คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เจ้านายโคตรหล่อ
เสียงเบรกดังลั่น พร้อมกับรอยเบรกเป็นทางยาว แต่นั่นยังไม่พอที่จะหยุดรถก่อนถึงร่างบางของสาวน้อยที่นึกสนุกอยากเดินเล่นกลางถนนรอดจากการถูกปะทะได้
ทันทีที่รถจอดสนิท (ซึ่งคนขับรถก็เหงื่อแตกซิก เพราะหักรถจนเกือบจนต้นไม้ นั่นอาจทำให้นายได้รับบาดเจ็บ รวมถึงชะตาชีวิตของเขาจะขาดไปด้วย) ชายชุดดำก็กรูกันออกมา ‘นาย’ ลงมาจากรถเพื่อเช็คความเรียบร้อย ก่อนจะเดินไปดูหญิงสาวที่เพิ่งอยากชิมล้อรถเมื่อครู่ รูปร่างบางราวกับจะปลิวลม แต่กลับอึ๋มเอกซ์ซะ... (อะๆ ไม่ได้ทะลึ่ง วิจารณ์ตามความจริง) สังเกตได้ง่ายเพราะเสื้อที่ค่อนข้างรัด ผิวสีขาวจัดอมชมพูนิดๆ ใบหน้าหวานจนน้ำผึ้งยกเป็นทวด ดวงตาปิดสนิทเนื่องมาจากอาการสลบ ขนตาที่ยาวราวกับปัดมาสคาร่าเป็นสิบครั้ง และที่สะดุดตาได้ดีที่สุดก็เห็นจะเป็นผมสีน้ำตาลอ่อนจนเป็นสีทองของเธอนี่แหละที่ยาวเสียเหลือเกิน
สายตาเขาตวัดขวับไปที่ผมเหนือหน้าผาก พร้อมกับนิ่วหน้า ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเรียบกับการ์ดคนสนิท
“พาไปทำแผลที่บ้าน”
หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ สีชมพู มองไปรอบๆ ก็เห็นว่าตนอยู่ในห้องขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กห้องหนึ่ง ร่างบางลุกขึ้นมาส่องกระจกที่อยู่ข้างเตียงก็เห็นมีรอยทำแผลอยู่ที่มุมหน้าผากด้านขวา นอกนั้นเธอก็ยังอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง ไม่ทันได้สำรวจตัวเองไปมากกว่านี้ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เด็กหญิงอายุราวๆ 6-7 ขวบใส่สีชมพูทั้งชุดก็เดินเข้ามา แก้มแดงๆ ยุ้ยๆ ดูหน้าหยิก ผมสีน้ำตาลเข้มถักเปียสวยงาม ใบหน้าแต้มรอยยิ้มยิ่งดูหน้ารักหน้าหยิกมากขึ้น
“พี่สาวตื่นแล้ว!!” เด็กหญิงร้องอย่างยินดี หญิงสาวก็ยิ้มให้ เด็กหญิงก็ยิ้มตอบ แล้ววิ่งมาหา
“พี่สาวไปอาบน้ำก่อนนะคะ พี่ชายบอกว่าถ้าพี่สาวตื่นแล้วให้อาบน้ำ นี่ค่ะชุดซายะเตรียมมาให้แล้ว” ชายะวิ่งออกไปนอกห้อง ชั่วครู่ก็กลับมาพร้อมกับถุงกระดาษอีกหนึ่งถุง เด็กหญิงยื่นให้กับนามิตาที่รับมางงๆ
“ขอบใจจ๊ะ เอ่อ ซายะจัง” หญิงสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มที่มีเขี้ยวกับลักยิ้มสวยๆ ไปให้ แล้วลุกขึ้นถือกระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวก็เปิดถุงที่ซายะจังเอามาให้ ข้างในมีเสื้อเกาะอกสีขาว 1 ตัว เสื้อสายเดี่ยวผ้าซีทรูบาง 1 ตัว กับกระโปรงสีชมยาวกรอมเข่า 1 ตัว และที่อยู่ในสุด...ชุดชั้นใน
เธอล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมมันพอดีอย่างนี้นะ พอดีเกินไปจนน่าสงสัย
ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดใหม่ ผมที่ยาวเกือบถึงเอวเปียกๆ ที่เพิ่งสระถูกม้วนเก็บไว้ในหมวกคลุมผม ไม่ทันได้ตั้งหลัก ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็ถือกล่องพยาบาลมา จับเธอนั่งลงแล้วเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้ใหม่
“หลังจากอาบน้ำต้องเปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกครั้งนะคะ” เธอบอก
“แล้วเมื่อไหร่จะได้แกะออกล่ะคะ” หญิงสาวถาม หญิงวัยกลางคนส่งยิ้มอ่อนโยนให้
“อีก 1 อาทิตย์คะ”
หลังจากที่รอจนผมแห้งสนิท เธอก็ใช้ยางมัดไว้หลวมๆ ซายะก็เข้ามาอีกครั้ง แล้วพาฉันออกไปที่ห้องรับแขก ซึ่งมีชายคนหนึ่งรออยู่แล้ว ซึ่งนี่แหละ เป้าหมายของฉัน...ฮานาดะ นาริตะ
นาริตะวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านลงเมื่อรับรู้ถึงการมาของหญิงสาว พร้อมกับถอดแว่นออก แล้วมองไปที่หญิงสาว เธอสูงกว่าที่คิด คงจะซัก 170 ขึ้น ผมสีน้ำตาลอ่อนออกทองเพิ่งสระใหม่ยังไม่แห้งสนิท ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนซีดบวกกับจมูกที่โด่งขึ้นทำให้ดูเหมือนลูกครึ่ง เขาจะไม่แปลกใจเลยหากเธอบอกว่าเป็นดาราหรือนางแบบ
“นั่งสิ” เขาเอ่ยเรียบๆ หญิงสาวก็นั่งลงที่โซฟาเดี่ยว ซายะดูเหมือนรู้ว่าหมดหน้าที่แล้วจึงวิ่งขึ้นบนไปทันที ทิ้งให้โจทย์และจำเลยนั่งกันอยู่สองคน
“เธอชื่ออะไร” นาริตะถามเรียบๆ
“นามิ...ฉันชื่อนามิ” อ้อ! นามิ แม่สาวพายุคนนี้นึกสนุกอะไรอยากกินล้อรถนัก
“ฮานาดะ นาริตะ เรียนว่านาริตะก็ได้” เธอเม้มปาก ก่อนจะพยักหน้ารับคำ
“ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงได้วิ่งออกมาอย่างนั้น ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าเธอจะไม่เห็นรถวิ่งมา” ชายหนุ่มหน้าเข้มถาม ไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวตรงหน้าไปอีกนิด
“ฉันไม่อยากอยู่...” นามิตาตอบเสียงแผ่วจนนาริตะต้องเอี้ยวหูฟัง
“ฮะ อะไรนะ...”
“ฉันบอกว่าฉันไม่อยากอยู่...ฉันอยากตาย อกหัก พ่อตาย เพื่อนทิ้ง แถมตกงานอีก” นามิตาใส่เป็นชุด
“แค่เนี่ยนะ...อยากตายเพราะเรื่องแค่นี้ นี่ใช้สมองคนหรือสมองไฮดราคิดเนี่ยแม่คุณ” นามิตาทำท่าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธจัดจนหน้าเป็นสีแดงระเรื่อ
“นี่คุณ ก็ฉันเครียดนี่ บ้านก็จะโดนยึดอยู่แล้ว ไม่มีที่อยู่ด้วย เลยไม่มีที่ไป ตัดสินใจไปนรกอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ” หญิงสาวต่อปากต่อคำ
“เอาอย่างนี้สิ...ตอนนี้ผมขาดแม่บ้าน คุณทำอะไรเป็นบ้างล่ะ” ชายหนุ่มย้อนถาม ถ้าไม่ผิดเขาว่าเขขาเห็นรอยยิ้มน้อยๆ พร้อมกับแววตาฉายความยินดี แต่มันก็หายไปรวดเร็วเหมือนกับที่ตอนมันเกิด
“ฉันเหรอ...ชงกาแฟได้ ทำของว่างก็พอได้ ทำความสะอาดจำพวกกวาด ถูก็ได้” นามิตาตอบ
“งั้นก็ดี ผมจะรับเธอไว้เป็นแม่บ้าน นามิจัง...”
“นามิจังขา พี่นาริตะเรียกคะ” เอาอีกแล้ว โอ้ย...เพิ่งทำงานได้ 2 วัน เรียกใช้แทบจะ 24 ชั่วโมง มิตาอยากกรี๊ด อยากตาย!
“จ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปนะคะซายะจัง” ร่างบางนั่งลงเพื่อคุยกับเด็กหญิง แต่ซายะส่ายหน้าหวือ
“ไม่ได้คะ พี่นาริตะบอกว่าให้นามิจังไปเดี๋ยวนี้เลยคะ” นามิตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยักหน้าแล้วเดินไปที่ ‘ห้องนาย’
“มีอะไรจะรับใช้หรือคะนาย” นามิตากระแทกเสียงหนัก ‘นาย’ สุดหล่อมาดเข้มเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์มองแม่บ้านคนใหม่ที่เขาเพิ่งรับมาเมื่อวานก่อน แม่บ้านคนนี้ทำความสะอาดเฉพาะห้องเขา ห้องรับแขกอีก 2 ห้องเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นเด็กเสิร์ฟอาหารให้เขา
“จะเรียกมาสั่งว่าต่อไปนี้ให้ชงกาแฟมาให้ทุก 1 ชั่วโมง จนกว่าผมจะเข้านอน อ้อ! ของว่างด้วย” นาริตะสั่ง หากหญิงสาวกลับหน้ามุ่ย
“ไม่ได้คะ ห้ามดื่มกาแฟเกินวันละ 3 แก้ว คาเฟอีนพางกระฉูด เดี๋ยวคุณก็กลายเป็นซอมบี้ผีตายซากกันพอดี แล้วต่อไปนี้ห้ามนอนเกินเที่ยงคืน ดิฉันจะเข้ามาเช็คทุกวันนะคะเจ้านาย ส่วนทุกๆ 1 ชั่วโมงดิฉันจะหามาให้ดื่มเองคะ” นามิตากระแทกเสียงปลาประโยค แล้วเผ่นแผล้วออกไปทิ้งให้ ‘นาย’ อ้าปากค้างเมื่อถูก ‘แม่บ้าน’สั่ง
หลังจากนั้นทุกๆ 1 ชั่วโมง เธอก็นำน้ำส้มเอย นมเอย น้ำอัดลมเอยมาให้ พร้อมกับเสิร์ฟขนมเป็นเค้ก คุกกี้ ผลไม้ หรือแม้แต่จำพวกขนมไทย พอตอนเที่ยงปุ๊บ อาหารก็ยกเสิร์ฟปั๊บ
“มาแล้วคะเจ้านาย น้ำผลไม้รวม กับแซนวิชบำรุงสุขภาพ” นามิตายกถาดอาหารมาให้ในเวลา 5 ทุ่มตรงพอดี
“นี่เธอ ตั้งใจจะขุนให้ผมอ้วนเลยใช่มั้ย นี่ก็ดึกแล้ว ของว่างไม่ต้องก็ได้” นาริตะเริ่มจะกระแทกกระทั้น
“อ้าว ก็เมื่อกลางวันคุณบอกฉันเองนี่ว่าให้ยกมาให้ทุกชั่วโมง อย่ามาเถียงฉันจำได้” นามิตารีบพูดดักคอเมื่อเห็นนายเตรียมเถียง
“นี่คุณ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ” นาริตะขึ้นเสียง แต่ผู้ถูกขึ้นเสียงกลับไม่กลัว
“อีก 1 ชั่วโมงฉันจะมาดู”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“เข้ามา” เมื่อได้รับคำอนุญาตเธอก็เดินอาดๆ เข้าไปทันที พร้อมกับดึงโน้ตบุ้คออกจากมือนาย เซฟงานแล้วชัทดาวน์ทันที ผู้ถูกเผด็จการได้แค่นั่งอ้าปากค้างเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ หลังจากวางโน้ตบุ้คไว้บนโต๊ะอย่างดีแล้ว หญิงสาวก็เดินข้ามห้องไปเพิ่มอุณหภูมิเป็น 25 องศา เปิดม่านทึบออก เหลือแต่ม่านลูกไม้สีขาว ปิดไฟนีออน แล้วเปิดไฟสีส้มอ่อนๆ ก่อนจะหันมาทำหน้าดุใส่นาย
“เข้านอนค่ะ นาย” หญิงสาวออกคำสั่ง แต่นายนั่งทำตาปริบๆ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า
“ไม่”
“ไม่ได้ค่ะ การนอนไม่พอทำให้สุขภาพทรุดโทรมนะคะ” นามิตาสวน
“ผมเป็นคนนอนน้อย ไม่เคยนอนเกิน 3 ชั่วโมง แล้วอีกอย่างคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม คุณแม่บ้าน”
“นั่นก็เรื่องของคุณ แต่นี่ฉันเป็นแม่บ้านที่หวังดีต่อเจ้านาย เพราะฉะนั้น...นอน” หญิงสาวสั่งพร้อมกับฉุดกระชากลากถูเจ้านายไปทุ่มไว้บนเตียง
“นี่คุณ!” นาริตะขึ้นเสียงพร้อมกับจับข้อมือทั้งสองข้างของนามิตาไว้ หญิงสาวหยุดเตรียมสวนทันที แต่ไอ้ตาเจ้ากรรมของเธอมันดันไปประสานกับตาสีเข้มของเขาพอดี ก็เลยเกิดอาการ...กึก...ใบหน้าสีอ่อนร้อนผ่าวทั้งสองฝ่าย
“นอนได้แล้วคะเจ้านาย” หญิงสาวรีบตัดบทแล้วกระชากมือตัวเองออก สาวท้าวอย่างรวดเร็วออกไปจากห้อง ‘นาย’
ปัง
เสียงปิดประตูเจือปนด้วยอารมณ์ทั้งหลายที่ประดังประเดเข้ามา โกรธเหรอ ไม่ใช่ล่ะ หงุดหงิด ก็นิดหน่อย อาย...ก็...ฮึ้ย! ทำไมฉันต้องมานั่งคิดเรื่องบ้าๆ พวกนี้ด้วยนะ
คิดดังนั้นหญิงสาวสายลับก็ทรุดตัวลงบนเตียง แล้วหยิบโน้ตบุ้คที่ซ่อนไว้ออกมา ก่อนจะเปิดไฟล์ไดอารี่ออกมาพิมพ์บันทึกเพิ่ม
ยอมรับล่ะว่านายฮานาดะ นาริตะนี่หล่อโคตรๆ เรียกว่าหล่อละลายใจเลยล่ะ ถ้าไม่ติดว่าพ่อนายนี่เป็นตัวการทำให้พ่อต้องตาย แล้วยังนิสัยแย่ๆ อย่างนั้นอีก มิตาอาจจะทำใจไม่อคติกับเขาได้นิดๆ (นิดส์เดียวนะ) ตอนนี้กะว่าจะเริ่มแล้วล่ะ คงเป็นพรุ่งนี้
นามิตา
ทางด้านของนายซึ่งเพิ่งโดนคำสั่งหมาดๆ มาจากสาวใช้สุดสวยก็เดินไปหยิบโน้ตบุ้คมานั่งพิมพ์ไดอารี่ที่เซฟไว้ เพราะตนไม่ชอบเขียน ชอบพิมพ์มากกว่า
เมื่อวานก่อนได้รับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อนามิไว้เป็นแม่บ้าน ตอนแรกเธอวิ่งมาให้รถชน แต่รอดไปได้ เห็นครั้งแรกก็คิดอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้สวยขนาดเนี้ย แถมยังหุ่นดีแบบที่ผู้ชายทุกคนฝันถึงเลยล่ะ ตาก็หวานจนเราเองยังไม่กล้าสบตา กลัวว่าจะหน้าแดงขึ้นมา ยิ้มทีเราก็แทบจะทำอะไรไม่ถูกมีลักยิ้ม 2 ข้าง แถมมีเขี้ยวยิ่งน่ารักเข้าไปอีก ผู้หญิงคนนี้ชอบออกคำสั่ง สั่งนู่นสั่งนี่ ปกติเราไม่ใช่คนที่จะทำตามคำสั่งใครได้ง่ายๆ แต่ไม่รู้ทำไม เวลาสบตาคนๆ นี้แล้วคำพูดที่จะเถียง ความรู้สึกไม่พอใจก็หายไปหมด ปกติต้องดื่มกาแฟทุกชั่วโมง แต่เธอกลับเอาน้ำผลไม้เอย นมเอยมาให้ แถมยังบังคับให้นอนตอนเที่ยงคืนอีก ชักจะสนผู้หญิงคนนี้ซะแล้วสิ
นาริตะ
“ซายะอยากอยากฟังเพลงจังเลยคะพี่นามิ พี่นามิเล่นกีต้าร์เป็นมั้ยคะ เล่นให้ซายะฟังนะคะ” ซายะออดอ้อนพร้อมกับชี้ไปที่กีต้าร์โปร่งที่ตั้งอยู่บนที่ตั้งไม่ห่างนัก
“เป็นคะ แต่ซายะจังยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยนี่คะ ทานอาหารก่อนนะเดี๋ยวพี่นามิจะเล่นกีต้าร์ให้ฟังนะคะ” นามิตาบอกพร้อมกับรอยยิ้ม วันนี้เป็นวันที่เธอตั้งใจจะเริ่มแก้แค้นให้กับพ่อผู้ล่วงลับของเธอกับนายฮานาดะ นาริตะคนนั้น
“ก็ได้คะ” ซายะพยักหน้าอย่างจำยอม พร้อมกับทรุดลงนั่งที่เก้าอี้กินข้าวต้มอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับดื่มนมอีกหนึ่งแก้ว ก่อนจะหันมายิ้มให้ร่างบางที่ยืนดูอยู่ข้างๆ นามิตาถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยิบกีต้าร์
“เพลงเดียวนะคะ พี่นามิต้องไปทำงานอีกเยอะเลยค่ะ” หญิงสาวบอกพลางเช็คเสียงตั้งสาย แล้วกำลังจะเริ่มดีดโน้ตตัวแรก แต่...
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดติลิดติลิด...
หญิงสาวบรรจงวางกีต้าร์อย่างเบามือก่อนจะหยิบโทรศัพท์บางเฉียบสีชมพูแปร๋นขึ้นมาดูเบอร์...เบอร์ใครไม่คุ้นเลย...แล้วเธอก็รับสาย
“ฮัลโหล” เธอกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีคร้าบบบบบ” ใครหว่า...
“คะ ใครคะเนี่ย” หญิงสาวถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“โธ่ น้องนามิตาจำสุดที่รักสุดหล่อไม่ได้เหรอครับ” พอได้ยินคำว่าสุดที่รัก ต่อมเอ๊ะ! ของหล่อนก็ทำงานทันที
“อ๋อ ไอ้ปลิง” นามิตาทัก แต่ถ้าหากสามารถเห็นหน้าอีกฝ่ายได้จะเห็นว่าหน้าของ ‘ปลิง’สลดลงทันที
“โธ่ ไอ้มิตา บอกเป็นรอบที่ 1999 ว่าชื่อสุดที่รัก”
“ก็แกตามฉันหนึบยิ่งกว่าหมากฝรั่ง สะบัดก็ไม่หลุด ชื่อปลิงแหละดีแล้ว” หญิงสาวกำลังเม้าท์มันส์ เลยไม่รู้ว่ามีอีกคนเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว และกำลังมอง (ฟัง) หญิงสาวคุยโทรศัพท์อย่างไม่พอใจ
“มิตาอ่ะ เพราะรักหรอกนะถึงได้ตามจีบเช้าจีบเย็นอย่างนั้น” ปลายเสียงเริ่มหวานจนคนฟังอยากอวก
“คะ รู้แล้วว่ารัก รักมากกกด้วยใช่มั้ยล่ะ” ฟังตรงนี้ชายหน้าคมที่ฟังอยู่ก็เกิดอาการหน้ามุ่ย
“คร้าบร๊ากรัก เลยโดนผ่าหมากมาเกือบเป็นหมันเพราะแกคนเดียวนั่นแหละ แล้วนี่ได้ข่าวว่าหนีออกจากบ้าน คุณอาธีระกับคุณน้าน้ำผึ้งไม่เป็นห่วงแย่เหรอเนี่ย” หญิงสาวที่หน้ายิ้มระรื่นอยู่ก็หุบยิ้มฉับลงทันที ความเศร้าเริ่มปรากฏในดวงตากลมโตคู่นั้น
“ที่รักฝากขอโทษแม่ด้วยนะที่ทำให้เป็นห่วง แต่ฉันขอจัดการกับปัญหาให้เสร็จก่อน รับรองว่าจะไม่ทำอะไรอย่างนั้นเด็ดขาด” นามิตารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
นาริตะฟังการพูดโทรศัพท์ของหญิงสาวก็หน้านิ่วทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ที่รู้ๆ คือไม่พอใจแล้วกัน
“...รักสิ แต่ว่าที่รักต้องห้ามโทรมารบกวนการทำงานของเค้าน้า ตอนนี้กำลังทำงานอยู่...ช่าย เจ้านายโหดสุด ไอ้เราเป็นห่วงก็เถียง ตั้งแต่เกิดมานอกจากพ่อไม่เคยมีใครเถียงเก่งเท่าอีตาคนนี้อีกแล้ว สั่งๆๆ แล้วก็บ่นๆๆ เป็นป้าแก่เลย จ้า เดี๋ยวฉันโทรกลับน้า จ้า รักคะ บายจ๊ะจุ๊บๆ” ชายหนุ่มมองกิริยาการส่ง “จุ๊บ” ของหญิงสาวด้วยความหงุดหงิดอย่างยิ่ง ไม่รู้เพราะอะไร แต่เขาไม่พอใจเลยที่เธอมาทำแบบนี้...ในเวลางาน
“แฮ่ม คุณนามิ” หญิงสาวสะดุ้งก่อนจะหันกลับมายิ้มแหยๆ กับสีหน้าปั้นยากของเขา
“มีอะไรจะสั่งหรือคะเจ้านาย” ยังจะมีหน้ามาถามอีกแม่คนนี้ ทำผิดแล้วไม่รู้จักผิด
“ห้ามคุยโทรศัพท์ในเวลางาน” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยทันที
“โทรศัพท์เขามีไว้ติดต่อสื่อสารฮัลโหลๆ เทสต์นะคะเจ้านาย ใครโทรมาเราก็ต้องรับสิคะ” นามิตาเถียงแว้ด แต่มีเหรอว่าคนอย่างฮานาดะ นาริตะสะทกสะท้าน
“ก็ปิดสิ จะได้ไม่ต้องมีคนโทรมา” เขาพูดเสียงเรียบ ใบหน้าเฉย
“แล้วถ้าคนมีเรื่องด่วนโทรมาล่ะ” หญิงสาวขึ้นเสียง
“งั้นเพื่อตัดปันหา...” นาริตะแบมือไปที่หญิงสาวที่มองมือนั้นงงๆ
“อะไร” นามิตาถามงงๆ
“มือถือเธอ เอามานี่ ใครโทรมาผมจะได้รับแทน ก่อนผมจะนอนคุณก็แวะไปเอา จบ” ชายหนุ่มสรุกเรื่องง่ายๆ แต่หญิงสาวยังเอ๋อรับประทาน
“ไม่ด้ายยยย คุณมีสิทธิ์อะไรมารับโทรศัพท์ส่วนตัวของช้าน” นามิตาโวย
“ไม่งั้นคุณก็ต้องปิดโทรศัพท์” นาริตะไม่ยอมแพ้ แถมดูเหมือนจะดื้อดึงเอาชนะมากขึ้นด้วย
“ม่ายยยย” แต่คราวนี้มือใหญ่เอื้อมมาดึงโทรศัพท์มือถือสีชมพูหวานในมือหญิงสาวไปเลย
“นี่คู๊ณณณ นาริตะ เจ้านาย!!!” นามิตาโวยวายลั่นบ้าน แต่เจ้านายหนุ่มกลับเดินลอยหน้าลอยหน้ากลับเข้าห้องไปหน้าตาเฉย แถมล็อกห้องอีกแน่ะ
ความคิดเห็น