คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Short story by AMIRAH -- หวานใจ ยัยหวานกลม
‘ฮ่าฮ่าฮ่า ยัยอ้วนกลม ยัยอ้วนกลม แบร้ๆๆ’ เด็กชายใบหน้าขาวหมดจดอายุราวๆ 10 ปีแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียน
‘หยุดนะ ไอ้ชะนีหน้าขาว ไอ้บ้า!!!’ เด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รูปร่างเรียกได้ว่า ‘กลม’ ชี้นิ้วใส่เด็กชาย ลางกระทืบเท้าด้วยความโมโห
5 ปีต่อมา
‘ยัยอ้วนกลม ยัยอ้วนกลม ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ’ เด็กชายฉายาชะนีหน้าขาวล้อเลียนพร้อมกับหัวเราะล้อเลียนกันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนฝูง หญิงสาวผู้ถูกล้อว่าอ้วนกลมคนเดิมก็ได้แต่ชี้นิ้วด่าๆๆๆ ร้อนถึงเพื่อนสาวอีกคนต้องรีบห้าม เพราะอาจารย์ฝ่ายปกครองกำลังเดินมา
‘พอเถอะจ๊ะเดย์ อย่าไปสนใจพวกนั้นเลยนะจ๊ะ ไปเรียนกันเถอะ’
‘ก็ดูไอ้ชะนีหน้าขาวนั่นมันพูดสิ’ เดย์ หรือ นฤมล มองไปทางเด็กชายที่ได้ชื่อว่าป็อปอันดับ 1 ของชั้นมัธยมต้น และอันดับ 2 ของโรงเรียนอย่างเคืองๆ
‘แหม เอก็เห็นเตเขาล้อเดย์มาตั้งแต่ป.4 แล้วไม่ใช่เหรอ เดย์น่าจะชินได้แล้วนะ’ อมิตาพูดเองก็ขำเอง
‘เอ!!’ นฤมลร้องเสียงหลง
‘โอเคจ๊ะ โอเค ไปกันเถอะน่า’
“เดย์ เอ ไปกินข้าวเหอะ” นฤนาถ พนักงานสาวสวยหุ่นดีที่ทำงานเดียวกับนฤมล และอมิตาร้องเรียก
“เดี๋ยวน้า เดย์ขอจัดการงานแป๊บเดียวจ้า” นฤมล ‘ยัยอ้วนกลม’ ที่ยังคงอ้วนกลมเสมอต้นเสมอปลายร้องบอกเพื่อนสาว
“ไปเถอะจ๊ะเดย์ กลับมาค่อยทำก็ได้” อมิตาเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับลากเพื่อนสาว (ที่ตัวใหญ่กว่าเกือบ 3 เท่า) ลุกขึ้นจากโต๊ะ นฤมลก็ต้องจำใจยอมลุกขึ้นโดยดี
“วันนี้คนเยอะจังเนอะ สงสัยวันนี้อาหารจะอร่อยมากเป็นพิเศษ” นฤมลพูดติดตลก
“เออใช่เดย์ มีคนฝากการ์ดมาให้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” อมิตาเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อหยิบการ์ดสีขาวลายดอกไม้ มีตราประจำโรงเรียนในสมัยประถมและมัธยมของเธอประทับอยู่
“เอ เดย์ไปนั่งก่อนนะ เดี๋ยวมื้อนี้นาถเลี้ยงเอง แถมบริการถึงโต๊ะด้วย” นฤนาถเดินไปต่อแถวเพื่อซื้อข้าว ระหว่างรอนฤมลจึงหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน
นฤมลกวาดตาอ่านข้อความในการ์ดอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านจบก็หันไปมองเพื่อนสาวข้างๆ ที่เหนียวหนึบมาตั้งแต่ป.4 ที่ยิ้มกว้าง
“เซอร์ไพรซ์ ที่โรงเรียนจัดเลี้ยงรุ่นล่ะ รุ่น 25 - 29 แล้วเราก็โทรนัดเพื่อนตั้งแต่ ป.4 ถึงม.3 ไว้ได้ครบทุกคนแล้วด้วย เดย์ไปด้วยน้า” อมิตาอ้อนพลางทำตาหวาน แต่นฤมลกลับทำหน้าเครียด
“ทำไมเพิ่งมาบอกเดย์ตอนนี้” เดย์ทำเสียงดุ
“อีกตั้งเดือนนึงอ่ะ นี่เอว่าเอบอกเร็วแล้วนะเนี่ย” อมิตาเถียง
“แค่เดือนเดียวต่างหากล่ะ เดย์ไม่อยากเป็นยัยอ้วนกลมอีกแล้ว เดย์อยากจะผอม แต่อีกแค่เดือนเดียว เดย์จะลดทันมั้ย” นฤมลเอ็ด อมิตาถึงกับอึ้งในปัญหาของเพื่อน แล้วก็หัวเราะออกมา
“โถ่เดย์ ถึงเดย์จะอ้วน แต่เดย์ก็น่ารักจะตายไป ตาก็โต ผิวก็ค๊าวขาว แก้มอมชมพูน่ารักจะตายไป” อมิตาพูดพลางหยิกแก้มยุ้ยๆ ของเพื่อนไปทีนึง
“แต่เดย์อ้วนมาเป็นสิบปีแล้วนะ สูง 168 หนัก 75 ฮือๆๆ” ช่วงจังหวะเดียวกับที่นฤนาถยกข้าวมาวางตรงหน้า เห็นเพื่อนร้องไห้ก็แปลกใจ เพราะเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย
“อ้าว เดย์เป็นอะไรไป” นฤนาถถาม
“เดย์เค้าซีเรียสนิดหน่อยเรื่องเลี้ยงรุ่นน่ะ เพราะว่า...เอ่อ...เดย์เค้าไม่อยาก...เอ่อ...อยากลดน้ำหนักน่ะ แล้วมันก็เหลืออีกแค่เดือนเดียวเอง ก็เลย...” อมิตาเล่าตะกุกตะกัก
“อ๋อ...โถ่ เดย์ เรื่องนี้ต้องพึ่งฝีมือนฤนาถคนนี้เลย นี่ เดี๋ยวนาถจะเอาอะไรให้ดู...” นฤนาถเปิดกระเป๋าสะพายสีชมพูของเธอเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วเปิดให้ดูอะไรบางอย่าง
“นี่ไง...” นฤนาถหยิบรูปใบหนึ่งออกมาให้ดู นฤมลรับมาดู พร้อมกับขมวดคิ้ว อมิตาดึงไปดูก็งงเช่นกัน...
“ทำไมเหรอนาถ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่” นฤมลถามงงๆ
“ก็เนี่ย เราเมื่อปีที่แล้ว”
“หา!!!” สองสาวอุทานพร้อมกันลั่นโรงอาหาร สายตาหลายคู่หันมามองอย่างสนใจ...นฤมอลมองหน้าเพื่อนสาวสลับไปกับคนในรูป...คนในรูปมีหุ่นประมาณเธอ อาจจะสูงกว่านิดหน่อย...ยัยอ้วนคนในรูปเนี่ยนะนฤนาถ!!!
“ก็บอกแล้วไง เรื่องอย่างนี้มีปัญหาปรึกษานฤนาถ”
“ขั้นแรก ต้องควบคุมอาหาร...นี่คือตารางสำหรับอาหารประจำวันของเดย์” นฤนาถยื่นกระดาษสีชมพูใบหนึ่งให้นฤมล หญิงสาวกวาดสายตามองรายการอาหารประจำวันแล้วถึงกับกลืนน้ำลายเอือก...ช็อคโกแลต อาหารฟาสต์ฟูด ขนมปัง เค้ก ครีม น้ำอัดลม ห้าม!
“นาถ...คือว่า...ไอ้ให้กินผักน่ะได้ แต่ว่าช็อคโกแลตกับเค้กไม่ห้ามได้มั้ยอ่ะ” นฤมลต่อรอง แต่เพื่อนสาวกลับส่ายหน้าแรงๆ ทำหน้าจริงจัง
“ไม่ได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวตลอดเดือนนี้ นาถไปอยู่บ้านเดย์ดีกว่า จะได้ควบคุมเดย์ได้”
“โห่นาถ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ จะให้เดย์เป็นกระต่ายรึไงเนี่ย” นฤมลโอดครวญเมื่อมองของในรถเข็น...แครอท กะหล่ำปลี แตงกวา บล็อกโคลี ส้ม แอปเปิ้ล แคนตาลูป และอื่นๆ อีกมากมายสารพัดผัก
“ยังขาดอีก 3 อย่างจ๊ะ รอแป้บนะ” นฤนาถหายไปสักพัก แล้วกลับมาพร้อมกับน้ำสลัดน้ำใส ดอกคำฝอยอบแห้งและถั่วเหลือง
“เอาล่ะ ปฏิบัติการณ์เข้าคอร์สไดเอท เริ่มได้!!!”
“กินให้หมดนะ” นฤนาถวางจานกับข้าว ซึ่งก็คือผัดเผ็ดบล็อกโคลีกับลูกชิ้นที่ทำจากถั่วเหลืองบด อีกจานเป็นสลัดผักผลไม้ราดด้วยน้ำสลัดน้ำใส และตบท้ายด้วยน้ำดอกคำฝอยอีก 1 แก้ว
“ไม่มีข้าวเหรอนาถ” นฤมลถามเสียงหงอยๆ
“ไม่มี และห้ามด้วย อ้อ! ถ้าจะกินน้ำ ต้องกินน้ำดอกคำฝอยเท่านั้น”
หลังจากนฤมลเข้าคอร์สไดเอทแล้ว ในตู้เย็นของเธอก็ถูกโล๊ะสต๊อก ของหวาน ไอศครีมทั้งหมดถูกโล๊ะทิ้ง แทนที่ด้วยผัก ผลไม้ นานาชนิด และขวดใส่น้ำเปล่าถูกเททิ้งใส่น้ำดอกคำฝอยสีเหลืองส้มไว้แทน แถมทุกเช้า - เย็นเธอต้องเต้นแอโรบิกอีกครึ่งชั่วโมง หรือไม่ก็วิ่งจ๊อกกิ้ง ของว่างจากเค้กถูกเปลี่ยนแทนที่โดยสลัดผลไม้ อาหารเย็นต้องเป็นสลัดเท่านั้น ส่วนน้ำน่ะเหรอ เธอแทบจะกินชั่วโมงละสิบแก้วด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นก็มีประเภทครีมกระชับหน้าท้อง ครีมลดเซลลูไลท์ ออกกำลังกายยังไงให้ลดหน้าท้องได้ เพื่อให้น้ำหนักลด และยังมีมาตรการพิเศษ ห้ามส่องกระจก นฤนาถโล๊ะกระจกในบ้านเธอออกทั้งหมด บอกว่าอีก3 อาทิตย์จะเอามาคืนให้ นฤมลและนฤนาถถึงกับลงทุนลาพักร้อนกัน 3 อาทิตย์เต็มๆ เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
และวันนี้นฤนาถก็นำของว่างรูปแบบใหม่มาเสิร์ฟ...
“เอ้านี่ อาหารว่างมื้อนี้นาถภูมิใจเสนอ...ถั่วเหลืองต้มน้ำดอกคำฝอยยย...” หญิงสาวเปิดตัวซะเวอร์พร้อมทั้งแอ็คโค่ นฤมลมองถั่วเหลืองในถ้วยอย่างแหยงๆ
“ไม่เอา ไม่กิ๊น” แต่ดูเหมือนนฤนาถจะไม่ยอม
“ไม่ได้!!! ต้องกิน ถ้าไม่กินมื้อเย็นมื้อนี้อดแน่” เจอไม้นี้เข้าหญิงสาวก็เลยต้องยอมกินไปโดยปริยายพร้อมกับสีหน้าสะอิดสะเอียน
“อื้อ อร่อยดีนี่...” นฤมลบอกสีหน้าสีดีขึ้นพร้อมกับหยิบของว่างใส่ปากไม่หยุด และเมื่อของว่างถูกกวาดเรียบภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที เครื่องดื่มพิเศษก็มาถึง
“เอ้านี่ ดื่มซะ” นฤนาถยื่นแก้วใส่น้ำสีเหลืองส้มขนาดใหญ่ให้เพื่อสาวที่รับมาดื่มอย่างไม่ว่าอะไร นฤนาถมองดูเพื่อนสาวด้วยสีหน้าที่บอกถึงอาการดีใจ 2 อาทิตย์แล้วที่ไดเอท เสื้อผ้าที่นฤมลใส่ก็หลวมโพรกอย่างเห็นได้ชัด
“มองอะไรนาถ” นฤมลตวัดสายตามามองเพื่อนที่ยืนอมยิ้มอยู่ได้ตั้งนานสองนาน
“เปล๊า...ตอนนี้อยากรู้รึยังว่าตัวเองลดไปกี่กิโลแล้ว” นฤนาถเปลี่ยนเรื่อง นฤมลส่ายหน้าอย่างจริงจัง
“ยัง เอาไว้หมดคอร์สก่อน แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วล่ะว่าลดไปเป็นสิบกิโล แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ”
“เอา อาหารมื้อสุดท้ายของคอร์ส” นฤนาถวางอาหารลงบนโต๊ะ อันได้แก่ซุปผัก สลัดผัก และนม 1 แก้ว
“หือ วันนี้มีนมด้วยเหรอ” นฤมลหยิบแก้วนมมาดื่มก่อนเป็นอันดับแรก
“ก็ร่างกายขาดแคลเซียมมานานเลยต้องให้ดื่มนม” นฤนาถอธิบาย แต่ดูเหมือนคนกินจะไม่ฟังเพราะตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว นับวันนฤมลก็กินได้น้อยลงเรื่อยๆ จนตอนนี้กินแค่ 1 จานเท่านั้น จาก 3 จาน
“แฮ้...อิ่มแล้ว ปะ...” นฤมลลุกขึ้น
“ไปไหน” นฤนาถถาม
“อ้าว! ก็ไปออกกำลังกายน่ะสิ ไม่ไปเหรอ” นฤมลถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ไป จะไปทำไมฮะ ก็หมดคอร์สแล้ว ไปชั่งน้ำหนักกันเร็ว” นฤนาถลากเพื่อนสาวซึ่งบัดนี้เปลี่ยนจาก ‘อ้วนกลม’ มาเป็น ‘หุ่นดีอวบอั๋น’ เรียบร้อยแล้ว
นฤนาถหยิบเครื่องชั่งน้ำหนักออกมา นฤมลมองอย่างแหยงๆ นฤนาถมองเพื่อนอย่างขำๆ แล้วไปลากเพื่อนขึ้นไปชั่งน้ำหนัก นฤมลหลับตาปี๋กลั้นใจดูผลที่ออกมา
“โอ้โห!!! เดย์ ไม่อยากจะเชื่อเลย เดย์!!!” นฤนาถเอะอะ นฤมลค่อยๆ เปิดตาขึ้นมาดูตัวเลข...50!!! จาก 80 กิโล นฤมลลองหยิกแขนตัวเองแรงๆ
“โอ้ย!” หญิงสาวร้อง พร้อมกับลูบแขนขาวๆ ป้อยๆ
“ก็ใครใช้ให้หยิกล่ะ พอใจรึยัง 30 กิโลน่ะ” นฤนาถถามพร้อมกับอมยิ้ม
“ตอนนี้นาถหนักเท่าไหร่ล่ะ” นฤมลย้อนถาม แต่ยังจ้องตัวเลขบนกิโลชั่งตาเขม็งราวกับจะตรวจรายละเอียดข้อสอบ
“48 ถามทำไมอ่ะ”
“ก็ ลดอีกซัก 2 กิโลนาถว่าเวิร์คมั้ย” นฤนาถอึ้ง แล้วหลุดขำออกมา
“ไม่ต้องแล้วเดย์ นาถว่าถ้าเดย์ผอมกว่านี้ไม่สวยแล้วล่ะ อย่างเดย์ต้องอย่างนี้ อวบนิดๆ น่ารักดีออก” นฤนาถบอก แล้วลากเพื่อนเข้าไปในห้องนอนของตน
“นี่ดูซะ” นฤนาถลากเพื่อนสาวมายืนหน้ากระจก นฤมลมองเข้าไปในกระจกอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง ผู้หญิงร่างอ้วนกลมคนเดิมหายไปแล้ว เหลือแต่สาวน้อยหุ่นดีหน้าตาน่ารัก ตาบ้องแบ๊ว สวมเสื้อโพรกๆ ผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลสไลด์เป็นรูปตัววีบางๆ ปล่อยสยาย แต่ยุ่งเหยิงเพราะไม่ได้หวี
“ไง ตะลึงไปเลยน่ะสิ ใครมาเห็นตอนนี้ก็คงจะเดาไม่ออกเลยว่า ยัยอ้วนกลมคนก่อนน่ะเป็นคนๆ เดียวกันผู้หญิงคนนี้” นฤนาถชี้ไปที่เพื่อนสาว
“ทีนี้ก็เหลือเวลาอีก 2 วัน ไปเสริมสวยกันดีกว่า...”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“เดย์จ๋า เสร็จรึยาง เอมารอครึ่งชั่วโมงแล้วน้า” อมิตาพูดดังๆ ผ่านทางประตูเข้าไป
“เดี๋ยวแป้บนะ เอาล่ะ เสร็จแล้ว จะรีบไปไหนอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่างามนจะเริ่ม จะรีบไปกินรึไงฮะ” นฤมลบ่นพบพลางเปิดประตูออกมา อมิตาเห็นเพื่อนตัวเองแล้วอึ้ง...ตะลึงค้าง อ้าปากจนแมลงวันบินเข้าไปได้สบายๆ ...เอวที่เคยเด้งดึ๋งๆ เพราะไขมัน ตอนนี้กลับขอดเข้าไปได้รูป ตอนนี้ใส่ชุดราตรีสายผ้าซีทรูสีชมพูอ่อน รัดตรงเอว สั้นเหนือเข่า กับรองเท้าส้นสูง พร้อมกับกระเป๋าสะพายสีเขียวเข้าชุด ยิ่งดูแปลกตาไปใหญ่ ผมทำเป็นเกลียวลอนใหญ่ปล่อยไว้สบายๆ แต่งหน้าอ่อนๆ นี่มันม่ายช่ายเพื่อนช้านนนนน
“ก็อด! โหทำได้ไง” อมิตาจ้องเพื่อนตาปริบๆ
“เออ ไปเหอะน่า เดี๋ยวจะสาย รีบไม่ใช่เรอะ”
รถเบนซ์คันงามสีดำเคลื่อนเข้ามาสู่สถานที่จัดงานก็เห็นป้ายขนาดใหญ่เขียนต้อนรับเลี้ยงรุ่น มีไฟส่องสว่างไปทั่ว รถจอดเรียงรายกันเป็นแถว อมิตาขับรถไปจอดในที่จอดรถที่เกือบเต็ม สองสาวเดินลงจากรถพร้อมกัน อมิตาวันนี้ใส่สีฟ้า ยิ่งขับให้ผิวดูขาวไปใหญ่
งานเลี้ยงจัดขึ้นในหอประชุมซึ่งตอนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วราวฟ้ากับชั้นแมกม่า ยิ่งวันนี้ยิ่งราวกับชั้นแกนกลางโลกเลย
“โห สวยจัง” นฤมลกวาดตามองไปรอบๆ งาน
“เฮ้! ตรงนั้นน่ะ ใช่เอรึเปล่า” หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งสาวท้าวยาวๆ ตรงมาทางสองสาว
“ยู” เอจับมือเพื่อนสาว กรการ พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“แหม ยู ตอนเรียนว่าสวยแล้ว ตอนโตยิ่งสวยเข้าไปใหญ่เลยนะเนี่ย เกือบจำไม่ได้แล้ว” นฤมลแซว
“ใช่ เป็นดาวม.ต้น ตอนนี้เป็นดาวประจำใจใครรึยังจ๊ะเนี่ย” อมิตาเล่นบ้าง
“แหม เอไม่เอาแล้ว แล้วนี่ใคร ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักบ้างเหรอ แต่ดูเหมือนจะรู้จักเรานี่” กรการ หันไปทางนฤมล
“เนี่ยเหรอ จำยัยอ้วนกลมได้มั้ยล่ะ” อมิตาพูดพลางเล่นหูเล่นตา กรการขมวดคิ้ว แล้วเบิกตาโต
“หา!! อย่านะว่านี่...”
“เดย์เองคะคุณเอสุดที่รัก” นฤมลต่อให้เสียงใส
“ตอนแรกเห็นนึกว่ารุ่นน้อง ไม่นึกว่าเดย์จะ...โทษนะ จะผอมได้ขนาดนี้ แถมสวยด้วย” กรการบอกด้วยอาการประหลาดใจ
“เอาน่า เออ แล้วนี่เพื่อนมากันครบรึยัง” นฤมลเปลี่ยนเรื่อง
“ครบแล้ว มีเธอสองคนนี่แหละมาสายสุด ไปเร็ว เราจะได้แนะนำเดย์คนใหม่ให้เพื่อนรู้จัก” กรการจูงมือเพื่อนทั้งสองเข้าไปในงาน ไปยังหมู่คนที่นั่งบนเก้าอี้สูงล้อมกันเป็นวงกลมประมาณ 30 กว่าคน กรการพาเพื่อนทั้งสองไปนั่งที่เก้าอี้ที่เหลืออีก 2 ตัวพอดี
“อ้าว! เอหวัดดีจ้า” เพื่อนๆ ต่างพร้อมใจกันร้องทักเป็นเสียงเดียว นฤมลมองเพื่อนเธอตาขวาง
“แหม เออๆๆ ลืมเพื่อนคนนี้แล้วใช่มั้ย ใช่ซี้ฉันมันคนไม่สำคัญนี่เลยไม่เคยทักกันเลย” นฤมลพูดงอนๆ แล้สะบัดหน้า น้ำตาระรื่นขึ้นมาในดวงตากลมโต
“เอ ไอ้นิสัยขี้งอนขี้โวยแบบนี้แกว่ามันคุ้นๆ มั้ยวะ” ชายหัวทองคนหนึ่งถามกับเพื่อนข้างๆ
“สรุปแกจำกันไม่ได้ใช่มั้ย เออ ฉันมันส่วนเกินนี่ ฉันคนนี้มันคงไม่สำคัญอะไรหรอก” พูดไม่พูดเปล่า หญิงสาวลุกออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว แต่อมิตารีบฉวยข้อมือเธอไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวสิเดย์ ใจเย็นๆ สิ เพิ่งเจอกันจะให้จำกันได้เหมือนเก่ามันไม่ได้หรอกจ๊ะ ไม่เอาน่าอย่างอนเลยน้า” อมิตารีบง้อ
“เดย์!!!” ทั้งวงพร้อมใจกันอุทานเสียงดัง พลางมองหญิงสาวชุดสีชมพูตาปริบๆ อ้าปากค้างด้วยความตะลึง ไม่เชื่อสายตา บางคนถึงกับขยี้ตาตัวเองเลยก็มี
“เห็นมั้ย เดย์บอกแล้ว พวกนี้จำเดย์ไม่ได้ซักคน” นฤมลกระเง้ากระงอด แต่ก็ยอมกลับไปนั่งบนเก้าอี้อย่างเดิม
“ยัยอ้วนกลมน่ะนะ...” ชายหน้าตาดีที่สุดในหมู่เพื่อนถามขึ้นมา
“ทำไม มีปัญหาอะไรรึไงนายชะนีหน้าขาว” นฤมลแหวใส่
“ไม่น่าเชื่อ...ยัยอ้วนกลมหายไปไหนแล้วอ่ะ” เตชิตถาม
“เอาน่าเต อย่าไปหาเรื่องทะเลาะกันเลยนะ 10 ปีมาเจอกันทีน่า” กรการพูดไกล่เกลี่ย
“ใช่แล้ว แล้วเดย์รู้รึเปล่าว่ายูกับไอ้เตเป็นแฟนกันนะ” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งบอกด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
“แหมก็ไม่เห็นแปลก เห็นเชียร์มาตั้งแต่ตอนเรียนแล้วนี่” นฤมลบอกปัดๆ ไม่สนใจ
“แต่แกก็คอยบอกทุกทีว่าอย่าไปเอาไอ้ชะนีนั่นมาเป็นแฟนเลย เพราะที่บ้านยูเลี้ยงหมามากพอแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีที่พอเลี้ยงหมาในปากไอ้เตอีกใช่มั้ยล่ะ” อมิตาเริ่มกระแนะแระแหนเพื่อน
“เดย์ก็แค่เป็นห่วงเพื่อน กลัวว่าบ้านยูจะเปลืองเงินซื้ออาหารเม็ดมากเกินไปสิ้นเปลืองน่ะ” นฤมลกัดคู่กรณีเก่าพร้อมกับทำตาหวานใส่อย่างใสซื่อ
“ยัยอ้วนกลม เธออย่าอยู่เลย” เตชิตลุกขึ้นมาจะหาเรื่อง หญิงสาวรีบลุกขึ้นหนี แต่ดูเหมือนส้นสูงจะไม่เป็นใจก้เลยสะดุดเข้า
“อุ้ย!” นฤมลอุทาน พร้อมกับถลาไปด้านหน้า...แต่มีมือใหญ่มีจับตัวเธอไว้เสียก่อน
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงนุ่มๆ ถาม หลังจากยืนทรงตัวได้ดีแล้วนฤมลก็มองคนที่ช่วยเธอชัดๆ ชายหนุ่มที่ช่วยเธอไว้หน้าตาดีโคตร ตาหวาน ผมยาวประต้นคอ ไว้ผมม้าด้วย ภาพของชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนซ้อนทับกับภาพชายหนุ่มตรงหน้า ขาวๆ แบบนี้ หน้าตาน่าเจี๊ยะ (>.<) แบบนี้...หนุ่มป็อปอันดับหนึ่งของโรงเรียนคนนี้...พี่ไนท์!!! กรี๊ดดดด!!!
“อะ...เอ่อ ขอบคุณนะคะ” นฤมลกล่าว พร้อมกับยิ้มให้...
“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ...”
“เดย์คะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ถ้าพี่ไม่ช่วยเดย์ไว้เดย์คงล้มไปแล้ว” นฤมลรีบพูดอีกครั้ง เตรการมองที่หญิงสาวยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เตรการพูดซ้ำอีกครั้ง
“ยัยอ้วนกลม!!!” เตชิตที่ตามมาทีหลังพูดเสียงดุๆ
“นี่นายเต ฉันไม่ได้ชื่ออ้วนกลม ฉันชื่อนฤมลค่ะกรุณาเรียกให้ถูกต้องด้วย” นฤมลหันไปแหวใส่เพื่อนชายข้างหลัง
“ทำไมยัยอ้วนกลม ยัยอ้วนกลม...” ชายหนุ่มทำท่าล้อเลียน
“หยุดนะไอ้ชะนีหน้าขาว ไอ้เตบ้า” นฤมลคว้ากระเป๋าถือมาตีเพื่อนชายหนุ่มที่หลบพัลวัน เตรการมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทางสนใจ ไม่ใช่สนใจคนทะเลาะกันหรอก แต่สนใจหญิงสาวที่ชื่อนฤมล หรือเดย์ที่นายเตชิตคนนั้นเรียกว่าอ้วนกลมมากกว่า เท่าที่เขาดูเดย์คนนี้ก็หุ่นดี แต่ก็ไม่ปลิวลมอย่างสาวๆ สมัยนี้ ไม่ได้อ้วนกลมซักหน่อย...
“โอ๊ย ยัยอ้วน เธอจะฆ่าฉันรึไง ไม่เอาฉันยังไม่ได้แต่งงานเลย” เตชิตพูดติดตลก
“ช่างแกสิ แกไม่ได้แต่ฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไรนี่ แถมจะดีใจด้วยซ้ำที่ยูรอดพ้นจากคนอย่างแกมาได้” นฤมลกัดคู่กรณี
“ไม่ได้โว้ย ฉันหมั้นแล้ว ไม่แต่งไม่ได้” เตชิตบอก แต่นฤมลยิ่งใช้กระเป๋าฟาดลงไปอีก
“โอ้ย ไปแล้วไปแล้ว” เตชิตรีบวิ่งกลับไปร่วมวงกับเพื่อนต่อ นฤมลมองตามเพื่อนชายด้วยสายตาอาฆาต จนเตรการเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ นฤมลหันมามองชายหนุ่มอย่างขัดใจ
“ยิ้มอะไรคะ” นฤมลเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเรื่องคนข้างๆ แทน
“อ้าว! คุณ หาเรื่องอะไรผมล่ะครับ ผมแค่ยิ้มเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรซักหน่อย” เตรการรีบปัดพร้อมกับหัวเราะ นฤมลยิ่งนิ่วหน้ามากขึ้น
“แล้วนี่หัวเราะทำไมคะ”
“อ้าว! คุณ ผมหัวเราะไม่ได้รึไงครับ” เตรการพูดทั้งหัวเราะ
“ไม่ได้ค่ะ การหัวเราะแบบนี้เขาเรียกว่าหัวเราะเยาะค่ะ ถ้าคุณไม่รู้จัก”นฤมลเริ่มแหวใส่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะตีหน้าซื่อได้ยอดเยี่ยม
“เอ แต่บ้านผมเขาเรียกว่าขำนะคุ๊ณ” เตรการพูดแล้วตีหน้าทะเล้นยิ้มโชว์เขี้ยวที่มุมปากให้หญิงสาว
“บ้านคุณเรียกว่าอะไรเดย์ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ว่าเดย์ต้องไปหาเพื่อนก่อนนะคะ หวังว่าเราคงจะไม่ต้องเจอกันอีกนะคะ” ทำพูดดีไปเถอะที่จริงก็อยากเจอนั่นแหละ แหมน่ารักซะขนาดนั้น นฤมลแยกไปหาเพื่อน ส่วนเตรการก็แยกไปหาเพื่อน
“นี่วันนี้ไปยืนคุยกับพี่ไนท์ตั้งนานสองนาน กุ๊กกิ๊กอะไรกันรึเปล่าจ๊า” อมิตาแซวเมื่อมาส่งเพื่อนสาวพี่บ้าน นฤมลตีไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วทำตาขวางใส่
“ไม่ต้องมาแซว วันนี้เอกับนพล่ะ หายไปไหนมาตั้งนาน” นพ หรือนพฤกษ์ รุ่นน้องของเธอ 1 ปี หน้าตาดีมาก ตี๋ๆ น่ารักดี
“ก็ แหม...” อมิตาเริ่มหน้าขึ้นสี เริ่มม้วนไปม้วนมา
“โอ้ยๆๆ ไปเลยไป เห็นแล้วเกะกะหน้าบ้าน” นฤมลออกปากไล่เพื่อน แล้วหันหลังเดินเข้าบ้านปิดประตูใส่หน้า
“นี่เดย์ ได้ข่าวรึเปล่าว่าบอสขายหุ้นหมดเลย” นฤนาถที่วันนี้ลงทุนมารับเพื่อนสาวถึงบ้านถามเมื่อรถมาจอดที่ที่จอดรถของพนักงาน
“หา! เหรอ แล้วก็ต้องเปลี่ยนบอสคนใหม่น่ะสิ” นฤมลอุทาน
“ก็ใช่ แต่เห็นบอกว่ามีบอส 2 คนนะ ถือหุ้นคนละ 50 เปอร์เซ็นต์เลย” นฤนาถเล่า
“อ่าว แล้วทีนี้ไม่ทะเลาะกันตายเหรอ” หญิงสาวถาม นฤนาถส่ายหน้า
“เขาบริหารกันมาได้เกือบเดือนแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ สงสัยไม่มีอะไรหรอกมั้ง” นฤนาถเปิดประตูรถออกไป วันนี้นฤมลแต่งชุดใหม่มา เพราะเธอต้องโละเสื้อผ้าทั้งตู้ทิ้งทั้งหมด
นฤมลและนฤนาถเป็นพนักงานระดับ 5 ของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ส่งออกกระเป๋าหนัง และเสื้อผ้า ทั้งสองทำงานเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า
ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในชั้นที่พวกเธอทำงาน สายตาหลายๆ คู่ก็มองมาที่สาวทั้งสองแปลกๆ เพราะวันนี้เป็นวันที่ทั้งสองกลับมาทำงานเป็นวันแรกหลังจากลางานไปถึง 3 อาทิตย์เต็มๆ
วันนี้ขณะทำงานทุกคนก็ได้รับชุดใหม่คนละ 3 ชุดเขยีนไว้ว่าเป็นยูนิฟอร์มของบริษัท ทุกคนต้องใส่ นฤมลลองคลี่ผ้าดู ปรากฏว่าเป็นเสื้อคลุมแบบสูทผู้หญิงสีน้ำเงินเข้ม กระโปรงสั้นแค่เข่าสีน้ำเงิน ชายกระโปรงเป็นผ้าซีทรูบางซึ่งถูกใจสาวๆ หลายคนในออฟฟิซ แถมยังมีคำสั่งมาอีกว่า ‘ต้องใส่ชุดทันทีที่ได้รับ’ ห้องน้ำในบริษัทจึงเต็มกะทันหัน แต่รู้สึกว่านฤมลตะเป็นผู้โชคดีเพราะวิ่งเข้าห้องน้ำไปเป็นคนแรก
พอตอนบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จ...
“นี่ทุกคน มีใครเห็นเดย์บ้างรึเปล่า” ชุติมาเพื่อนในที่ทำงานร้องถามเสียงดัง
“มีอะไรเหรอติ” นฤมลขานโดยไม่ยื่นหน้าออกไป
“บอสเตรการเรียกน่ะ บอกมาว่าให้รีบไปด้วย อ้อ! ไปหาบอสเตรการเสร็จแล้วก็ไปหาบอสนพฤกษ์ด้วยนะ” ชุติมาบอก นฤมลรับคำแล้วรีบลุกไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นลิฟต์ขึ้นไปหาบอสเตรการ และบอสนพฤกษ์ หญิงสาวรู้สึกเอะใจพิลึกกับสองชื่อนี้ หวังว่าคงไม่ใช่แล้วกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“เข้ามา” หญิงสาวขมวดคิ้วทันที เสียงมันคุ้นๆ
นฤมลเปิดประตูเข้าไป หน้าใสกิ๊งเป็นกระจกแบบนี้ หน้าเจี๊ยะแบบนี้ น่ารักแบบนี้ เอาแล้วไง จริงด้วย
“บอสเรียกพบเดย์เหรอคะ” นฤมลพยายามคุมเสียงไม่ให้ชายหนุ่มจับความดีใจ และแปลกใจได้ เตรการยิ้มให้ แล้วโบกมือให้มานั่งที่เก้าอี้ หลังจากรอให้ร่างบาง (ก็ตอนนี้ไม่อ้วนแล้วนี่) นั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้วจึงพูด
“ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่าเลยลองเรียกมา ไม่คิดว่าจะใช่จริงๆ” เตรการตอบง่ายๆ
“ถ้าบอสเรียกเดย์มาแค่นี้ เดย์ขอตัวนะคะเพราะต้องไปพบบอสนพฤกษ์ด้วย” หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้น แต่ชายหนุ่มขัดไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิครับ จะรีบไปไหนล่ะครับคุณนฤมล ผมจะบอกว่าผมเลื่อนตำแหน่งให้คุณมาเป็นเลขาฯ ผมนะ และบอกไว้ก่อนเลยว่าห้ามปฏิเสธ” เตรการรีบดักคอไว้ก่อน
“เดย์ก็ไม่ได้จะบอกว่าปฏิเสธนี่คะ ทีนี้เดย์ไปได้รึยังคะบอส” นฤมลถามอย่างเหนื่อยใจ เตรการยักไหล่ ร่างบางลุกขึ้นแล้วรีบรุดไปที่ประตูทันที หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแรก ก็มาที่ภารกิจที่สอง บอสนพฤกษ์
“หวัดดีค่ะบอสนพ มีอะไรเรียกเดย์มาทำไมคะ” ลักษณะการพูดของหญิงสาวดูจะไม่เป็นทางการเพราะจริงๆ แล้วตานพคนนี้นี่แหละเคยตามจีบเอมาพักใหญ่ตอนอยู่โรงเรียน เธอเลยพลอยสนิทกันไปด้วย
“แหม คุณเดย์คร้าบ เพื่อนเก่าจะทักทายกันไม่ได้เหรอครับ” นพฤกษ์พูด
“แต่ตอนนี้นพเป็นบอสของบริษัท ไม่ควรจะเรียกพนักงานมาเล่นๆ แบบนี้ เอาล่ะว่ามาได้แล้ว มีอะไรให้เดย์ช่วยเรื่องเอหรือเปล่า” นฤมลเข้าหัวข้อสนทนาที่เธอกะไว้แล้วว่าถ้าเป็นนพฤกษ์จริงต้องเรียกเธอมาด้วยเรื่องนี้แน่
“แฮะๆ เดย์นี่รู้ใจผมจริงๆ เลย คือว่าผมอยากจะจีบเอให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้ แล้วก็อยากจะถามเดย์ว่าเอมีแฟน หรือ...คนรู้ใจรึยัง” นพฤกษ์ถาม
“ไม่มี ไม่เคยมี และไม่แน่ก็ว่าจะไม่มีด้วย เพราะถ้าคุณบอสนพฤกษ์ไม่กล้าตอนนี้ สงสัยยัยเอคงขึ้นคาน” นฤมลบอกอย่างไม่อ้อมค้อม นพฤกษ์ยิ้มแป้นทันที
“จริงเหรอ ขอบคุณมากเลยนะเดย์” ชายหนุ่มกล่าว
“ตกลงเรียกเดย์มาแค่นี้นะ ไปล่ะเดี๋ยวบอสเตรการจะรอนาน” นฤมลยักไหล่ แล้วออกมาจากห้องของนพฤกษ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มัวแต่คิดเรื่องว่าจะจับคู่นพฤกษ์กับอมิตายังไงดี จนเผลอไปชนใครบางคนเข้า
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“เดินอมยิ้มอยู่ได้ ออกมาจากห้องบอสอีกคนก็ยิ้มได้ แต่ห้องผมดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยอยากอยู่นี่” เตรการเอ่ย แม้ว่ามันดูจะเรียบเย็นชาแค่ไหน แต่ว่าหญิงสาวจับน้ำเสียงตัดพ้อได้
“ก็ เดย์กับบอสนพสนิทกับนี่คะ ไม่นึกว่าจะได้มาทำงานด้วยกันอีก” นฤมลตอบตรงๆ แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่
“งั้นคุณจะเปลี่ยนใจไปเป็นเลขาฯ นพฤกษ์ก็ได้นะ” ชายหนุ่มบอก น้ำเสียงบอกความน้อยใจ นฤมลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย โอเค หน้าตาน่ะน่าหม่ำดี แต่นิสัยทำไมเด็กอย่างนี้นะ
“บอสไนท์คะ เดย์ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานหรอกนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยคามเหนื่อยใจ
“ก็ดี งั้นคุณก็กลับไปทำงนได้แล้ว”
นฤมลทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนอย่างเหนื่อยใจเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าไอ้การเป็นเลขาฯ มันต้องเหนื่อยขนาดนี้ แน่นอนหากเป็นบอสคนอื่นก็ไม่หรอก แค่บอสเตรการผู้แสนเอาแต่ใจตัวเองมากๆ คนนี้น่ะไม่ใช่...เดี๋ยวก็เดย์ไปชงกาแฟมาหน่อยซิ แทบจะทุก 10 นาที ยังไม่พอ ให้ไปพิมพ์เอกสารบ้าบออะไรก็ไม่รู้ตั้งพันหน้า แถมผิดตัวเดียวต้องไปนั่งพิมพ์ใหม่หมด ยัง ยังมีอีก ให้ไปซื้อข้าว ถ้าข้าวแข็งเกินไป หรือมีน้ำมันมากเกินไปก็ต้องไปซื้อใหม่ สรุป เธอกลายเป็นคนใช้ไปโดยปริยาย
2 เดือนเต็มกับการเป็นคนใช้ให้กับ ‘พี่เตรการสุดหล่อ’ ที่เธอเคยปลื้ม แต่เดี๋ยวนี้ หญิงสาวไม่นึกอยากจะได้ยินเสียงด้วยซ้ำ
ติ๊งต่อง!
นฤมลขมวดคิ้ว...ใครกันมาเอาป่านนี้ มัน 2 ทุ่มครึ่งแล้วนะเนี่ย ร่างบางลุกขึ้นไปเปิดประตูหน้าบ้าน และคนที่มาก็เป็นคนสุดท้ายที่เธออยากเจอตอนนี้
“บอสมีอะไรจะใช้เดย์อีกเหรอคะ” นฤมลพูดแล้วถอนหายใจรับชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดทำงานเข้ามาในบ้าน เตรการตรงไปนั่งที่โซฟายาวแล้วนอนแผ่ลงไปทันที
“บอสคะ” นฤมลเรียกเสียงตำหนิ
“โถ่ เดย์ พี่ขอนอนซักแป๊บนะคะ” นฤมลขมวดคิ้ว งงเข้าไปอีก วันนี้ชายหนุ่มมาแปลก ปกติสรรพนามจะเป็น ผมกับคุณ หรือไม่ก็เดย์ แต่วันนี้เป็นพี่กับเดย์ แถมมีคะมีขาด้วย!!!
“บอสไปอดหลับอดนอนมาจากไหนคะเนี่ย” เมื่อเห็นว่าไล่ไม่ได้ หญิงสาวจึงไปชงโอวัลตินร้อนๆ มาให้ แล้วนั่งมองด้วยสายตางงงวย
“เรียกพี่ว่าพี่ก็ได้คะ พี่ต้องเคลียร์งานให้เสร็จเลยต้องอยู่ทำงานดึกหลายวันแล้ว ไม่มีเวลานอนเลย ฮ้าววว...” ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มน่าเจี๊ยะปล่อยหาวมาเป็นหลักฐานมาอีก
“แต่นี่มันบ้านเดย์นะคะ พี่ไนท์จะมานอนที่นี่ได้ไงกัน กลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” นฤมลไล่อย่างไม่อ้อมค้อม ชายหนุ่มผุดลุกนั่งมองหญิงสาวด้วยสายตาตัดพ้อ
“ถ้าเป็นไอ้นพ เดย์คงให้มันนอนล่ะสิ” เตรการย้อนถาม
“ไม่ว่าใครก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพี่ไนท์ หรือนพ เพราะนี่บ้านเดย์ เดย์เป็นผู้หญิง แล้วที่สำคัญอยู่คนเดียวด้วย” นฤมลพยายามอธิบายทีละข้อ แต่ดูเหมือนเธอจะพูดอะไรผิดไปหน่อย เพราะชายหนุ่มยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวทันที
“นั่นไง ก็เดย์เป็นผู้หญิง พี่เลยต้องมาอยู่เป็นเพื่อนไงคะ” เตรการหาข้ออ้างจนได้
“ไม่ต้องค่ะ เดย์อยู่คนเดียวได้ พี่ไนท์กลับบ้านไปเลยค่ะ ถ้าเกิดมีใครรู้ว่าเดย์อยู่กับพี่ไนท์สองต่อสองทั้งคืน ถึงแม้ว่าเราจะบริสุทธิ์ใจต่อกัน แต่เดย์จะเป็นฝ่ายเสียหายนะคะ” หญิงสาวค่อยๆ พูดอย่างอดทนที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พี่รับผิดชอบด้วยการรับเดย์เป็นน้องสาวก็ได้นะคะ” เตรการยิ้ม แล้วหยิบแก้วโอวัลตินขึ้นมาจิบ ดูเหมือนนฤมลยังอึ้งไม่หายกับคำพูดของชายหนุ่ม...น้องสาว เธอมีสิทธิ์เป็นได้แค่นั้นเองหรือ
“พี่ไนท์ยังไม่ออกไปอีก จะออกไปดีๆ หรือจะให้เดย์ลากออกไปคะ” นฤมลที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้หันกลับมาไล่ชายหนุ่มหน้าหนาอีกครั้ง และคราวนี้เตรการดูจะไม่เล่นด้วยอีกแล้ว
“อะไรกันคะเดย์ นี่รังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอ พี่มันน่ารังเกียจขนาดอยู่ในบ้านเดย์ไม่ได้เลยเหรอ ถ้าเป็นนายนพ เดย์คงจะไม่เป็นอย่างนี้ใช่มั้ย ในเมื่อเดย์รังเกียจพี่ พี่ก็จะไม่สร้างความลำบากใจให้เดย์อีก” พูดแค่นั้นร่างสูงก็สาวเท้ายาวๆ ออกจากบ้านพร้อมกับปิดประตูบ้านดังปัง!
และก็เป็นดังนั้นจริง ผ่านมา 2 วัน เตรการไม่เคยเข้าบริษัทเลย มือถือก็ติดต่อไม่ได้ ทางบ้านก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปที่ไหน รู้แต่ว่าเก็บกระเป๋าออกไปจากบ้านหลังจากกลับมาจากบ้านของนฤมลทันที
มารู้เอาทีหลังว่าเตรการบินไปหัวหินเพื่อไปหา ‘แฟนสาว’ ที่ชื่อว่านรีรัตน์ ที่คบหากันมาได้ 2 ปีแล้ว เหตุนี้สินะที่เธอมีสิทธิ์เป็นได้แค่น้องสาว
นฤมลต้องทำหน้าที่เคลียร์งานของบอสหนุ่มที่ขาดไม่มีกำหนดอยู่พักใหญ่ นพฤกษ์กับอมิตาก็ดูเหมือนกำลังจะไปได้ดีในตอนนี้ นายเตชิตก็หมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเธอกับเพื่อนที่ออฟฟิซบ่อยๆ เพราะเห็นว่าทะเลาะกับยูเลยต้องมาพึ่งสาวที่ออฟฟิซนี้ (ในที่นี่หมายถึงนฤนาถ)
หลังจากที่ขาดงานไปไม่มีกำหนดกว่า 2 อาทิตย์ เตรการก็กลับมา...
“สวัสดีเดย์ งานเป็นไงบ้าง” เตรการถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ก็ดีคะบอส กระเป๋าตัวใหม่ของเราได้รับการยอมรับอย่างมาก ยอดขายก็มากค่ะ เดี๋ยวเดย์จะเอาเกสารไปให้ดูนะคะ” นฤมลที่ตั้งใจว่าจะตัดใจก็เป็นอันต้องล้มเลิกความคิดไปตั้งแต่เห็นหน้าชายหนุ่ม เตรการพยักหน้า
“ดีครับ ถ้าจะให้ดีผมมีเรื่องจะคุยกับคุณด้วยสองสามเรื่อง ไปคุยด้วยกันได้รึเปล่า” เตรการพูดบังคับแกมขอร้อง นฤมลพยักหน้าก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไปในห้อง
“บอสมีเรื่องอะไรจะคุยกับเดย์เหรอคะ” นฤมลถามไม่อ้อมค้อม
“เรื่อง...ที่ผมพูดอะไรไม่ได้กับคุณวันนั้น คือ...ผมเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา แล้วงานก็เยอะมาผมเลยโมโหง่ายไปหน่อย แต่ตอนนี้รับรองว่าจะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว” เตรการบอก
“แล้วบอสเคลียร์กับแฟนบอสแล้วเหรอคะ” นฤมลถามเสียงเรียบ แต่ในใจเธอมันเหมือนมีมีดมากรีดใจเธอให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
“ใช่ คือนรีเขาเป็นคนขี้น้อยใจ ผมไม่มีเวลาให้เขา งานก็เข้ามาไม่หยุด เขาก็เลยโกรธนิดหน่อย” เตรการบอก นฤมลพยักหน้า
“เขาเรียกว่างอนค่ะบอส ผู้หญิงต้องการการเอาใจใส่จากคนรักมากๆ ถ้าตอนไหนที่เธอรู้สึกว่าคุณไม่เอาใจใส่เธอ เมื่อนั้นได้มีเรื่องทะเลาะกันแน่ค่ะ” นฤมลบอกพร้อมกับฝืนยิ้ม
“เอ...ผมให้คุณเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของผมดีกว่ามั้ยเนี่ย” เตรการพูดเล่นๆ พร้อมกับหัวเราะ
และก็เป็นจริงดังคำพูดที่เคยบอกไว้ เพราะวันหนึ่ง อยู่ๆ เตรการก็มาหานฤมลถึงบ้าน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งเดินป๋อแป๋มาเลย
“บอส!!!” นฤมลอุทาน พร้อมกับพยุงชายหนุ่มไปนอนที่โซฟาแล้วรีบไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้
“...ผมรักคุณนะ...เข้าใจผมบ้างสิ...ผมรักคุณเข้าใจมั้ย” เตรการละเมอ มือเรียวบางชะงัก นฤมลรู้สึกว่าที่ขอบตาร้อนผ่าว
“บอสคะ บอส” นฤมลปาดน้ำตาทิ้งพร้อมกับเขย่าตัวชายหนุ่มให้รู้สึกตัว เตรการค่อยๆ ลืมตาขึ้นโฟกัสภาพตรงหน้าอย่างช้าๆ
“เดย์...พี่...พี่มาอยู่นี่ได้ไงคะ” เตรการถาม เอามือกุมขมับ
“บอสเมามากค่ะ ดื่มนี่ก่อนนะคะ” นฤมลกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาพร้อมกับหันหลังไปหยิบแก้วกาแฟที่เตรียมไว้มายื่นให้ชายหนุ่ม เตรการรับมาดื่มเร็วๆ แล้วยื่นแก้วกลับให้หญิงสาว
“บอสไปทำอะไรมาคะเนี่ยถึงได้เมาเป๋มาอย่างเนี่ย” นฤมลพยายามหัวเราะฝืนๆ ให้กับชายหนุ่ม
“คือ...นรี...นรีเค้ามาขอเลิกกับพี่น่ะค่ะ” เตรการบอกสีหน้าเศร้าๆ
“แหมคุณบอสเจ้าขา ไปทำอีท่าไหนเข้าคะเนี่ย แล้วไม่ไปง้อเค้าหรอคะ” นฤมลถามด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“พี่...ง้อใครไม่เป็นนี่คะ พรุ่งนี้พี่ก็ลืมได้แล้วล่ะ พี่ก็อย่างนี้แหละ” เตรการพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย นฤมลขมวดคิ้วด้วยความโกรธ และงุนงงเป็นที่สุด
“ไม่ได้นะคะบอส ถ้าบอสไม่ไปง้อเค้า บอสจะต้องสูญเสียเค้าไป ไม่มีวันได้คืนกลับมาแล้วนะคะ คนเรานะคะกว่าจะหาคนที่ตัวเองรักที่สุดได้ก็ยากมากพอแล้ว แต่ถ้าสูญเสียเขาไป การได้กลับคืนมามันยากกว่าเป็นสิบเท่าเลยนะคะ” นฤมลต่อว่าด้วยน้ำเสียงดุ เตรการเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“เอาไว้พี่จะคิดดู ถ้าพรุ่งนี้พี่ยังคิดถึงนรีอยู่ พี่จะไปง้อเค้าดีมั้ยคะ” เตรการพูดง่ายๆ นฤมลถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เธอคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ไปเผลอใจรักเขาเสียทั้งใจ
“ว่าไงคะบอส ตกลงว่าจะไปง้อเขาหรือว่าไม่ไป” พอนฤมลก้าวเข้าที่ทำงานปุ๊บ บอสหนุ่มก็ลากเข้าไปในห้องตนเองปั๊บ
“ไป...ผมยอมรับว่าผมยังคิดถึงนรีอยู่ ผมว่าผมจะขอเขาแต่งงานไปเลยจะได้หายงอน” เตรการพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดีผิดปกติ นฤมลหน้าสลดลงทันที แต่ก็รีบปั้นหน้ายิ้มให้กับชายหนุ่ม
“งั้นหรือคะ งั้นขอให้บอสโชคดีนะคะ เดย์ขอตัว” นฤมลรีบก้าวยาวๆ เพื่อออกมาจากห้องให้เร็วที่สุด กลัว...กลัวว่าน้ำตามันจะไหลออกมาให้เขาเห็น...เจ็บ...เจ็บเหมือนมีมีดมากรีดหัวใจของเธอให้เป็นเสี่ยงๆ เจ็บ...เหลือเกิน
คืนนั้นนฤมลฝากใบลาออกและจดหมายหนึ่งฉบับมากับนฤนาถบอกว่าให้ให้กับเตรการหลังจากนี้อีก 2 วัน พร้อมกับที่ตัวเองก็เก็บเสื้อผ้าขึ้นเครื่องไปที่เชียงรายทันทีโดยไม่บอกใครนอกจากนฤนาถและอมิตา 2 คนเท่านั้น ซึ่งเธอย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกใครโดยเฉพาะเตรการ
“นี่มันอะไรกันคุณนาถ” เตรการถามงงๆ เมื่อได้รับซองขาวพร้อมกับจดหมายหนึ่งฉบับจากนฤนาถ
“เดย์ฝากมาให้บอสค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วรีบเดินออกมาจากห้องเพราะกลัวคำถาม
เตรการหยิบซองสีขาวขึ้นมาเปิด ใบลาออก??? นฤมลลาออกงั้นเหรอ??? เตรการขมวดคิ้วแน่น วางใบลาออกลงแล้วหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน ลายมือตัวหนังสือสวยแบบนี้ของนฤมลแน่นอน...
ถึงพี่ไนท์
พี่ไนท์ เดย์นะคะ ไม่ต้องตกใจหรอกนะคะที่เดย์ลาออก เดย์มีเหตุผลที่ดีมากพอค่ะ ซึ่งจดหมายฉบับนี้จะเป็นจดหมายที่สำคัญมากที่สุดฉบับหนึ่งในชีวิตของเดย์
ความจริงแล้วเดย์รู้จักพี่มาตั้งแต่เดย์อยู่ ป.4 ตอนนั้นพี่ไนท์อยู่ ม.1 วันแรกที่เดย์เห็นพี่ไนท์ เดย์ก็คิดในใจทันทีเลยว่า ผู้ชายคนนี้น่ารักดี ต่อมาพี่ไนท์เคยแนะนำหนังสือให้เดย์อ่านตอนจะสอบขึ้น ม.1 เดย์ก็ประทับใจพี่ไนท์มาตลอด ถ้าพี่ไนท์จำเดย์ได้นะคะ ตอนนั้นเดย์ยังเป็น “ยัยอ้วนกลม” อ้วนๆ อยู่เลย แต่พี่ไนท์เป็นถึงผู้ชายที่
ป็อปที่สุดของโรงเรียน และถ้าพี่ไนท์ไปขอดูประวัติพนักงานของเดย์ พี่ไนท์จะได้เห็นผู้หญิงอ้วนๆ กลมๆ คนหนึ่ง นั่นแหละค่ะตัวตนที่แท้จริงของเดย์ แต่เดย์รู้คะ พี่ไนท์ไม่รังเกียจเดย์หรอกใช่มั้ยคะ เพราะยังไงเดย์ก็เป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ไนท์เสมอ เดย์กับไนท์ กลางวันกับกลางคืนไงคะ
ความรู้สึกของเดย์ คือความเป็นห่วง แคร์ความรู้สึกของพี่ไนท์นะคะ ความรู้สึกของเดย์ไม่เคยเปลี่ยน และจะไม่เปลี่ยน เดย์รู้ว่าพี่ไนท์มีคุณนรีอยู่แล้ว คนอย่างเดย์ถ้าอยากได้อะไรต้องได้เสมอ แต่เดย์คงทำร้ายพี่กับพี่นรีไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเดย์ไม่ไป เดย์จะเปลี่ยนตัวเองเป็นนางร้ายแย่งพี่ไนท์มาทันที สุดท้ายนี้ก็ขอให้รักกับพี่นรีมากๆนะคะ เจอเดย์ที่ไหนก็อย่าลืมทักน้องสาวคนนี้ด้วยนะคะ
รัก
น้องเดย์
ชายหนุ่มวางจดหมายในมือลง มือที่เคยหนักแน่นมาตลอดบัดนี้เย็นเฉียบและสั่นระริก...ภาพความทรงจำหนึ่งเล่นเข้ามาในสมอง ภาพของเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งกับเด็กหญิงที่กำลังจะสอบเข้าม.ต้น เด็กหนุ่มคนนั้นเห็นเธอเอาแต่หาหนังสืออ่านจึงเข้าไปแนะนำให้ ไม่น่าเชื่อว่านั่นคือเดย์
จริงอย่างที่เธอบอก จดหมายฉบับนี้สำคัญกับเธอจริงๆ และสำคัญกับเขาด้วย
...คนเรานะคะกว่าจะหาคนที่ตัวเองรักที่สุดได้ก็ยากมากพอแล้ว แต่ถ้าสูญเสียเขาไป การได้กลับคืนมามันยากกว่าเป็นสิบเท่าเลยนะคะ...คำพูดหนึ่งที่นฤมลเคยพูดกับเขาแว้บเข้ามาทันที ใช่...เขาไม่มีวันปล่อยให้คนที่ใช่สำหรับเขาหลุดมือไปง่ายๆ หรอก
เตรการรีบออกไปพบกับนฤนาถทันที
“คุณนาถ คุณรู้ใช่มั้ยว่าเดย์อยู่ที่ไหน” เตรการยิงคำถามทันที ทำเอานฤนาถถึงกับเหวอ
“บะ...บอสพูดอะไรคะ นาถจะไปรู้ได้ยังไง ก็เดย์เขาสั่งห้าม เอ้ย! ก็เดย์เขาไม่ได้บอกนาถไว้นี่คะ” นฤนาถรีบแก้ตัวพัลวัน เตรการมองหญิงสาวอย่างวิเคราะห์
“50% คุณนฤนาถ” เตรการพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“อะ...อะไรคะบอส” นฤนาถถามงงๆ
“ตัดเงินเดือน 50% ถามอีกครั้ง เดย์อยู่ที่ไหน” เตรการถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ในความเป็นต่อของตน นฤนาถอ้าปากค้าง ไม่นึกว่าชายหนุ่มจะมาไม้นี้...50% เดย์จ๋า นาถต้องส่งน้องเรียนตั้ง 2 คน ส่งให้พ่อให้แม่อีก...
“60 %”
“บอกแล้วค่ะบอกแล้ว...เดย์ไปเชียงรายค่ะ ไปตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อนแล้ว” นฤนาถรีบละล่ำละลักบอกทันที เตรการขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว
“ไปที่ไหน” เตรการถาม
“ไม่รู้ค่ะ” เดย์จ๋าฉันช่วยแกได้แค่นี้จริงๆ ยกโทษให้เพื่อนคนนี้ด้วยเถอะนะ
“65%” กรี๊ดดดดด!!!!!
“ไปสวนส้มค่ะบอส สวนของพ่อเดย์ค่ะ” นฤนาถรีบบอก ในใจคำนวณถึงเงินเดือนตัวเองที่ลดฮวบๆ
“สวนชื่ออะไร” โธ่บอสขา เห็นใจนฤนาถคนนี้บ้างเถอะคะ
“ไม่รู้ค่ะบอส อันนี้นาถไม่รู้จริงๆ ต้องไปถาม...ถามยัยเอ ยัยเอรู้ค่ะรู้แน่นอน” เตรการไม่รอช้าตรงไปที่โต๊ะทำงานของอมิตาที่เตรียมใจไว้แล้วทันที
“คุณเอ สวนส้มของพ่อเดย์ชื่ออะไร” เตรการคาดคั้น
“ชื่อไร่อดิศรค่ะ สวนส้มอดิศรค่ะบอส” อมิตารีบตอบทันทีด้วยเกรงจะถูกตัดเงินเดือน
“ขอบคุณ อ้อ!” เตรการนึกขึ้นได้เมื่อเดินผ่านโต๊ะของนฤนาถที่กำลังหน้าเสีย
“เดือนนี้คุณกับคุณเอจะถูกตัดเงินเดือน 10% โทษฐานที่บอกผมช้า และถ้าผมหาเดย์ไม่เจอ จะโดนตัดอีก 20%”
นฤมลกลับมาอยู่ที่สวนส้มของพ่อเธอ ตอนแรกพ่อเธอตกใจแทบแย่เวลาเห็นเธอ ท่านถึงกลับไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเธอคือนฤมล ก็ใคร๊จะไปเชื่อ จาก 75 ตอนนี้เหลือแค่ 47 จากรอบเอวเกือบ 60 ตอนนี้เหลือแค่ 25 จนเธอต้องตอบคำถาม “พิสูจน์” จนพ่อเธอพอใจ ก็เล่นถามตั้งแต่ชื่อทวด ชื่อปู่ย่าตายาย ยันพี่ป้าน้าอาต่างๆ ถามอีกแน่ะว่าชอบกินอะไร
ไปถึงได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมงดีนฤมลก็ไปตัดผม ผมหนาที่เคยเหยียดตรงดำสลวยเท่ากันทุกเส้น ถูกดัดเป็นเกลียวลอนใหญ่ๆ ผมม้าสไลด์บางๆ ปรกหน้าผาก เล็บที่เคยไร้สีถูกทาด้วยสีชมพู ด้วยผมที่ดำสนิทเป็นลอนใหญ่ๆ ซึ่งตัดกับใบหน้ารูปเรียวยาวเล็กๆ ขาวจัดที่แทบจะไม่มีเลือดฝาดที่ยุ้ยอกมานิดๆ พอน่ารัก ปากสีชมพูสวย จมูกโด่ง และดวงตากลมโตทำให้เธอได้ฉายานามใหม่ว่า “ตุ๊กตาญี่ปุ่น”
“คุณคะ หนนี้ที่ยัยเดย์กลับมา คุณว่าเป็นไงบ้าง” นริสรา แม่ของนฤมลถามกับอดิศรผู้เป็นสามี
“สวยดี น่ารักขึ้นเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลย” อดิศรตอบยิ้มๆ อย่างน้อยลูกสาวก็ไม่ขึ้นคานแล้ว
“คุณคะ” นริสราพูดเสียงดุ
“ก็ได้ ก็ได้ คุณนี่ ยัยเดย์น่ะที่ผอมก็เรื่องธรรมดาของผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นแปลก” อดิศรยอมตอบแต่โดยดี
“อันนั้นดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ แต่ผมของแกล่ะคะคุณ คุณก็น่าจะรู้ ยัยเดย์น่ะหวงผมจะตาย ไม่เคยตัด ไม่เคยดัด ไม่เคยหนีบ แต่นี่ ตัดผมม้า ดัดลอนอีกต่างหาก แล้วเล็บอีก แกบอกว่าแกไม่ชอบคนที่ทาเล็บ แต่นี่...”
“คุณ ลูกน่ะโตเป็นสาวแล้วนะความคิดอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” อดิศรบอก
“คุณ...”
“คุณแม่ขาาาาา...” คนที่ถูกวิจารณ์วิ่งลงมาจากชั้นสองหอมแก้มมารดาและบิดา แล้วนั่งลงตรงกลาง
“ไงยัยเดย์ จะมาอ้อนอะไรอีกล่ะ” อดิศรพูดอย่างรู้ทัน นฤมลทำแก้มป่อง
“คุณพ่ออ่ะ รู้ไปหมดเลย คือ เดย์จะมาขอไปขี่จักรยานเล่นในสวนคะ นะค้า นะค้าคุณพ่อขา คุณแม่ขา” นฤมลออดอ้อน พร้อมกับทำตาปริบๆ มุขที่มักใช้ได้ประจำเสมอ
“ก็ได้ๆ แต่ต้องให้อรุณกับวาไปด้วย”
15 นาทีต่อมาเธอก็มาขี่จักรยานสีชมพูที่ไม่เคยได้ขี่มาก่อน (เพราะตัวเธอใหญ่เกินไป) พร้อมกับอรุณ หรืออรุณมาศ พี่สาวคนโตของเธอที่เพิ่งแต่งงานไปหมาดๆ เมื่อ 2 เดือนก่อน และทิวา หรือทิวากาล น้องชายคนเล็ก ที่กำลังเรียนอยู่ปี 4 วิศวะคอมพิวเตอร์
สมัยก่อนเวลาอรุณมาศกับทิวากาลมาขี่จักรยานกัน เธอจะต้องอยู่บ้านทั้งที่ใจอยากมาขี่ด้วยใจจะขาด แต่เนื่องจากกลัวว่าจักรยานมันจะพังไปเสียก่อนจึงไม่ได้ขี่ อรุณมาศและทิวากาลไม่ได้อ้วนเหมือนอย่างเธอ สาเหตุที่นฤมลเป็นคนอ้วนก็เพราะตอนเด็กจนถึง ม.6 ต้องกินยาชนิดหนึ่งเป็นประจำ และยาตัวนั้นก็ทำให้เจริญอาหารมากเป็นพิเศษ แม้เลิกไปก็ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ซักที แต่วันนี้ เธอได้ขี่แล้ว!!!
“ไม่อยากจะเชื่อเลย จาก 80 เหลือ 45 ทำได้ไงเนี่ย” ทิวากาลถามขณะขี่จักรยาน
“ได้คอร์สดีไงล่ะ 3 อาทิตย์ได้ 30 โล” นฤมลได้ทีคุย
“แล้วอย่างนี้ไม่มีหนุ่มไหนมาจีบบ้างเหรอเนี่ย” อรุณมาศแซว นฤมลหน้าสลดลงทันที
“น่าแปลกเนอะ ไม่เห็นมี” นฤมลพูดเสียงเศร้า
“นี่พี่เดย์ วาจะบอกอะไรให้พี่น่ะน่ารักกว่าดาวมหาลัยเป็นสิบเท่า ไม่ต้องกลัวขึ้นคาน” ทิวากาลกวน
“เน่ะ ไอ้วา ชมอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องพูดไอ้ประโยคสุดท้ายออกมา” นฤมลแหว
“โทษคร้าบ”
“ว่าแต่ยัยเดย์เถอะ แกก็เหมือนกันแหละว้าไอ้วา ไอ้พวกที่ยังไม่มีแฟนน่ะ” อรุณมาศเหน็บ
“เออ ตัวเองแต่งงานแล้วนี่ กับพี่พันธรัฐสุดหล่อ” ทิวากาลแดกดัน
“แน่นอนแฟนฉันหล่อ”
“ใครมาน่ะคุณ” นริศรามองตามรถสปอร์ตสีขาวที่วิ่งเข้ามาในสวนตรงจอดเข้ามาบริเวณลานหน้าบ้าน ชายหนุ่มในชุดสูท ท่าทางมีภูมิฐานดีเปิดประตูลงจากรถ ตรงเข้ามาในบ้าน
เตรการเข้าไปในบ้านเมื่อเห็รว่าอดิศรและนริศรานั่งอยู่ก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณอดิศร คุณนริศรา ผมมาหาเดย์ครับ” เตรการรีบแจ้งธุระที่มาทันที อดิศรพิจารณาหนุ่มตรงหน้า ตั้งแต่ผมสีดำ ไปจนถึงถุงเท้าสีดำที่เขาใส่
“มีธุระอะไรรึเปล่า เดย์ไม่อยู่” นริศราชิงพูดขึ้นก่อน
“ผมมีเรื่องสำคัญมากๆ ต้องบอกเดย์น่ะครับ และต้องโดยด่วนด้วยครับ เดี๋ยวไม่ทันผมต้องรีบไปประชุมต่อ” เตรการบอกอย่างร้อนใจ
“รีบแค่ไหนล่ะพ่อหนุ่ม” อดิศรถาม
“ผมมีเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงเองครับ” เตรการบอก
“งั้นคงไม่ทันหรอก อีก 3-4 ชั่วโมงแหละกว่าจะกลับ” นริศราพูดตัดความหวัง เตรการหน้าสลดทันที
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอดูซักพัก” เตรการตัดสินใจ
ตืดดดด ตืดดดด
เตรการเลี่ยงออกไปข้างนอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“เตรการพูดครับ...อะไรนะ! เลื่อนประชุมมาเป็นเที่ยง...ติดต่อนพฤกษ์บอกให้เขาไปแทนผม” เตรการวางสายด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น และกลับเข้าไปรอในบ้าน ทีนี้เขาก็มีเวลารอได้ทั้งวัน
“คราวนี้ผมรอทั้งวันก็ได้ครับ” เตรการบอกใบหน้าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“คุณคะ มานี่หน่อย” นริศรากระซิบเรียกอดิศร สองสามีภรรยาเดินเข้าไปในครัว พร้อมกับปิดประตู
“ผู้ชายคนนั้น ที่ชื่อเตรการน่ะ ดิฉันไม่ค่อยไว้ใจเลย” นริศราเอ่ย
“โถ่คุณ จะเอาอะไรอีก หน้าตาก็หล่อ กิริยามารยาทรึก็ดี ภูมิฐานก็น่าจะดูเป็นคนมีฐานะ ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่ไม่น่าไว้ใจซักนิด” อดิศรกล่าว
“แต่คุณคะ ท่าทางของนายเตรการคนนั้นก็บอกอยู่แล้วว่าคงไม่ใช่แค่เพื่อนของยัยเดย์หรอก ถ้าเกิดคนๆ นี้เป็นแฟนของยัยเดย์ คุณสมบัติแค่นี้น่ะไม่พอหรอกค่ะ” นริศราสะบัดเสียงอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
“แล้วคุณจะดูอะไรอีก” อดิศรถามอย่างอ่อนใจ คราวที่แล้วนายทิวาระ ลูกเขยคนแรกไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย เฮ้อ ภรรยาสุดที่รักเขาจะมาไม้ไหนอีกนะ
“ก็ดูว่าเขารักลูกฉันจริง ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกฉันได้รึเปล่าน่ะสิ” นริศราตอบ แล้วออกไปจากครัว ส่วนอดิศรก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาอย่างว่าแหละนะ ก็ยัยเดย์มันลูกสุดที่รักนี่
“นี่พ่อหนุ่ม ชื่อเตรการใช่มั้ย เป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ” นริศราเริ่มยิงคำถาม
“คุณพ่อชื่อเทวปราชญ์ครับ ส่วนคุณแม่ชื่อวิมลวรรณครับ” เตรการตอบอย่างยินดี
“แล้วทำงานอะไรล่ะ รายได้ต่อปีของครอบครัวเท่าไหร่ มีพี่น้องกี่คน” นริศรารัวคำถามเป็นชุด
“คุณพ่อทำงานเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในอเมริกาครับ ส่วนคุณแม่ทำเกี่ยวกับโรงแรมรีสอร์ท อยู่ที่แถบภาคใต้ครับ ส่วนผมทำงานในบริษัทส่งออกกระเป๋าและเสื้อผ้าครับ รายได้ต่อปีผมไม่เคยได้รู้หรอกครับ เพราะคุณแม่จะเป็นคนดูแลเกี่ยวกับการเงินของครอบครัวให้ ผมเป็นลูกคนเดียวครับ ไม่มีพี่น้อง” เตรการไล่ตอบคำถามครบทุกคำถาม
“นามสกุลอะไรล่ะ เผื่อจะรู้จัก” นริศราเริ่มเสียงอ่อนลง ก็แหมประวัติดีซะขนาดนั้น
“เทวอดิศวรครับ เป็นนามสกุลครอบครัวเล็กๆ ไม่ค่อยมีใครรู้จักหรอกครับ” เตรการรีบออกตัวไว้ก่อน
“อืม เคยได้ยินเหมือนกัน” เคยได้ยินอะไรเล่า รู้จักเลยล่ะ ในวงการธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท ใครจะไม่รู้จักคุณหญิงวิมลวรรณ เทวอดิศวร ที่มีรายได้เข้ากระเป๋าไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านต่อปี ไหนจะเทวปราชญ์อีกเห็นว่าในวงการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขาเป็นที่นับหน้าถือตามาก เพราะเป็นบริษัทใหญ่ที่ส่งออกทั่วโลก ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว
“แล้วจะมาหาเดย์เรื่องอะไรล่ะ” นริศราเสียงอ่อนลงมากขึ้น เทใจให้ชายหนุ่มไปกว่าครึ่ง
“มาตามพนักงานหนีงานกลับไปทำงานครับ” เตรการพูดแล้วยิ้ม นริศราขมวดคิ้ว ไม่มั้ง...
“แล้วก็มาอธิบายอะไรบางอย่างให้พวกคนที่เข้าใจอะไรยากฟังน่ะครับ” เตรการรีบต่อ นริศรายิ้ม
“ยัยเดย์ก็อย่างนี้แหละ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรง่ายๆ หรอก อยากได้อะไรก็ต้องได้ตลอด จนบางทีต้องไปแย่งของคนอื่นเขามา บางทีเวลาอยากได้มากๆ แต่ก็ไม่อยากแย่งคนอื่นก็หนีไปเลยก็มี บางทีก็วิ่งเข้าห้องไปกรี๊ดๆๆ” นริศราเล่าไปหัวเราะไป
“จริงครับ นี่ก็หนีมา ทิ้งไว้แค่จดหมายลาออก ผมตกใจแทบแย่เลยรีบถามมา...”
อดิศรที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆ มาเลยออกไปดู ก็เห็นภรรยาของตนนั่งคุยไปหัวเราะไปกับเตรการอย่างสนุกสนาน...เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่ไว้ใจอยู่เลยนี่นา??
“นี่ก็ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมาอีก กลับมาถึงบ้านก็เข้าร้านทำผม ทาเล็บยกใหญ่ ปกติยัยเดย์น่ะหวงผมกับเล็บอย่างกับอะไรดี ผมก็ไม่เคยหนีบ เล็บก็ไม่เคยทา แต่นี่ทั้งทำผมทั้งทาเล็บ ป้าก็งง” นริศราเริ่มเปลี่ยนสรรพนามจาก ‘ฉัน’ มาเป็น ‘ป้า’ เพื่อให้ดู ‘สนิทกันมากขึ้น’
“เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ แล้วเดย์กลับมาที่นี่บ่อยมั้ยครับ” เตรการเริ่มถามบ้าง
“ก็แล้วแต่ บางทีก็สองเดือนครั้ง บางทีก็สามเดือนครั้ง ครั้งนี้กลับมาป้าก็งงแทบแย่ เป็นคนละคนเลย คิดดูลดไปเกือบ 25 โล ยัยเดย์เค้าเป็นโรคภูมิแพ้ ต้องกินยาตลอด เพิ่งมาเลิกตอน ม.6 ผลของยาทำให้อ้วน ก็เลยลดไม่ได้เลย นี่ก็ขี่จักรยานไปกับอรุณกับทิวเห็นบอกว่าจะไปดูสวนส้ม แต่ป้าว่าคงไปเยี่ยมเพื่อนสนิทแถวนี้มากกว่า” นริศราเริ่มพูดคุยสนิทสนมมากขึ้น
“ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันครับ ยังตกใจอยู่เลยว่าเป็นคนๆ เดียวกันรึเปล่า” เตรการเริ่มได้ใจมากขึ้น กำแพงพังทลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“เดย์น่ะเขาเป็นลูกสาวสุดที่รักของป้า ป้ากะว่าจะไม่ให้เขาแต่งงาน เพราะกลัวเขาจะเสียใจ คิดว่าเดย์ก็ไม่อยากแต่งด้วย ส่วนใหญ่พวกที่มาสู่ขอก็หวังพวกธุรกิจ ไม่ได้รักชอบอะไรกัน สุดท้ายยัยเดย์จะเป็นฝ่ายเสียใจ” นริศราเริ่มจับได้ในน้ำเสียงของชายหนุ่มรางๆ ว่าเขาเริ่มได้ใจจึงกล่าวตัดรอนไว้ก่อน เตรการหน้าสลดลงทันที
“คุณป้าคงหวงลูกสาวมากนะครับ ผมชอบคุณป้านะครับ มีลูกผู้หญิงก็ต้องหวงเป็นธรรมดา แถมยังไม่ยอมยกให้พวกที่มาสู่ขอเพราะธุรกิจอีก ไว้ผมมีข่าวดีเมื่อไหร่จะบอกคุณป้าเป็นคนแรกนะครับ” เตรการบอก นริศราเอ๋อรับประทานสิครับ เมื่อกี้ยังทำท่าว่าจะมาสู่ขอลูกสาวท่านอยู่เลย นี่มาพูดอย่างนี้ซะแล้ว...
“อะ...จ๊ะ อ้าว! นั่นไงเดย์มาพอดี” เตรการหันไปมองตามสายตาของนริศรา ยัยเดย์นี่น่ารักขึ้นทุกวันเลยแฮะ ทำผมแบบนี้ยิ่งน่ารัก ที่คาดผมรูปโบสีแดงก็ยิ่งทำให้น่ารักมากไปใหญ่ นี่เธอจะทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำเลยรึไงกันเนี่ย...
“แม่คะ ใครมาหาคะเนี่ย เดี๋ยวคุณพ่อเห็นเข้าไม่ดีนะคะ” อรุณมาศแซวมารดาตัวเอง สามพี่น้องนั่งที่โซฟาเล็ก 3 ตัวที่เรียงติดกันเป็นที่นั่งประจำโดยมีนฤมลนั่งกลาง และเธอกำลังมองมาที่ชายหนุ่มด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้
“บะ...บอส” นฤมลเรียกเบาๆ
“คุณนฤมล คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะลาออกด้วยเหตุผลไม่เข้าท่าอย่างนั้น อะไรที่คุณอยากได้คุณก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปแย่งใคร” เตรการพูดเสียงขรึมต่างจากเมื่อครู่จนนริศราต้องมองด้วยความตกใจ
“ผมมาตามคุณกลับไปทำงาน ไม่ต้องเถียง ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” เตรการดักคอ ดูเหมือนนฤมลจะเอ๋อไปแล้ว ได้แต่มองชายหนุ่มตามปริบๆ โดยมีผู้สังเกตการณ์ทั้ง 4 (รวมถึงอดิศรที่แอบแง้มประตูดูด้วย)
“พะ...พี่ไนท์” เดย์พูดเสียงแผ่ว คราวนี้เตรการยิ้มออกได้
“กลับไป ห้ามปฏิเสธ” เตรการลุกขึ้นทำท่าจะลุกไปดึงหญิงสาวขึ้น
“คุณป้าจะว่าอะไรมั้ยครับ ถ้าผมจะขอตัวลูกสาวคุณป้าไปกับผม” เตรการพูดมาดเข้มขึ้น เป็นทางการขึ้น จนนริศราเริ่มงง
“ต้องถามเจ้าตัวเอง ป้าไม่เกี่ยว” เตรการหันไปมองหญิงสาว
“ว่ายังไง ตกลงมั้ย” เตรการถาม นฤมลยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“ตกลงค่ะ บอส” นฤมลตอบ แล้วผินหน้าไปทางมารดา
“แม่คะ เดย์จะรีบกลับนะคะ เดย์ขอไปเคลียร์อะไรบางอย่างให้เสร็จก่อน”
“เดย์คะ ทำไมถึงไม่บอกพี่ล่ะคะ” เตรการจับมือหญิงสาวมากุมไว้ขณะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ
“ก็พี่ไนท์มีแฟนอยู่แล้วนี่คะ แล้วอีกอย่างพี่ไนท์ก็บอกเองว่าเห็นเดย์เป็นแค่น้องสาว” นฤมลตอบ
“เมื่อก่อนใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่” เตรการบอกเสียงหวาน
“แล้วคุณนรีล่ะคะ พี่ไนท์บอกเองว่าจะกลับไปขอเขาแต่งงานไม่ใช่เหรอ แถมวันนั้นตอนเมายังเพ้อเรียกเขาอีก” นฤมลพูดงอนๆ
“พี่เพ้อว่าไงคะ” เตรการถามไม่สะทกสะท้าน
“ผมรักคุณ เข้าใจผมบ้างสิ ผมรักคุณเข้าใจมั้ย...แถมยังเมาเพราะเรื่องคุณนรีอีก” นฤมลเหน็บชายหนุ่ม เตรการยิ้มให้กับความหึงของหญิงสาว ชอบนะเนี่ยที่เธอหึงเขาแบบนี้
“วันนั้นนรีมาบอกเลิกพี่จริงค่ะ...แต่ที่พี่ดื่มมากขนาดนั้นเพราะเดย์นั่นแหละ” เตรการจับศีรษะหญิงสาวโคลงไปมา
“เดย์ไปเกี่ยวอะไรด้วยคะ” นฤมลถาม
“ก็วันนั้นนายนพเขาให้ดอกไม้เดย์นี่คะ พี่เลยหึง แต่ทำอะไรไม่ได้เลยต้องไปดื่ม ดื่มเครื่องดื่มที่พี่ไม่ได้ดื่มมาเป็นสิบปีก็เพราะเดย์นั่นแหละ ส่วนเรื่องที่พี่บอกว่าจะไปตามง้อนรีก็เพราะ...พี่อยากให้เดย์สบายใจ ไม่อยากให้เดย์มาเป็นทุกข์เป็นร้อนเรื่องของพี่ แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้นี่คะว่าเดย์...รักพี่” เตรการบีบจมูกหญิงสาวเล่น
“ขี้ตู่ เดย์ยังไม่ได้บอกเลยว่ารัก แค่บอกว่าความรู้สึกไม่เปลี่ยน แค่ปลื้มค่ะ” นฤมลรีบแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“แล้วที่บอกว่าจะแปลงร่างเป็นนางมารร้ายแย่งพี่มานี่หมายความว่าอะไรคะ” เตรการยิ้มอย่างเป็นต่อ นฤมลพยายามคิดคำแก้ตัว แต่ยิ่งแก้ไปก็ยิ่งกลับมาแทงตัวเองเธอจึงตัดสินใจหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง และหลับตาเลย
“อ้าว! อย่าโกงสิคะ” เตรการร้องเรียก ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วหอมแก้มหญิงสาวไปทีหนึ่ง
“เอ๊! นี่แน่ะ ฉวยโอกาส” นฤมลระดมฟาดฝ่ามืออรหันต์เข้าตามลำตัวชายหนุ่ม เตรการหลบมือหญิงสาวพัลวัน และฉวยโอกาสนี้จับมือเธอมาจูบ นฤมลชักมือออกราวกับโดนน้ำร้อน มองชายหนุ่มตาเขียวปั้ด
“ไม่คุยด้วยแล้ว” นฤมลเอาเสื้อคลุมมาคลุมแล้วหันออกไปนอกหน้าต่าง
“พี่ไนท์จะพาเดย์ไปไหนคะ นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านเดย์นี่” นฤมลออกไปนอกกระจกรถ
“ไปบ้านพี่ค่ะ คุณพ่อคุณแม่รออยู่ คุณพ่อลงทุนกลับมาจากอเมริกาเลยนะเพื่อมาดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้เลยล่ะค่ะ” เตรการบอก นฤมลหน้าขึ้นสีทันทีเมื่อฟังชายหนุ่มตอบ ไม่ยอมหันกลับมาสบตาด้วย
“แต่คุณพ่อคุณแม่พี่ก็หวงลูกชายเหมือนกันน้า เดย์ท่าทางจะเจอศึกนักแล้วล่ะค่ะ” เตรการแหย่หญิงสาว
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ไม่ได้แต่ง ก็ไม่ต้องแต่งก็จบ” นฤมลตอบชายหนุ่มง่ายๆ
“อ้าว!” เตรการร้องเสียงหลง
“แล้วคุณนรีเขาทำยังไงล่ะคะ” นฤมลถามลอยๆ
“แฮะๆ พี่ยังไม่เคยพานรีมาพบคุณพ่อเลยคะ มีแต่คุณแม่ที่รู้จักนรี ส่วนคุณพ่อก็รู้แค่ว่าพี่คบกับนรีอยู่ แต่ไม่เคยเห็นหน้า” เตรการตอบ พลางยิ้มแหยๆ
รถตู้เลี้ยวเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาว ซึ่งมีลานหน้าบ้านกว้างซะยิ่งกว่ากว้าง มีทั้งน้ำพุ ต้นไม้เป็นร้อย ดอกไม้ที่บานสะพรั่ง รถตู้จอดสนิทอยู่หน้าบ้าน คนขับรถวิ่งมาเปิดประตูรถให้ พร้อมกับที่สาวใช้คนหนึ่งวิ่งออกมารับ
“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายรออยู่ในบ้านค่ะ” สาวใช้บอก เตรการพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะจับมือเดินตามเข้าไปในบ้าน ตามด้วยนฤมลที่เดินตามไปติดๆ
นฤมลวันนี้อยู่ในชุดแขนตุ๊กตาสีฟ้า กับกระโปรงสีชมพูที่ยาวคลุมเข่าเพื่อให้ดูเรียบร้อยขึ้น ความประทับใจต้องเป็นอย่างแรกเมื่อพบกัน เธอถือคตินี้ไว้เสมอ
เมื่อเดินเข้าไป เธอก็พบกับหญิงชายท่าทางดุๆ และจริงจังสองคนนั่งอยู่ที่โซฟากลางบ้าน จ้องเขม็งมาที่เธอแลละเตรการ บอกตามตรงว่าเธอกลัว และหวั่นใจไม่น้อย
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ นี่เดย์ครับ” เตรการยกมือไหว้และแนะนำตัวเธอ นฤมลพนมมือสวัสดีอย่างสวยงามให้กับชายหญิงทั้งสอง ที่รับไหว้เช่นกัน
“นั่งก่อนสิ” เทวปราชญ์บอก เตรการเดินไปนั่งที่โซฟาข้างขวา และนฤมลนั่งต่อจากเขา
“ดื่มอะไรก่อนสิ” คุณหญิงวิมลวรรณกล่าว
“ผมขอเป็นกาแฟแล้วกันครับ แล้วเดย์ล่ะคะดื่มอะไร” เตรการหันไปถามหญิงสาว
“น้ำเปล่าแล้วกันคะ” นฤมลตอบ วิมลวรรณถึงกับแปลกใจ เธอคาดหวังว่าจะได้ยินหญิงสาวตอบว่า ‘น้ำส้มคะ’ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ เห็นทีเธอต้องมองผู้หญิงคนนี้เสียใหม่ หลังจากรอให้น้ำมาเสิร์ฟ วิมลวรรณก็ชวนคุย
“ชื่อเดย์เหรอ ชื่อจริงชื่ออะไรล่ะ”
“นฤมลค่ะ” หญิงสาวตอบ
“เป็นลูกใครกันล่ะแม่หนู” เทวปราชญ์ถามบ้าง
“คุณพ่อชื่ออดิศรค่ะ ส่วนคุณแม่ชื่อนริศราค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยท่าทีที่ไม่ประหม่าจนเป็นที่สังเกต
“ทำงานอะไรล่ะ แล้วอยู่ที่ไหน” วิมลวรรณยิงคำถามต่อทันที
“คุณพ่อทำไร่ส้มที่เชียงรายค่ะ ส่วนคุณแม่ก็ขยายพันธุ์กล้วยไม้หายากเป็นงานอดิเรก แต่งานจริงๆ ก็เปิดรีสอร์ทธรรมชาติค่ะ” หญิงสาวตอบฉะฉาน
“แล้วเจอกันได้ยังไงล่ะ” วิมลวรรณถามต่อ
“เดย์รู้จักกับพี่ไนท์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันนัก มารู้จักกันจริงๆ ตอนที่ทำงานแล้วค่ะ” การสนทนาหยุดไประยะหนึ่งเมื่อคนใช้นำกาแฟและน้ำเปล่ามาเสิร์ฟ
“เรียนจบอะไรมาล่ะ” เทวปราชญ์ถาม
“จบปริญญาตรีด้านการบริหารค่ะ กำลังทำเรื่องเรียนต่อปริญญาโท” นฤมลตอบ เธอรู้ว่าถ้าคนหนึ่งถาม อีกคนหนึ่งต้องคอยพิจารณาการตอบของเธออยู่เสมอ
“อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“24 ค่ะ” คราวนี้เธอมองวิมลวรรณกลับบ้างโดยไม่หลบสายตา
“อืม งั้นเย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันสิ ลัก ขอเมนูอาหารหน่อยจ๊ะ” สาวใช้ที่ชื่อลักยื่นเมนูอาหารวิมลวรรณ
“เมนูวันนี้ขอเป็นฟัวกราชีส เนื้อแกะผัดซอสแล้วกัน ของหวานเป็นทับทิมกรอบ เครื่องดื่มเป็น
ไวน์แดง แชมเปนแล้วก็น้ำเปล่า” วิมลวรรณสั่งรวดทีเดียว เธอต้องการจะทดสอบหญิงสาวในการเข้าสังคม สังคมที่เต็มไปด้วยระเบียบ และแอลกอฮอล์
รอไม่นานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โต๊ะอาหารก็ถูกจัดเรียบร้อย โดยมีเทวปราชญ์นั่งหัวโต๊ะ ข้างซ้ายคือเตรการ และข้างขวาคือวิมลวรรณ ส่วนนฤมลนั่งถัดจากเตรการ ตรงหน้าเธอคือฟัวกราที่ทำเป็นทรงกระบอก 1 ชิ้นราดด้วยน้ำชีส นฤมลงัดเอาวิธีการทานอาหารในสังคมที่แม่เธอเคยสอนมาใช้ หลังจากที่จานแรกหมดไป ก็ต่อด้วยเนื้อแกะผัดซอสที่ค่อนข้างเผ็ด แต่อาหารไทยก็เผ็ดกว่าเยอะ ส้มตำพริก 10 เม็ดยังเคยกินมาแล้ว เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก
เมื่ออาหารคาวถูกจัดการเรียบร้อย ก็ต่อด้วยอาหารหวาน ซึ่งก็คือทับทิมกรอบ
“เป็นไงจ๊ะ อาหารที่นี่ถูกปากมั้ย” วิมลวรรณถามขึ้นเมื่อถ้วยทับทิมกรอบถูกยกออกไปเรียบร้อย
“ค่ะ อร่อยมากค่ะ แต่ค่อนข้างมัน และเค็มไปหน่อยค่ะ” นฤมลตอบตามตรง ทำเอาสองสามีภรรยาเทวอดิศรแปลกใจไปตามๆ กันที่หญิงสาวกล้าพูดเช่นนี้
“มีอะไรหรือจ๊ะ” วิมลวรรณถาม
“การทานมัน และเค็มเกินไปเป็นผลทำให้เส้นเลือดตีบได้ง่ายค่ะ เดย์จึงหลีกเลี่ยงไว้ก่อนค่ะ” นฤมลตอบ
“ก็จริง การรักษาสุขภาพของตัวเองดีที่สุด หนูพูดถูกคราวหลังฉันคงจะต้องไปสั่งคนครัวไว้บ้าง” วิมลวรรณบอก รู้สึกเอ็นดูหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาเป็นกอง
“ปกติหนูออกงานสังคมบ่อยรึเปล่า” เทวปราชญ์ถาม
“ก็ ไม่ได้ออกหรอกค่ะ ส่วนใหญ่พี่สาวกับน้องชายจะออกมากกว่า เพราะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่เดย์มาอยู่ที่กรุงเทพฯ คนเดียว” นฤมลตอบ รู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองมากขึ้น
“แต่คราวนี้เห็นทีต้องออกบ่อยขึ้นเยอะเลยนะ” เทวปราชญ์เอ่ย เตรการฟังดังนั้นก็ยิ้มหน้าบานทันที
“ทำไมเหรอคะ” นฤมลถาม
“เอ้า! ก็ภรรยาของนักธุรกิจใหญ่ งานสังคมก็ต้องเยอะเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่นะ” เทวปราชญ์ขยายความทำเอาหญิงสาวอึ้ง มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ???
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันกับคุณวิมลวรรณจะไปพบพ่อกับแม่ของหนูเพื่อตกลงเรื่องสินสอด แล้วจะได้ไปดูฤกษ์แต่งงานเลย” คราวนี้นฤมลถึงกับเกือบจะเผลออ้าปากค้างเสียแล้ว
“บอกตามตรง หนูทำให้ฉันประหลาดใจ และประทับใจมาก ฉันก็เข้าสังคมมามาก ไม่ค่อยมีใครกล้าวิจารณ์อะไรตรงๆ โดยจะไม่เกิดความโกรธกันขึ้นหรอกนะจ๊ะ แต่หนูก็กล้าที่จะทำ ตรงนี้ที่ฉันประทับใจ” วิมลวรรณพูดพร้อมกับยิ้มให้
“ฉันก็บอกเลยว่า หนูเป็นคนที่เพียบพร้อมสำหรับไนท์มาก ทั้งเรื่องหน้าตา มารยาท การพูดโต้ตอบกับคนแปลกหน้า การเข้าสังคม และการที่ทำให้คนอื่นสามารถประทับใจในตัวเองตั้งแต่แรกพบ หนูทำได้ดีมาก” เทวปราชญ์ออกปากชม
“ใช่จ๊ะ ตอนแรกฉันนึกว่าหนูอายุไม่น่าจะเกิน 20 ซะอีก เห็นน่าตาเด็กมากๆ เลยถามอายุดู กลัวว่าเจ้าไนท์จะไปหลอกเด็กเข้า” วิมลวรรณหัวเราะเบาๆ นฤมลมองเทวปราชญ์และวิมลวรรณอย่างแปลกใจ หญิงสาวมาดดุเมื่อครู่หายไปไหนเสียแล้วล่ะ
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง” นฤมลยกมือไหว้
“เรียกว่าแม่ก็ได้จ๊ะ” วิมลวรรณบอกอย่างเอ็นดู
“ใช่เรียกว่าพ่อกับแม่ก็ได้ ไหนๆ ก็จะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่” เทวปราชญ์เสริม
“ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่”
“แล้วคืนนี้พักที่ไหนล่ะจ๊ะ พักที่นี้มั้ย” วิมลวรรณชวน
“ไม่ดีกว่าค่ะคุณแม่ เดย์จะไปพักที่บ้าน พักที่นี่คงไม่เหมาะเท่าไหร่” นฤมลปฏิเสธโดยใช้เหตุผลเข้าช่วย
“งั้นให้ไนท์ขับรถไปส่งแล้วกัน”
“เข้ามาก่อนสิคะพี่ไนท์” นฤมลชวน เตรการเดินเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้ม
“บอกตามตรง พี่อึ้งไปเลยพี่คุณพ่อคุณแม่ยอมง่ายขนาดนี้” เตรการบอกขณะนั่งลงที่โซฟา
“เดย์ก็แปลกใจมาก แต่ตอนแรกก็กลัว พ่อกับแม่พี่ดูท่าทางจะดุน่าดู” นฤมลกล่าว แล้ววางแก้วน้ำเปล่าให้ชายหนุ่ม
“แต่ถึงยังไง เราก็ต้องได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว...ใช่มั้ยคะ เราคือส่วนเติมเต็มให้กันและกันนี่คะ เดย์กับไนท์ กลางวันกับกลางคืน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป โลกก็ไม่อาจะเป็นโลกที่สมบูรณ์ได้” เตรการลุกขึ้นประจันหน้ากับจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว
“เหมือนกับพี่ ที่หากขาดเดย์ไป พี่ก็คงจะเหมือนคนที่ไม่เต็มคน เหมือนจิ๊กซอที่มีชิ้นหนึ่งหายไป เหมือนกับท้องฟ้ายามไร้แสงจันทร์ กลางคืนก็จะเป็นกลางคืนที่หม่นหมอง และมืดมิด พี่ยังไม่เคยบอกเดย์เลยนะคะ พี่รักเดย์ รักมากจนไม่อาจขาดเดย์ไปได้ แต่งงานกับพี่นะคะ” หญิงสาวขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาคลอปริ่มในดวงตาคู่โต
“ค่ะ เดย์ก็รักพี่ไนท์ค่ะ” เตรการสวมกอดหญิงสาวด้วยความรักใคร่
“นี่ ขอหลักประกันให้พี่หน่อยสิคะ” นฤมลผละออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มมองเขาด้วยแววตาสงสัย
“อะไรคะ” นฤมลถาม
“ขอให้พี่นะคะ หลักประกันหัวใจ” เตรการบอก พลางก้มลงมาประทับริมฝีปากของหญิงสาว...นฤมลรู้สึกอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขา รสจูบที่เร่าร้อน เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของชายหนุ่ม...
“พอประทังชีวิตต่อไปได้อีกอาทิตย์นึงเลยค่ะ”
“นี่แหละคะสวนของคุณพ่อ ท่านได้ที่ดินว่างเปล่ามาจากคุณปู่ คุณพ่อท่านเลยเสียดายที่ดินจึงปลูกส้มน่ะค่ะ” นฤมลอธิบายเมื่อรถแล่นผ่านสวนส้มที่ปลูกไว้เป็นร้อยๆ ไร่
รถตู้สีเทาแล่นมาจอดสนิทที่ทางเข้าหน้าบ้าน คนขับรถลงมาเปิดประตูให้ นฤมลเดินออกไปก่อน ตามด้วยเตรการ วิมลวรรณและเทวปราชญ์ท้ายสุด
นริศรา อดิศร อรุณมาศและทิวากาลเดินออกมานอกบ้าน ด้วยสีหน้างง
“คุณแม่คะ นี่คือคุณหญิงวิมลวรรณ กับคุณเทวปราชญ์ เป็นคุณพ่อและคุณแม่ของพี่ไนท์ค่ะ” นฤมลแนะนำ วิมลวรรณและเทวปราชญ์ยิ้มให้กับทั้ง 4
“เชิญข้างในก่อนค่ะ” นริศราผายมือเชิญแขกเข้าไปในบ้าน
“เข้าเรื่องกันเลยนะครับ ผมเทวปราชญ์ และวิมลวรรณ ในฐานะพ่อและแม่ของเตรการจะมาขอสู่ขอหนูนฤมลให้กับเตรการ ส่วนสินสอดจะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ว่ากัน” เทวปราชญ์บอก ทำเอาอดิศรและนริศรึ้งไปพักหนึ่ง
“อะ...เอ่อ...หมายความว่าไงคะ” นริศราถามอย่างงงๆ
“ผมจะมาสู่ขอลูกสาวคุณให้ลูกชายผมน่ะครับ เรื่องสินสอดไม่ต้องห่วงครับ เรียกเท่าไหร่ก็ได้” เทว
ปราชญ์พูดซ้ำอีกรอบ
“สู่ขอ เดย์ให้เตรการ...” นริศราดูท่าทางจะปวดหัวตึบ
“ว่าไงครับ ตกลงรึเปล่าครับ” เทวปราชญ์เร่ง
“ถ้า...ถ้าเด็กรักกันผมก็ไม่มีปัญหา ส่วนสินสอด เราไม่ได้คิดจะเรียกอยู่แล้ว ทางคุณก็ช่วยจัดให้เหมาะสมด้วยแล้วกัน” อดิศรตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นบ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง เครื่องเพชรเซตใหญ่ 2 ชุด รถ 1 คัน แหวนประจำตระกูล 1 วง เงินสด 50 ล้านน่าจะเหมาะสมดีนะคะ” วิมลวรรณกล่าว
“ส่วนงานก็จัดที่นี่เป็นประเพณีไทยในวันที่ 18 แล้วไปจัดงานในโบถ์ที่กรุงเทพฯ วันที่ 19 ทางนู้นผมจะจัดสถานที่ไว้ให้ ทางนี้ก็ช่วยดูแลให้ด้วยนะครับ” เทวปราชญ์บอก
“ดิฉันไปดูฤกษ์แต่งมาแล้ว วันที่ 18-19 เดือนหน้าฤกษ์ดีที่สุด” วิมลวรรณรีบบอก
“ส่วนชุดแต่งงานให้เจ้าสาวเลือกแบบได้เลยนะคะ แล้วส่งแบบไปที่เมล์ที่ดิฉันให้ไว้ เวลาไม่ถึง 1 เดือนนี้รับรองว่างานออกมาดีที่สุดแน่นอนค่ะ” วิมลวรรณดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก ผิดกับนริศราและอดิศรที่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก นอกจากตกใจเท่านั้นที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเร็วเหลือเกิน
“คือพวกเราใจร้อนน่ะค่ะ มีลูกชายกับเขาแค่คนเดียว พ่อแม่ก็อยากจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา คุณคงไม่ว่าอะไรนะคะ” วิมลวรรณรีบป้องกันตัวทันที
“ดิฉันเข้าใจคะ ตอนที่อรุณแต่งดิฉันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน”
เช้าวันต่อมา วิมลวรรณก็นำซีดีคอเล็กชั่นชุดเจ้าสาวมาให้นฤมลเลือก ซึ่งส่วนใหญ่เธอไม่ได้เลือกหรอก คนนี้ต่างหาก...
“เดย์คะ พี่ว่าเปลี่ยนเป็นเกาะอกสวยกว่านะคะ ส่วนผ้าก็ให้เป็นผ้าใยแก้ว เอาชายยาวๆ เลยนะคะ อืม...ตรงนี้แก้หน่อยดีมั้ยคะ...” เตรการคนนี้ต่างหาก
“พี่ไนท์มาเป็นเจ้าสาวเองมั้ยคะ เดี๋ยวเดย์จะเป็นจ้าวบ่าวให้คะ” นฤมลประชด
“แฮะๆ พี่แค่อยากเห็นเดย์สวยที่สุดนี่” เตรการหัวเราะแห้งๆ
“เดย์ไม่อยากใส่ชุดแบบนี้ เดย์อยากใส่ชุดที่มันไม่หนักมาก ไม่อึดอัดด้วย อยากได้ผ้าซีทรูบางๆ มากกว่า ตัดเป็นเกาะอก ส่วนที่เป็นกระโปรงก็ตัดให้พลิ้วไปเลย ประมาณว่าลมพัดมาแล้วกระโปรงพลิ้วไปตามลมยาวๆ ส่วนผมเดย์ก็จะไม่ทำด้วย เดย์จะปล่อยผมอยากนี้แหละ แล้วเอาเครื่องประดับมาติดเอา นี่คือชุดที่ใช้แต่งงานในโบสถ์ของเดย์ค่ะ” นฤมลสรุป
“ส่วนงานแต่งที่นี่ เดย์จะแต่งแบบนี้” นฤมลคลิกไปที่ชุดเจ้าสาวแบบไทยๆ ที่เป็นชุดผ้ารัดเกาะอกสีเงินเงางาม กับผ้าซิ่นสีชมพู ที่มีเครื่องทองประดับไว้ราวกับนางพญา
“คร้าบ สุดที่รักของผม จะแต่งเซ็กซี่ไปอวดใครเนี่ย เดี๋ยวผมก็หึงหรอก”เตรการบีบจมูกหญิงสาวเล่น
“ก็อยากให้หึงไง”
วันที่ 18 เป็นงานแต่งภายในครอบครัว เป็นประเพณีแบบชาวเหนือ มีรำฟ้อนต่างๆ ตามประเพณี เสร็จพิธีสองบ่าวสาว พ่อและแม่ของทั้งคู่ก็ขึ้นเครื่องไปกรุงเทพฯ เลย โดยแยะเป็น 3 คณะ เทวปราชญ์และอดิศรไปดูเรื่องสถานที่จัดงาน วิมลวรรณและนริศราไปจัดการเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนเตรการและนฤมลแยกไปดูเรื่องชุด ทั้งสองเคยมาดูแล้วครั้งหนึ่งเพื่อถ่ายภาพ แต่นั่นเป็นชุดใส่ในงานกินเลี้ยง ส่วนชุดแต่งงานจริงๆ ยังไม่เห็น เพราะยังตัดไม่เสร็จ
“อ้าว สวัสดีคะคุณน้องทั้งสอง แวะมาดูชุดเหรอคะ” เจ้าของร้านนามว่า ‘เบนนี่’ ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้ม
“ค่ะ” นฤมลรับคำ
“จ้าวบ่าวไปทางนู้นเลยค่ะ เด็กๆ เทคแคร์เจ้าบ่าวหน่อยเร็ว ส่วนน้องเดย์มานี่เลยค่ะ พี่เพิ่งตัดเสร็จเมื่อคืนนี้เอง แฮนด์เมดเลยนะคะเนี่ย” เบนนี่ดันตัวหญิงสาวเข้าไปในห้องเก็บชุด
“รอแป้บนะคะ” เบนนี่หายไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับชุดเจ้าสาวในมือ
“ตรงด้านบนพี่ออกแบบใหม่ จะเก๋มากค่ะ พี่ใช้ผ้าบางเย็บตรงกลางเกาะอกนะคะ ปล่อยชายตรงนี้เย็บให้ติดกับกระโปรงยาวไปถึงด้านหลัง เดิ้นค่ะ ข้างหลังก็เปิดนะคะ แต่คุณพี่แต่งให้มันดูไม่โป้เกินไป ส่วนชายกระโปรงรับรองว่าพลิ้วดั่งใจเลยค่ะ” เบนนี่บรรยายสรรพคุณเสร็จสรรพก็ให้หญิงสาวไปเปลี่ยนชุด
นฤมลเมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วก็ยืนส่องดูตนเองในกระจก บัดนี้เธอกำลงใส่ชุดแต่งงานสีขาวยาวเฟื้อย แบบเกาะอกแหวกลงมาเห็นร่องอกด้านหลังเปิดครึ่งหลัง กระโปรงใช้ผ้าบางตัดให้แลดูพลิ้วแบบที่เธอต้องการ
เสร็จแล้วหญิงสาวจึงออกไปดูแบบผมที่เบนนี่ออกแบบไว้
“ผมนะคะคุณน้อง อย่างที่คุณน้องต้องการคือเราจะไม่ยุ่งกับผมคุณน้อง แต่จะหาเครื่องประดับมาใส่ เราก็จะใส่ผ้าคลุม แล้วก็ใส่มงกุฎไข่มุกให้นะคะ” เบนนี่อธิบาย
“งั้นก็โอเคตามนี้ค่ะ”
ตี 5 วันต่อมาเบนนี่ก็มาที่บ้านของนฤมลพร้อมกับช่างแต่งหน้า 2 ชั่งโมงต่อมาหญิงสาวก็อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวพลิ้ว ผมที่เป็นเกลียวลอนใหญ่ถูกรวบเก็บเข้าหากันเล็กน้อยเพื่อเปิดหลัง แล้วประดับมงกุฎไข่มุกอันเล็กๆ และผ้าคลุมที่ยาวลากพื้น ใส่รองเท้าส้นเข็มสูง 4 นิ้วครึ่งสีขาว ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ สีชมพู แต่วันนี้เบนนี่มีอะไรมาใส่ให้เธอเพิ่ม นั่นก็คือแผ่นขนสัตว์สีขาวนุ่มๆ มาคาดไว้ที่เอว ปล่อยชายห้อยมาด้านข้างเล็กน้อย ยิ่งสวยไปใหญ่
ฤกษ์แต่งงานคือ 8.30 นาที นฤมลออกจากบ้านโดยมีรถมารับไปที่โบสถ์พร้อมกับช่อดอกไม้ ไปถึงก็ 8.30 เป๊ะๆ พอดีที่ประตูโบสถ์เปิดออก และเสียงเพลงบรรเลงขึ้น หญิงสาวสูดหายใจลึกๆ 1 ครั้ง แล้วเดินลงจากรถเข้าไปภายในโบสถ์ ทุกสายตาหันมาจับจ้องเธอ รวมไปถึงตัวเจ้าบ่าวด้วย วันนี้เตรการใส่ชุดสูทสีขาวล้วนที่เธอเป็นคนเลือกให้ใส่
ร่างบางก้าวขึ้นไปยืนเคียงข้างชายหนุ่ม “...คุณเตรการ คุณจะรับหญิงสาวคนนี้เป็นภรรยา จะรัก เคารพ ซื่อสัตย์ต่อกัน และอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะยามสุข ยามทุกข์ หรือยามแก่ชรา หรือไม่...” “รับครับ” เตรการตอบยิ้มๆ “...คุณนฤมล คุณจะรับชายคนนี้เป็นสามี จะรัก เคารพ ซื่อสัตย์ต่อกัน และอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะยามสุข ยามทุกข์ หรือยามแก่ชรา หรือไม่...” “รับค่ะ” “ให้ทั้งคู่สวมแหวนให้กัน” เด็กชายอายุประมาณ 7 ขวบคนหนึ่งเดินถือกล่องแหวนเล็กๆ มายืนที่ระหว่างกลางทั้งคู่ เตรการหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาสวมให้หญิงสาว และนฤมลก็หยิบแหวนอีกวงหนึ่งขึ้นมาสวมให้เขา “ให้ทั้งคู่จูบกันเพื่อแสดงความรักต่อกัน” เตรการโน้มตัวลงมาจูบที่ริมฝีปากหญิงสาวแผ่วเบา “บัดนี้ขอประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน”
หลังจากเสร็จพิธีในโบสถ์ ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ...โยนช่อดอกไม้ที่สาวโสดทุกคนรอคอยนั่นเอง...นฤมลถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นสาวโสดที่มาร่วมงานรีบมายืนรอรับเป็นร้อย หญิงสาวหันหลังพร้อมกับโยนช่อดอกไม้...มีเสียงเฮฮาขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน นฤมลหันกลับไปดู ปรากฏว่าคนที่ได้เป็นหญิงสาวอายุราวๆ 20-21 ปี น่ารักคนหนึ่ง หญิงสาวส่งยิ้มให้เธอ...มารอดูกันว่าเธอคนนี้จะได้แต่งงานเป็นคนต่อไปหรือไม่
งานเลี้ยงมีขึ้นเย็นวันนั้นที่บ้านของเตรการ นฤมลตัดสินใจใส่ชุดเดิม แหวนที่แลกกันใส่เมื่อเช้า เตรการก็นำแหวนประจำตระกูลมาให้ เป็นแหวนเพชรเม็ดใหญ่ ตัวเรือนทำมาจากทองคำขาวประดับพลอยสีชมพูเม็ดเล็กๆ รอบๆ และยังมีชุดเครื่องเพชรที่ตกทอดกันมาในตระกูลของชายหนุ่มอีก 1 ชุด ที่แม่เตรการซื้อให้ใหม่อีก 1 ชุด เทวปราชญ์ยังให้บ้านในกรุงเทพฯ 1 หลัง ในอังกฤษอีก 1 หลังอีก
“เหนื่อยมั้ยคะเดย์” เตรการเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ใบหน้าให้หญิงสาว
“นิดหน่อยค่ะ”
“วันนี้พี่หึงมากนะคะ มีแต่คนมองเดย์เต็มไปหมด โดยเฉพาะไอ้พวกผู้ชาย” เตรการพูดงอนๆ
“อ้าว! เดย์เป็นเจ้าสาวนะคะ จะให้ไปมองใครล่ะถ้าไม่มองเจ้าของงานแต่ง” นฤมลพูด นึกขำในความหึงที่ไม่เข้าท่าของชายหนุ่ม
“ก็พี่ไม่ชอบนี่คะ”
เมื่อได้เวลาส่งตัวเข้าหอ ซึ่งเป็นบ้านหลังใหม่ที่เทวปราชญ์ให้เป็นสินสอด เทวปราชญ์ วิมลวรรณ อดิศร และนริศราก็ตามไปส่งถึงบ้านพร้อมกับพูดสั่งสอนคู่บ่าวสาว
“โอ้ย! เหนื่อยจังเลย...” นฤมลพอเข้าห้องมาได้ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
“ไม่เอาค่ะ เดย์ไปอาบน้ำเลยนะคะ พี่ไม่นอนกับคนเหม็นนะ” เตรการพูดพลางดึงมือภรรยาให้ลุกขึ้น
“แต่เดย์เหนื่อยนี่คะ อยากนอนอ่ะ ฮ้าววว!” นฤมลขัดขืน แต่เตรการดันตัวเธอเข้าไปในห้องน้ำ
“จะอาบเองดีๆ หรือจะให้พี่อาบให้คะ” เท่านั้นแหละตาที่เคยปรือๆ ก็สว่างทันที
“อาบเองค่ะ” พูดจบก็ปิดประตูห้องน้ำใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เตรการหัวเราะน้อยๆ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“โอ้ย! ทำไมมันถอดยากยังงี้เนี่ย...” เสียงหญิงสาวที่แสดงถึงอารมณ์ไม่ค่อยดีดังมาจากในห้องน้ำ เตรการถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที ก็ประตูมันไม่ได้ล็อกนี่นา (เขาเองบิดลูกบิดเอาไว้เพราะกนไม่ให้นฤมลล็อกประตูได้)
“ให้พี่ช่วยมั้ยคะ” เตรการอาสา
“เฮ้ย! พี่ไนท์เข้ามาได้ไงคะ” นฤมลอุทาน
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะ มานี่พี่ช่วย...” เตรการหมุนตัวหญิงสาวให้หันหลัง ค่อยๆ รวบผมเธอพาดไว้ที่บ่า ปลดเข็มกลัดที่กลัดขนสัตว์ออกให้
“เดย์รู้มั้ยคะ วันนี้เดย์เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลย” เตรการพูดขณะรูดซิบชุดให้
“ของมันแน่อยู่แล้วคะพี่ไนท์ ก็ลองบอกว่าไม่สวยสิจะยำให้เละเลย” นฤมลขู่
“เสร็จแล้วใช่มั้ยคะ ออกไปได้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย” นฤมลรีบดันตัวชายหนุ่มออกไปจากห้องน้ำ แต่เตรการไม่ขยับเขยื้อน
“คิดว่าพี่เข้ามาในนี้แล้วจะยอมออกไปง่ายๆ เหรอคะ ไม่มีทาง” เตรการพูดพลางย่างสามขุมมาหาหญิงสาว นฤมลมองไปรอบๆ หาทางหนีทีไล่
“พี่ไนท์คะ เดย์...เดย์ขออาบน้ำก่อนนะคะ” แก้มสีขาวเริ่มเปลี่ยนสีเป็นแดงจัด เตรการมองภรรยาแล้วยิ้ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเธอคนนี้
“พี่อาบให้ก็ได้ค่ะ” เตรการบอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ นฤมลถอยหลังหนี แต่...
“กรี๊ด!” หญิงสาวสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มปราดเข้ามารับไว้ทันที เตรการถือโอกาสนี้ไว้ใช้ซะเลย...
“หอมจังเลย แบบนี้ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้” พูดจบก็อุ้มหญิงสาวไปนอกห้องน้ำ
“ได้ไง ก็พี่เป็นคนปลุกเดย์ไปอาบน้ำเอง ไม่เอาเดย์จะอาบน้ำ” นฤมลดิ้น แต่ชายหนุ่มไม่ยอม เตรการวางร่างบางลงบนเตียง
“ไม่ได้คะ ที่ผ่านมาพี่ตามใจเดย์มากเกินไปแล้ว คืนนี้พี่จะไม่ตามใจเดย์อีก”
“...คุณเตรการ คุณจะรับหญิงสาวคนนี้เป็นภรรยา จะรัก เคารพ ซื่อสัตย์ต่อกัน และอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะยามสุข ยามทุกข์ หรือยามแก่ชรา หรือไม่...”
“รับครับ” เตรการตอบยิ้มๆ
“...คุณนฤมล คุณจะรับชายคนนี้เป็นสามี จะรัก เคารพ ซื่อสัตย์ต่อกัน และอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะยามสุข ยามทุกข์ หรือยามแก่ชรา หรือไม่...”
“รับค่ะ”
“ให้ทั้งคู่สวมแหวนให้กัน” เด็กชายอายุประมาณ 7 ขวบคนหนึ่งเดินถือกล่องแหวนเล็กๆ มายืนที่ระหว่างกลางทั้งคู่ เตรการหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาสวมให้หญิงสาว และนฤมลก็หยิบแหวนอีกวงหนึ่งขึ้นมาสวมให้เขา
“ให้ทั้งคู่จูบกันเพื่อแสดงความรักต่อกัน” เตรการโน้มตัวลงมาจูบที่ริมฝีปากหญิงสาวแผ่วเบา
“บัดนี้ขอประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน”
หลังจากเสร็จพิธีในโบสถ์ ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ...โยนช่อดอกไม้ที่สาวโสดทุกคนรอคอยนั่นเอง...นฤมลถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นสาวโสดที่มาร่วมงานรีบมายืนรอรับเป็นร้อย หญิงสาวหันหลังพร้อมกับโยนช่อดอกไม้...มีเสียงเฮฮาขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน นฤมลหันกลับไปดู ปรากฏว่าคนที่ได้เป็นหญิงสาวอายุราวๆ 20-21 ปี น่ารักคนหนึ่ง หญิงสาวส่งยิ้มให้เธอ...มารอดูกันว่าเธอคนนี้จะได้แต่งงานเป็นคนต่อไปหรือไม่
งานเลี้ยงมีขึ้นเย็นวันนั้นที่บ้านของเตรการ นฤมลตัดสินใจใส่ชุดเดิม แหวนที่แลกกันใส่เมื่อเช้า เตรการก็นำแหวนประจำตระกูลมาให้ เป็นแหวนเพชรเม็ดใหญ่ ตัวเรือนทำมาจากทองคำขาวประดับพลอยสีชมพูเม็ดเล็กๆ รอบๆ และยังมีชุดเครื่องเพชรที่ตกทอดกันมาในตระกูลของชายหนุ่มอีก 1 ชุด ที่แม่เตรการซื้อให้ใหม่อีก 1 ชุด เทวปราชญ์ยังให้บ้านในกรุงเทพฯ 1 หลัง ในอังกฤษอีก 1 หลังอีก
“เหนื่อยมั้ยคะเดย์” เตรการเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ใบหน้าให้หญิงสาว
“นิดหน่อยค่ะ”
“วันนี้พี่หึงมากนะคะ มีแต่คนมองเดย์เต็มไปหมด โดยเฉพาะไอ้พวกผู้ชาย” เตรการพูดงอนๆ
“อ้าว! เดย์เป็นเจ้าสาวนะคะ จะให้ไปมองใครล่ะถ้าไม่มองเจ้าของงานแต่ง” นฤมลพูด นึกขำในความหึงที่ไม่เข้าท่าของชายหนุ่ม
“ก็พี่ไม่ชอบนี่คะ”
เมื่อได้เวลาส่งตัวเข้าหอ ซึ่งเป็นบ้านหลังใหม่ที่เทวปราชญ์ให้เป็นสินสอด เทวปราชญ์ วิมลวรรณ อดิศร และนริศราก็ตามไปส่งถึงบ้านพร้อมกับพูดสั่งสอนคู่บ่าวสาว
“โอ้ย! เหนื่อยจังเลย...” นฤมลพอเข้าห้องมาได้ก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
“ไม่เอาค่ะ เดย์ไปอาบน้ำเลยนะคะ พี่ไม่นอนกับคนเหม็นนะ” เตรการพูดพลางดึงมือภรรยาให้ลุกขึ้น
“แต่เดย์เหนื่อยนี่คะ อยากนอนอ่ะ ฮ้าววว!” นฤมลขัดขืน แต่เตรการดันตัวเธอเข้าไปในห้องน้ำ
“จะอาบเองดีๆ หรือจะให้พี่อาบให้คะ” เท่านั้นแหละตาที่เคยปรือๆ ก็สว่างทันที
“อาบเองค่ะ” พูดจบก็ปิดประตูห้องน้ำใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เตรการหัวเราะน้อยๆ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“โอ้ย! ทำไมมันถอดยากยังงี้เนี่ย...” เสียงหญิงสาวที่แสดงถึงอารมณ์ไม่ค่อยดีดังมาจากในห้องน้ำ เตรการถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที ก็ประตูมันไม่ได้ล็อกนี่นา (เขาเองบิดลูกบิดเอาไว้เพราะกนไม่ให้นฤมลล็อกประตูได้)
“ให้พี่ช่วยมั้ยคะ” เตรการอาสา
“เฮ้ย! พี่ไนท์เข้ามาได้ไงคะ” นฤมลอุทาน
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะ มานี่พี่ช่วย...” เตรการหมุนตัวหญิงสาวให้หันหลัง ค่อยๆ รวบผมเธอพาดไว้ที่บ่า ปลดเข็มกลัดที่กลัดขนสัตว์ออกให้
“เดย์รู้มั้ยคะ วันนี้เดย์เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดเลย” เตรการพูดขณะรูดซิบชุดให้
“ของมันแน่อยู่แล้วคะพี่ไนท์ ก็ลองบอกว่าไม่สวยสิจะยำให้เละเลย” นฤมลขู่
“เสร็จแล้วใช่มั้ยคะ ออกไปได้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย” นฤมลรีบดันตัวชายหนุ่มออกไปจากห้องน้ำ แต่เตรการไม่ขยับเขยื้อน
“คิดว่าพี่เข้ามาในนี้แล้วจะยอมออกไปง่ายๆ เหรอคะ ไม่มีทาง” เตรการพูดพลางย่างสามขุมมาหาหญิงสาว นฤมลมองไปรอบๆ หาทางหนีทีไล่
“พี่ไนท์คะ เดย์...เดย์ขออาบน้ำก่อนนะคะ” แก้มสีขาวเริ่มเปลี่ยนสีเป็นแดงจัด เตรการมองภรรยาแล้วยิ้ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเธอคนนี้
“พี่อาบให้ก็ได้ค่ะ” เตรการบอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ นฤมลถอยหลังหนี แต่...
“กรี๊ด!” หญิงสาวสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มปราดเข้ามารับไว้ทันที เตรการถือโอกาสนี้ไว้ใช้ซะเลย...
“หอมจังเลย แบบนี้ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้” พูดจบก็อุ้มหญิงสาวไปนอกห้องน้ำ
“ได้ไง ก็พี่เป็นคนปลุกเดย์ไปอาบน้ำเอง ไม่เอาเดย์จะอาบน้ำ” นฤมลดิ้น แต่ชายหนุ่มไม่ยอม เตรการวางร่างบางลงบนเตียง
“ไม่ได้คะ ที่ผ่านมาพี่ตามใจเดย์มากเกินไปแล้ว คืนนี้พี่จะไม่ตามใจเดย์อีก”
ความคิดเห็น