เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพันธ์สุนัขต่าง ๆ - นิยาย เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพันธ์สุนัขต่าง ๆ : Dek-D.com - Writer
×

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพันธ์สุนัขต่าง ๆ

    เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพันธ์สุนัขต่าง ๆ ประวัติความเป็นมา เรื่องของสายพันธ์ คุณลักษณะเฉพาะแต่ละพันธ์

    ผู้เข้าชมรวม

    56,177

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    363

    ผู้เข้าชมรวม


    56.17K

    ความคิดเห็น


    253

    คนติดตาม


    183
    จำนวนตอน :  178 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  22 เม.ย. 59 / 13:29 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




    น้องหมา

    หมา หรือ สุนัข เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีหลายชนิดหลายสกุล ลำตัวมีขนปกคลุม มีเขี้ยว 2 คู่ ตีนหน้ามี 5 นิ้ว ตีนหลังมี 4 นิ้ว ซ่อนเล็บไม่ได้ หมามีทั้งที่เป็นสัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่า กล่าวกันว่า หมาเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดแรกของมนุษย์ โดยมนุษย์รู้จักนำหมาป่ามาเลี้ยงตั้งแต่ยุคหินตอนปลายห รือประมาณ 4-6 หมื่นกว่าปีมาแล้ว ซึ่งครั้งแรกที่เลี้ยงก็เพื่อให้ช่วยล่าสัตว์ และเพราะหมาเป็นสัตว์ฉลาด ฝึกง่าย และมีความจงรักภักดีต่อเจ้าของ หมาจึงกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนไว้วางใจมากที่สุด ปัจจุบันเชื่อว่าหมาเลี้ยงมีต้นกำเนิดมาจากหมาป่าพวก Wolf ชื่อ Canislupus หมาเลี้ยงในโลกขณะนี้มีอยู่ประมาณ 400 พันธุ์ โดยทั่วไปหมาจะมีลักษณะเด่น และความสามารถพิเศษหลายอย่าง ได้แก่

    - ตา หมาจะมองเห็นภาพเป็นสีขาว-ดำ และจะเห็นภาพได้ดีกว่าเดิมเมื่อสิ่งนั้นกำลังเคลื่อนไหว ส่วนหูหมา จะได้ยินเสียงดีกว่าคนถึง 4 เท่า แต่ยังไม่ดีเท่าแมว สมองหมา สามารถเรียนรู้และจดจำคำสั่งได้ 75-100 คำสั่ง จมูก รับกลิ่นได้ไวมาก เพราะในจมูกหมามีเซลล์อยู่ถึง 300 ล้านเซลล์ เพื่อทำหน้าที่แยกแยะสิ่งต่างๆ ในขณะที่จมูกคนมีเพียง 50 ล้านเซลล์เท่านั้น และหมายังสามารถดมกลิ่นกระดูกที่ฝังอยู่ในดินลึก 2 ฟุตได้ และยังจำกลิ่นต่างๆ ได้แม่นอีกด้วย
     
    ด้วยความสามารถนี้เอง ที่ปัจจุบันหมาจึงถูกฝึกให้ทำหน้าที่พิเศษต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น ดมหายาเสพติด, วัตถุระเบิด, ตามคนหาย เป็นต้น หมามักอ้าปากแลบลิ้นเมื่อมันรู้สึกร้อน เนื่องจากมันไม่มีต่อมเหงื่อเพื่อขับเหงื่อ มันจึงระบายความร้อนผ่านทางลิ้นที่แลบยาวออกมา นอกจากนี้ หมายังมีอุ้งตีนที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นได้ แต่เล็บไม่สามารถกางเข้าออกได้อย่างแมว หมาใช้หางในการช่วยรักษาสมดุลขณะวิ่ง และขณะเปลี่ยนทิศทาง ถ้าอากาศหนาวหมาจะนอนขดตัวให้หางช่วยปกคลุมจมูกเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่น ส่วนขาหลังของหมาจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เพื่อช่วยในการกระโจนหรือวิ่งอย่างรวดเร็ว
     
    - ภาษาของหมา แม้หมาจะเป็นสัตว์ แต่มันก็มีภาษา ท่าทางที่จะสื่อเพื่อให้หมาหรือคนเข้าใจมันได้ เช่น การที่หมาเยี่ยวไว้ตามโคนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ล้อรถหรือที่ต่างๆ ที่มันผ่าน นอกจากจะเพื่อแสดงอาณาเขตของแต่ละตัวแล้ว ยังเป็นการทำเครื่องหมายบอกทางให้มันสามารถดมเยี่ยวตัวเอง เพื่อกลับบ้านได้ถูกอีกด้วย แต่ถ้าหมาต่อสู้กัน และอีกตัวหนึ่งนอนหงาย หมายความว่าตัวนั้น บอกยอมแพ้แล้วจ้า, หากมันดมก้นกัน หมายถึง การทำความรู้จักซึ่งกันและกัน เพราะว่ากันว่าก้นของหมาแต่ละตัว ก็มีกลิ่นเฉพาะของมันเอง
     
    ส่วนหมาที่เป็นเพื่อนกัน หรือรู้สึกถูกชะตากัน ก็จะทักทายด้วยการดมกลิ่นซึ่งกันและกัน ตั้งแต่หัวถึงหาง และเมื่อหมาต้องการแสดงการขอโทษ หรืออยากคืนดีด้วย มันจะหมอบลง แกว่งหาง และยกขาหน้าขึ้นเล็กน้อย ถ้ามันอารมณ์ดี มันจะอ้าปากกว้าง แลบลิ้น ยกขาหน้าขึ้น หรือยกสะโพกขึ้น แล้วกระดิกหางไปมา หางของหมาจะบอกอารมณ์มันได้ เช่น หางยกสูงและแกว่ง แปลว่า ดีใจ หางอยู่นิ่งๆ แปลว่า ไม่แน่ใจ หากตกไม่เคลื่อนไหว แปลว่า รู้สึกไม่ปลอดภัย และหากหางจุกตูด แปลว่า มันกลัว
     
    คนสมัยโบราณเชื่อว่า ลักษณะของหมาที่เลี้ยง จะมีความสัมพันธ์กับความเจริญ และความเสื่อมของผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้น ก่อนจะนำหมามาเลี้ยง จึงต้องดูลักษณะของขน สีเท้า สีปาก หาง และเล็บก่อน ซึ่งเขาสรุปว่า หมาที่ดีจะเป็นสีอะไรก็ได้ แต่ขอให้มีขนเป็นมันเลื่อมสวยงาม เชื่อกันว่าหากเลี้ยงหมาเช่นนี้ไว้ จะช่วยให้คนเกรงกลัว และทำให้เจ้าของเป็นเศรษฐี ส่วนหมาที่เลี้ยงแล้ว จะทำให้เจ้าของมั่งมีเงินทอง ได้แก่ หมาที่มีขนสีขาว สี่เท้าด่างดำ หมาที่หางดอก(ปลายหางเป็นสีขาว) และเล็บขาว หมาที่ขนสีเหลือง สี่เท้าขาวดังสำลี หมาปากขาว ขนงาม หมาขนสีขาวแดงปนกัน หมามีเล็บทั้งหมดยี่สิบเล็บ และหมาสิบเก้าเล็บ งามทั้งตัว
     
    ถ้ามีลักษณะนอกเหนือจากนี้ ท่านว่าห้ามเลี้ยง และว่าจะทำให้เหมือนถูกสาปแช่ง ไม่เกิดลาภผล ส่วนทางภาคใต้เชื่อว่า หมาที่มีหนวด คือมีขนสีดำยาวที่คางล่าง 1 เส้น ถือเป็นยอดหมา เพราะจะมีความทรหดอดทนและรอบคอบ และจะไม่นิยมเลี้ยงหมาที่หนวดเกิน 3 เส้น และหางหมาหากม้วนไปทางซ้ายจะถือว่าไม่ดี ไม่เอาไหน ถ้าหางม้วนทางขวาถือว่าดี แต่ถ้าหางไม่ม้วน และชี้ขึ้นแบบแมงป่อง จะมีนิสัยว่องไว ประเปรียว เหมาะเป็นหมาไล่เนื้อ แต่ถ้าหางลดลงต่ำยิ่งมากเท่าใด ก็แสดงว่ามีนิสัยขลาดกลัว
     
    สุนัขดังๆ ที่เรารู้จักกันดี ก็คือ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, คุณฟูฟู ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร และล่าสุดคือสุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันมีชื่อเป็นชุดน้ำมันหม่องทั้งหลาย เช่น คุณแป๊ะฮวยอิ้ว, คุณวาเป๊กซ์ , คุณวิกค์ และคุณโป๊ยเซียน เป็นต้น
     
    ส่วนสุนัขอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงมาแต่อดีตก็มี ไลก้า สุนัขพันธุ์ไซบีเรีย ฮัสกี้ ที่รัสเซียส่งขึ้นไปท่องอวกาศเป็นตัวแรกของโลก กับยานดาวเทียมสปุตนิก 2 ซึ่งวันที่เปิดตัวไลก้านั้น มันได้ส่งเสียงเห่าใส่ไมโครโฟนตอนถ่ายทอดวิทยุ ทำให้มันได้ชื่อว่า ไลก้า ที่แปลว่า “เห่า” นอกจากนี้ก็ยังมีหมาดังๆ จากหนัง เช่น แลสซี่ สุนัขแสนรู้, บีโธเฟ่น หมาพันธุ์เซนเบอร์นาร์ดตัวโต แล้วก็มีเจ้าหมาจุดดัชเมเชี่ยน และเจ้าสนู๊ปปี้ หมาการ์ตูนที่เป็นขวัญใจเด็กทั่วโลก
     
    ส่วนย่าเหล เป็นสุนัขพันทางที่รัชกาลที่ 6 ได้ทรงนำเลี้ยงไว้ ภายหลังถูกยิงตาย พระองค์จึงทรงสร้างอนุสาวรีย์ทำด้วยทองแดง ประดิษฐ์ไว้หน้าพระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ ในพระราชวังสนามจันทร์ เพื่อระลึกถึงความซื่อสัตย์ จงรักภักดีของมัน ที่ญี่ปุ่นก็มีอนุสาวรีย์หมาซื่อเช่นกัน หมาตัวที่ว่านี้เป็นหมาพันธุ์อากิตะ ชื่อว่า ฮาจิโกะ เจ้าของได้เลี้ยงไว้ที่บ้านใกล้สถานีรถไฟชิบูยา ทุกวันฮาจิโกะ จะไปส่งเจ้านายของมัน และเย็นก็ออกไปรับเป็นประจำทุกวัน วันหนึ่งมันไปรอเก้อ นายมันไม่กลับมาสักที วันต่อๆ มา มันก็ไปรออีก
     
    แต่ก็ไม่มีวี่แววของนายมัน เพราะจริงๆ แล้ว นายของมันได้ตายไปแล้ว แต่มันไม่รู้ มันจึงไปคอยเขาอยู่เช่นเดิม และหวังว่าสักวันหนึ่งนายมันคงกลับมาหามัน มันปฏิบัติอยู่เช่นนั้น จนคนสังเกตเห็นและเกิดความเมตตา สงสาร นำอาหารมาให้กิน และยกย่องในความจงรักภักดีของมัน ทุกครั้งที่รถไฟเข้า มันก็จะชูคอชะเง้อมองหานายของมัน ชื่อเสียงความภักดีของมัน ได้รู้ไปถึพระราชินีญี่ปุ่น พระองค์จึงได้ให้ช่างหล่อรูปมันด้วยทองบรอนซ์ ตั้งไว้ที่แท่นหน้าสถานีรถไฟชิบูยา ฮาจิโกะคอยนายมันอยูถึง 7 ปี จึงตายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 มีคนเขียนจดหมาย และโทรเลข แสดงความเสียใจต่อการจากไปของมันเกือบ 500 ฉบับ และมีคนส่งหรีด ดอกไม้ รวมถึงขนมที่มันชอบไปไว้ที่อนุสาวรีย์ของมันมากมาย
     
    สำหรับหมาไทย เท่าที่มีหลักฐานปรากฏก็มี หมาไทยหลังอาน เป็นหมาพื้นเมืองพันธุ์แท้ มีถิ่นกำเนิดแถวตราด จันทบุรี ระยอง ลักษณะเด่นคือซื่อสัตย์ ว่องไว ฉลาด และมีสัญชาตญาณดุร้าย หมาไทยไร้ขน มีถิ่นกำเนิดแถบอีสานแถวขอนแก่น นครราชสีมา ส่วนหมาบางแก้ว เป็นหมาที่ได้ชื่อว่ารักเจ้าของมาก เป็นหมาดุเลือดนักสู้ มีถิ่นกำเนิดที่วัดบางแก้ว อ.บางระกำ พิษณุโลก
     
    นิทานที่เกี่ยวกับหมา ที่รู้จักกันดี คือ เรื่องหมากับเงา ในนิทานอีสป อันเป็นการสอนให้คนอย่าโลภมาก เพราะหมาในเรื่องคาบเนื้อไว้ในปากแล้ว เห็นเงาตัวเองในน้ำ คิดว่าเป็นหมาอีกตัว ก็อยากได้เนื้อนั้น จึงกระโจนลงไปแย่ง ผลสุดท้าย อดกินหมด นอกจากหมาในนิทานแล้ว หมาที่เป็นชื่อการเล่นก็มีหลายอย่าง เช่น หมาไล่ห่าน หมาหื่นโป้ง(บางแห่งเรียกกระต่ายสามขา) หมาเห่าหยัง และหมาชิงมุม เป็นต้น
     
    ส่วนหมาในภาษิต คำพังเพย และสำนวนไทยก็มีมาก ได้แก่ หมาข้างถนน หมายถึง คนไร้ญาติขาดมิตร ไร้คนเหลียวแล, หมาจนตรอก หมายถึง จำต้องสู้เมื่อจวนตัว, หมาในรางหญ้า หมายถึง ตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์ แต่ก็กันท่าคนอื่นที่ควรได้, หมาไม่แดก เป็นสำนวนค่อนขอดว่าอาหารรสชาติเลวไม่อร่อย และยังหมายถึงกิริยา โดยเฉพาะการพูดจาที่น่ารังเกียจ, หมาสองราง เป็นคำเปรียบว่า เป็นผู้ที่ฝักใฝ่เข้าทั้งสองฝ่าย หรือรับประโยชน์ทั้งสองทาง
     
    หมาหมู่ คือ กลุ่มคนที่เข้ากลุ้มรุมทำร้ายคนคนเดียว หรือคนที่มีจำนวนน้อยกว่า หมาหวงก้าง หมายถึง กันท่า อ้างสิทธิ์ทั้งๆ ตนอาจไม่ใช้ประโยชน์, หมาหยอกไก่ คือ ทำทีว่าหยอกล้อ เมื่อสบโอกาสมักกระทำจริง, หมาหางด้วน หมายถึง คนที่ทำผิดแล้ว หลอกล่อให้ผู้อื่นทำตาม, หมาเห็น/เห่าเครื่องบิน หมายถึง ใฝ่สูงเกินฐานะ, หมาหัวเน่า คือ คนที่ไม่มีใครอยากคบค้าด้วย, ในสุภาษิตล้านนาก็มี เช่น ขี้นักหมาบ่กิน คือ ขี้มากๆ หมาไม่กิน หมายถึง สิ่งที่เกินพอดี มักไม่มีคุณค่า, ขี้บ่ทันออก ร้องหมามากิน คือ ยังไม่ทันทำการใด ก็คุยโม้โอ้อวดแล้ว, ขี้แห้งจับตาหมา หมายถึง ต่างคนต่างจิตต่างใจ เปรียบได้กับขี้แห้งยังถูกใจหมาได้ ดังนั้น คนไม่สวยไม่งาม ก็อาจมีคนมาชอบได้เช่นกัน
     
    ในทางโหราศาสตร์ ได้พูดถึงดวงชะตาของคนเกิดปีจอว่า เป็นผีเสื้อผู้หญิง ธาตุดิน มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นสำโรง และบัวหลวง ลักษณะโดยทั่วไป เป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากกว่าจะคิดเอาประโยชน์ส่วนตัว, ทำงานใดมักจะได้รับผลสำเร็จรวดเร็ว, เป็นคนมีฝีมือทางช่าง, ทำราชการพอประมาณ, ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี, นอกจากนี้ ยังได้แบ่งคนเกิดปีจอตามเดือนเกิดอีกว่า คนเกิดปีจอเดือน 11/ 12 และ 1 ตกหมากลางตลาด ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี แต่ว่าใจนั้นมักเป็นทหาร, ส่วนปีจอเดือน 2 /3 และ 4 ตกหมาจิ้งจอก พอจะมีกินเทียมเพื่อน พอจะเลี้ยงตัวได้, คนปีจอเดือน 5 /6 และ 7 ตกหมาพระยาเลี้ยง เมื่อน้อยเข็ญใจ ครั้น เติบใหญ่มากลางคนจะมีทรัพย์มาก, คนปีจอเดือน 8 /9 และ 10 ตกหมาคนเลี้ยง มีปัญญามาก มักทำบุญให้ทาน เจรจาซื่อสัตย์ดีนัก, ทางล้านนาเรียกปีจอ ว่า ปีเส็ด
     
    คนเกิดปีนี้เขาให้ไปไหว้พระธาตุเกตุแก้วจุฬามณี และให้สร้างธรรมาสน์ถวายทาน กล่าวกันว่า คนเกิดปีเส็ดสิริตกอยู่เข่าขวาพระพรหม พุธเป็นปาก เป็นคนพูดจาซื่อสัตย์ รักศีลธรรม ทำคุณคนไม่ขึ้น ศุกร์เป็นใจ เป็นคนมีจิตใจเข้มแข็ง สุขุมรอบคอบ, จันทร์เป็นที่นั่ง เป็นคนชอบอยู่กับที่ ไม่ชอบไปไหนมาไหน, พฤหัสกับเสาร์เป็นมือ เป็นคนมีฝีมือดีในเชิงช่าง ทว่ามักเกียจคร้าน, อาทิตย์กับอังคารเป็นเท้า มักเป็นผู้มีวาสนาดี ย้ายไปอยู่ที่ใด มักมีคนชอบ
     
    ความเชื่อเกี่ยวกับหมา ถ้าอยากให้หมาดุต้องให้กินน้ำตาล หรือให้กินเนื้อติดเขียง เนื้อหมาจัดเป็น 1 ใน 10 อย่างที่ทางพุทธศาสนาถือว่าพระภิกษุไม่ควรฉัน การจะดูว่าหมาตัวใดขี้เกียจหรือหมาดี ให้ดูจากท่านอน ถ้านอนตะแคงหรือนอนหงายท้องขึ้น ถือว่าขี้เกียจ ถ้านอนคว่ำ เหยียดเท้าไปข้างหน้า ถือว่าหมาดี คอยระแวดระวังภัยอยู่เสมอ คาถาเกี่ยวกับหมา ทางล้านนามีคาถาเสน่ห์หน้าหมา ซึ่งเชื่อกันว่า ถ้าใช้คาถาบทนี้เสกใส่อาหารให้หญิงกิน หญิงนั้นจะรักชอบตน
     
    นอกจากนี้ ก็ยังมีคาถาหัวใจหมา ซึ่งเชื่อว่าท่องแล้ว จะทำให้เราหน้าด้านหน้าทน ไม่รู้สึกอายเพราะเรียกจิตหมาเข้าหัวใจ คาถาบทนี้มีว่า “หมา หมา หมา จิตติ”(ท่อง 3 ครั้ง) อันที่จริง จะว่าไปแล้ว คนบางคนไม่ต้องว่าคาถานี้ แต่หากกินเหล้ากินเบียร์เข้าไปมากๆ ก็อาจเกิดอาการหน้าด้านหน้าทนได้เช่นกัน เรื่องหมา หมา ทั้งหมดนี้ คงทำให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักหมาในแง่มุมต่างๆเพิ่มขึ้น และในโอกาสที่ปี 2549 ซึ่งบังเอิญลงท้ายด้วยเลข 9 ซึ่งคนไทยถือว่าเป็นเลขมงคล
     
    และมีเสียงพ้องกับคำจีนว่า เก้า ที่แปลว่า หมา เช่นกัน นั้น สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอให้ปีนี้ เป็นปีมงคล ที่ทุกคนจะดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นลักษณะเด่นของปีนักษัตรดังกล่าว เพื่อเป็นหนทางแห่งความเจริญก้าวหน้าต่อไปด้วย
    ข้อมูลจาก อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม



    + +Dr. Fu

    >

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น