คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Rapunzel ราพันเซล
เอาล่ะ! ประเดิมเรื่องแรกกันด้วยเรื่อง ราพันเซล กันเลยจ้าาา
Cr. http://writer.dek-d.com/werwerty/story/view.php?id=154884
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว –
คำขึ้นต้นยอดฮิต – มีชายคนหนึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาของเขา
ซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือการมีลูก…
จากบ้านของพวกเขา เมื่อมองข้ามรั้วซึ่งเป็นเส้นแบ่งอาณาเขตของแม่มดตนหนึ่งจะเห็นสวนอันสวยงามที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดทั้งกุหลาบ
ทิวลิป ลิลลี่ และก็ดอกไม้อีกมากมายหลายอย่างสารพัดนึก
นอกจากนั้นยังมีผักผลไม้อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในก็มีผักกาดด้วย - ก็แหงล่ะ
มันเป็นผักนี่เนอะ – และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด…
วันหนึ่งในขณะที่ผู้เป็นภรรยาได้มองออกไปยังสวนดอกไม้นั่น
เธอได้ไปหยุดชะงักที่แปลงผักกาดสดที่สวยงามในสวนนั้น
ซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกอยากกินมากถึงมากที่สุดถึงขั้นที่เธอบอกกับสามีว่า
“ฉันกลัวว่าฉันอาจต้องตายถ้าไม่ได้กินผักกาดพวกนั้น”
พลางชี้ไปยังแปลงผักกาด
“แต่นั่นมันอยู่ในอาณาเขตของแม่มดนะ
เราไปซื้อที่ตลาดก็ได้” สามีเสนอ
“แต่เค้าอยากกินผักกาดในสวนอะ
เราสัมผัสได้ว่าผักกาดที่สวนนั้นมันดีกว่าผักกาดอื่นๆเป็นไหนๆเลยนะ”
ภรรยาเริ่มส่งสายตาออดอ้อนให้สามี
เฮ้อ สามีบ่นในใจ ผู้หญิงนี่ช่างเรื่องมากจริงๆ
แต่สุดท้าย
สามีก็ยังทำตามที่ภรรยาต้องการอยู่ดี ในคืนนั้น
เขาได้ปีนข้ามรั้วไปเก็บผักกาดจนเต็มถุง และแอบย่องและปีนออกมาจากสวน แล้วนำผักกาดมาให้กับภรรยา
และเมื่อภรรยาทานมันเข้าไป…
3…
2…
1…
ตึง! โอ๊ะโอ่…ภรรยาของเขาล้มลงกระแทกกับพื้น น้ำลายฟูมปาก… และ ไซโยนาระ!!!
จบจ้า!!
.
.
.
ซะเมื่อไรล่ะ :P
“อะ อร่อยสุดๆไปเลย!” ฝ่ายภรรยาอุทานออกมันทันใดที่ลิ้นแตะผักกาด
“เกิดมาเพิ่งจะรู้ว่าผักกาดมันอร่อยขนาดนี้….”
ภรรยายังคงกินผักกาดต่อไปไม่หยุด
เธอกินมันไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนหมดถุง “เราอยากกินผักกาดนี่อีกอ่าา”
เธออ้อนสามีอีกครั้ง พยายามส่งสายตาเป็นประกายมากกว่าเก่า
สามีถอนหายใจ
แต่เค้าก็ยังตอบตกลงเธออยู่ดี
ในคืนถัดมา
สามีได้ทำเหมือนเดิม ในระหว่างที่เขากำลังเก็บผักกาดและกำลังพยายามย่องเบาที่สุด…
อ้า! กะแล้วเชียว
คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่นแน่นอนนอกจากเจ้าของสวนนี้ยังไงล่ะ!
และคุณก็น่าจะรู้ว่านั่นคือใคร – หรือไม่รู้!? – แม่มดไงล่ะ!! แท่น แทนนนนน!!!!
เธอสวมผ้าคลุมดำ –
ซึ่งกลืนกินไปกับความมืด - ปกปิดทุกส่วนของร่างกายยกเว้นส่วนหน้า จริงๆ
ควรจะเรียกว่าครึ่งหน้ามากกว่า
เพราะฮู้ดของเธอยาวมากจนลงมาปิดบังดวงตาของเธอเลยแหละ แต่ที่น่ากลัวสุดๆ
คือผิวซีดบนใบหน้าของเธอมันสะท้อนกับแสงจันทร์ส่งผลให้เห็นเป็นภาพใบหน้าเหี่ยวๆ
ลอยอยู่กลางอากาศเหมือนผีเลย…
แถมรอบตัวเธอยังมีหมอกปกคลุมอีก นั่นยิ่งเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอี๊กกก
ชายวัยกลางคนเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น
จนเขากลัวว่าจะแข็งตายไปแล้ว – ยิ่งมีลมพัดมาแรงๆ อีก –
เขาก้มหน้าแต่ก็สัมผัสได้ว่าแม่มดกำลังจ้องเขาด้วยสายตาเย็นเชียบ –
ทั้งที่เขายังไม่เคยเห็นดวงตาเธอด้วยซ้ำ – (บรรยากาศช่างมาคุจริงๆ)
“เจ้าหัวขโมยเอ่ย…” เสียงเธอแหบพร้า
“เจ้าจะต้องได้รับโทษอย่างสาสมแน่”
นางแสยะยิ้มและเริ่มคิดว่าจะทรมานชายผู้นี้ยังไงดี “อืมมมม… เผาทั้งเป็นดีมั้ย?
เอ๊ะ หรือจะหันเป็นชิ้นๆ แล้วทำสตูดี? โอ้
ไม่ๆ เนื้อมนุษย์มันเหนียวไป…เฆี่ยน?? หรือปล่อยให้อีกาจิกตาดี??
อ๊าาาา แค่คิดก็มันส์แล้วววว!!! คิคิ”
นางเริ่มหัวเราะ
ชายวัยกลางคนเริ่มหน้าซีด
เหงื่อแตกพลัก “ขะ ข้าขออภัยท่านอย่างยิ่ง ท่านหญิง ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”
เขาขอร้องเว้าวอน
“ข้าเกรงว่าถ้าหากภรรยาของข้าไม่ได้กินผักกาดพวกนี้เธออาจเป็นทุกข์และอาจถึงขั้นป่วยตายได้เลย!!”
“อืมม…งั้นเหรอ” ดูเหมือนว่าแม่มดจะมีความเมตตาอยู่บ้าง(มั้ง)
“งั้นข้าอนุญาตให้เจ้านำผักกาดไปได้ แต่! ฟังให้ดีนะ
เมื่อภรรยาของเจ้ามีลูก เจ้าจะต้องยกลูกให้กับข้า เข้าใจมั้ย?”
ด้วยความกลัวเขาจังตอบตกลงไปโดยไม่คิดและรีบวิ่งอย่างเร็วที่สุดไปยังบ้านของเขา
ปัง!
ประตูกระแทกดังลั่นจนภรรยาเขาหน้าซีด
เธอจ้องมองสามีด้วยความงงงวยและความเป็นห่วง(แถมความโกรธนิดหน่อยที่เกือบทำประตูพัง)
“กะ เกิดอะไรขึ้นเหรอที่รัก!?”
สามีส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความเหนื่อย
เขายังไม่อยากให้เธอรับรู้เรื่องทั้งหมดในตอนนี้
1 ปีผ่านไป
ภรรยาของเขาได้ให้กำเนิดลูกสาว
และแน่นอน
ปัง!
“สวัสดีชาวโลกกกกกกก!!!”
แม่มดกระแทกประตูดังปังพร้อมคำทักทายสุดพิลึก
ชายวัยกลางคนหน้าซีด
ในขณะที่ภรรยาของเขากำลังมองแขกผู้มาเยือนตรงประตูด้วยความงงงวย
“สะ สวัสดีค่ะ”
เธอทักทายแขกตรงหน้า “เอ่อ…”
ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร
แม่มดก็ตรงดิ่งมาคว้าลูกในอ้อมกอดเธอไป และเดินออกไป
ในระหว่างเธอตะลึงค้างอยู่นั่น แม่มดก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “ขอบใจนะ
มนุษย์น้อยเอ่ย” แล้วแม่มดส่ายหัวฮัมเพลงไปมาแล้วเดินออกไป – ง่ายเนอะ –
ภรรยาหันขวับไปยังสามี
“นี่มันอะไรกัน? ผู้หญิงคนนั้นคือใคร??ทำไมอยู่ๆ
เธอถึงมาอ้มลูกเราไปเฉยๆเลยล่ะ!! เราต้องไปขอลูกคืน!” เธอตวาด “เดี๋ยวนี้เลย!!!!”
“อะ เอ่อ…ที่รักจ้ะ คือ…คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกจ้ะ”
“ทำไมล่ะ!?” ภรรยาตวาดหนักกว่าเดิม
แล้วสามีก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อฟังจบ เธอแทบล้มทั้งยืน เธอเริ่มรู้สึกผิด สับสน เสียใจ
และโกรธตัวเองในเวลาเดี๋ยวกัน ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฉันแท้ๆ และเธอก็เริ่มร้องไห้ไม่หยุด
เริ่มปาข้าวของและเก็บตัวเงียบ ไม่ว่าสามีจะพยายามปลอบแค่ไหนเธอก็ไม่ดีขึ้นอยู่ดี
อืมม ถ้าถามไรท์ว่า
แล้วทำไมสองสามีภรรยาถึงไม่ไปลองคุยขอลูกคืนล่ะ อะไรประมาณนี้ อืมมมม
ทั้งสองก็คงจะลองไปเจรจาต่อรองขอลูกคืนอยู่หรอกมั้ง แต่คงจะหาไม่เจอ
เพราะแม่มดได้ย้ายไปที่อื่นแล้วเรียบร้อย ซึ่งทั้งสองก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน
ไม่ว่าจะพยายามหาแค่ไหน ไม่ว่าจะในเมือง ตามชนบท หรือป่า…หึ
จริงๆ มันก็อยู่ในป่านั่นแหละ เพียงแต่เป็นที่ที่คุณคงนึกไม่ถึงเลยล่ะ
แม่มดพาเธอมาขังไว้ในหอคอยหลังโขดหินสูงแห่งหนึ่งในป่า
ที่ซึ่งใครๆก็คิดว่าเป็นทางตัน แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นแค่ภาพลวงตา – และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม
ถึงไม่มีใครหาเจอ – แม่มดตั้งชื่อให้เด็กว่า ราพันเซล
เธอเติบโตขึ้นเป็นหญิงที่สวยที่สุดใต้แสงอาทิตย์และพระจันทร์ ราพันเซลมีผมยาวทองดุจเส้นไหมทองคำ
ทุกครั้งที่มันโดนแสงอาทิตย์หรือแม้แต่แสงจากโคมไฟมันจะส่องแสงระยิบระยับเป็นประกายสีทองสวยงามจนคุณอาจเข้าใจผิดว่านั่นเป็นทองจริงๆ
เลยล่ะ
แม่มดมักจะออกไปข้างนอก เพื่อไปหาช็อปปิ้ง หาของฝากไปฝากราพันเซล หรือทำธุระอะไรอีกหลายๆ
อย่างที่ไรท์ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอนางกลับมาและต้องการจะขึ้นไปบนหอคอย –
หอคอยสูงประมาณตึก 6 ชั้นได้มั้ง – นางจะตะโกนเรียกว่า
“ราพันเซล! ราพันเซล! ปล่อยผมลงมาาา!!” แล้วเส้นไหมยาวๆ ก็จะตกลงมาจากหน้าต่าง (หอคอยมีแต่หน้าต่างบานเดียวนะจ๊า)
แล้วนางก็จะปีนขึ้นไป ทุกๆวันดำเนินไปด้วยเหตุการณ์เช่นนี้
จนวันหนึ่ง
มีเจ้าชายได้ขี่ม้าตามเสียงอันไพเราะของราพันเซลเข้ามาในป่า
พระองค์ขี่ตามไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าโขดหินสูงที่ซึ่งพระองค์คิดว่าได้ยินเสียงมาจากตรงนี้
แต่พระองค์ก็งงและเริ่มสับสนว่าตนมาถูกทางรึเปล่า
และเริ่มลังเลใจว่าจะเปลี่ยนทางดีมั้ย
แต่สุดท้ายพระองค์ก็ตัดสินใจลองเดินไปยังโขดหินและแตะดู โขดหินกระเพือมเหมือนมีหยดน้ำหยดลงไปตรงตำแหน่งเดียวกับที่มือของพระองค์สัมผัส
พระองค์ชะงัก และลองยืนแขนเข้าไปอีก ปรากฏว่าแขนของพระองค์หายเข้าไปในนั้นซะแล้ว
พระองค์จึงลองเดินเข้าไป
แสงอาทิตย์ส่องลงมายังหอคอยตรงหน้าเขา
เขามองขึ้นไปและเห็นราพันเซลกำลังนั่งร้องเพลงอยู่บนหน้าต่าง
ตอนนั้นหัวใจเขาแทบละลายลงกับพื้น ทุกอย่างแทบหยุดนิ่ง
เขามองเธอไม่ละสายตาและเริ่มคิดว่า เฮ้ ลองทักเธอดีมั้ยนะ? ไม่ๆ อย่าเพิ่งดีกว่า เอ…วันนี้เราหล่อพอหรือยังนะ
ตอนนั้นเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว
เจ้าชายจึงตัดสินกลับ ถ้าถามว่าราพันเซลสังเกตเห็นเจ้าชายมั้ยนั้น
ไรท์ก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรเจ้าชายก็ยังคงมาหา(แอบมอง)เธอทุกๆ วัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง พระองค์เห็นแม่มดตะโกนเรียก “ราพันเซล! ราพันเซล!
ปล่อยผมลงมาาา!!” แล้วราพันเซลก็ปล่อยผมลงมาให้แม่มดปีนขึ้นไป
เมื่อพระองค์เห็นดังนั้น ก็เริ่มยิ้มชั่วร้ายและกลับไปยังปราสาทเช่นเดิม
วันต่อมา
เจ้าชายลองทำตามแม่มดดูบ้าง “ราพันเซล! ราพันเซล! ปล่อยผมลงมาาา!!”
ดูเหมือนว่าราพันเซลจะไม่เอะใจสักนิดว่าเสียงของแม่เปลี่ยนไปรึเปล่า
เธอโยนผมลงมาโดยที่ยังไม่ทันได้ดูด้วยซ้ำว่าด้านล่างคือใคร
เจ้าชายค่อยๆ ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ
และ จ๊ะเอ๋!
เจ้าชายยิ้มให้ “สวัสดีจ๊ะ
สาวน้อย”
ราพันเซลถอยออกด้วยความตกใจจนเกือบชนเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น
พลางอุทานออกมาต่างๆนานา “ท่านเป็นใครกัน!?”
“แล้วหาเราเจอได้ไง!?!” “ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” เธอเริ่มปาข้าวของใส่เจ้าชาย(เธอไม่รู้หรอกนะว่านั่นคือเจ้าชาย)
“โว้วๆ ใจเย็นก่อนจ้ะๆ”
เจ้าชายรอให้ราพันเซลสงบและเริ่มแนะนำตัวเอง ตอนแรกราพันเซลก็ยังไม่เชื่อ
แต่เจ้าชายก็ยังคงพยายามพิสูจน์จนสุดท้ายเธอก็ยอมเชื่อ
เขาสารภาพรักและเริ่มงัดมุขจีบสาวที่เขาซ้อมมาตลอดมาใช้กับเธอ หลังจากนั้น
เจ้าชายก็มาหาเธอทุกวัน ทั้งคู่เริ่มรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น
วันหนึ่ง
ราพันเซลก็บอกแม่มดโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “ทำไมท่านถึงมาช้านัก
เวลาที่เจ้าชายมาหาข้ายังไม่ช้าเท่าทันเลย อุ๊บ!”
เธอรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที
เส้นเลือดเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าของแม่มด
ดวงตาที่แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าตาจ้องราพันเซลไม่หยุดด้วยความโกรธเคือง “ข้านึกว่าซ่อนเจ้าจากโลกภายนอกได้แล้วนะ
ข้าบอกกี่ครั้งว่าอย่ายุ่งกับคนจากโลกภายนอก แต่เจ้ากลับไม่ทำตามที่ข้าสั่ง!!!!!!
ฮึ่มม!” แม่มดตวาด และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
นางหยิบกรรไกรขึ้นมาเฉือนผมของราพันเซลโดยไม่คำนึงเลยว่ามันจะเบี้ยวหรือไม่
“ทะ ท่านแม่! ขะ ข้าขอโทษ!!!” ราพันเซลตะโกนและร้องไห้อย่างหนัก
แม่มดดีดนิ้วดังเป๊าะ
และทั้งคู่ก็มาอยู่กลางทะเลทรายที่ไร้ซึ่งทุกสิ่ง ไม่มีแม้แต่ต้นตะบองเพชร
ส่วนน้ำก็อย่าหวังเลย! ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ทรายและทราย
นางปล่อยราพันเซลไว้ตามลำพัง ราพันเซลโฮร้องไม่หยุด
ในอีกด้าน ณ หอคอย
แม่มดได้นำผมของราพันเซลที่ตัดไว้มามัดที่สลักหน้าต่างและรอคอย
“ราพันเซล! ราพันเซล!
ปล่อยผมลงมาาา!!”
แม่มดไม่รอช้า
นางโยนผมลงไปรอให้เจ้าชายน่าโง่ปีนขึ้นมา ทันทีที่เจ้าชายปีนขึ้นมาถึง
แม่มดก็แสยะยิ้มให้ ดวงตาเธอโตขึ้นกว่าเดิม ดูแล้วหลอนยิ่งกว่าแอนนาเบลซะอีก
พระองค์ถึงกับช็อคจนตกลงไปยังพุ่มไม้ด้านล่างหอคอย และอนิจจา! หนามทิ่มเข้าตาของพระองค์ – สยองเนอะ –
และส่งผลให้พระองค์สูญเสียการมองเห็นไปตลอด
2 ปีผ่านไป
ขณะที่เจ้าชายกำลังเดินเร่ร่อนไปเรื่อย
พระองค์ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของราพันเซลอีกครั้ง
พระองค์รีบขวนขวายเดินหาเธอด้วยสัญชาตญาณทันที ตะโกนเรียก “ราพันเซล!ราพันเซล!” ไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งเดินเข้าใกล้ราพันเซล
แน่นอนว่าราพันเซลสังเกตเห็นเขาแน่นอน เธอโผล่กอดเขาด้วยความดีใจและเขาก็กอดเธอคืน
เธอเริ่มร้องไห้
น้ำตาไหลรินอาบลงบนใบหน้าของเธอและดูเหมือนว่ามันจะกระเด็นไปโดนเจ้าชายด้วย
และปาฏิหารณ์ก็เกิดขึ้น เจ้าชายค่อยๆลืมตามองราพันเซล เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม
เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อทั้งคู่สงบแล้ว เจ้าชายก็ขอเธอแต่งงานทันที เธอตอบตกลงทันใด
ทั้งคู่ยิ้มให้กันและจับมือเดินต่อไป เดินกลับไปยังอาณาจักร และฮูเร่!!งานฉลองครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว! ส่งไวน์ให้ฉันที
Happy Ending!!!
ส่วนแม่มดนั่น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง
แต่ก็ไม่มีใครสนใจแหละนะ
พวกเขามั่วแต่ห่วงงานฉลองกันมากกว่า (น่าสงสารเนอะ)
ถ้าหากมีข้อผิดพลากประการใดก็ขออภัยด้วยนะค่า แหะแหะ
ความคิดเห็น