ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : แฮตทริก! วิศวกรรมจีน เขื่อนยักษ์-รถไฟไฮสปีด ถึงซูเปอร์คอมพ์
รถไฟไฮสปีดความเร็วสูงสุดสายซั่งไห่-หังโจว เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายล่าสุดนี้ จะเชื่อมระหว่างศูนย์กลางการเงินนครเซี่ยงไฮ้ และหังโจวเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ระยะทาง 202 กม. ออกแบบมาให้มีอัตราเร็วมาตรฐานที่ระดับ 350 กม.ต่อชม. (ภาพ SCMP)
เอเจนซี - จีนอวดชัยชนะด้านวิศวกรรมให้นานาประเทศต้องทึ่ง 3 ด้าน ในสัปดาห์เดียวกัน เมื่อมีการเปิดบริการรถไฟไฮสปีดความเร็วสูงสุดสายซั่งไห่-หังโจว ในวันเดียวกับที่ป่าวประกาศว่า เขื่อนสามโตรก กำลังผลิตกระแสไฟฟ้าได้เต็มขีดความสามารถสูงสุด ก่อนส่งท้ายสุดสัปดาห์ด้วยผลสำรวจซูเปอร์คอมพ์ เทียนเหอ 1เอ เร็วที่สุดในโลกแล้ว
รถไฟไฮสปีดความเร็วสูง สายซั่งไห่-หังโจว
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน รายงาน การเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงมาตรฐานที่ระดับ 350 กม.ต่อชม. สายซั่งไห่ (เซี่ยงไฮ้) - หังโจว ในมณฑลเจ้อเจียง เมื่อวันอังคารที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ของบริษัทรถไฟมณฑลเจ้อเจียงเผยกับสื่อว่า สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายล่าสุดนี้ จะเชื่อมระหว่างศูนย์กลางการเงินนครเซี่ยงไฮ้ และหังโจวเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม มีความยาว 202 กม. ออกแบบมาให้มีอัตราเร็วมาตรฐานที่ระดับ 350 กม.ต่อชม. มีเส้นทางปฏิบัติการจากสถานีหงเฉียว ผ่านสถานีหมิ่นสิง ซงเจียงในเซี่ยงไฮ้ สถานีเขตจินซันและเจียซิ่งในมณฑลเจ้อเจียง สถานีเมืองหังโจว และมาสิ้นสุดที่สถานีตะวันออกเมืองหังโจว โดยสามารถขนส่งผู้โดยสารได้ประมาณปีละ 80 ล้านคน
สื่อรายงานว่า บริการใหม่นี้ จะย่นระยะเวลาการเดินทางระหว่าง หงเฉียว กับหัวโจว จาก ชั่วโมงครึ่ง เหลือเพียง 40 นาที
“ตอนนี้เราเร็วกว่าเดิมอย่างมาก” นายหวัง หยงผิง โฆษกกระทรวงการรถไฟของจีนกล่าวในพิธีเปิดเมื่อวันอังคาร (26 ต.ค.)
“ขณะนี้ชาติอื่น ๆ กำลังหวังที่จะดำเนินความร่วมมือกับเรา”
ม้าเหล็กสายนี้สามารถแล่นได้เร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย่นเวลาในการเดินทาง ซึ่งมีระยะไกล 200 กิโลเมตรเหลือเพียง 45 นาที
นอกจากนั้น จีนยังเป็นชาติ ที่มีเครือข่ายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ที่มีระยะทางไกลที่สุดในโลก โดยตั้งเป้าขยายระยะทางให้ยาวไปอีกกว่า 2 เท่า เป็น 16,000 กิโลเมตรภายในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า
ขณะที่บริษัทสายเลือดมังกรก็กำลังแข่งกันไปลงทุนโครงการรถไฟไฮสปีดในต่างแดน รวมทั้งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีรถไฟขนส่งสินค้า แต่เกือบไม่มีความชำนาญด้านรถไฟไฮสปีดเลย
ภาพเขื่อนสามโตรกในมณฑลหูเป่ย ขณะที่ระดับน้ำสูงถึงระดับ 175 เมตร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เขื่อนสามารถรองรับได้เมื่อวันจันทร์ (26 ต.ค.) โดยนับเป็นครั้งแรกที่ระดับน้ำในเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลกหลังนี้สูงถึงขีดความสามารถสูงสุดในการรองรับน้ำของเขื่อน หลังจากที่เขื่อนเริ่มปฏิบัติการผลิตกระแสไฟฟ้าเมื่อปี 2551 (ภาพเอเอฟพี)
อภิมหาเขื่อนสามโตรก
หันมาดูที่เขื่อนสามโตรก ซึ่งมีมูลค่าก่อสร้างสูงถึง 23,000 ล้านดอลลาร์ และรัฐบาลปักกิ่งเชื่อมั่นว่า เป็นวิธีดีที่สุด ที่จะยุติการเกิดน้ำท่วมซ้ำซากมานานหลายศตวรรษในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซี
ไชน่า ทรี กอร์จส์ โพรเจ็กต์ คอร์เปอเรชั่น (China Three Gorges Project Corporation) บริษัทผู้ปฏิบัติการระบุว่า น้ำในเขื่อนเพิ่มถึง 175 เมตร ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ที่เขื่อนสมารถรองรับได้เมื่อเวลา 9.00 น.ของวันอังคาร ทำลายสถิติ 172.8 เมตรเมื่อปี 2551
นายเฉา กวงจิง ประธานบริษัทเรียกน้ำ ที่เก็บกักได้ปริมาณสูงสุดนั้นว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ และระบุว่า เขื่อนจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึงปีละ 84,700 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง นอกจากนั้น ยังทำให้โครงการเขื่อนสามโตรกทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการควบคุมน้ำท่วม, ผลิตกระแสไฟฟ้า, การเดินเรือ และการผันน้ำ
เศรษฐกิจจีน ที่โตในอัตราเฉลี่ยกว่าร้อยละ 9 ต่อปีในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้ปูพื้นฐานรองรับการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วในหลาย ๆ ด้าน เช่นการส่งยาน ซึ่งมีนักบินไปในอวกาศถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2546 และการสร้างเส้นทางรถสายปักกิ่ง-ลาซา ข้ามที่ราบสูงทิเบต
ขณะที่ความสำเร็จในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง2008 และการจัดงานช้างอย่างงานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป แสดงถึงการบริหารจัดการ ที่ทันสมัยขึ้นทุกที ตลอดจนความสามารถในการสร้างสิ่งสาธารณูปโภคขนาดมหึมา
อย่างไรก็ตาม มีบางคนตั้งข้อสงสัยว่า ในขณะที่การเติบโตอย่างมหาศาลของเศรษฐกิจจีน ทำให้จีนสามารถสร้างสิ่งใหญ่โตได้ แต่จีนสามารถสร้างสิ่งที่ประณีต และกลายเป็นแหล่งกำเนิดแห่งนวัตกรรมอย่างแท้จริงได้ด้วยหรือไม่
สำหรับเขื่อนสามโตรกนั้น การเพิ่มการกักเก็บน้ำทำให้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ก็จริง แต่นักธรณีวิทยาบางคนเตือนว่า การทุ่มการกักเก็บน้ำมากเกินไปเท่ากับแบกความเสี่ยงมากขึ้น ที่จะเกิดแผ่นดินถล่ม, แผ่นดินไหว และความเสียหายที่ยืดยาวออกไปของระบบนิเวศ
หันมาดูที่เขื่อนสามโตรก ซึ่งมีมูลค่าก่อสร้างสูงถึง 23,000 ล้านดอลลาร์ และรัฐบาลปักกิ่งเชื่อมั่นว่า เป็นวิธีดีที่สุด ที่จะยุติการเกิดน้ำท่วมซ้ำซากมานานหลายศตวรรษในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซี
ไชน่า ทรี กอร์จส์ โพรเจ็กต์ คอร์เปอเรชั่น (China Three Gorges Project Corporation) บริษัทผู้ปฏิบัติการระบุว่า น้ำในเขื่อนเพิ่มถึง 175 เมตร ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ที่เขื่อนสมารถรองรับได้เมื่อเวลา 9.00 น.ของวันอังคาร ทำลายสถิติ 172.8 เมตรเมื่อปี 2551
นายเฉา กวงจิง ประธานบริษัทเรียกน้ำ ที่เก็บกักได้ปริมาณสูงสุดนั้นว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ และระบุว่า เขื่อนจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึงปีละ 84,700 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง นอกจากนั้น ยังทำให้โครงการเขื่อนสามโตรกทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ในการควบคุมน้ำท่วม, ผลิตกระแสไฟฟ้า, การเดินเรือ และการผันน้ำ
เศรษฐกิจจีน ที่โตในอัตราเฉลี่ยกว่าร้อยละ 9 ต่อปีในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ได้ปูพื้นฐานรองรับการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วในหลาย ๆ ด้าน เช่นการส่งยาน ซึ่งมีนักบินไปในอวกาศถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2546 และการสร้างเส้นทางรถสายปักกิ่ง-ลาซา ข้ามที่ราบสูงทิเบต
ขณะที่ความสำเร็จในการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง2008 และการจัดงานช้างอย่างงานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป แสดงถึงการบริหารจัดการ ที่ทันสมัยขึ้นทุกที ตลอดจนความสามารถในการสร้างสิ่งสาธารณูปโภคขนาดมหึมา
อย่างไรก็ตาม มีบางคนตั้งข้อสงสัยว่า ในขณะที่การเติบโตอย่างมหาศาลของเศรษฐกิจจีน ทำให้จีนสามารถสร้างสิ่งใหญ่โตได้ แต่จีนสามารถสร้างสิ่งที่ประณีต และกลายเป็นแหล่งกำเนิดแห่งนวัตกรรมอย่างแท้จริงได้ด้วยหรือไม่
สำหรับเขื่อนสามโตรกนั้น การเพิ่มการกักเก็บน้ำทำให้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ก็จริง แต่นักธรณีวิทยาบางคนเตือนว่า การทุ่มการกักเก็บน้ำมากเกินไปเท่ากับแบกความเสี่ยงมากขึ้น ที่จะเกิดแผ่นดินถล่ม, แผ่นดินไหว และความเสียหายที่ยืดยาวออกไปของระบบนิเวศ
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จีน "เทียนเหอ 1เอ" ที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Center for Supercomputing) ในเมืองเทียนจิน ที่ได้รับการประกาศว่าเร็วที่สุดในโลก ขณะที่ในเวลานี้ ทั่วโลกยังมีซูเปอร์คอมพ์ สมรรรถภาพสูง อยู่ที่สหรัฐฯ 7 เครื่อง และจีน มี 2 เครื่อง เยอรมนีมี 1 เครื่อง (ภาพเอเยนซี)
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เร็วที่สุดของโลก
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์แจ็ค ดอนการ์ร่า จากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี สหรัฐฯ ผู้จัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์เร็วที่สุดของโลก 500 อันดับ ได้เปิดเผยว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน "เทียนเหอ 1เอ" (Tienhe 1A) หรือ "ทางช้างเผือก" เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์เร็วที่สุดของโลก เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ "The Cray XTS Jaguar" ของสหรัฐฯ แชมป์เก่า
หลี่ หนัน หัวหน้าผู้ประสานงานโครงการนี้ กล่าวว่า "เทียนเหอ 1เอ" เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่ศูนย์วิจัยชั้นนำของจีนได้สร้างและพัฒนาตลอดระยะเวลา 2 ปี ด้วยงบประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ โดยระดมการทำงานของวิศวกรกว่า 200 คน ที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Center for Supercomputing) ในเมืองเทียนจิน
รายงานข่าวกล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่ ซูเปอร์คอมพ์ของสหรัฐฯ ถูกแซง คือ ปี 2543 โดยพ่ายต่อซูเปอร์คอมพ์ของประเทศญี่ปุ่น แต่สหรัฐฯ ก็สามารถทวงตำแหน่งคืนในปี 2545 และยืนยงมาถึงปี 2552 ก่อนถูกจีนแซงหน้าในปีนี้ไป
โจว ซิงหมิง ศาสตราจารย์ ประจำศูนย์พัฒนาฯ กล่าวว่า ซูเปอร์คอมพ์นี้ ใช้โปรเซสเซ่อร์กราฟฟิคที่ใช้ในเกมส์คอมพิวเตอร์ Intel CPUs 6,144 ตัว และ AMD CPUs 5,120 ตัว มีความจุขนาดบันทึกหนังสือทั้งหมดในหอสมุดแห่งชาติจีนจำนวน 27 ล้านเล่ม ได้ถึง 4 หอสมุด
หลี่ หนัน กล่าวกับ ซีซีทีวี ว่า ด้วยความเร็วขนาดนี้ คือสถิติใหม่ของโลก
รายงานระบุว่า ซูเปอร์คอมพ์ "เทียนเหอ 1เอ" มีสมรรถนะในการประมวลผล 2.507 เพตาฟลอปส์ (petaflops) หรือ 2,507 ล้านล้านหน่วยต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ "The Cray XTS jaguar" ในกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ถึง 1.4 เท่า และมีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงกว่าคอมพิวเตอร์สรรถนะสูงสุดในปัจจุบัน 14,000 เท่า
ทั้งนี้ซูเปอร์คอมพ์ "เทียนเหอ 1เอ" สร้างขึ้นเพื่อใช้ประเมินสภาพดินฟ้าอากาศของหน่วยงานอุตุนิยมวิทยา และคำนวนค่าต่าง ๆ สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน
ด้าน พี.เจ.คราวน์ลีย์ โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนนี้ด้วยความมั่นใจว่า อย่างไรเสีย สหรัฐฯ คงกลับมานำได้อีกครั้ง โดยคราวน์ลีย์เปรียบว่า การแข่งขันนี้คงไม่ทำให้สหรัฐฯ กังวลใจเหมือนตอนที่คนรัสเซียสามารถส่งดาวเทียมสปุตนิกโคจรรอบโลกได้สำเร็จเป็นชาติแรก และตอนนั้นคนอเมริกันหลายๆ คนก็กังวลว่าจะแพ้รัสเซีย
คราวน์ลีย้ำว่า สหรัฐฯ มีศักยภาพสูงในการพัฒนาซูเปอร์คอมพ์ และไม่มีทางแพ้ใครในเรื่องนี้
สื่อรายงานว่า บรรดาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกในเวลานี้ เป็นของสหรัฐฯ 7 เครื่อง จีนมี 2 เครื่อง เยอรมนีมี 1 เครื่อง
ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000153002
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์แจ็ค ดอนการ์ร่า จากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี สหรัฐฯ ผู้จัดอันดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์เร็วที่สุดของโลก 500 อันดับ ได้เปิดเผยว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีน "เทียนเหอ 1เอ" (Tienhe 1A) หรือ "ทางช้างเผือก" เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์เร็วที่สุดของโลก เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ "The Cray XTS Jaguar" ของสหรัฐฯ แชมป์เก่า
หลี่ หนัน หัวหน้าผู้ประสานงานโครงการนี้ กล่าวว่า "เทียนเหอ 1เอ" เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่ศูนย์วิจัยชั้นนำของจีนได้สร้างและพัฒนาตลอดระยะเวลา 2 ปี ด้วยงบประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ โดยระดมการทำงานของวิศวกรกว่า 200 คน ที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Center for Supercomputing) ในเมืองเทียนจิน
รายงานข่าวกล่าวว่า ครั้งสุดท้ายที่ ซูเปอร์คอมพ์ของสหรัฐฯ ถูกแซง คือ ปี 2543 โดยพ่ายต่อซูเปอร์คอมพ์ของประเทศญี่ปุ่น แต่สหรัฐฯ ก็สามารถทวงตำแหน่งคืนในปี 2545 และยืนยงมาถึงปี 2552 ก่อนถูกจีนแซงหน้าในปีนี้ไป
โจว ซิงหมิง ศาสตราจารย์ ประจำศูนย์พัฒนาฯ กล่าวว่า ซูเปอร์คอมพ์นี้ ใช้โปรเซสเซ่อร์กราฟฟิคที่ใช้ในเกมส์คอมพิวเตอร์ Intel CPUs 6,144 ตัว และ AMD CPUs 5,120 ตัว มีความจุขนาดบันทึกหนังสือทั้งหมดในหอสมุดแห่งชาติจีนจำนวน 27 ล้านเล่ม ได้ถึง 4 หอสมุด
หลี่ หนัน กล่าวกับ ซีซีทีวี ว่า ด้วยความเร็วขนาดนี้ คือสถิติใหม่ของโลก
รายงานระบุว่า ซูเปอร์คอมพ์ "เทียนเหอ 1เอ" มีสมรรถนะในการประมวลผล 2.507 เพตาฟลอปส์ (petaflops) หรือ 2,507 ล้านล้านหน่วยต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ "The Cray XTS jaguar" ในกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ถึง 1.4 เท่า และมีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงกว่าคอมพิวเตอร์สรรถนะสูงสุดในปัจจุบัน 14,000 เท่า
ทั้งนี้ซูเปอร์คอมพ์ "เทียนเหอ 1เอ" สร้างขึ้นเพื่อใช้ประเมินสภาพดินฟ้าอากาศของหน่วยงานอุตุนิยมวิทยา และคำนวนค่าต่าง ๆ สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน
ด้าน พี.เจ.คราวน์ลีย์ โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวถึงความก้าวหน้าของจีนนี้ด้วยความมั่นใจว่า อย่างไรเสีย สหรัฐฯ คงกลับมานำได้อีกครั้ง โดยคราวน์ลีย์เปรียบว่า การแข่งขันนี้คงไม่ทำให้สหรัฐฯ กังวลใจเหมือนตอนที่คนรัสเซียสามารถส่งดาวเทียมสปุตนิกโคจรรอบโลกได้สำเร็จเป็นชาติแรก และตอนนั้นคนอเมริกันหลายๆ คนก็กังวลว่าจะแพ้รัสเซีย
คราวน์ลีย้ำว่า สหรัฐฯ มีศักยภาพสูงในการพัฒนาซูเปอร์คอมพ์ และไม่มีทางแพ้ใครในเรื่องนี้
สื่อรายงานว่า บรรดาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกในเวลานี้ เป็นของสหรัฐฯ 7 เครื่อง จีนมี 2 เครื่อง เยอรมนีมี 1 เครื่อง
ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000153002
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น