คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #135 : รู้หรือไม่ "ผ้าเช็ดหน้ามีที่มาอย่างไร"
ผ้าสี่เหลี่ยมผืนน้อยที่เราใช้เช็ดหน้าเช็ดมือหรือแม้กระทั่งอ่อยเหยื่อ (ซึ่งเป็นวิธีที่ออกจะล้าสมัยเสียแล้ว) ฝรั่งเรียกว่า handkerchief หลายคนจึงสงสัยว่าทำไมเป็น hand หรือเขาจะใช้เช็ดแต่มือ ?
ในคริสต์ศตวรรษที่ ๕ กะลาสีเรือชาวฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งกลับจากดินแดนทางตะวันออกพร้อมผ้าลินินน้ำหนักเบาผืนใหญ่ ซึ่งพวกเขาได้เห็นชาวนาจีนใช้คลุมศีรษะกันแดด ผู้หญิงฝรั่งเศสซึ่งชอบการแต่งเนื้อแต่งตัวอยู่แล้ว นึกชอบใจคุณสมบัติของผ้าลินินจึงดัดแปลงและเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยของผ้า โดยเรียกอาภรณ์สำหรับศีรษะชิ้นใหม่ตามวัตถุประสงค์เดิมว่า 'couvrechef' แปลว่า 'การคลุมศีรษะ' คนอังกฤษรับเอาการแต่งกายแบบนี้มา และเรียกให้เป็นภาษาอังกฤษว่า 'kerchief' ต่อมาเนื่องจากคนส่วนใหญ่มักถือผ้าไว้ติดมือมากกว่า จะใช้คลุมศีรษะก็เมื่อออกไปอยู่กลางแจ้งผ้าชนิดนี้จึงกลายเป็น 'hand kerchief'
ในระยะแรก 'hand kerchief' ยังไม่เป็น 'handkerchief' หรือผ้าเช็ดหน้าอย่างในปัจจุบันเสียทีเดียวที่ประเทศจีน ผู้ใช้ผ้าคลุมศีรษะคือหญิงชาวนา แต่ในยุโรปกลับเป็นผู้หญิงในสังคมสั้นสูง ซึ่งอันที่จริงพวกเธอก็ถือร่มกันแดดอยู่แล้ว ผ้าคลุมศีรษะจึงถือเอาไว้เพื่อเป็นแฟชั่นเสียมากกว่า ภาพวาดและภาพเขียนในสมัยนั้นจำนวนมากที่เป็นภาพผู้หญิงถือร่มโดยที่ในมืออีกข้างหนึ่งถือผ้าคลุมศีรษะที่ตัดเย็บอย่างประณีตงดงามกรีดกรายไปมา และอาจทำ 'หล่น' ด้วยความเขินอาย ต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ ผ้าคลุมศีรษะที่ทำจากผ้าไหมซึ่งบางผืนใช้ด้ายเงินและทองมีราคาแพงมาก ถึงกับถูกระบุเป็นทรัพย์สินมีค่าไว้ในพินัยกรรมด้วย
ในสมัยพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ ๑ แห่งอังกฤษ จากผ้าลินินก็เริ่มวิวัฒนาการเป็นลูกไม้ปักชื่อย่อของคนรักเป็นตัวหนังสือในพื้นที่ ๔ ตารางนิ้ว มุมผ้าด้านหนึ่งเป็นพู่ห้อย คนเรียกผ้าชนิดนี้ว่า 'พู่แห่งรักแท้' กันอยู่ช่วงหนึ่ง ฝ่ายสุภาพบุรุษจะจีบผ้าซึ่งมีชื่อย่อภริยาปักอยู่ติดเข้าไว้กับแถบผ้ารอบหมวก ส่วนสุภาพสตรีก็เหน็บ 'พู่แห่งรักแท้' ที่ได้มาไว้ที่อกเสื้อ
แล้วจากผ้าคลุมศีรษะของหญิงชาวนาจีนกลายมาเป็นผ้าที่เราใช้เช็ดเหงื่อเช็ดน้ำมูกกันตามหน้าที่อย่างในปัจจุบันกันเมื่อไร ? ก็คงจะหลังจากที่ผ้าชนิดนี้เข้ามาแพร่หลายในยุโรปไม่นานนัก แต่ผ้าที่ใช้เช็ดน้ำมูกสมัยนั้นค่อนข้างแตกต่างจากในปัจจุบัน
ตลอดยุคกลาง คนจัดการให้จมูกของตัวเองโล่งขึ้นด้วยการสั่งน้ำมูกพรืดออกมาในอากาศ แล้วหาอะไรก็ได้ที่ใกล้มือเช็ดจมูกซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้แขนเสื้อนั้นแหละ ในสมัยโรมัน สถาบันที่ดูแลเรื่องวัฒนธรรมพยายามให้ประชาชนเลิกกิริยาดังกล่าว คนจึงหันมาใช้ผ้าที่เรียกว่า sudarium แปลว่า ผ้าซับเหงื่อแต่ใช้สำหรับทั้งเช็ดหน้าผากในวันที่อากาศร้อนและสั่งน้ำมูกด้วย อย่างไรก็ดี การปฏิบัติเพื่อความสุภาพนี้ก็เสื่อมไปพร้อมอาณาจักรโรมัน
การติเตียนเรื่องการใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำมูกมีบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ (แต่ไม่ได้ตำหนิเรื่องการสั่งน้ำมูกด้วยวิธีนั้น) ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีผ้าเช็ดหน้าแล้ว ในปี ค.ศ. ๑๕๓๐ อีรัสมัสแห่งรอตเทอร์ดาม ผู้บันทึกเรื่องราวทางจารีตประเพณีเขียนข้อแนะนำไว้หนังสือมารยาทว่า “การเช็ดน้ำมูกด้วยแขนเสื้อเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ ใช้ผ้าเช็ดหน้าดีกว่า เชื่อฉันสิ” ศตวรรษต่อมาคนก็เริ่มนิยมใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำมูกกันมากขึ้น ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ มีการค้นพบว่าเชื้อโรคแพร่ในอากาศการใช้ผ้าเช็ดหน้าจึงเป็นที่นิยมกันยิ่งขึ้น
ผืนผ้าที่คนเพียงแต่ถือกรีดกรายติดมือ จึงได้กลายเป็นผ้าเช็ดหน้าอย่างสมภาคภูมิด้วยประการฉะนี้
ความคิดเห็น