คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทนำ 3
“อ้าว! นั่นไงมากันแล้ว” นายเสริมเห็นเงารางๆ ของร่างสูงกับร่างบางเดินมาไกลๆ ก็ชี้ให้ดู
“ใช่เหรอ ชาวบ้านมั้ง” ธนะพูดเบาๆ
“ใช่สิยะ ฉันภาวนะสาธุให้ใช่เลยล่ะ” น้ำฟ้าแหว พร้อมกับหันไปสังเกตร่างสองร่างนั้นต่อ ไม่นานก็เริ่มเห็นชัดเจน...เป็นชายหญิง ถึงมองไกลๆ ก็เห็นลักษณะได้เด่นชัดคือ ร่างสูงที่เป็นชายสูงราวๆ 180ขึ้น ผิวขาวจัด มีผมยาวประบ่าซอยทั้งหัวสีทองเข้มทั้งหัวแซมด้วยสีดำธรรมชาติเป็นปอยๆ ซึ่งมัดรวบไว้ด้านหลัง ไว้หนวดเครายาว ส่วนอีกคนเป็นหญิงร่างเพรียวสูงคงจะ 170 มาตรฐานนางแบบ ผมสีน้ำตาลอ่อนจัด จนปลายและผมบางส่วนเป็นสีทอง
“ใช่จริงๆ ด้วย เฮ้อ! ค่อยโล่งหน่อย” น้ำฟ้าถอนหายใจ เมื่อสองร่างเข้ามาใกล้มากขึ้น ร่างสูงก็โบกมือ
หยอยๆ มาแต่ไกล
“นายเอื้องครับ อย่าทำอย่างนี้อีกรู้มั้ยครับ ผมเป็นห่วง” นายเสริมจับมือหญิงสาวมากุมไว้ แล้วมองด้วยสายตาเป็นห่วง
“จ้า สัญญาด้วยเกียรติของเอื้องแก้วเลยว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว...” หญิงสาวกล่าว แต่ไม่ยอมดึงมือออก กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ นายเสริมเธอก็เห็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างนายเสริมน่ะแต่งงานแล้วด้วย...แต่ร่างสูงที่ยืนข้างๆ กลับมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ
“ถ้านายเอื้องเป็นอะไรไป แล้วผมจะเป็นยังไงล่ะครับ” สำหรับในความหมายที่รู้กันแค่สามคน (น้ำผึ้ง น้ำฟ้า และนายเสริม) ก็เพียงแค่นายเสริมต้องโดนป้าเอิบเจื๋อนแน่ๆ แต่ร่างสูงอีก 2 คนข้างๆ ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยก็เข้าใจไปอีกอย่าง แถมผิดมากกกๆ ด้วย
“โธ่ เอื้องรู้แล้วน่า ไปเถอะรีบกลับ...เดี๋ยวคำดอยรอแย่นา” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวไปกระซิบที่ข้างๆ หูนายเสริมให้รู้กันเพียง 2 คน คราวนี้ทำให้คนข้างๆ ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจมากขึ้น
เช้าวันต่อมา วันจันทร์...
ติ้ดๆ ติ้ดๆ
“สวัสดีเจ้า เรือนแก้วคัคนางค์เจ้า” ป้าเอิบรับ
“น้ำผึ้งอยู่มั้ยครับ” เสียงห้าวของใครบางคนถามอย่างร้อนรน
“อ๋อ อยู่เจ้า รอซักครู่ เดี๋ยวขะ...” ป้าเอิบยังพูดไม่ทันจบเสียงห้าวๆ ก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ แค่อยากทราบว่าน้ำผึ้งจะอยู่อีกนานมั้ย” เขาถามกลับ
“ก็คงอีกนานเจ้า เพราะท่านบอกว่าไม่มีกำหนดกลับ” ป้าเอิบก็ตอบไปตามตรงทุกอย่างจนหมดเปลือก
“เหรอครับ ขอบคุณมากครับ” เสียงดังกริ๊กเบาๆ พร้อมกับสัญญาณที่ตัดไป ป้าเอิบวางสายอย่างไม่ติดใจอะไร
“ใครโทรมาเหรอคะป้าเอิบ เห็นพูดถึงน้ำผึ้งด้วย” เสียงถามใสๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับแขนเรียวบางมากอดจากด้านหลัง แถมหอมอีกฟอดใหญ่
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่เป็นผู้ชาย มาถามว่านายเอื้องจะอยู่อีกนานแค่ไหนเท่านั้นเองเจ้าค่ะ” ป้าเอิบเล่าเหมือนไม่มีอะไร แต่หญิงสาวกลับไม่คิดอย่างนั้น
“แล้วเขาบอกรึเปล่าว่าเขาชื่ออะไร” หญิงสาวถามเสียงเคลือบแคลง
“เปล่าเจ้าค่ะ ตอนแรกข้าเจ้าจะไปตามนายเอื้องมาแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่ต้อง ข้าเจ้าก็เลยไม่ได้ไปตาม แค่ตอบไปว่านายเอื้องจะไม่มีกำหนดกลับเจ้าคะ” ป้าเอิบตอบ
“แย่แล้วสิ ต้องเป็นพี่ต้าแน่เลย งั้นที่ถามว่าจะอยู่อีกนานมั้ยก็คงต้องขึ้นมาหาล่ะสิ...ป้าเอิบคะ เห็นน้ำฟ้ามั้ยคะ” หญิงสาวถามหญิงชราทันทีที่นึกที่ปรึกษาออก
“อยู่ที่เรือนพลอยเจ้าคะ ไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ป้าเอิบตอบงงเมื่อเห็นอาการร้อนรนของหญิงสาว แต่ร่างบางไม่ยอมฟังให้จบก็รีบรุดออกไปเสียก่อนเท่าที่ผ้าซิ่นจะเอื้ออำนวยล่ะน่า
ปัง!
“ฟ้า”
ไม่สนใจประตูที่เกือบจะหักพังคามือด้วยซ้ำ เข้ามาได้ก็เรียกเพื่อนสุดที่รักเลย
“จ๋า” น้ำฟ้าที่กำลังนั่งคุยกับสองหนุ่มขานรับเสียงใส
“กลับ!” ไม่ว่าเปล่าเดินเข้าไปฉุดเพื่อนสาวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที แต่ว่าเธอดึงตัวเองไว้จึงไม่ล้มคะมำลงไป
“เดี๋ยวๆๆๆๆ น้ำผึ้ง หยุด ยู๊ดดดดด” น้ำฟ้าเบรกก่อนที่เพื่อนเธอจะลากเธอตกบันไดตาย น้ำผึ้งหยุด
“มีอะไรของเธอฮ้า ฉันกำลังคุยกับธนะกับธีระสนุกเลย แล้วนี่รีบร้อนจะกลับ จะรีบไปไหนฮะ เจ้าแม่ไม่สบายหรือว่า...”
“ต้าจะมาที่นี่” น้ำผึ้งสวนขัดขึ้นกลางประโยคทำเอาคนที่กำลังสาธยายสะดุดกึก
“หา!!!” ทำได้แค่นั้นจริงๆ แค่หา! แล้วอ้าปากค้าง
“อืม...ต้าโทรมาเช็คว่าฉันจะอยู่อีกนานมั้ย ฉันก็เลยจะกลับ แต่รู้ว่าต้าต้องตามไปที่กรุงเทพฯ แน่เลยไม่คิดกลับบ้าน เลยจะมาถามเธอว่าจะลงความเห็นให้ฉันไปที่ไหนดี” น้ำผึ้งบอก แล้วลากเพื่อนของเธอลงมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใกล้เรือนพลอยคัคนางค์
“ไปนี่สิ เกาหลีไง แกก็เคยอยู่ไม่ใช่เหรอ” เพื่อนสาวเสนอ
“พี่ต้าเคยไปแล้ว” น้ำผึ้งค้านเรียบๆ
“ปารีส ใช่แล้วปารีส...”
“นั่นก็เคยพาไปแล้ว” คราวนี้เพื่อนสาวชักหงุดหงิด
“แล้วจะเอายังไงไม่ทราบ...”
“เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้นะคร้าบฮันนี่” ผู้ถูกเรียกซะหวานหยดย้อยหันขวับจนคอจะเคล็ดไปทางต้นเสียงที่กำลังเดินมากับน้องชายผู้แสนหล่อ
“เรียกใครว่าฮันนี่ยะ” น้ำผึ้งแหว
“ก็เรียกฮันนี่ไงครับ น้ำผึ้งก็ฮันนี่ใช่มั้ยละ” ชายหนวดเครารุงรังตอบพลางทำหน้าทะเล้นซึ่งไม่รับกับหนวดเคราที่ย้อยเป็นรากไทรบนใบหน้าเล้ย
“ฉันชื่อน้ำผึ้ง...ไม่ใช่ฮันนี่!!!” ‘ฮันนี่’ แหวตีหน้าบึ้งตึง
“แหม มันก็เหมือนกันแหละครับ คิดมากไปได้” คราวนี้น้องชายผู้หล่อเหลาเห็นท่าไม่ได้การเลยรีบชิงพูดสกัดดาวรุ่งที่กำลังพุ่งลงเหว
“ไหนเมื่อกี้พูดถึงปารีส จะไปเที่ยวกันเหรอครับ” ได้ผล!
“ก็...ไม่เชิง แค่น้ำผึ้งอยากไปจากที่นี่” น้ำฟ้าตอบแทน
“เอาเงินทองไปให้พวกฝรั่ง ประเทศไทยสวยๆ ก็มีเยอะไม่รู้จักดูซะมั่ง” ธีระถากถาง พร้อมกับ ‘กัด’ ไปไหนเวลาเดียวกัน ศึกที่เพิ่งจะถูกสงบก็เริ่มคุกรุ่นอีกครั้ง
“และถ้าไม่รังเกียจ พวกผมก็ยินดีจะหาที่เที่ยวผ่อนคลายอารมณ์ให้นะครับ” ธนะรีบขัดก่อนที่ศึกจะเริ่มอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม แต่คิ้วขมวดเป็นปม
“ที่ไหน” สองสาวถามพร้อมกัน
“เอาน่า ไปถึงก็รู้ ว่าแต่จะไปไม่ไป” ธีระถาม
“ไปสิ ว่าแต่นายสองคนเถอะ ไม่อยู่ทำงานรึไง”
“จะว่าไปให้ลูกน้องทำแทนก็ได้ แต่นึกสนุกเลยมาทำเอง” ธนะตอบ
“งั้นตกลงว่าไปใช่มะ”
“ว้าว ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าเมืองไทยจะสวยอย่างนี้อ่ะ” น้ำฟ้ามองผ่านกระจกรถออกไปยังทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
“ช่าย เอาเงินไปทุ่มให้กับฝรั่งหมด มีของดีราคาถูกกลับไม่ยอมมา เฮอะ” เสียงกัดจากคนขับดังขึ้นเป็นระยะ จนคนฟังชักรู้สึกว่าเนื้อบนตัวหายไปเกือบหมดแล้ว
“นี่ชื่ออะไรเหรอ” น้ำผึ้งถาม ขณะสายตายังคงมองไปที่ทะเล
“หาดวัวทุ่งแหลนน่ะ ภาคใต้ไทยนี่ที่เที่ยวเยอะ เดี๋ยวต่อไปถึงระนองจะพาไปถ่ายภาพที่ปากน้ำละอุ่น เรานั่งรถก็ดีอย่างหนึ่งคือผ่านที่ไหนก็จอดที่นั่นได้ถ้าอยากจอด” ธนะอธิบาย สองสาวก็พยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วคืนนี้เราจะไปพักกันที่ไหน” น้ำผึ้งถาม
“ทริปนี้สิ้นสุดที่กระบี่จ๊ะสาวๆ แต่รับรอง ไม่ผิดหวังแน่ๆ”
พอท้องฟ้าเริ่มมืดก็มาถึงที่หมายพอดี ซึ่งที่หมายในที่นี่ก็คือชายทะเลแห่งหนึ่งนั่นเอง
“ที่นี่ที่ไหน” น้ำฟ้าเริ่มถาม
“อ่าวนาง” ธนะตอบสั้นๆ ขณะยกหระเป๋าลงทีละใบ
“แล้วเราจะพักที่ไหนคืนนี้” น้ำฟ้าถามอีก ไม่สนใจที่จะช่วยยกด้วย
“โรงแรม พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเรือไปเกาะ...นี่เจ๊ไม่คิดจะช่วยยกบ้างเลยรึไงฮะ” คนถูกซักมาเริ่มมีน้ำโห
“ก็ไม่คิด”
หลังจากขนสัมภาระลงจากรถก็ตรงดิ่งไปโรมแรม ซึ่งธีระจองไว้แล้ว 2 ห้อง เช็คอินเรียบร้อยก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
แอ้ด!
“อ้าว ธนะ มีอะไร” น้ำฟ้าที่เป็นคนเปิดประตูถามอย่างแปลกใจ
“แค่จะมาดูว่าเจ๊นอนยังก็แค่นั้น” ธนะตอบโดยไม่มองหน้า
“ยังย่ะ คนอย่างฉันน่ะไม่ต่ำกว่า 5 ทุ่ม หรือตี 1 นู่น” น้ำฟ้าตอบรวนๆ
“ก็ดี เจ๊มานี่หน่อย มีไรจะถาม” ว่าแล้วร่างสูงก็ลากสาวน้อยออกมาจากห้อง พร้อมกับปิดประตูให้เงียบที่สุด
“จะถามเรื่องไรก็ว่ามา คนจะนะ...นอ....นอน” พูดไปก็หาวไปทำเอาชายหนุ่มกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“จะมาถามเรื่องน้ำผึ้ง” ธนะเข้าเรื่อง สีหน้าจริงจัง
“อืม...เรื่องไร แต่ก่อนอื่นฉันขอเค้กครีมนมสด กับชานมเย็นซักที่เป็นสินบน”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
แอ้ด!
“มีไรไอ้หนวดเฟิ้ม” เนื่องจากไม่ได้อยู่ในเขตการควบคุมของป้าเอิบ เอื้องที่น่ารักก็เปลี่ยนลุคไปโดยปริยาย ทั้งเปลี่ยนชื่อให้คนรอบข้างไปด้วย
“มีไรถามฮันนี่หน่อย...” ได้ยินอย่างนี้หนังตาก็กระตุกวูบทันที
“ฉันขอเตือน ถ้านายแม้แต่จะเรียกคำนั้นอีกคำเดียว...” น้ำผึ้งเสียงกร้าวขึ้น
“เอาน่าฮันนี่ มีเรื่องสำคัญจริงๆ เรื่องน้ำฟ้าน่ะ” แม้จะยังไม่หายติดใจเรื่องชื่อ แต่ด้วยความยากรู้อยากเห็น ที่แน่นอนว่าต้องมีเสียงมากกว่าจึงชนะไปโดยปริยาย
“เข้าไปได้ป่ะ” และด้วยความที่เธอไปอยู่เมืองนอกมากกว่าอยู่เมืองไทยซะอีก ดังนั้นจริตจะก้านความเป็นกุลสตรีจึงไม่ต้องพูดถึง
“เข้ามาดิ” ร่างบางเปิดประตูรับร่างสูงในชุดนอน พร้อมกับปิดประตู ทั้งสองนั่งที่โซฟาสีชมพูแปร๋นในห้องรับแขก
“ถามอะไรก็รีบถาม” ร่างบางพูดไม่ใส่ใจ แต่ความจริงน่ะอยากรู้จะแย่แล้ว
“คือ...อยากรู้ว่าน้ำฟ้า...นิสัยเป็นยังไง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถนัดด้านไหน” ธีระค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดแล้วถาม ร่างบางเลิกคิ้วเรียวสีน้ำตาลขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะยิ้มนิดๆ
“ไม่รู้เหมือนกันสิ รายนั้นประเภทห้าวนอก แต่ความจริงน่ะอ่อนโยนมาก ใจดีด้วย...ชอบอะไรเหรอ ชอบกิน ทั้งวันกินได้ไม่หยุด เอนจอยน์กับการกินที่สุด แต่ไม่เคยอ้วนนั่นล่ะแปลก ไม่ชอบเหรอ ผู้ชายเจ้าชู้นี่ที่หนึ่ง ถัดมาก็คือกิ้งก่า...ถนัด ก็หลายด้านอยู่เทควันโดสายดำ อะไรอีกล่ะ มวยไทยนี่พอใช้ได้ อืม...ที่พอนึกได้ก็มีแค่นี้ล่ะ” น้ำผึ้งตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ ขณะที่ธีระทำท่าเหมือนจะจดจำข้อมูลให้ได้มากที่สุด
“แล้วชอบผู้ชายแบบไหน” เขาถาม
“1. ไม่เจ้าชู้
2. ไม่ต้องหยอดคำหวาน นั่นล่ะประเด็น
3. ห้ามให้กุหลาบสีแดงเด็ดขาด ต้องเป็นสีชมพู หรือขาวเท่านั้น
4. กล้า บอกเลยว่าต้องกล้าทำทุกอย่างจริงๆ นึกถึงคนล่าสุดที่เพิ่งตามจีบฟ้าแล้วยังสยิวไม่หาย” น้ำผึ้งทำท่าขนลุก
“ทำไมเหรอ”
“ก็โดนให้ไปยืนใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวกลางสนามไงเล่า ดีนะเป็นเด็กต่างม.ไม่งั้นอายแย่” หญิงสาวพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะ
“แล้วของกินที่ชอบล่ะ”
“เค้กครีมนมสด”
“ของกินที่ไม่ชอบล่ะ”
“ไม่มี” พอถึงตรงหน้าชายหนุ่มถึงกับออกอาการทึ่ง
“เชื่อเขาเลย”
“พอยังเจ๊ ชิ้นที่ 3 แล้วนะ” ธนะเริ่มหมดความอดทนกับหญิงสาวตรงหน้าเสียเหลือเกิน
“โอเค อยากถามไรถามมา” พูดไปทั้งๆ ที่เค้กยังคาปาก
“น้ำผึ้งชอบกินอะไร”
“คัสตาร์ด ข้าวซอย” ซูดดดด... (เสียงน้ำฟ้าดูดน้ำชาเย็นอย่างไม่เกรงสายตาคนรอบข้าง)
“นิสัยอ่ะ”
“เอาแน่เอานอนไม่ได้ ต่อหน้าคนที่รู้จักต้องวางตัวมาก เรียบร้อยทุกอย่าง ลับหลังก็แก่น เซี้ยว เฮี้ยว เฮ้วอย่างที่เห็น”แจ้บๆๆ...ธนะมองดูหญิงสาวที่กำลังเอนจอยน์กับการกินเสียเหลือเกินอย่างเอือมระอา
“ถนัดอะไรบ้าง หมายถึงความสามารถพิเศษ”
“ก็พอเป็นกาต่อสู้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ชอบทำอาหาร ขี่ม้าได้ แต่เชื่อเขาเลยยัยน้ำผึ้งนี่วิ่งช้าอย่างกับเต่า” พอเริ่มเม้าส์จนมันก็เริ่มขายเพื่อนทันที
“แล้วคิดว่าทำยังไงถึงจีบน้ำผึ้งติด”
“เฮอะ จะไล่ให้ฟัง กลัวลืมก็จดซะ เพราะมันมากมายมหาศาล
1. ต้องมีความเป็นผู้นำมากพอ เพราะนิสัยส่วนตัวอย่างหนึ่งก็คือต้องนำ นำอย่างเดียว ถ้าใครสามารถล้มเธอได้คนนั้นแหละเธอจะยอมเปิดใจ...”
“แล้วนายต้านั่นทำได้ไง” ธนะขัดกลางประโยค
“ไม่ได้ทำ ฟังดูโง่นะ แต่เชื่อมั้ยว่ายัยน้ำผึ้งไปจีบเค้าเอง” ธนะมองอย่างแปลกใจ
“2. ต้องทำทุกอย่างที่ยัยนั่นทำได้ และถ้าเป็นไปได้ต้องมากกว่าด้วย
3. เช้าถึงเย็นถึง ไม่งั้นอดแดร้กแน่นอน
4. ขวางโลกกับยัยนั่นบ้างก็ดี จะได้มีสีสัน
5. ห้ามควงผู้หญิงคนอื่นให้เห็นเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงจบ
6. เอาใจใส่มากๆ เพราะยัยนี่น่ะอ่อนไหวง่ายจะตาย
ปัง!
“ไง ได้อะไรมาบ้างล่ะ” เสียงทุ้มนุ่มลึกของใครบางคนที่อยู่ในห้องก่อนแล้วถาม
“เพียบ แล้วนายได้ไรมาบ้าง” ร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับชายหนวดเฟิ้ม แทนคำตอบชายตรงหน้ายื่นกระดาษแผ่นเล็กที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเรียงเป็นระเบียบ ผู้เป็นน้องรับมาอ่านอย่างพิจารณาพร้อมกับหลุดหัวเราะออกมาตอนเห็นคำว่า “เอนจอยน์กับการกิน”
“ยัยนี่ซักวันน่าจะได้อ้วนเป็นหมู อ่ะนี่ของนาย” ผู้เป็นน้องยื่นกระดาษสีชมพูให้ เขารับมาอ่านด้วยสีหน้าพอใจ
เช้าวันต่อมาหลังจากจัดการกับอาหารเช้า และเช็คเอ้าท์ คณะเดินทางก็ขึ้นรถออกเดินทางอีกครั้ง
“ทริปของเราคราวนี้มีทะเลล้วนๆ ทาครีมกันแดดดีๆ นะครับสาวๆ เดี๋ยวได้ถูกแดดเผาเกรียมเสียก่อน” ธนะเตือนด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อ
“คราวนี้จะพาไปไหนอ่ะ” น้ำฟ้าที่ชักสนุกกับทัวร์นี้ขึ้นทุกขณะถาม
“ก็หลายที่ ว่าแต่สาวๆ เถอะมีเวลากี่วัน” ธีระถาม
“เป็นเดือนก็ยังได้” น้ำฟ้าตอบ
“งั้นแผนการก็ไม่รีบร้อน วันนี้จะพาไปหาดนพรัตน์ธารา แล้วก็อ่าวนาง” ธนะตอบ
ไม่กี่อึดใจรถก็จอดสนิทที่ริมหาดทรายสีขาวสะอาดแห่งหนึ่ง น้ำทะเลสีฟ้าคราม มีเกาะเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านนัก
“นี่เหรอหาดนพรัตน์ธารา สุดยอดไปเลย”
อีก 2 ชั่วโมงต่อมาก็มานั่งในรถอีกครั้งพร้อมกับน้ำผึ้งที่เปลี่ยนเม็มโมรี่สติ๊กที่เต็มเอียดไปพลางๆ
“แล้วคืนนี้เราจะไปพักที่อ่าวนางเหรอ” น้ำผึ้งหันไปถามธนะ
“นอนไปคนเดียวสิ แพงจะตาย ไปพักที่ฟรีดีกว่า” ธีระสอด น้ำผึ้งตวัดสายตาประมาณว่า...ใครถามนายยะ...
“ก็จริง ไปพักที่ฟรีดีกว่า” ธนะเออออ
“อืม เห็นด้วย” ตกลงอะไรที่สองสาวไม่รู้เรื่องเรียบร้อยคนขับหนวดเฟิ้มก็บึ่งรถด้วยความเร็วสูงตรงไปทันที
ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหนเหมือนกัน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถเกิดอาการตกหลุมอย่างรุนแรง
“นี่นาย ขับรถให้มันนิ่มนวลหน่อยสิยะ แล้วนี่จอดรถทำไม” น้ำผึ้งตื่นมาไม่ทันดูอะไรก็แว้ดๆ ใส่
“นี่เจ๊ ถ้ายังไม่รู้อะไรก็หัดดูไปรอบๆ ตัวซะบ้างว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน” ธีระเริ่มเปลี่ยนสรรพนามจากฮันนี่ เป็นเจ๊เหมือนอย่างธนะอีกคน น้ำผึ้งถึงกับเหวอไปเล็กน้อยกับคำพูดนั้น ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เป็นฉุนแล้วมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้รถอยู่บนเรือแพขนาดใหญ่ รอบๆ มีรถเต็มไปหมด
“นี่เรากำลังจะไปไหน”
“เกาะลันตา” ธนะตอบ ขณะที่เรือมาเทียบฝั่ง
“เราจะพักที่นี่เหรอ” น้ำฟ้าที่เพิ่งตื่นซัก
“เปล่า เราต้องขึ้นเรือแพไปที่ลันตาใหญ่ แล้วทิ้งรถไว้ขึ้นเรือไปเกาะเล็กๆ อีกเกาะหนึ่ง เราจะพักที่นั่น”
เป็นอย่างที่ธนะบอก หลังจากลงเรือแพไปได้ไม่นาน ก็ต้องขึ้นอีกรอบเพื่อนไปเกาะลันตาใหญ่ หลังจากนั้นก็เอารถไปฝากไว้ในลานจอดรถ แล้วขนสัมภาระทุกอย่าง งานนี้สาวๆ ถือโอกาสกินแรงอีกรอบด้วยการถือแค่กระเป๋าสะพายใบเดียว ส่วนกระเป๋าที่เอามาอีกคนละ 2 ใบก็เป็นหน้าที่หนุ่มๆ
ธนะเดินนำไปที่เรือสปีทโบ๊ทสีฟ้าลำหนึ่ง พร้อมกับเหวี่ยงสัมภาระลงไป หลังจากนั้นทุกคนก็ขึ้นเรือ
ธีระทำหน้าที่เป็นคนขับเรือ
“ทำไมเราไม่พักที่เกาะลันตา สวยดีออก” น้ำฟ้าถามชายหนุ่มหน้าหวานข้างๆ
“ก็เพราะเรามีที่พักฟรีอยู่แล้วน่ะสิ แถมสวยไม่แพ้กันด้วย แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เพราะปีหนึ่งจะจัดทริปทัวร์แค่คณะเดียวเท่านั้น คณะหนึ่งก็รับแค่ 10 คนเท่านั้น” ร่างสูงตอบ
“ทำไมอ่ะ” น้ำฟ้าถามห้วนๆ ตามนิสัย
“เพื่อรักษาความสวยงามของมันไว้น่ะสิ”
“แล้วที่นั่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหรอ” น้ำผึ้งถามบ้าง
“เรียกว่าศูนย์อนุรักษ์ความงามตามธรรมชาติดีกว่า”
แล้วก็เป็นศูนย์อนุรักษ์ความงามตามธรรมชาติจริงๆ เพราะเมื่อไปถึงท่าเรือที่ทำจากไม้ มีซุ้มประตูไม้เลื้อย ออกดอกสีแดงส้มก็สวยแล้ว บนเกาะถ้ามองจากมุมท่าเรือจะเห็นแต่ต้นไม้เต็มไปหมด แต่ก็มีทางเดินปูด้วยหินอ่อนแทนบันไดขึ้นไป สองหนุ่มขนสัมภาระออกเดินนำขึ้นไป เมื่อขึ้นไปด้านบนก็พบกับบ้านหลังใหญ่สีขาวตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพันธ์ มีต้นไม้แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมากมาย
สองหนุ่มพาสองสาวเข้าไปในบ้าน มีแม่บ้าน 2 คนวิ่งมารับกระเป๋าเข้าไปเก็บ ภายในบ้านปูด้วยหินอ่อนทั้งหมด เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นทำให้บ้านดูกว้าง มี 8 ห้องนอน ในห้องนอนมีห้องนำในตัวทำให้สะดวกสบาย เตียงก็เป็นคิงไซส์อย่างดี แถมบรรยากาศก็ดี นี่มันดีมากกว่าที่สองสาวคิดไว้มาก
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุด สองสาวซึ่งพักคนละห้องก็ออกมาในชุดเหมาะกับชายทะเลเป็นที่สุด น้ำฟ้า แน่นอนห้าวยังไงยังงั้น กางเกงขาสั้นสีดำ กับเสื้อยืดแขนสั้นลายทหาร ส่วนน้ำผึ้งกางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อแขนกุดสีชมพู
“นึกว่าฮันนี่จะใส่ทูพีซซะอีก” ธีระพึมพำอย่างเสียดาย แต่จงใจให้เจ้าตัวได้ยิน
“ทะลึ่ง”
“ที่นี่เป็นลานขี่ม้า จะขี่ม้าไปแถวๆ ชายหาดก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าขี่เป็นรึเปล่า ถ้าขี่ไม่เป็นจะนั่งไปกับผมก็ได้ ผม...” ธีระยังสาธยายไม่จบ สาวชาวเหนือก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้าสีขาวที่ชื่อว่าฟาเรน ก่อนจะควบมันไปที่ชายหาดโดยไม่รอใคร ธีระก็รีบขึ้นขี่ม้าอีกตัวแล้วรีบควบไปที่หญิงสาว
“ก็เป็นงี้แหละ ใจร้อน อย่าถือสาเลย” น้ำฟ้าแก้ต่างให้เพื่อน
“ก็จากที่ฟังก็คงงั้น”
“ยัยน้ำผึ้งฝันอยากเป็นคาวเกิร์ล” สาวห้าวเล่า
“งั้นก็เหมาะ ธีระเคยซื้อที่แปลงใหญ่ไว้แปลงหนึ่ง แปลงร่างมันให้เหมือนทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ของพวกคาวบอยในเชอริแดน ใช่ ธีระเคยไปที่เชอริแดน เพื่อนเขามีฟาร์มที่นั่น จากนั้นก็เลยคิดบ้าๆ ทำเป็นฟาร์มเหมือนคาวบอย” ธนะเริ่มเผาพี่ชายอย่างเผ็ดร้อน
“แล้วมาเล่าให้ฉันฟังทำไม ไม่ไปเล่าให้น้ำผึ้งฟังเล่า” น้ำฟ้าย้อน แต่ไม่มีน้ำเสียงประชดทำเอาคนฟังน้อยใจ
“ก็นายธีระเขาชอบน้ำผึ้ง ไม่ใช่ฉัน”
“ฮันนี่ชอบที่นี่มั้ยครับ” ธีระถามเมื่อขี่ม้ามาทัน
“ชอบ ชอบมาด้วย” ร่างบางตอบ
“สนใจมาอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตป่ะล่ะ” ร่างสูงชวน มองหน้าหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“ให้ฉันตายไปก่อนเถอะ” มาลิมบา (ไซโลโฟน)
“โถ่ฮันนี่ ผมจริงจังนะเนี่ย” แต่ดูเหมือนฮันนี่จะไม่สนใจ
“ฉันกับนายเพิ่งเจอกันได้แค่ 4 วันเองนะ”
“แต่หัวใจของผม ตอนนี้มีแต่ฮันนี่นะครับ” วูบ...เหมือนอากาศร้อนขึ้นมากะทันหัน ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อทันที เล่นเอาร่างสูงที่อยู่บนหลังม้าเกือบตกเพราะมัวแต่มองแก้มแดงๆ ที่น่ารักจับใจนั้น
“มองอะไรยะ” น้ำผึ้งแหวใส่
“มองนางฟ้าเดินดิน” ชายหนุ่มตอบหน้าทะเล้น
“บ้า” หญิงสาวสบถ กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่จึงชักม้าให้หยุดแล้วควบไปอีกทาง ธีระมองแล้วก็หัวเราะในท่าทางของหญิงสาว...เขาเจอคนที่ตามหาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยเธอไปด้วย
กว่าที่หญิงสาวจะกลับจากการขี่ม้า พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยทะเลดาวที่แข่งกันส่องแสงระยิบระยับ ที่ริมชายหาดมีชาวเลกลุ่มหนึ่งที่ทำงานเป็นคนงานของที่นี่นั่งร้องเพลงกัน มีคนหนึ่งตีกลองทอม คนหนึ่งเล่นกีต้าร์ มีเด็กๆ และหญิงชายวัยรุ่นหลายคนกำลังเต้นอย่างสนุกสนาน เธอจึงเดินไปรวมกลุ่มกับพวกเขา แล้วมัดคาเรนไว้กับต้นสน ทันทีที่เธอเดินเข้าไป ทุกคนก็ต้อนรับเธออย่างอบอุ่นและรอยยิ้ม
“สวัสดีคะ” เธอทักทายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“มาเดินเล่นหรือครับนายหญิง” เด็กชายอายุราวๆ 10 ปีถาม เธอพยักหน้ายิ้มรับ
“เต้นกับผมได้มั้ยฮะ” เขาชวน น้ำผึ้งพยักหน้ารับ พร้อมกับไปเต้นกับพวกเขา เมื่อทำนองสนุกจบลง เสียงกีต้าร์ก็ขึ้นมาแทนที่ คนเล่นกีต้าร์เป็นชายหนุ่มผิวสีแทนหน้าตาดีอายุคงราวๆ 28 - 29 ดูเหมือนจะเป็นลูกครึ่งอาหรับ เพราะหน้าจะคล้ายคนแขก ผมหยิก หน้าคม จมูกโด่ง ตาสีน้ำตาลอ่อน
...ถ้าไม่ใช่ฉัน ก็อย่ามายิ้มให้
ฉันขอได้มั้ย ไม่อยากจะคิดมาก ถึงแม้เธอเห็นเป็นเพื่อน
แต่ฉันอยากเป็นคนรัก มากไปใช่ไหม
เพราะหัวใจฉันมันอาจจะหลงผิด
เจอความใกล้ชิดก็ทำให้ฝันไป ถ้าฉันจะคิดเกินเพื่อน
เธอคงไม่ชอบใจใช่มั้ย ถ้าใช่ก็หยุดเลย
*บาปนะ...ทำให้ฉันหลงทาง
มาทำให้ฉันคิดจริงจังเกินจะห้ามใจ
บาปนะ...เธอทำเหมือนแกล้งกัน
มาทำให้ฉันรักเธอ เธอรู้บ้างมั้ย
**ถึงฉันจะรู้แต่อาจจะเผลอไป
ถ้าฉันหวั่นไหวก็อย่ามาโทษกัน
ถึงแม้เธอคิดแค่เพื่อน แต่เธอยังทำอย่างนั้น
ฉันคงทนไม่ไหว...
(*,**,*,*)
(บาปนะ เอ็ม The star)
น้ำผึ้งสังเกตว่าเวลาที่ชายหนุ่มคนนั้นร้องเพลง จะมองไปที่หญิงสาวผิวค่อนข้างขาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง และเหมือนเธอคนนั้นจะรู้ตัวจึงนั่งอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา เมื่อเพลงจบ ชายหนุ่มก็ทิ้งกีต้าร์ไปหาเธอคนนั้น เธอกอดเขาไว้พร้อมกับพูดอะไรสองสามคำ ทุกคนก็ปรบมือเกรียวกราวแสดงความยินดีให้ เมื่อกีต้าร์ว่างน้ำผึ้งจึงเข้าแทนที่ทันที ตั้งใจจะมอบเพลงนี้ให้คู่รักใหม่เสียหน่อย
“เอ่อ...ถึงแม้ว่าน้ำผึ้งจะไม่รู้จักคุณสองคนมาก่อน แต่น้ำผึ้งก็ซาบซึ้งในความรักที่พวกคุณมีให้กันมาก น้ำผึ้งจึงอยากจะมอบเพลงๆ หนึ่งที่คนรักของน้ำผึ้งเคยร้องให้ฟังเมื่อนานมาแล้วให้คุณ 2 คนนะคะ” คู่รักคู่ใหม่ยิ้มให้หญิงสาวที่เริ่มดีกีต้าร์ก่อนจะร้องเพลงด้วยเสียงใสๆ ที่กังวาน
...เกิดมาก็มีหัวใจหนึ่ง แต่ไม่เคยรู้ถึงความหมาย
มีค่าแค่เพียงประคองให้ ชีวิตไม่สิ้นสุดลง
มีใจก็เหมือนฉันไม่มี ร่างกายที่มีก็สับสน
จนได้มาพบใครบางคน ร่วมเดินบนทางว่างเปล่า
*เธอมาแต่งเติมท้องฟ้า ที่มืดมัวให้ได้มีดวงดาว
เธอมาทาสีให้ห้องเทาๆ หมดความเหงาไป
**ขอบคุณที่ฟ้าสร้างเธอให้เธอสร้างฉันขึ้นมา
ให้ร่างกายของฉันได้มาค้นพบ สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ
ขอบใจที่มารักกันให้ฉันเพิ่งได้รักใคร
ก็ไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตฉัน จะได้เข้าใจ คำว่ารัก
จิตใจที่มีที่เคยหลับ ตื่นแล้วเมื่อได้รับสิ่งนี้
ความรักและวันคืนดีๆ ที่เธอได้มีให้กัน
(*,**,*,**)
ก็ไม่เคยฝันร่างกายของฉันจะได้มีใจ ใจจากเธอ...
(สิ่งที่เรีกยว่าหัวใจ นาธาน โอร์มาน)
พอเพลงจบ เสียงปรบมือก็เกรียวกราวขึ้น ชายอาหรับคนนั้นเดินมาหาฉัน
“ขอบคุณนะครับที่เล่นเพลงให้เรา คุณน้ำผึ้ง ผมธาระครับ” เขาจับมือกับฉัน ส่วนผู้หญิง (แฟนเขา) ก็เดินมาจับมือกับฉัน ฉันก็มีโอกาสพิจารณาได้นานพอ ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ ตาคม ผมหยักศกนิดหน่อยปล่อยยาวไว้เกือบถึงเอว หุ่นดี แม้จะไม่สูงเพรียว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณน้ำผึ้ง ศิตาคะ”ฉันยิ้มรับ
“เฮ้! พี่ธาระ พี่ศิตา” คนที่อยู่บนชายหาดตะโกนโหวกเหวกโบไม้โบกมือเรียก ไม่ช้าชายสองคนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางนี้...นายหนวดกับนายหน้าหวาน
มาถึงก็กระโดดกอดหนุ่มหน้าคมนามว่าธาระจนกลิ้งไปกับพื้นทราย
“เฮ้ย! ไอ้ลิงสองตัวนี่มาอยู่นี่ได้ไง” ธาระเอ่ยถามขณะใช้มือลูบคอที่ถูกลิงสองตัวอย่างที่เขาว่าบีบ
“พาเพื่อนมาเที่ยว ไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ นี่กลับมาอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” นายลิงหน้าหวานตัวที่หนึ่งเริ่มถาม
“เมื่อวาน พาเพื่อนมาเที่ยวเหมือนกัน...เอ่อ แฟน 1 เพื่อน 2” เขารีบแก้ใหม่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาดุๆ ของสาวหน้าคมข้างๆ
“ฉันก็พายัยเจ๊ทอมมาหนึ่ง กับเจ๊ตัวแสบมาอีกหนึ่ง” ธีระตอบพลางหัวเราะ
“นายธีระ ฉันอยู่นี่นะยะ” เจ๊ตัวแสบที่ยืนฟังมานานแว้ดขึ้นทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย! เจ๊ เอ๊ย! ฮันนี่มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย” สีหน้าของคนนินทาชักเริ่มไม่ดี มองคนที่เพิ่งถูกนินทาระยะเผาคนพลางยิ้มแหย
“นี่คุณน้ำผึ้งเป็นเพื่อนเพื่อนของตาธีระเองเหรอคะเนี่ย” ศิตารีบออกตัวก่อนที่น้องเขยในอนาคตจะถูกยำแหลกคาท้าวของหญิงสาวไปเสียก่อน
“อ๋อ คะ” ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วยิ่งกว่าจรวดซะอีก...
“อ๋อ คุณนี่เองที่ไอ้ธีระมันบอกว่าอยากฆ่าหมกป่า อุ้บ...” มือขาวจั๊วะของน้องชายรีบมาปิดปากพี่ก่อนจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“อะไรนะคะ กรุณาพูดอีกรอบ” น้ำผึ้งที่เมื่อกี้ได้ยินชัดแจ๋วกัดฟันถามย้ำอีกครั้ง
“อ๋อ ไม่มีอะไรพี่ผมบอกว่าอย่าไปเที่ยวป่า ใช่มั้ย...”
“ใช่ๆๆ พี่อยากเที่ยวป่า” คนเป็นพี่รีบเออออตามไปด้วยเพราะมีมือแข็งๆ บีบอยู่ที่ต้นคอ
“ศิตาว่าเราเข้าบ้านกันดีมั้ยคะ จะได้ไปนั่งคุยกัน” ศิตารีบชิงตัดบทพร้อมกับลากว่าที่น้องเขยหนวดเฟิ้มเข้าบ้านไปก่อน ส่วนที่เหลือก็ตามมาทีหลัง
ความคิดเห็น