู้สึกถึงความผิดปกติ

    สถานที่เขามองเห็นในคราแรกคือภายในห้องโถงขนาดนั้นใหญ่ที่ประดับประดาด้วยของหรูหรา และมีเสาขนาดใหญ่ตั้งตงาดอยู่ภายใน พื้นมีวงเวทย์ขนาดใหญ่ถ้าหากมีความทรงจำที่ดีจะสามารถมองออกว่ามันคือวงเวทย์เดียวกันกับที่อยู่ในห้องตอนนั้น

     ในหัวของเขาในตอนนี้นั้นมีความทรงจำหนึ่ง ฝั่งลงในหัวมันเป็นความทรงจำเกี่ยวกับเวทย์มนต์ และ คัมภีร์เวทย์ และวงเวทย์ ความทรงจำต่างๆนั้นได้อยู่ในหัวเขาทั้งหมด!! เขางงงวยเป็นอย่างมากในตอนนี้

    เวลานั้นเองสุ้มเสียงของชายชราก็ดังขึ้น...

    「แด่ 'ผู้กล้า' ที่มาจากต่างโลกทั้งหลาย... พวกเจ้าได้มาตามประสงฆ์ของ เซเลส ผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง... ท่านได้มอบพลังที่สามารถที่จะเข่นฆ่าจอมมารให้แก่พวกเจ้าเหลาผู้กล้า... ได้โปรดปราบจอมมารเพื่อช่วยเหลือพวกเราด้วยเถิด」
    「「「「หาาาาาา」」」」

     นักเรียนทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความตกใจซึ้งต่างจากก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไม่สามารถปริปากได้ก็สามารถปริปากได้ พวกเขาอึ้งจากการฟังเมื้อกี้ 'ปราบจอมมาร' งั้หรอ มันเรื่องห่าเหวอะไร ?

     พวกเขาหวนนึกถึงเสียงที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้ ซึ้งเขสอ้างตัวเองว่า เซเลส ทั้งยังเป็นพระเจ้า... ในหัวของพวกเขาทุกคนประมวลผลไม่ทันกันเลยทีเดียว...

    หนึ่งในนักเรัยนกล่าวด้วยเสียงไม่ชอบใจนัก

    「ม...หมายความว่ายังไง!!」
    「หรือก็คือ... พวกเจ้าต้องช่วยทำสงครามกับพวกปีศาจไงล่ะ」

     เขามองนักเรียนที่กล่าวด้วยเสียงสั่นด้วยหน้าที่เหยียดหยาม ไม่สิ... ทุกคนเลยตั้งหากทั้งดูหมิ่น ดูแคลนออกมาจากสายตาอย่างเห็นได้ชัด เซย์จิสัมผัสได้ทันที...

     ภายในใจของขบคิด "มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องมองคนที่จะมาช่วยด้วยสายตาแบบนั้น ?" เขางุนงงเป็นอย่างมากในจังหวะนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงออกมาจากผู้หญิงคนหนึ่ง..

    「อย่ามาล้อเล่นนะ!! ทำสงครามงั้นหรอ!! ฆ่าจอมมารงั้นหรอ ! มันเรื่องอะไรกัน!! ทำไมพวกเราต้องทำสงคราม ที่ที่พสกเราอยู่มันสงบสุขนะ!! แล้วจะให้ไปทำสงครามงั้นหรอ!  รีบส่งพวกเรากลับไปนะ!!」

     ต้นเสียงคือ ยาเงซึ ชิสึ เธอคือหัวหน้าห้องสุดหัวดีอย่างไม่ต้องสงสัย เธอเป็นคนที่หัวดีอย่างมากสามารถทำความเข้าใจอะไรได้ไว ต่างจากพวกนักเรียนคนอื่นที่ทำตัวโง่งมยังไม่เข้าใจเรื่องราว

     เธอมีความเป็นผู้นำสูง... เธอมีผมสีดำยาวทรงหางม้า จะว่าก็ว่าเซย์จิรู้สึกชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก และเธอก็ไม่เคยดูถูกเซย์จิ เนื่องในเหตุการณ์นี้ จึงทำให้เซย์จิปลื้มเธอมากขึ้นอีกเลยล่ะ เธอมักแก้ไขปัญหาหลายๆอย่าง...ได้อย่างง่ายดาย...

     เสียงของชิสึ.. ทำให้พวกเขารับรู้ถึงความเป็นจริงที่ว่าพวกเขาโดนอัญเชิญมาต่างโลกแล้วจริงๆ แต่พวกเขายังคงยอมรับไม่ได้ ก่อนจะตะโกนอย่างไม่พอใจอย่คำว่า "ส่งพวกเรากลับไปเดียวนี้นะ"

     แต่เจ้าที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาคิ้วกระตุกและทำท่าที่ไม่พอใจออกมา แล้วเซย์จิคงคิดว่าถ้าเป็นตามอนิเมะล่ะก็คงจะประมาณว่า "ข้าต้องขออภัยที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้" ประมาณนี้

     และคำตอบมันแน่ชัดอยู่แล้ว

    「ข้าต้องขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วย... เพราะว่าการอัญเชิญผู้คนมาจากต่างโลกและผ่านการรับพรของ ท่านเซเลส นั้นต้องใช้จำนวนพลังเวทย์มหาศาล ซึ้งเป็นพลังเวทย์ที่เก็บมายาวนานกว่า ห้าร้อยปีภายใน คริสตัลบรรจุเวทย์...」

     ภายในใจเซย์จิก็สบถออกมาว่า 'นั้นไงว่าแล้วเชียว...' เสียงนั้นทำให้เสียงโหร้องของนักเรียนหยุดไปทันที 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×