ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องรอบ ๆ ตัวแบบนี้ "คุณรู้หรือไม่"

    ลำดับตอนที่ #283 : รู้หรือไม่ "น้ำยาปรับผ้านุ่ม มีที่มาอย่างไร"

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.27K
      9
      5 พ.ย. 53

    น้ำยาปรับผ้านุ่ม


     
    น้ำยาปรับผ้านุ่ม เกิดขึ้นช่วงต้น คริสตศตวรรษที่ 20 เพื่อแก้ไขปัญหาเสื้อผ้าหยาบกระด้างเมื่อผ่านกระ บวนการปั่นแห้งเพราะในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น เสื้อผ้าที่ตากไว้จะแห้งยากมากจึงต้องมีเครื่องปั่นแห้งไว้ใช้ร่วมกับการซักผ้า

    ในช่วงแรก น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นส่วนผสมของน้ำสบู่ น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพดและไขมันสัตว์ ต่อมา ผสมกลิ่นน้ำหอมทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมมากขึ้น

    ประโยชน์ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ได้แก่ ทำให้เศษฝุ่นหรือคราบสกปรกติดเสื้อผ้ายากขึ้นและช่วยถนอมสีและใยผ้าเพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไปเคลือบผิวหน้าของเส้นใยทำให้เส้นใยมีความนุ่มลื่นและป้องกันไฟฟ้าสถิต เวลารีดผ้าก็จะทำให้ผ้าลื่นขึ้นและลบร่องรอยยับย่นได้ง่ายขึ้น เวลาที่สวมใส่เสื้อผ้าครั้งต่อไปจะรู้สึกสบายขึ้นและใช้ได้กับผ้าทุกประเภท
     


    สำหรับถุงน้ำยาปรับผ้านุ่มอาจนำมาเย็บเป็นผ้าปูนั่งเล่น ผ้ากันแดดกันฝน แต่อย่านำมาใช้เกี่ยวกับอาหารหรือของกิน หรือจะ นำถุงน้ำยาปรับผ้านุ่มมาตัดเป็นแพ็ต เทิร์นตามที่ต้องการแล้วนำมาปุผ้าหรือวัสดุอื่นๆ เพื่อเพิ่มความคงทนและติดซิปเพื่อทำเป็นกระ เป๋าหรือทำเป็นร่มและเสื้อฝนก็ได้

    นายพงษ์ทิพย์ เทศะภู ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสาร บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทยเทรดดิ้ง จำกัด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำยาปรับผ้านุ่มว่าพลาสติกที่นำมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มมีหลายแบบ ทั้งที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ และไม่ได้ ถุงน้ำยาปรับผ้านุ่มบางประเภทอาจจัดอยู่ในประเภทนำมารีไซเคิลไม่ได้ ขณะเดียวกันก็มีการศึกษาพลาสติกที่นำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัว (Flexible Packaging) ว่าสามารถนำมาแปรสภาพในรูปพลังงานทดแทนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ ในประเทศไทย กำลังศึกษาเพื่อนำบรรจุภัณฑ์เหล่านี้มาแปรสภาพเป็นน้ำมันดิบและนำกลับมาใช้ใหม่ในเชิงอุตสาหกรรม
     


    ในส่วนของผู้บริโภคที่ทำได้ดีที่สุด คือ ให้คัดแยกบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัวเหล่านี้ออกจากขยะอินทรีย์ เพื่อจะได้มีการรวบรวมไปสู่การเข้ากระบวนการแปรรูปเป็นพลังงานในขั้นต่อไป แต่แม่บ้านบางคนอาจจะนำบรรจุภัณฑ์เหล่านั้นมาดัดแปลง สร้างสรรค์ เพื่อทำเป็นสิ่งของ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น หมวก

    นอกจากนี้ ปัจจุบันน้ำยาปรับผ้านุ่มมีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อประหยัดน้ำ เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ล้างน้ำขจัดฟองและปรับผ้านุ่มในขั้นตอนเดียว โดยหลังจากซักผงซักฟอกแล้ว นำผ้าที่ซักมาซักในน้ำ ที่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มน้ำเดียว ก็สามารถบิดและตากได้ทันที จะไม่มีฟองหรือคราบผงซักฟอกตกค้าง ช่วยลดขั้นตอนการซักและลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 2-3 กะละมัง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับการประหยัดน้ำโดยเฉพาะซึ่งช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกวิธีหนึ่ง

    ที่มา ข่าวสดออนไลน์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×