ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องรอบ ๆ ตัวแบบนี้ "คุณรู้หรือไม่"

    ลำดับตอนที่ #247 : รู้หรือไม่ "เรามีวิธีเลือกซื้อจักรยานยังไงบ้าง"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 811
      1
      10 พ.ค. 53

    เลือกซื้อจักรยาน



    ประเภทของจักรยานและวิธีเลือกซื้อ ข้อมูลจากชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย สรุปว่า โดยทั่วไปจักรยานแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้

    1.จักรยานทั่วไป หรือที่เรียก จักรยานจ่ายกับข้าว ส่วนมากไม่มีเกียร์ มักขายสำเร็จรูป เป็นจักรยานที่มีน้ำหนักมาก ต้องใช้แรงมาก ราคาประมาณ 1,500-3,000 บาท หาซื้อได้ทั่วไป

    2.จักรยานแข่ง คือ จักรยานแบบเสือหมอบ น้ำหนักเบามาก มีเกียร์ตั้งแต่ 5 ถึง 14 เกียร์ ตัวเล็กเพรียวลม ยางรถผอม ทนแรงดันได้สูง คือสูบยางได้แข็งมาก และเพื่อให้น้ำหนักเบา จึงตัดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น เช่น ขาตั้ง บังโคลน ออกหมด ราคาแพงมากถึงคันละเป็นแสน ถ้าระดับที่แข่งในประเทศ ราคาราว 10,000-30,000 บาท

    3.จักรยานออกกำลังกายและท่องเที่ยว คือ จักรยานจ่ายกับข้าวที่พัฒนาขึ้นให้เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรม และให้ถีบเบาแรง โดยมีระบบเกียร์ และลดน้ำหนักรถลง ราคาสูงกว่าจักรยานจ่ายกับข้าว แบ่งตามลักษณะเฉพาะ ดังนี้



    3.1 จักรยานเสือหมอบ คล้ายจักรยานแข่ง แต่คุณภาพของอุปกรณ์ด้อยกว่า เหมาะสำหรับทางเรียบ ราคาราว 2,500-3,000 บาท

    3.2 จักรยานท่องเที่ยว ออกแบบสำหรับการท่องเที่ยว แต่ก็ใช้ขี่ออกกำลัง ขี่ไปทำงาน หรือใช้งานอเนกประสงค์ได้ มักมีตะแกรงท้ายสำหรับวางสัมภาระ ปกติมีชุดบังโคลนและขาตั้งติดมากับรถ ระบบเกียร์มีตั้งแต่ 10 ถึง 18 เกียร์

    3.3 จักรยานเสือภูเขา หรือ Mountain Bike ออก แบบสำหรับใช้งานได้ในทุกพื้นผิวถนน โครงสร้างแข็งแรง ยางล้อใหญ่หรืออ้วน ดอกยางใหญ่และหนา ทำให้เกาะพื้นถนนได้ดีเวลาขี่ขึ้นเนินชันๆ บางครั้งเรียก ATB (All-Terrain Bike) ระบบเกียร์มี 10 ถึง 24 เกียร์ นอกจากใช้งานขี่สมบุกสมบันตามที่ออกแบบมาแล้ว ยังใช้ท่องเที่ยว หรือใช้เป็นจักรยานอเนกประสงค์ได้ด้วย ราคาตั้งแต่ 4,000-50,000 บาท

    3.4 จักรยานพันทาง (Hybrid Bike) ออกแบบให้ใช้งานสมบุกสมบันได้อย่างเสือภูเขา แต่เมื่อขี่บนถนนธรรมดาก็ไปได้เร็ว ยางล้อเล็กหรือผอมกว่าเสือภูเขา และดอกยางไม่ลึกนัก เมื่อขี่ในเมืองจึงเปลืองแรงน้อยกว่า บางครั้งเรียก ซิตี้ไบค์ (City Bike) จักรยานเมือง

    วิธีเลือกซื้อจักรยาน เข้าใจว่าน่าจะหมายถึงการเลือกซื้อประเภทที่ 3 ซึ่งมักเป็นที่สนใจของนักถีบ มีข้อพิจารณาเบื้องต้น ดังนี้

    เลือกขนาดให้เหมาะสมกับขนาดตัวของผู้ขี่ ขนาดของจักรยานมีเบอร์ 16-25 นิ้ว เบอร์นี้บอกความยาวของท่อนั่ง (ท่อที่ต่อจากหลังอานลงไปถึงหัวกะโหลก)

    วิธีเลือกขนาดอย่างง่าย ให้วัดความสูง (เป็นนิ้ว) จากพื้นถึงปุ่มสะโพก เอาค่าที่ได้ลบออกด้วย 9 จะเป็นขนาดตัวถังจักรยานท่องเที่ยว หรือเสือหมอบ แต่ถ้าเลือกเสือภูเขาให้ลบออกด้วย 11

    บางทฤษฎีบอกว่า การเลือกเสือภูเขา ให้ยืนคร่อมจักรยานในตำแหน่งที่ตัวคนอยู่ตรงกลางระหว่างคอรถ (จุดหมุนของแฮนด์) กับอาน จากนั้นยกล้อหน้าขึ้นให้ท่อบนที่เชื่อมระหว่างใต้อานกับคอรถชนหว่างขาพอดี รถที่ขนาดพอเหมาะ ล้อหน้าควรลอยจากพื้น 3-5 นิ้วฟุต

    ตัวถัง (โครง) น้ำหนักยิ่งเบายิ่งดี เบรก มี 3 แบบ คือ แบบดึงข้าง ดึงกลาง และแบบคานกระดก แบบหลังจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า จักรยานท่องเที่ยวหรือเสือภูเขาควรใช้เบรกแบบนี้

    นอกจากนี้ เสือภูเขาสมัยใหม่ยังมีแบบ วีเบรก (V-brake) ทำงานได้ดีมาก แต่ต้องระวังอย่าบีบแรงอย่างเร็วเกินไป จะทำให้รถหยุดกะทันหัน ถ้าเป็นเบรกหน้าอาจตีลังกาได้ ต้องค่อยๆ เบรกและสังเกตอาการรถเป็นหลักว่าจะบีบแรงแค่ไหน

    เกียร์ ควรเลือกใช้ชุดเกียร์ยี่ห้อที่เชื่อถือได้ (สอบถามจากผู้รู้) ถ้างบประมาณน้อย ควรเลือกรุ่นเก่ายี่ห้อที่เชื่อถือได้ ดีกว่าเลือกรุ่นใหม่ล่าสุดแต่ยี่ห้อไม่น่าเชื่อถือ อาน อานแบบเรียวเหมาะสำหรับเสือหมอบ ส่วนเสือภูเขาและจักรยานท่องเที่ยวควรเป็นอานแบบป้าน

    ที่มา ข่าวสดออนไลน์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×