ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉากจบบทสรุปของเกมโยเกิร์ตติ้งที่แท้จริง [Yogurting Ending]

    ลำดับตอนที่ #2 : ศึกสุดท้ายวันจบการศึกษาบทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 54


    ศึกสุดท้ายวันจบการศึกษาบทที่ 2

    รูปประกอบเนื้อเรื่อง (หน้าต่าง Download ประจำ Episode)

    *ลักษณะของรูปไม่ตรงกับสคริปที่แปลเพราะ ในตอนนี้ไม่มีเนื้อหาของเกรย์และลูเบนเลย แต่พวกเขาจะมีบทบาทต่อไปในบทหลังๆ*

    ข่าวด่วนอีกแล้วค่ะ!
    คราวนี้เป็นการติดต่อจากโรงเรียนสาธิตจันทราค่ะ
    มีการยืนยันแล้วว่า ชมรมวิจัยจิตวิญญาณได้ร่วมมือกับ PTA และ ดูเหมือนคณะกรรมการนัก
    เรียนได้บุกเข้าไปค้นหาในถ้ำจิ้งจอกชั้นใต้ดินที่เหมือนจะเป็นฐานลับของเชาริน ผู้เป็นหัวหน้าชมรมแล้วค่ะ!  ถึงแม้จะมีแค่เสียง แต่เราจะทำการถ่ายทอดสดจากสถานที่เกิดเหตุมาให้ชมค่ะ!




    ภายในถ้ำจิ้งจอกพันปีเป็นอุโมงค์ที่ยาวลึก  มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งพร้อมกับอาวุธครบมือบุกเข้ามาที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาคือกลุ่มนักเรียนที่ปฏิบัติภารกิจพิเศษตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้า จนกระทั่งพวกเขาฝ่าฝูงมอนสเตอร์จนมาถึงบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ เบื้องหน้าของพวกนักเรียนมีเพียงหญิงสาวสองคนคนหนึ่งเป็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลนั่งดื่มน้ำชาอยู่บนเก้าอี้โยก เธอคนนี้คือเชาริน ประธานชมรมวิจัยจิตวิญญาณ ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวผมขาวและบนหัวมีหูสามเหลี่ยมสีขาวบวกกับการที่เธอนั่งอยู่ภายในขอบเขตสี่เหลี่ยมซึ่งดูแล้วเธอคงจะเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ถูกผนึกไว้ที่นี่แน่ๆ  




    เชาริน : เจ้าคุระตะนี่ไม่ได้เรื่องอย่างที่คิดไว้เลยจริงๆ แค่ให้ขัดขวางพวกเธอเอาไว้ก็ทำไม่ได้  ชักเริ่มเบื่อที่จะเล่นกับพวกเธอแล้วสิ... ไหนจะพวกPTA ที่น่ารำคาญอีก  ท่าทางจะได้เวลาแล้วสินะ
    เอาล่ะ จิ้งจอกพันปี! ฉันจะคลายผนึกให้เดี๋ยวนี้ล่ะ หลังจากนั้นก็ไปจัดการไอ้พวกนี้ซะ!


    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี) :  โฮะโฮะโฮะ แล้วทำไมฉันจะต้องทำเรื่องงี่เง่าพรรค์นั้นด้วยล่ะ


    เชาริน : ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะคลายผนึกให้ไงเล่า!?


    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี) : โฮะโฮะโฮะ พวกแมลงตัวกระจ้อยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
    ผนึกนี้น่ะ อีกไม่นานมันก็จะคลายออกแล้ว  แค่รอให้เด็กพวกนั้นมาถึงเท่านั้นเอง...
    ทั้งพลังของแก และของเจ้าผู้ชายคนนี้ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว


    ทันใดนั้นก็มีร่างของชายหนุ่มร่วงลงมาจากเพดานกระแทกพื้นต่อหน้าเชาริน คนๆนั้นคืออาจารย์เหมานั่นเอง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลฉีกกระชากและรอยไหม้เต็มไปหมด ซึ่งสร้างความตกใจให้กับเหล่านักเรียนที่บุกเข้ามาที่นี่ด้วย

    **อธิบายเพิ่มเติม หลังจากที่อาจารย์เหมาพ่ายแพ้ให้กับคาเฟ่และกลุ่มนักเรียนที่โรงเรียนเอสทีว่า ก็ได้หนีมายังโรงเรียนสาธิตจันทราเพื่อที่จะปลดปล่อยจิ้งจอกพันปีและใช้จิ้งจอกพันปีในการจัดการกับเหล่านักเรียน ในร่างกายของจิ้งจอกพันปีนั้นมีชิ้นส่วนแอนติคอยู่ ซึ่งเขาคิดว่าถ้าเขาสามารถควบคุมแกนกลางพลังแอนติคแบบที่นำมาจากการต่อสู้ครั้งแรก (ซึ่งนำแอนติคที่เป็นแกนกลางมาจาก“ผู้พิทักษ์ประตูแห่งดินแดนโบราณ (Gate Keeper)")แต่เขาคำนวณผิดไป เพราะพลังแอนติคของจิ้งจอกพันปีนั้นแข็งแกร่งกว่ามากอีกทั้งร่างกายของเขายังบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับคาเฟ่ทำให้เขาพลาดท่าจิ้งจอกพันปี**



    เชาริน : ทะ..ท่านพี่เชาปิง  ทำไม? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?

    เชารินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นตระหนกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปดูอาการของเหมาผู้ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ


    เหมา เชาปิง : .......

    ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับมาจากร่างกายของเขาดูท่าทางเขาจะสลบไปแล้ว


    เชาริน : ทำใจดีๆไว้นะคะ ท่านพี่! ท่านพี่  

    ในระหว่างที่เชารินกำลังดูแลอาการของพี่ชายเธอ เธอไม่ทันได้สังเกตว่าฝ่ามือของจิ้งจอกพันปีในคราบหญิงสาวยื่นออกมาเหนือเขตอาคมแล้ว และแขนนั้นกลับมีสภาพเป็นมือที่เต็มไปด้วยขนสีขาวและมีกงเล็บขนาดยักษ์ก่อนที่จะจับร่างของเชารินอย่างรวดเร็วพร้อมกับบีบร่างกายอย่างรุนแรงจนหญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทำให้นักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกกลัวจนเข่าอ่อน


    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี) : ทั้งจองหองอวดดี และโง่เขลายิ่งนัก เชิญไปสนิทกันต่อในนรกก็แล้วกัน โฮะโฮะโฮะ

    หลังจากพูดจบเธอก็เหวี่ยงแขนจิ้งจอกยักษ์ของเธอออกไปจนทำให้ร่างของเชารินลอยไปกระแทกกับผนังถ้ำเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องโถงและผนังบริเวณนั้นก็ถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสด ส่วนร่างของหญิงสาวก็นอนแน่นอนจมกองเลือดไปท่ามกลางความตื่นตกใจของนักเรียนหลายคน และทันใดนั้น..


    บาทหลวงเบอร์มองต์ : พอแค่นั้นแหละ~!  เจ้าปีศาจร้ายที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีตัวตน!

    ชายหนุ่มผมเทาร่างสูง สวมชุดบาทหลวงสีน้ำตาลก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังพวกนักเรียน บาทหลวงเบอร์มองต์อดีตเอ็กโซซิสท์แห่งโรงเรียนสาธิตจันทรา ทันทีที่บาทหลวงเบอร์มองต์ปรากฏตัว


    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี): แกมัน... ไอ้คนที่สร้างผนึกเวรนี่...!


    บาทหลวงเบอร์มองต์ : ทุกอย่างจะต้องจบลงในวันนี้!


    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี) : หึ หึหึหึ... โฮ้โฮะโฮะโฮะ! ช่างโง่เขลาเสียจริง!  ที่แกซึ่งเป็น(หนึ่งในคน)ที่ผนึกฉันเอาไว้ กลับเลี้ยงดูเจ้าพวกที่มาคลายผนึกให้ฉัน!  เวลานั้นได้มาถึงแล้ว! เหล่าลูกสาวที่เป็นดั่งอีกร่างของข้า! จงทำลายผนึกนี้ให้สิ้น และ มอบชีวิตของพวกเจ้าคืนให้กับแม่!

    ทันทีที่จิ้งจอกพันปีพูดจบ เพดานด้านบนของถ้ำจิ้งจอกก็ถล่มลงมาจนเป็นรูโหว่พร้อมกับมีร่างสองร่างปรากฎขึ้นเบื้องหน้าจิ้งจอกพันปี คนแรกเป็นเด็กสาวผมสีฟ้า มีหูสามเหลี่ยมสีฟ้า ปีศาจจิ้งจอกแห่งสายน้ำ ซุยเรน ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดง มีหูสามเหลี่ยมสีน้ำตาล ปีศาจจิ้งจอกแห่งอัคคี คาเรน แต่นัยน์ตาของพวกเธอทั้งคู่กำลังเหม่อลอยเหมือนไร้ความรู้สึก ซึ่งการปรากฎตัวของพวกเธอทำให้หลวงพ่อเบอร์มองต์ตกใจมากยิ่งขึ้น ทั้งๆที่ไม่ยอมให้พวกเธอลงมาด้วยแท้ๆ หรือว่า.พลังปีศาจที่เป็นร่างกายของพวกเธอกำลังถูกดึงดูดโดยผู้เป็นแม่




    ซุยเรน คาเรน :  .......ค่ะ......... ท่านแม่...........

    ซุยเรนและคาเรนตอบรับด้วยอาการที่เหม่อลอย  พร้อมกับเดินไปทางจิ้งจอกพันปีอย่างช้าๆ 


    บาทหลวงเบอร์มองต์ :  ไม่ได้นะ! ซุยเรน คาเรน! พวกเธอน่ะ...! พวกเธอไม่ใช่เกิดมาเพื่อทำแบบนั้นนะ!

    สองพี่น้องจิ้งจอกหยุดชะงัก


    ซุยเรน คาเรน : ...................


    หญิงสาวในสุสาน (เรเบียว): มัวทำอะไรกันอยู่ ลูกๆของข้า! จงยกชีวิตของพวกเจ้าให้กับข้า เหมือนกับเจ้าคนที่สามนั่นสิ!


    บาทหลวงเบอร์มองต์ : คนที่สาม?... หรือว่า..สาเหตุที่โมคุเรนตายก็เพราะ....!

    “โฮะๆๆๆ ใช่แล้ว ข้านี่แหละที่เป็นคนดึงชีวิตลูกคนที่สามกลับสู่ร่างกาย แล้วก็โยนความผิดให้พวกมนุษย์เพื่อให้ลูกสาวของข้าเข้าใจไปว่า คนที่ฆ่าน้องสาวเป็นพวกมนุษย์เพื่อที่จะก่อให้เกิดความเกลียดชังและความบาดหมางอันเป็นแหล่งพลังชั้นดีสำหรับข้าที่พร้อมจะฟื้นคืนชีพยังไงล่ะ โฮะๆๆ”

    “เจ้านี่มัน..~!!!”  บาทหลวงเบอร์มองต์เริ่มเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวก็ใหญ่โตขึ้นและมีขนสีขาวปกคลุมไปทั่ว นัยน์ตาสีแดงโลหิตจับจ้องไปที่เหล่านักเรียน ฝ่ามือใหญ่โตเริมแปรสภาพเป็นขาหน้าที่เต็มไปด้วยขนสีขาวและมีลายอักขระขึ้น แต่ถึงกระนั้น ขาทั้งคู่ของมันจะยังคงถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนขนาดยักษ์ที่พึ่งปรากฏให้เห็น บริเวณคอก็ห้อยแผ่นจารึกที่มีอักษรแปลกๆเอาไว้  




    เธอยิงฟันให้เห็นเขี้ยวที่แหลมคม ถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะขยับไปมาจากแท่นไม่ได้มากนัก แต่เมื่ออยู่ในสภาพร่างปีศาจจิ้งจอกแบบสมบูรณ์แบบเธอก็สามารถใช้พลังเล่นงานทุกคนที่นี่ได้ ว่าแล้วเธอก็รวมพลังไว้ที่ปากก่อนที่จะยิงพลังไฟใส่บาทหลวง


    เปรี้ยง~!!!

    บาทหลวงเบอร์มองต์ถูกพลังของปีศาจจิ้งจอกไปเต็มๆ เขาไม่อาจจะหลบได้เพราะเกรงว่า กระสุนที่ยิงออกไปนั้นจะไปโดนนักเรียนที่อยู่ด้านหลัง

    “ท่านบาทหลวง~!!” นักเรียนชายที่ถือค้อนโลหะขนาดเล็กรีบเดินเข้ามาดูอาการของบาทหลวง

    “พวกเธอมัวทำอะไรอยู่~!! รีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ!!”  บาทหลวงพยายามไล่นักเรียนออกไปแต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมทำตามคำสั่ง

    “พวกเราจะไม่มีวันทอดทิ้งท่านบาทหลวงและพวกซุยเรนเด็ดขาด!” เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดพร้อมกับจับสายสะพายกระเป๋าไม้กางเขนไว้แน่น พร้อมกับยิงกระสุนพลังใส่ปีศาจจิ้งจอกพันปี

    “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราจะไม่หนีอีกแล้ว!!”  นักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือที่สวมถุงมือสีดำแต่มีปีกขยับได้สีแดงเพลิง ก่อนที่จะมีเปลวไฟปรากฏขึ้นรอถุงมือก่อนที่จะเปลี่ยนสภาพเป็นธนูและลูกศรเพลิง จากนั้นเขาก็ยิงลูกศรนั้นพุ่งเข้าใส่จิ้งจอกพันปี

    “พวกเธอ..” ก่อนที่บาทหลวงจะพูดอะไรต่อ..นักเรียนชายที่ถือค้อนที่วิ่งมาหาบาทหลวงเป็นคนแรกก็พูดตัดหน้าก่อน

    “ที่ผ่านมาท่านบาทหลวงปกป้องพวกเรามามากพอแล้ว และตอนนี้ขอให้พวกเราได้ช่วยท่านบาทหลวงกับสองพี่น้องจิ้งจอกนั่นด้วยเถอะครับ”  หลังเขาพูดจบ ค้อนสีเงินขนาดเล็กในมือของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นก่อนที่จะวิ่งเข้าไปใกล้กับปีศาจจิ้งจอก  ปีศาจจิ้งจอกใช้กงเล็บหวดใส่นักเรียนคนนั้นแต่เขาก้มตัวหลบได้พร้อมกับกระโดดตีลังกาเหวี่ยงค้อนไปกระแทกกับปากปีศาจจิ้งจอกอย่างแรง

    “เจ้าพวกสวะที่น่ารำคาญพวกนี้นี่~!!”  



    หลังจากนั้นไม่นานเหล่านักเรียนต่างก็ฮึกเหิมขึ้น ความรู้สึกหวาดกลัวในตอนแรกเริ่มจางหายพวกเขาต่างลุกขึ้นยืนหยัดสู้กับปีศาจจิ้งจอกพันปีร่วมกับบาทหลวง จนการถ่ายทอดสดทางเสียงเต็มไปด้วยเสียงของการต่อสู้เป็นเวลานาน แต่ว่า นักเรียนทั้งหมดไม่สามารถเอาชนะจิ้งจอกพันปีได้ เพราะจิ้งจอกพันปีนั้นแข็งแกร่งมาก การโจมตีของเหล่านักเรียนไม่อาจจะสามารถสร้างบาดแผลให้กับร่างกายของจิ้งจอกพันปีได้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ามันจะถูกตรึงด้วยโซ่ตรวนจนไม่สามารถขยับร่างกายได้มากนัก แต่มันแค่ใช้กงเล็บที่เท้าหน้ากระแทกลงไปบนพื้นก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงจนทำให้นักเรียนที่อยู่ใกล้เคียงกระเด็นปลิวไปไกลหลายเมตรแล้ว  แต่สองพี่น้องจิ้งจอกซุยเรนกับ คาเรนกลับไม่กระเด็นตามเหมือนมีพลังบางอย่างห่อร่างพวกเธอไว้ พวกเธอเริ่มเดิมเข้าไปใกล้กับจิ้งจอกพันปีที่กำลังอาละวาดใส่พวกนักเรียน  

    ย้อนกลับไปที่ส่วนบนของถ้ำจิ้งจอกพันปี บริเวณใกล้กับโบสถ์เก่าของโรงเรียนสาธิตจันทราที่มีเหล่านักเรียนที่เป็นกำลังสนับสนุนของเหล่านักเรียนที่บุกลงไปที่ถ้ำจิ้งจอกก่อนหน้านั้น พวกเขาต่างกระวนกระวายอย่างหนักหลังจากที่ได้ยินเสียงการปะทะกันอย่างดุเดือดผ่านทางลำโพงที่ประกาศข่าวสาร เพราะดูท่าทางพวกที่อยู่ข้างล่างคงกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่ๆ อีกทั้งพวกเขายังทำผิดพลาดโดยการไม่สามารถห้ามซุยเรนกับคาเรนที่วิ่งไปทางถ้ำจิ้งจอกพันปีราวกับถูกดึงดูดด้วยอะไรบางอย่างได้  

    ในช่วงที่พวกเขากำลังสับสนอยู่นั้น ก็มีมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น เบื้องหน้าของพวกเขาคือม้าปีศาจที่สวมเกราะเหล็ก และผู้ขี่ที่สวมผ้าคลุมเก่าๆ ถือเคียว เมก้าเดธ  ที่เหล่านักเรียนเคยต่อสู้กันมาก่อนและดูเหมือนจะรู้จักกับบาทหลวงเบอร์มองต์  

    เหล่านักเรียนทำท่าจะลุกขึ้นสู้แต่เมก้าเดธชิงพูดตัดหน้าออกมาก่อน   


    เมก้าเดธ : เหล่านักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้เอ๋ย... เหล่าเด็กผู้กล้าหาญเอ๋ย  แม้ตัวข้าที่แปดเปื้อนด้วยตราบาป จะไม่อาจเข้าแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้ได้  แต่ว่า จงนำอาวุธแห่ง"น้ำ"แบบพิเศษที่จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ในสถานที่ ที่มีพลังแห่งธาตุ"น้ำ"อยู่.... หรือถ้าหากมี"นม"แบบพิเศษอยู่...ก็จงนำไปมอบให้กับคณะกรรมการควบคุมกฎระเบียบที่อยู่ที่นั่นด้วย...

    “หา?” นักเรียนหลายคนรู้สึกสับสนกับสิ่งที่เมก้าเดธพูด

    “ถ้าพวกเจ้าอยากจะรีบช่วยเพื่อนของพวกเจ้าก็จงทำตามที่ข้าบอกโดยเร็ว”  เมก้าเดธตอบตัดบท ซึ่งในขณะเดียวกัน กรรมการผู้คุมกฎเอ็นเด้ที่รับฟังเรื่องผ่านทางโทรศัพท์ก็หยิบเครื่องกระจายเสียงส่วนตัวขึ้นมาก่อนที่จะพูด



    กรรมการควบคุมกฎระเบียบ เอ็นเด้ :  ........เอ๋!? ม...เมก้าเดธ?! อ่ะ อืมรับทราบแล้ว...
    สถานที่แห่งธาตุ"น้ำ".... ที่นี่สินะ?  ฉันอยู่ที่สถานที่แห่งธาตุ"น้ำ"แล้ว!  ถ้าหากเจอฉันล่ะก็ ให้ยื่นความจำนง "แสดงความต้องการแลกเปลี่ยน" แล้วนำอาวุธแห่ง"น้ำ"แบบพิเศษ หรือ"นม"แบบพิเศษมาให้ที!  คนที่นำของที่ถูกต้องมาส่งเป็นคนแรก จะได้รับ "Challenge Box" เป็นรางวัลนะ!

    หลังจากนั้นก็มีกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาที่ๆเอ็นเด้อยู่ ซึ่งอยู่ภายในโบสถ์เก่าใกล้กับชายป่า เอ็นเด้ไม่รอช้าขอร้องให้เหล่านักเรียนที่มายื่นขวดนมที่มีอยู่ทั้งหมดมาให้เขาและให้นำอาวุธธาตุน้ำแบบพิเศษมาให้ด้วย  นักเรียนชายคนหนึ่งยื่นไม้กางเขนสีน้ำเงิน (Undertaker)ที่มีผลึกตรงกลางให้กับเขา ซึ่งผลึกนั้นมีออร่าสีฟ้าล้อมรอบอยู่ซึ่งสัมผัสได้ถึงความเย็นของพลังแห่งธาตุน้ำ

    “เอาล่ะ...จากนั้นก็ทำแบบนี้”  เอ็นเด้เทน้ำนมที่ได้จากนักเรียนหลายๆคนรวมกันลงในจอกสีเงินขนาดใหญ่ จากนั้นก็หย่อนไม้กางเขนยักษ์แช่ลงไปในน้ำนมนั้นก่อนที่จะยกขึ้น ทันใดนั้นไม้กางเขนสีน้ำเงินก็เปลี่ยนเป็นสีขาว พลังแห่งภูติผีปีศาจที่สถิตอยู่ในไม้กางเขนนี้ได้ถูกชำระจนกลายเป็นไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งดูเหมือนว่าโดยปกติพิธีกรรมนี้มักนิยมใช้น้ำแต่เนื่องจากสถานที่นี้มีน้ำน้อยมากจึงต้องใช้นมชนิดพิเศษเข้ามาทดแทนซึ่งนมเหล่านี้ก็มีคุณสมบัติความเป็นธาตุน้ำเหมือนกัน

    “หน้าที่ของผมจบลงแล้ว เอาอันนี้ไปส่งให้เมก้าเดธซะ ”  เอ็นเด้นำไม้กางเขนให้นักเรียนชายคนหนึ่ง และมอบหมายให้เขานำมันออกไปให้เมก้าเดธ  เขาวิ่งออกไปข้างนอกโบสถ์ซึ่งเมก้าเดธนั้นได้อยู่นอกโบสถ์เพื่อรอรับอาวุธอยู่แล้ว (เมก้าเดธไม่สามารถเข้าโบสถ์ได้)

    “เอ้านี่~”  นักเรียนคนนั้นมอบไม้กางเขนสีขาวให้กับเมก้าเดธ เมก้าเดธใช้เคียวยื่นออกไปรับไม้กางเขนนั้นและทันทีที่เคียวสัมผัสกับไม้กางเขน ไม้กางเขนนั้นก็เปล่งแสงสีขาวก่อนที่จะหายไปและกลายเป็นพลังงานสีขาวห่อหุ้มเคียวของเมก้าเดธไว้ 

    “ขอบคุณคณะกรรมการควบคุมกฎระเบียบคนนั้นจริงๆที่สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นแรงต้านทานความชั่วร้ายให้ข้าสามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้.... เอาล่ะ พวกนักเรียนที่กล้าหาญเอ๋ย ไปช่วยพวกพ้องทุกคนด้วยกันเถอะ”

    “โอ้~!!!”  นักเรียนที่อยู่ที่นั่นหลายคนตอบรับก่อนที่จะเตรียมอาวุธที่ผ่านพิธีกรรมเสริมพลังศักดิ์สิทธิ์และตามเข้าไปในป่าลึกมุ่งหน้าสู่ถ้ำจิ้งจอกพันปี ในที่สุดพวกเขาก็เข้ามาถึงถ้ำจิ้งจอกพันปีที่มีการต่อสู้อันดุเดือดอยู่




    “พวกเรามาช่วยแล้วค่ะ~!”  กรรมการคุมกฎคิรินได้ตะโกนบอกทุกคนที่อยู่ที่แห่งนั้น ก่อนที่จะคว้าอาวุธประจำตัวขึ้นมาแล้วพุ่งเข้ารุมโจมตีปีศาจจิ้งจอกพันปีทันที

    “จะมากันสักกี่คนก็เปล่าประโยชน์~” ปีศาจจิ้งจอกพันปีตะโกนด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราด ก่อนที่จะอ้าปากยิงลูกพลังไฟใส่กลุ่มนักเรียน  นักเรียนหญิงคนหนึ่งยกดาบคาตานะสีขาวตั้งรับไว้ถึงแม้จะเสริมพลังอาวุธเข้าไปแล้วแต่ความรุนแรงของพลังปีศาจจิ้งจอกพันปียังคงปรากฏให้เห็นอยู่ถึงกับทำให้เธอล้มลงไปบนพื้นดาบกระเด็นหลุดมือ จนเพื่อนของเธอรีบพาเธอหนีไปตั้งหลักก่อน ส่วนนักเรียนที่เหลือยังคงรุมโจมตีปีศาจจิ้งจอกพันปีอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่ง...

    พื้นเบื้องหน้ามีอักขระวงกลมที่มีดาวหกแฉกข้างในปรากฏขึ้นจากนั้น ก็มีรอยแยกสีดำออกมาบริเวณเหนือสัญลักษณ์ดาวหกแฉกนั้น พร้อมกับการปรากฏตัวของม้าสีดำสวมเกราะเหล็กขนาดใหญ่โดยที่ข้างบนอานม้านั้นมีคนในชุดผ้าคลุมเก่าๆสีฟ้านั่งอยู่ มือขวาถือเคียวขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบไปด้วยแสงสีขาวสว่างจ้าอันเกิดจากการที่อาวุธนั้นได้รับคุณสมบัติพิเศษจากพลังแห่งธาตุน้ำที่ถูกชำระด้วยน้ำนมแบบพิเศษซึ่งมีพลังแห่งความบริสุทธิ์ ภายใต้ผ้าคลุมนั้นปกปิดใบหน้าที่แท้จริงไว้แต่ไม่อาจจะซ่อนเขาที่งอกออกมาได้ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ เมก้าเดธ ยมทูตปีศาจแห่งสาธิตจันทรา  สาเหตุที่เขามาทีหลังก็เพราะต้องการปรับความคุ้นเคยกับพลังศักดิ์สิทธิ์นี้เสียก่อน
    “ถอยออกมาซะ เหล่านักเรียนทั้งหลาย”  เมก้าเดธตะโกนให้พวกนักเรียนที่อยู่ใกล้ๆจิ้งจอกพันปีรับรู้ก่อนที่จะยกเคียวขึ้น


    เมก้าเดธ : เจ้าพวกปีศาจที่แปดเปื้อนบาปเอ๋ย จงหายไปซะ!

    คมเคียวสีเงินที่ส่องแสงอยู่แล้วสว่างจ้าขึ้นกว่าเดิมก่อนที่จะแปรสภาพพลังงานออกมาในรูปแบบกงจักร ก่อนที่จะเหวี่ยงคมเคียวฟาดไปกับพื้นจนเกิดคลื่นจักรวงกลมไหลไปตามพื้นเป็นแนวเส้นตรงมุ่งหน้าเข้าใส่จิ้งจอกพันปีด้วยความเร็วสูง กงจักรพลังงานสีขาวพุ่งตามพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดรอยแยกเป็นแนวทางจนในที่สุดก็ปะทะกับร่างจิ้งจอกพันปีอย่างรุนแรง



    ฉัวะ~!!!!!!!

    กงจักรสีขาวตัดผ่านปากของมันจนเกิดรอยแยกสีขาว และลามไปถึงส่วนหัวเจาะลึกไปถึงกะโหลก แผ่นศิลาที่ห้อยไว้กับคอก็ถูกผ่าออกจากกัน กงจักรได้ทะลุตัดผ่านแบ่งซีกจิ้งจอกพันปีเป็นแนวตรงตั้งแต่ส่วนปากค่อนไปจนถึงลำตัวอย่างรวดเร็ว มันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะกลับคืนร่างเป็นหญิงสาวผมขาวเหมือนอย่างเดิมในสภาพที่มีบาดแผลทั่วร่างกาย





    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี) :  อ๊ากกกกกกก! แก ไอ้พวกไม่ยอมตายเอ๊ย!  ลูกๆของข้า! รีบๆสละชีวิตของพวกแกให้ข้าเร็วๆเข้า!

    จิ้งจอกพันปีในคราบหญิงสาวตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง พลังงานชีวิตของเธอจะเหลือน้อยเต็มที


    ซุยเรน คาเรน : .....................

    ซุยเรนกับคาเรนยังคงเดินเข้าไปใกล้จิ้งจอกพันปี และเข้าใกล้จิ้งจอกพันปีมากขึ้นเรื่อยๆ  


    บาทหลวงเบอร์มองต์ : ไม่ได้นะ~! ซุยเรน คาเรน! พวกเธอน่ะ......!  พวกเธอเป็น...ลูกสาวคนสำคัญของฉันนะ!

    หลวงพ่อเบอร์มองต์ในสภาพที่มีบาดแผลเต็มตัวจากการที่คอยปกป้องนักเรียนก่อนหน้าตะโกนขึ้น ในตอนนี้เขาเองไม่มีแรงที่จะลุกไปห้ามพวกเธอแล้ว เขาได้แต่หวังว่าเสียงที่เขาเรียกนี้จะเข้าไปถึงจิตใจของพวกเธอ


    ซุยเรน คาเรน :.....................

    ความทรงจำต่างๆไหลเข้ามา...ตั้งแต่วันนั้น...วันที่พวกเธอได้ถือกำเนิดและได้พบบาทหลวง ผู้ซึ่งมาเป็นพ่อของพวกเธอ

    “ฉันจะต้องรับผิดชอบพวกเขา เพราะฉันได้พรากแม่ของพวกเขาไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเป็นพ่อของพวกเขา”

    วันที่พวกเธอได้รับชื่อ..และมีชีวิตใหม่
    “ตั้งแต่นี้ไปเธอชื่อ คาเรน กับซุยเรนนะ”

    ช่วงเวลาที่มีความสุข
    “ซุยเรนทำแกง***ได้อร่อยมากเลยล่ะ”

    ช่วงเวลาที่มีความทุกข์
    “อย่าได้เศร้าไปเลย น้องสาวของพวกเจ้าได้อยู่ในอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว”

    ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน..ทั้งหมด...

    ช่างมีค่าเหลือเกิน

    กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้งเถอะนะ

    ซุยเรน....คาเรน...


    นัยน์ตาที่ไร้แววของพวกเธอเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น พร้อมกับม่านพลังที่ห้อมล้อมรอบตัวพวกเธอก็แตกสลายหายไป บัดนี้ สองพี่น้องจิ้งจอกได้สติกลับคืนมาแล้ว..



    ซุยเรน : .......ท่านบาทหลวง......


    คาเรน : ........ตาแก่บาทหลวง?

    ทันที่สองพี่น้องหลุดจากการควบคุม ทั้งสองก็วิ่งเข้าไปหาบาทหลวงเพื่อดูอาการบาดเจ็บของเขา..

    “ท่านบาทหลวงไม่เป็นไรใช่ไหม”  ซุยเรนถามบาทหลวงด้วยความเป็นห่วงแต่ในทางกลับกัน

    “เจ้าบ้า แก่แล้วไม่เจียมเลย ทำไมต้องมาเป็นห่วงคนอย่างข้าด้วย!!!” คาเรนตะโกนต่อว่าบาทหลวง แต่ในใจลึกๆเธอก็เป็นห่วงบาทหลวงไม่น้อย

    “ได้ใจจริงๆ ที่พวกเธอกลับมา” บาทหลวงพูดขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปลูบหัวคาเรน ตอนแรกเธอพยายามที่จะต่อต้าน แต่เมื่อเห็นสภาพบาทหลวงที่เจ็บตัวอยู่แล้ว เธอยอมให้ก็ได้วันนึง



    หญิงสาวในสุสาน (จิ้งจอกพันปี) :  ทำไมกัน! ทำไมถึงไม่ฟังที่แม่พูด!  ทั้งที่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของฉันแท้ๆ กลับต่อต้านงั้นเรอะ!  อีกนิดเดียวแท้ๆ..... เจ็บใจนักกกกกกกกกกกกก.......!

    ร่างกายของจิ้งจอกพันปีในคราบหญิงสาวเริ่มปรากฏรอยร้าวชัดเจนขึ้นก่อนที่ขาดออกจากกัน พร้อมกับส่องแสงสีขาวสว่างวาบก่อนที่จะสลายหายไป




    เมก้าเดธ : การทำลายจิ้งจอกพันปี... ความหวังอันยาวนานของพวกเราที่ข้ามผ่านเวลามากว่า15ปี
    เท่านี้ก็สัมฤทธิ์ผลแล้วสินะ เบอร์มองต์

    บาทหลวงเบอร์มองต์หันไปพูดกับเมก้าเดธ


    บาทหลวงเบอร์มองต์ : อืม..ในวันนั้น... วันที่ผนึกจิ้งจอกพันปีได้สำเร็จ ฉันพลาดท่าถูกมันฆ่าจนถึงแก่ความตาย ส่วนนายก็ได้ทำพันธะสัญญากับปีศาจ เพื่อให้ฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง พอฉันฟื้นขึ้นมานายดันต้องกลายเป็นปิศาจ...เพราะฉันแท้ๆ นายถึง...

    **ในส่วนนี้ขออธิบายเป็นการ์ตูน ณ เหตุการณ์ในวันนั้น






































    เมก้าเดธ :  ไม่เป็นไรหรอก ถ้านายเป็นฉันนายก็ต้องทำแบบเดียวกัน ... คงถึงเวลาต้องลาจากกันแล้ว  นี่ฉัน... ได้รับการให้อภัยแล้วหรือยังนะ?

    เมก้าเดธยังคงสงสัยเรื่องนั้น


    บาทหลวงเบอร์มองต์ : ได้รับอยู่แล้วล่ะ ก็เพราะว่า...นายกลับคืนสู่ร่างในอดีตแล้วไม่ใช่เหรอ

    ทันใดนั้นก็มีสายลมพัดผ้าคลุมเก่าๆที่คลุมศีรษะของเมก้าเดธออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผมสีบลอนด์ ที่ไม่มีเขาอยู่บนศีรษะ





    คณะกรรมการควบคุมกฎระเบียบ คิริน : อ้ะ... เมก้าเดธกลายเป็นหนุ่มหล่อไปแล้วค่า  กรี๊ด~!!!



    เมก้าเดธ : ลาก่อน เบอร์มองต์ และเหล่าเด็กๆผู้กล้าหาญทุกๆคน...

    แสงสีขาวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเมก้าเดธ ก่อนที่จะพาร่างกายของเขาและม้าที่เขาขี่อยู่หายไปกับแสงนั้น ดูเหมือนว่าพันธะระหว่างเขากับปีศาจนั้นจบสิ้นลงแล้ว

    เอ็นเด้ที่เดินตามมาทีหลังต่างก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด



    กรรมการควบคุมกฎระเบียบเอ็นเด้ : คราวนี้ก็ ดูท่าจะทันเวลาพอดีนะ!  ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือนะทุกคน!

    “ไม้กางเขนของฉันไปซะแล้ว”  เด็กหนุ่มผู้เสียสละไม้กางเขนเอ่ยขึ้นอย่างน่าเสียดาย เพราะอาวุธของเขาราคาหลายแสนนั้นหายไปพร้อมกับเมก้าเดธแล้ว แต่แล้วเขาก็หยิบ Challenge Box ที่เขาได้รับเป็นรางวัลมาเปิดดู

    “ช่างเถอะ ยังไงก็ได้รับของรางวัลมาแล้วนี่เนอะ” ทันทีที่เขาเปิดกล่องออกมาก็มีข้อความขึ้นบนหัวว่า...

    คุณได้รับ Triangle Milk 1 ขวด

    ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นใบหน้าของเคนชิโร่ในทันที





    โปรดติดตามตอนต่อไปในบทที่ 3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×