คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #146 : รู้หรือไม่ "เท่าที่ผ่านมาเรามีคำนำหน้าสตรีกี่คำ"
ข่าวที่คุณนารีกล่าวถึงนั้นได้ยินได้ฟังมานานแล้ว ล่าสุดเป็นข้อเสนอของคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ ว่าควรจะมีการเปลี่ยนคำนำหน้านามสตรีเสียใหม่แต่ก็ยังคิดหาคำที่เหมาะสมไม่ได้ ทราบว่าขณะนี้กำลังตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อหาคำนำหน้านามสตรีที่เหมาะสมเท่าที่ผ่านมามีผู้เสนอหลายคำ เช่น “น." (เลียนแบบ Ms ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นคำนำหน้านามสตรีโดยไม่เจาะจงว่าสตรี ผู้นั้นแต่งงานแล้วหรือไม่) “นาถ" "นารี” เป็นต้น
"ซองคำถาม” อยากจะเสนอบ้าง คือน่าจะใช้ “นาง" นั่นแหละเรียกสตรีทั้งที่ยังเป็นโสดและแต่งงานแล้ว เพราะคำนี้เป็นคำเก่าที่เราใช้กันมานานแล้วดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกและในวรรณคดีของไทยก็ล้วนแต่เรียกตัวละครสตรีในเรื่องว่า “นาง” ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ
คำนำหน้านามสำหรับสตรีไทยนั้นมีหลากหลาย นววรรณ พันธุเมธา ให้รายละเอียดไว้ในวารสารศิลปกรรมปริทรรศน์ ปีที่ ๗ เล่ม ๓ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๕ ดังนี้
คำนำหน้านามสตรีสมัยรัตนโกสินทร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีปรากฏใน ประกาศพระราชบัญญัติให้ใช้คำนำหน้าชื่อชนต่าง ๆ พ.ศ. ๒๔๐๔ มีรายละเอียดเกี่ยวกับคำนำหน้านามสตรีดังนี้
ถ้าสตรีที่เป็นเจ้า มีคำนำหน้านามตามลำดับชั้น คือ พระองค์เจ้า และ หม่อมเจ้า ถ้าเป็นเจ้าราชนิกุล ใช้คำว่า หม่อม คุณ เจ้าคุณ ถ้าเป็นสตรีที่เนื่องในพระราชวงศ์ หรือพระองค์เจ้าและหม่อมเจ้าที่ถูกถอดยศ ก็ใช้คำว่า หม่อม
ถ้าเป็นสตรีที่รับราชการ มีคำนำหน้านามตามหน้าที่และฐานะได้แก่ หม่อมพนักงาน ท่านเฒ่าแก่ ท้าว ทนายเรือน
ถ้ามิใช่เจ้า มีคำนำหน้านามตามฐานะของสามี ซึ่งจะลดหลั่นลงมาตั้งแต่สตรีทีเป็นเจ้าจอมในพระเจ้าแผ่นดิน จนถึงสตรีที่เป็นภรรยาคนสามัญ คำนำหน้านามเหล่านี้ได้แก่ เจ้าจอม เจ้าจอมมารดา เจ้าจอมเถ้าแก่ หม่อม ท่านผู้หญิง ท่าน อำแดง
ถ้าเป็นหญิงมหันตโทษ ทาส เชลย ซึ่งนับเป็นคนระดับล่างในสังคม มีคำนำหน้านามอย่างไม่ยกย่อง ได้แก่ อี และถ้าเป็นหญิงที่ยังไม่มีสามีหรือเป็นเพียงอนุภรรยา ไม่มีคำนำหน้าชื่อ
หลังจากที่มีประกาศเกี่ยวกับคำนำหน้าชื่อบุคคลต่าง ๆแล้ว คำนำหน้านามสตรีคงจะมีระเบียบอยู่ได้ระยะหนึ่ง แต่ต่อมาก็คงจะฟั่นเฝืออีก ใน พ.ศ. ๒๔๖๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้พระราชทานพระราชกฤษฎีกาให้ใช้คำนำนามสตรี โดยมีพระราชปรารภว่า คำนำหน้านามสตรีซึ่งใช้เรียกกันในขณะนั้นใช้สลับสับสนกันไม่เป็นระเบียบ
ข้อความในพระราชกฤษฎีกามีโดยย่อว่า สตรีทั่วไปที่ยังไม่มีสามีให้ใช้คำนำหน้านามว่า นางสาว ถ้ามีสามีแล้วใช้คำนำหน้านามว่า นาง ถ้าสามีมีบรรดาศักดิ์ชั้นพระยาหรือชั้นเจ้าพระยาแต่ยังมิได้รับพระราชทานเครื่องยศ และเป็นเอกภรรยาให้ใช้คำนำหน้านามว่า คุณหญิง หรือถ้าเป็นสตรีที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายใน แม้สามีมีบรรดาศักดิ์ต่ำกว่าชั้นพระยา ก็ให้ใช้คำนำหน้านามว่า คุณหญิง
ถ้าสามีมีบรรดาศักดิ์ชั้นเจ้าพระยาและได้รับพระราชทานเครื่องยศแล้ว ให้ใช้คำนำหน้านามว่า ท่านผู้หญิง
สตรีที่เนื่องในพระราชวงศ์คือหม่อมราชวงศ์และหม่อมหลวง แม้เมื่อมีสามีแล้วให้คงใช้บรรดาศักดิ์นำหน้านามของตนเว้นแต่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องยศตั้งเป็นท่านผู้หญิงแล้ว จึงให้ใช้บรรดาศักดิ์ท่านผู้หญิงแทน
สตรีที่เป็นหม่อมห้ามเจ้านายและมิได้เนื่องในพระราชวงศ์ให้ใช้คำว่าหม่อมเป็นคำนำหน้านาม
ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคำนำนามสตรีเพิ่มเติมพระพุทธศักราช ๒๔๖๔ มีข้อความเกี่ยวกับคำว่า คุณ ดังนี้
ข้อ ๑ สตรีที่เป็นนางกำนัล หรือ พนักงาน ถ้าบิดามีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่ “พระยา" ขึ้นไปอย่างหนึ่ง หรือมีความดีความชอบ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าอีกอย่างหนึ่ง ให้ใช้คำนำหน้านามนางกำนัลหรือพนักงานนั้น ๆ ว่า “คุณ” ตลอดเวลาที่รับราชการฉลองพระเดชพระคุณหรือดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อยู่นั้น
ข้อ ๒ สตรีที่มีบิดามีบรรดาศักดิ์ดังความข้อ ๑ นั้น ถ้าได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีตำแหน่งเป็นนางกำนัล หรือพนักงานเป็นพิเศษแล้ว ก็ให้ใช้คำนำนามว่า "คุณ” ประดุจเดียวกันตลอดเวลาที่ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งพิเศษอยู่นั้น
สรุปแล้วคำนำหน้านามสตรีที่ปรากฏในประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาแล้วมีทั้งสิ้น ๒๐ คำ แต่คำนำหน้านามสตรีที่ใช้กันจริง ๆ มีมากกว่านั้น เช่น แม่ ยาย หญิง เป็นต้น
ความคิดเห็น