คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คิลเลอร์ เลิฟ สตอรี่ Killer 's love story
เวลาเช้าที่สดใสวันหนึ่ง .. !
ณ โรงอาหารดราก้อน อันเป็นศูนย์รวมของอาหารที่ยากจะเอ่ยถึงรสชาติและยังเป็นศูนย์รวมของเหล่านักเรียนป้อมอัศวินทั้งหลาย เด็กสาวหนึ่งคนและเด็กหนุ่มอีกสองคนกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่
คนแรก เจ้าหญิงคนสำคัญของเดมอสและบารามอสกำลังนั่งเขมือบขนมปังชิ้นที่ 17 อยู่อย่างเอร็ดอร่อย นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองอยู่แต่กับอาหารที่ตนกำลังทานอยู่ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงที่เจ้าตัวไม่เคยคิดจะใส่ใจปลิวไสวไปตามทิศทางของลม
คนต่อมา ชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังใช้ดวงตาคมสีม่วงจ้องมองเพื่อนตนอย่างหน่าย ๆ ผมสีดำขลับยุ่งเหยิงพัวพันกันอยู่ เขาจ้องมองเพื่อนพลางทำท่าไม่สนใจไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความอดทนของตนก็มีจำกัดไม่เหมือนคนข้าง ๆ
คนข้าง ๆ ที่ว่านั่นก็คือ เจ้าชายแห่งคาโนวาลหรือเจ้าของฉายาก้อนน้ำแข็งเดินได้นั่นเอง เขากำลังจ้องมองตัวหนังสือตามหนังสือที่อ่านค้างไว้อยู่ขณะรอแฟนสาวของตนรับประทานอาหาร แม้อารมณ์ภายในจะเริ่มคุกกรุ่นเช่นเดียวกับเพื่อนข้างๆ (บทนี้ขอขอบคุณท่านรูนเด้ออ)
" ไอ้เฟริน แกจะช่วยกินช้า ๆ หน่อยได้มั้ยวะ ขนมปังมันไม่เดินหนีแกไปไหนหรอก " คิลพูดขึ้นอย่างระงับอารมณ์เต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ใจร่ำร้องอยากจะไปซัดหน้าเพื่อนข้าง ๆ เต็มที่
แต่ดูเหมือนว่า .. เฟรินจะไม่รับรู้ถึงไอกรุ่น ๆ ที่อีกฝ่ายส่งมาทางน้ำเสียงเลย เจ้าตัวก็ยังคงนั่งกินขนมปังอย่างมีมารยาทมาก (?)
" เรื่องของฉันอ่ะ "เ ฟรินตอบอย่างไม่ใส่ใจใยดีอะไรเท่าไร ก่อนจะหยิบขนมปังชิ้นต่อไปมากินต่อ น่าสงสัยมากว่าเจ้แกกินแล้วเอาไปไว้ส่วนไหน
" เฟริน " เสียงเรียบเย็นเฉียบที่แฝงไปด้วยอารมณ์ซึ่งเจ้าตัวพยายามแสดงออกมาอย่างเต็มที่ เฟรินสะดุ้งเล็กน้อยกับไอเย็นที่เริ่มแผ่ออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบกลืนขนมปังชิ้นสุดท้ายทันที
" ฉะ ฉัน อิ่มแล้ว " เจ้าตัวว่าก่อนจะรีบนำถาดอาหารไปเก็บทันที ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ แต่ด้วยนัยน์ตาอันเฉียบคมของหัวขโมย เฟรินก็เหลือบไปเห็นเจ้าหญิงคนงามที่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงหลงมาอยู่ที่ป้อมนี้ได้ กำลังยืนอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เฟรินจำได้ว่าเป็นเสธฯขวาของปราสาทขุนนาง
" คุณเรนอนครับ ดอกไม้จากใจผม ให้คุณครับ " เรนอนหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะออกปากไปว่า
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ " ดาร์คยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากของตน พลางส่ายหน้าไปมา
" จุ๊ ๆ ดอกไม้สวย ๆ ย่อมเหมาะกับคนสวย ๆ อย่างคุณเรนอนอยู่แล้วครับ "
"เรนอนเกรง...."
พลั่ก
ยังไม่ทันทีเรนอนจะพูดจบคำ ก็มีหมัดของใครไม่รู้ถูกส่งมาให้ชายหนุ่มซะเต็มแรง
" เฮ้ย ก็เค้าบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิวะ " ด้วยความที่ตนเองหน้าเสียอย่างรุนแรง ชายหนุ่มจึงวิ่งออกไป แต่ยังมิวายชี้หน้าพร้อมพูดว่า
" ฝากไว้ก่อนเถอะ แก " เสธฯขวาผู้นั้นวิ่งหนีหายไป ก่อนที่เรนอนจะหันมามองคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิด
" คุณคิล ...? " คิลที่ยืนหอบแฮก ๆ อยู่หันมามอง
" เอ่อ ขอบคุณนะคะ " คิลยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วรีบเผ่นกลับไปที่โต๊ะอาหารของตน ส่วนเฟรินที่ยืนมองเรื่องที่หมดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นภายในใจ ก่อนเจ้าตัวจะเดินตรงไปหาเรนอน
ฝ่ายคิลที่แม้จะกลับโต๊ะอาหารมาแล้วแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เรนอนอย่างไม่วางตา จนเมื่อเห็นเพื่อนซี้ของเขาเดินตรงเข้าไปหาเรนอน สัญชาติญาณของเขาจึงเริ่มส่งเสียงร้องเตือนอันตราย
" เรนอนครับ ขอคุยด้วยได้มั้ยครับ " เฟรินเรียก เรนอนหันหน้าขึ้นมามองก่อนจะยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ แล้วทั้งสองก็เดินออกไป
' เฮ้ย ไอ้เฟรินมันคิดทำอะไรอีกวะเนี่ย พาเรนอนออกไปด้วย งานนี้ไม่ดีแน่ ' คิลคิดในใจ ส่วนคาโลมองตามแฟนสาวอย่างระอาเล็กน้อย แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ
ห้องของเรนอน
" มีอะไรหรอคะ คุณเฟริน " เฟรินยิ้มแหย ๆ ให้เล็กน้อยก่อนจะตอบ
" ก็คือ ผมอยากจะถามว่า เรนอน ชอบคิลมั้ยฮะ " เจ้าหญิงคนงามหน้าขึ้นสีเรื่อขึ้นมาทันที
" เอ่อ " เฟรินมองท่าทางนั้นแล้วจึงสรุปเอาเองจากความเชี่ยวชาญของตน
" ชอบใช่มั้ยฮะ " เรนอนเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าที่แดงก่ำดั่งลูกตำลึงสุกนั้นบอกคำตอบได้ดี
" ท่าทางอย่างนี้ ชอบแน่ ๆ เลย " เฟรินแหย่เล็กน้อย ก่อนจะปั้นหน้าจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมา แม้ว่าจะกลั้นหัวเราะอย่างเต็มทีก็ตาม
" แล้วเรนอนรู้มั้ยฮะ ว่าคิลเขาก็ชอบเรนอนเหมือนกัน " เรนอนเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่อยากเชื่อเล็กน้อย
" จริงหรอคะ " เฟรินพยักหน้า
" แต่คุณคิลเขาไม่ได้ทำท่าทางเหมือนจะชอบฉันเลย บางครั้งฉันยังแอบนึกว่าเขาชอบ.... " คุณเฟริน คำพูดที่เจ้าตัวต่อในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา
" หืม ? ชอบใครหรอฮะ " เรนอนเมื่อรู้ตัวว่าตนเผลอหลุดปากพูดออกไปจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"เปล่าค่ะ ๆ "เ รนอนว่าพลางนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ คิลเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนสาวคนนี้ตลอด คอยอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ทำให้บางครั้ง เรนอนก็แอบนึกใจว่าคิลจะต้องชอบเฟริน โดยที่ลืมนึกไปเสียสนิทว่า เฟรินกับคิลเป็นเพื่อนซี้กัน และนี่ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนพึงกระทำไม่ใช่หรือ ?
" คิลไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่นหรอกฮะ เชื่อผม คิลมันก็ขี้อายของมันนั่นแหละฮะ แต่มันแอบชอบเรนอนมาตั้งนานแล้ว เชื่อผมสิฮะ ผมเป็นเพื่อนสนิทมันนะฮะ ผมรู้อยู่แล้ว " เฟรินทำท่าวางภูมินิด ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
" เอาเป็นว่าผมจะช่วยคุณเรนอนแล้วกันฮะ " เรนอนยิ้มกว้างอย่างน่ารักก่อนจะเอ่ยขอบคุณเฟรินด้วยความจริงใจ
" ขอบคุณมากคะ คุณเฟริน " เฟรินยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะกล่าวว่า
" ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพื่อนกัน แค่นี้สบายมาก " เรนอนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่เฟรินจะเดินกลับไปที่โรงอาหารเพราะนึกได้ว่าเพื่อนทั้งสองรออยู่
“ เฮ้ ฉันมาแล้ว ” เด็กหนุ่มสองคนที่กำลังคอยเฟรินอยู่หันหน้าขึ้นมามอง คาโลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนนัยน์ตาสีฟ้าจะทอแววอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่มองเธอ ส่วนคิลที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่รีบปราดมาหาเฟรินทันที
“ เมื่อกี้แกพูดอะไรกับเจ้าหญิงบ้านั่น ” คำว่า 'เจ้าหญิงบ้า' ทำให้เฟรินขมวดคิ้ว แหม ๆ อายถึงขนาดต้องเรียกยังนี้เชียว เฟรินยิ้มยั่วแล้วตอบ
“ เปล่านิ ” คิลเริ่มอารมณ์เสียกับความขี้เล่นของเจ้าเพื่อนตัวแสบคนนี้
“ ฉันไม่เชื่อ ”
“ ก็ไม่ได้บอกให้เชื่อ ” เฟรินย้อนด้วยความรวดเร็วแล้วเดินตรงไปหาคาโล
“ คาโล ไปกันเถอะ ” คาโลพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแม้ความจริงแล้ว เขาก็อยากจะห้ามเหมือนกันกับการเล่นไม่รู้จักสิ้นสุดของเฟริน แต่เขาก็อยากจะให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้สมหวัง เขารู้ดีว่าเรนอนนั้นชอบเขา แต่เขาก็ไม่สามารถรักเธอได้ ในเมื่อหัวใจของเขามีเพียงแต่เฟรินเท่านั้น ช่วงหลัง ๆ นี้เขาจึงสังเกตเห็นว่าเรนอนมีท่าทางที่เปลี่ยนไปต่อเขาและคิล และด้วยความที่อาจจะติดเชื้อจากเฟรินมาบ้าง ทำให้เขาพอจะมองออกว่าเรนอนนั้นชอบคิล คาโลคิดพลางเดินไปกับเฟริน
ส่วนคิลก็ต้องยอมแพ้เพราะรู้ว่าเค้นไอ้ตัวแสบไปมันก็คงไม่บอกอะไร จึงยอมจำใจเดินตามเพื่อนๆไป แต่ก่อนที่จะได้ไปไหน ก็มีกล่องยื่นมาตรงหน้า
“ นี่ช็อคโกแลตให้พี่คิลค่ะ " เด็กสาวคนนึงยื่นกล่องรูปหัวใจสีชมพูมาให้ทำให้คิลถึงกับชะงักแล้วยื่นมือไปรับกล่องมา
“ เอ่อ ขอบคุณนะ ” คิลพูด ทำให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมา คิลจึงเห็นได้ถนัดว่าเธอคือวีซา โนเอล เดอะ ปริ้นซ์ ออฟ พริสต์โบโรว์แห่งปราสาทขุนนางหรือที่ตอนนี้รั้งตำแหน่งสี่ผู้คุมกฏอยู่ แม้จะอยู่เพียงปีสอง เห็นได้ชัดว่า ฝีมือไม่ธรรมดา
" อื้ม อร่อยดีนะ " วีซายิ้มอย่างใจชื้นเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากพูดสิ่งที่ตนต้องการพูดออกมา
" เป็นแฟนกับหนูนะคะ "
แค่กๆๆ
คิลไอสำลักช็อคโกแลตที่เพิ่งกินออกมาทันที
" วะ ว่าอะไรนะ " คิลถามซ้ำเผื่อว่าสิ่งที่จนได้ยินไปอาจจะเป็นแค่เพียงเพราะหูฝาด
“ พี่คิลจะยอมเป็นแฟนหนูมั้ยคะ ” เธอกล่าวซ้ำ คิลสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่มันวันโลกาวินาทอะไรเนี่ย ?!?
“ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ชอบน้องวีซาหรอกนะ แต่ว่า คือ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ” เจ้าหญิงสีหน้าสลดลงทันที ทำให้คิลรีบแก้คำพูดของตน
“ แต่ว่าเราเป็นพี่น้องกันได้นะ ” เจ้าหญิงวีซาเริ่มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ ขอบคุณค่ะ ” แล้วไม่ทันที่คิลจะตั้งตัว เธอก็โผเข้ามากอดคิล คิลชะงักเล็กน้อยแล้วกอดเจ้าหญิงตอบ เมื่อหลุดจากเจ้าหญิงได้แล้ว คิลก็เดินกลับห้องเพราะว่าเพื่อนทั้งสองคนเดินหนีไปแล้ว
“ อ้าว ไงคิล ไปไหนมาอ่ะ ” เฟรินเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนซี้เดินเข้ามาในห้อง
“ อืม ” คิลตอบสั้น ๆ แบบไม่ขยายความอะไรและไม่ได้ตรงกับคำถามซักนิดแล้วเดินตรงไปที่เตียง
“ จะนอนแล้วหรอ ” เฟรินถามต่อเมื่อเห็นว่าเพื่อนตรงหน้าคงไม่มีอารมณ์จะตอบอะไรเธอซักเท่าไร
“ อืม ” คิลพูดเสร็จแล้วก็เอาผ้าห่มคลุมตัวเอง
“ ไปนอนกันเถอะ เฟริน " คาโลกล่าว
“ อืม ”
คาโลจูบที่หน้าผากของเฟรินทำให้เฟรินหน้าแดงก่ำด้วยความอาย แต่ก่อนที่คาโลจะขึ้นเตียง เฟรินก็ดึงชายเสื้อของคาโล คาโลหันมามองพลางส่งสายตาคำถาม เฟรินไม่ตอบอะไรเพียงแค่ดึงคอเสื้อชายหนุ่มแล้วหอมแก้มคาโลทีนึงก่อนจะเผ่นขึ้นเตียงด้วยความไวปานจรวด คาโลยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินขึ้นเตียงบ้าง
เฮ้อ ไอ้สองคนมันน่าอิจฉา สวีทกันจริ้ง คิลนึกในใจ แล้วก็เริ่มปิดเปลือกตาแล้วเข้าสู่นิทรา...
แต่ดูเหมือนว่า เรื่องวันนี้มันจะรบกวนจิตใจของเขาไม่ให้นอนเลยทีเดียว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา ตาของชายหนุ่มมองขึ้นไปบนกำแพงใจก็นึกถึงแต่หญิงสาวที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด สาวน้อยร่างบางเล็ก ผิวขาวดั่งหิมะ ผมสีชมพูราวกับไหมยาวมาถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีชมพูที่มองเมื่อไรก็ยังคงน่าหลงใหล หญิงสาวที่มีนามว่า เรนอน คิลคิดถึงภาพของเรนอนก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอน
" คาโล นายยังไม่นอนใช่มั้ย " อีกเตียงนึงมีร่างอีกร่างนึงผุดลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน
" มีอะไร " คาโลภามเสียงเรียบแม้จะพอเดา ๆ ได้ว่าเรื่องอะไร คิลหันมามอง ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่
" คาโล ทำไมนายถึงรักเฟริน " คาโลเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดออกมา
" ฉันรักเฟรินเพราะเขาเป็นเขา เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด เหมือนนาย นายคิดยังไงกับเรนอน แม้นายจะไม่ได้แสดงออกทางท่าทาง แต่นายก็แสดงออกมาทางตา นายห่วงใยเรนอนเสมอ แม้บางครั้งนายอาจจะทำเพียงแค่ดูอยู่ห่าง ๆ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' "คิลนั่งคิดตามไปก่อนที่จะขยับรอยยิ้มที่มุมปาก
" ขอบคุณนายจริงๆที่ทำให้ฉันได้เข้าใจตัวเอง " เพราะความมืดทำให้เขามองไม่ชัดว่าคาโลยิ้มอยู่รึเปล่า แต่นั่นก็ทำให้เขาพอใจแล้วละ
อีกหลายวันต่อมา
“ ฉันชอบคุณนะคะ ” หญิงสาวแทบจะกลั้นหายใจพูดคำนี้ แต่ถ้าเธอไม่พูด เธออาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกก็เป็นได้ ส่วนคนที่ได้ยินยิ่งอึ้ง ก่อนจะสูดลมหายใจเรียกความกล้าแล้วตอบไปว่า
“ ผม ผมก็ชอบคุณเรนอนเหมือนกันครับ ” คิลพูดติด ๆ ขัด ๆ ด้วยความอาย ก่อนที่ตัวเขาจะพลั้งเผลอก้มลงไปมองใบหน้าหวานนั่นชัด ๆ แล้วใกล้เข้าไปอีกจนสองร่างเกือบจะแนบชิดกัน
“ ยินดีด้วยนะ คิล ” เฟรินกล่าวขัดจังหวะพอดิบพอดี ทำให้คิลกับเรนอนถึงกับผละออกจากัน
“ เฟริน ” คาโลกล่าวเสียงเข้ม
“ อะไร ก็เพื่อนมีความรัก จะให้ดีใจหน่อยไม่ได้หรือไง ” เฟรินยิ้มร่าแล้วหัวเราะ
“ นายคงไม่อยากให้ฉันปิดปากนายด้วยวิธีพิเศษหรอกนะ ” เฟรินสะอึกก่อนจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วรีบเผ่นออกไปทันที คาโลหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไป คิลมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วกลั้นหัวเราะ สมน้ำหน้าไอ้เฟริน เขาคิดในใจ ก่อนจะนึกอะไรออก
“ เอ่อ เรนอนครับ ผมลืมของไว้ในห้อง เดี๋ยวขอไปหยิบก่อนนะ " คิลกล่าว เรนอนมองหน้าคิลก่อนจะยิ้มแล้วตอบ
“ ได้ค่ะ ” คิลรีบวิ่งไปที่ห้องตนเองทันที ขณะที่กำลังคุ้ยของอยู่ ประตูก็เปิดออก
“ พี่คิลอยู่มั้ยคะ ” เสียงใสดังมาจากเจ้าหญิงวีซา โนเอลแห่งปราสาทขุนนางนั่นเอง
“ อยู่จ๊ะ ” คิลตอบพลางเดินมาหาเจ้าหญิงวีซา
“ มีอะไรหรอจ๊ะ ” เจ้าหญิงยิ้มอาย ๆ
" หนูขออะไรหน่อยได้มั้ยคะ " คิลพยักหน้าช้า ๆ อย่างงง ๆ แล้วยังไม่ทันทีคิลจะตั้งตัว เจ้าหญิงก็จูบเขา คิลรีบผลักเธอออกทันทีด้วยความตกใจ
“ นี่ วีซาทำอะไรน่ะ ” คิลทำหน้าตื่นตระหนกในขณะที่วีซาทำหน้าสลด
“ แต่พี่ก็รู้ รู้ว่าหนูรักพี่ ”
" พี่รู้ รู้ว่าวีซารักพี่ ตะ แต่ พี่มีคนชอบอยู่แล้ว พี่ก็เคยบอกวีซาแล้ว " คิลพยายามอธิบายเต็มที่
" พี่ให้โอกาศหนูหน่อยไม่ได้รึไงคะ หนูรักพี่จริง ๆ นะคะ " คิลส่ายหน้า
" ขอโทษนะ วีซา หัวใจของพี่มีแต่เรนอนเท่านั้น พี่คงมอบหัวใจให้ใครไม่ได้อีก แต่วีซาก็เป็นน้องที่น่ารักของพี่นะ " คิลพูดปลอบใจวีซาอย่างหวังว่ามันจะพอช่วยอะไรพลางยกมือขึ้นไปเชยคางมนของหญิงสาว แต่หญิงสาวกลับสะบัดหน้าออก
" หึ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น " วีซากล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันปนตัดพ้อพลางยิ้มเหยียด
“ พี่บังคับหนูเองนะคะ ” ว่าจบ เธอก็หยิบไม้คทาออกมาแล้วเริ่มร่ายมนตร์ เกิดควันประหลาดพวยพุ่งออกมาทั่วทั้งบริเวณ
“ วีซา ทำอะไรน่ะ หยุดนะ ” คิลร้องตะโกนท่ามกลางหมอก ซักครู่หมอกก็หายไป กลายเป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายก้มหน้าลงประทับจูบให้ฝ่ายหญิงซึ่งตอบรับอย่างดูดดื่ม
..!!
“ คุณคิลคะ ทำไมคุณช้า.. ” แต่ยังไม่ทันที่เรนอนจะพูดอะไรต่อ เธอก็ต้องอึ้งกับภาพที่เห็น คิลถอนริมฝีปากออกแล้วหันมามอง เรนอน นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นเรียบเฉยจนน่ากลัว ราวกับไม่ใช่คิลผู้ร่าเริงอีกต่อไป เรนอนเดินตรงมาหาหญิงสาวแล้วตบหน้าเธออย่างแรง ฝ่ายชายเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาห้าม
“ เรนอน คุณทำอย่างนี้ทำไม ” ชายหนุ่มตะโกนด่าเรนอนแล้วรวบหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอด หญิงสาวยิ้มอย่างเหนือชั้นกว่าให้เรนอน
“ แต่ว่า คุณคิล ” ยังไม่ทันที่เรนอนจะพูดจบ คิลกลับพูดตัดบทก่อน
“ พอกันที เรนอน ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นคนอย่างนี้ ไม่รู้ว่าผมรักคุณไปได้ยังไง ผมเกลียดคุณ ! ได้ยินมั้ยว่าผมเกลียดคุณ! ” คิลเริ่มตะคอกแล้วตบหน้าเรนอนอย่างแรง เรนอนเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากห้อง
“ ไม่เป็นไรนะ วีซา ” คิลหันกลับมามองที่วีซา นัยน์ตาสีม่วงทอประกายห่วงใยเต็มที่
“ ไม่เป็นไรเท่าไรหรอกค่ะ แต่ว่าพี่คิลทำร้ายพี่เรนอนทำไมละคะ ” วีซาทำท่าทางห่วงเรนอน แม้ว่าประกายในนัยน์ตาจะตรงกันข้ามกัน
“ วีซา วีซายังไปห่วงคนที่ทำร้ายวีซาอีกหรอ อย่าไปสนใจยัยเจ้าหญิงนั่นเลย ต่อไปนี้จะมีแค่เพียงเราสองคนเท่านั้นนะ ” คิลกล่าวพลางมองหน้าวีซาอีกครั้งก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากลงไปบนปากสีชมพูเรื่ออวบอิ่มของหญิงสาว นัยน์ตาของหญิงสาวทอประกายที่ยากจะบ่งบอกความหมาย
สวน
“ ฮือ ๆๆๆ ”
เรนอนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนม้าหินอ่อน ที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณแมกไม้นานาชนิดที่ทำให้จิตใจสงบแต่ตอนนี้จิตใจของเรนอนกลับวุ่นวายเสียเหลือเกิน เธอนั่งร้องไห้อยู่จนกระทั่งมีมือคู่หนึ่งวางลงที่ไหล่
" เรนอนครับ " คนที่แตะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดาร์ค เกลเลอร์ เสนาธิการขวานั่นเอง แม้เสียงจะแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย แต่นัยน์ตากลับฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิด
" คะ ? คุณดาร์ค " เรนอนพูดตะกุกตะกักพลางเช็ดน้ำตาออก
" เรนอน ให้ผมเป็นคนดูแลหัวใจบอบช้ำของคุณเถอนะครับ " ดาร์คพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันทีจะเกินอะไรขึ้น ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านมาเสียก่อน
“ เป็นอะไรไป เรนอน ส่วนนาย อย่าเพิ่งไป ” เฟรินรีบถามเมื่อเห็นเรนอนมานั่งร้องไห้อยู่ แล้วสั่งดาร์คไม่ให้หนีไปไหน ส่วนคาโลก็รีบร่ายเวทย์ไม่ให้ดาร์คขยับไปไหนได้
" คือว่า คุณคิล " ไม่ทันที่เรนอนจะพูดต่อ เรนอนก็ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง
“ ไอ้คิลมันทำอะไรเรนอนหรอ ไหนเรนอนใจเย็น ๆ แล้วเล่าเรื่องให้ฉันฟังหน่อยซิ ” เมื่อรู้ว่าเป็นเพื่อนของตน เฟรินก็หูพึ่งขึ้นมาทันที เรนอนเริ่มสงบสติอารมณ์แล้วเล่าเรื่อง
“ ก็คุณคิลเขาบอกว่าจะไปหยิบของที่ห้อง แล้วก็หายไปเลย ฉันก็ไปตาม แต่พอเปิดประตูห้อง ฉันก็เห็น เห็น ” เรนอนหยุดพูดเหมือนมีอะไรมาจุกคอ
“ เห็นอะไร เรนอนเห็นอะไร ไอ้คิลมันทำอะไร ” เฟรินพูด นัยน์ตาสีน้ำตาลแฝงไปด้วยความโกรธ
“ คุณคิลเขากำลังจูบอยู่กลับผู้หญิงคนอื่น แล้วเขาก็ตบหน้าฉันอีกด้วย ฮือ ๆๆ ” เพียงเท่านั้น เฟรินก็ควันเดือดปุด ๆ แล้วหันไปมองคาโล คาโลมองไปที่ดาร์ค
" คิลไม่มีทางทำอย่างนั้น " คาโลพูด ดาร์คกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเห็นนัยน์ตาสามคู่มองมาทางเขา คู่แรก นัยน์ตาสีฟ้ามองมาอย่างเรียบเฉย แต่เย็นเยือก นัยน์ตาคู่ถัดมา นัยน์ตาสีน้ำตาลที่กำลังคุกกรุ่นเต็มที่ราวกับภูเขาไฟที่จะประทุเมื่อไรก็ได้ และนัยน์ตาคู่สุดท้าย นัยน์ตาสีชมพูที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจปนเปไปกับความเสียใจ
" คือ วีซาเขาเสกมนตร์ใส่คิล คิลเลยเป็นแบบนี้ " ดาร์คพูดรัวด้วยความรวดเร็วด้วยความกลัวสุดขีด
" แล้วทำไมนายถึงรู้เรื่องนี้ " คาโลถามเสียงเย็น
" กะ ก็ เราสองคน วางแผนกัน ขอโทษนะ ฉันทำแบบนี้เพราะชอบเรนอน วีซาก็เหมือนกัน " ดาร์คกล่าวอย่างร้อนรน ส่วนเฟรินนั้นกำมือแน่นแล้วเดินออกไปด้วยความรวดเร็วตามด้วยคาโล ส่วนดาร์คใช้เวทย์เคลื่อนที่หนีไปที่ปราสาทขุนนางด้วยความรวดเร็วทันทีที่คาโลคลายมนตร์
“ ไอ้คิล ! ” เฟรินพลักประตูออกเสียงดังแล้วรีบตรงรี่มาที่คิลทันที
“ อ้าว ไงคาโล เฟริน "
“ แกทำอย่างนี้กับเรนอนได้ไง ” เฟรินเดือดขึ้นทุก ๆ ที แต่คิลกับตอบสบาย ๆ
“ ไอ้เจ้าหญิงขี้แยร้องไห้แล้วไปฟ้องเฟรินละสิท่า แง ๆๆ คุณเฟรินคะ คุณเฟรินขา ” คิลทำเสียงล้อเลียนเล่นเอาเฟรินเกือบระเบิด ก่อนที่คิลจะปั้นสีหน้าเรียบเฉย
“ ก็มันอยากทำร้ายวีซาทำไมละ ถ้าอยากโทษ ก็ไปโทษเจ้าหญิงของแกสิ ” คิลตอบเสียงเรียบ
“ ไอ้คิล ! ” เฟรินต่อยหน้าคิลไปอย่างแรง คิลหันขวับไปตามแรง ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนตัวเองอย่างสมเพชก่อนจะผลักเฟริน เฟรินซึ่งอยู่ในร่างผู้หญิงอันบอบบางล้มไปกับพื้น คาโลรีบเข้ามาช่วย ก่อนจะมองคิลด้วยสายตาอาฆาตแค้นเช่นเดียวกับเฟรินที่แม้เจ็บก็ยังไม่เจียมตัว
“ มันจะมากเกินไปแล้วนะ คิล ” คาโลเริ่มตะโคกใส่คิลอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ แล้วไง รักกันจริ้ง คู่นี้ น่าอิจฉา รักกันดูดดื่มปานจะกลืนเชียวน้า ”
“ คิล ! ” คาโลตะโกนแล้วชกหน้าคิลอย่างแรงจนเฟรินถึงกับอึ้ง เพราะไม่เคยเห็นคาโลใช้กำลังเลย ทันใดที่โดนหมัด สติของคิลก็กลับ คิลมองไปรอบๆอย่างงุนงง
“ เกิด เกิดอะไรขึ้น ” คิลถามเมื่อสติกลับ คิลมองหน้าเพื่อนด้านหน้าที่กำลังมองเขาด้วยความโกรธ มือยังคงกำหมัด ส่วนอีกหนึ่งสาวที่นั่งข้าง ๆ สีหน้าตื่นตกใจ และที่ชวนให้เขาตกใจมากที่สุดคือภาพเฟรินลงไปนอนกองกับพื้นและมองคาโลด้วยสายตาอึ้ง
“ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ” คิลถามอีกครั้ง
“ นายโดนเจ้าหญิงวีซาใช้มนตร์สะกด ” คาโลตอบ
“ อะ อะไรนะ ” คิลถามซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู พลางมองเจ้าหญิงวีซาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังทำสีหน้าตกใจมาก ๆ อยู่
" ละ แล้วฉันทำ อะ อะไรไปบ้าง " คิลถาม
“ นายก็แค่โดยมนตร์สะกดของเจ้าหญิงวีซา ทำให้นายหลงรักเธอจนเผลอทำร้ายเจ้าหญิงเรนอนโดยการตบหน้าเธออย่างแรง แค่นั้นเอง ” คราวนี้เฟรินเป็นฝ่ายตอบ เธอกล่าวเสียงเรียบ ๆ ราวกับจะประชด คิลมองหน้าเจ้าหญิงข้างตัว ก่อนจะสูดลมหายใจสติอารมณ์แล้วพูดด้วยเสียงเย็กเยือกและเรียบเฉยจนน่ากลัว
" พี่ไม่อยากเชื่อว่าวีซาจะทำอย่างนี้ พี่อุตส่าห์เชื่อใจวีซา ” วีซามองคิลด้วยสีหน้าสลด
“ หนู หนูขอโทษ หนูแค่ชอบพี่คิลมาก ๆ เท่านั้นและอยากให้พี่คิลคิดกับหนูเกินกว่าน้อง ”
“ แต่วีซาก็ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้ วีซาทำให้พี่ต้องทำร้ายเพื่อนตัวเอง ” คิลพูดอย่างสงบสติอารมณ์สุดขีด
" หนูขอโทษจริงๆนะคะ ” วีซายังคงขอโทษต่อ
“ ช่างมันเถอะ พี่จะไม่ถือโทษโกรธวีซาแล้วกัน วีซา พี่เชื่อว่าวันหนึ่ง วีซาจะต้องเจอกับคนที่รักวีซาด้วยใจจริง เชื่อพี่สิ ” คำพูดของคิลทำให้วีซายิ้มให้น้อย ๆ อย่างเศร้า ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เธอหันมามองคิลก่อนจะออกไป
" ขอบคุณนะคะ พี่คิล ที่เข้าใจหนู " วีซายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ ฉันขอโทษพวกนายด้วยนะ ” คิลกล่าวกับเฟรินและคาโลเมื่อเจ้าหญิงเดินออกไป
“ เออ ๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคราวหลังนายไม่ได้ตกอยู่ในมนตร์สะกดนะ แกตายแน่ ” เฟรินตอบพลางหัวเราะ
“ ว่าแต่ นายลืมอะไรไปหรือเปล่า ” เฟรินถามเพื่อเตือนความจำให้เพื่อน แล้วคิลก็ชะงัก เขาคุ้ยอะไรบางอย่างในลิ้นชักและหยิบของบางสิ่งใส่กระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งออกไปจากห้อง
“ เร็วชะมัดยาก ” เฟรินมองตามเพื่อนไปแล้วหันกลับมามองคาโล
“ ช่วยทีดิ ” เฟรินยื่นมือขึ้นมา คาโลรับมือไว้แล้วดึงเฟรินมาไว้ในอ้อมกอด แล้วยิ้มกว้างอย่างที่เห็นได้ยากก่อนจะก้มลงแล้วร่างสองร่างก็แนบชิดกัน
สวน
“ เรนอนครับ เรนอน ” คิลตะโกนมาแต่ไกล เมื่อวิ่งมาถึงเขาก็พักเหนื่อยก่อนชั่วครู่แล้วเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนกับเจ้าหญิงเรนอน
“ เรนอนครับ ผมขอโทษนะครับ ” เรนอนยังคงเงียบ
“ เมื้อกี้ผมโดนมนตร์สะกดของน้องวีซา เลยทำร้ายคุณไป แต่ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ ผมรักคุณจริง ๆ รักคุณมากที่สุด รักคุณคนเดียวเท่านั้นเลยนะครับ ” เรนอนหันมามองคิลแล้วยิ้ม คราบน้ำตาที่แห้งเริ่มเหือดหายไป
“ ฉันให้อภัยคุณก็ได้ค่ะ ” เพียงเท่านั้น คิลก็กระโดดโลดเต้นไปมา จนเรนอนหัวเราะแล้วปราม
“ พอได้แล้วค่ะ ” คิลรีบกระโดดกลับมายังที่นั่งอย่างเชื่อฟังแล้วมองหญิงสาวตรงหน้าพลางยิ้ม แล้วเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น แล้วหยิบกล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ อะไรคะ ” คิลยิ้ม แล้วเปิดกล่องออก ข้างในกล่องเป็นสร้อยเงินที่มีจี้รูปหัวใจห้อยอยู่ด้านล่าง สลักคำว่า “L O V E” คิลบรรจงหยิบขึ้นมาแล้วสวมเข้าที่ลำคอระหงของเรนอน
" รู้มั้ยครับว่า เป็นธรรมเนียมของตระกูลผมที่จะต้องมอบสร้อยเส้นนี้ให้กับคนที่ตนเองรัก แล้วสร้อยมันจะปรากฏเป็นชื่อของทั้งสองคน ถ้าเกิดนั่นเป็นรักแท้ "
คิลว่าพลางยิ้มอ่อน ๆ ให้ แล้วทันใดนั้น ก็เกิดแสงวาบที่คอของเรนอน คิลยกมือขึ้นพลิกสร้อยดูด้านหลังแล้วก็ยิ้มกว้าง เมื่อข้างหลังนั้นมีคำสลักขึ้นมาว่า Kill & Renon ทั้ง ๆ ที่ก่อนนั้นไม่มีอะไรสลักอยู่เลย
" คราวหลังอย่าทำให้ฉันใจหายอย่างนี้อีกนะคะ ” เรนอนพูด
“ ได้ครับ สัญญาเลย ” คิลพูดแล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมา เรนอนหัวเราะก่อนที่จะก้มหน้างุด
“ คุณคิลรู้มั้ยว่า ตลอดเวลา ตลอดเวลาที่เจ้าหญิงวีซามาหาคุณฉันก็รู้สึก.. ” เรนอนไม่พูดต่อ คิลจึงต่อให้
“ หึง ” ใบหน้าของเรนอนขึ้นสีมาทันที
“ บ้า ” คิลมองหน้าเจ้าหญิงคนงามแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“ ตกลง ที่คุณทำตัวเหมือนไม่ชอบฉันมาตลอดนี่คือแกล้งใช่หรือเปล่าคะ ” คิลลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าเรนอน ก่อนจะ ..
“ This is real,this is me now I’m exactly where I’m suppose to be,now.Gonna let the light,shine of me.Now I’ve found,who I am.There’s no way to hold it in.No more hiding who I want to be.This is me (นี่คือความจริง นี่คือฉัน ตอนนี้ฉันยืนอยู่ในที่ ๆ ฉันควรอยู่ เหลือแต่รอเพียงแสงไฟที่ส่องมายังตัวฉัน ตอนนี้ฉันพบแล้วว่าฉันคือใคร ไม่มีทางที่จะหยุดมันได้ ไม่อาจซ่อนได้แล้วว่าฉันอยากเป็นใคร เพราะนี่คือฉัน) ” คิลร้องเพลงอย่างไพเราะนุ่มนวล อย่างน่าจะเปลี่ยนจาก เดอะ คิลเลอร์ ไปเป็น เดอะ ซิงเกอร์ แทนซะ เขานั่งคุกเข่าอีกรอบและกุมมือเจ้าหญิงไว้
“ ผมรักคุณนะครับ ” เจ้าหญิงเรนอนยิ้มตอบ
“ ฉันก็รักคุณค่ะ ”
“ เป็นแฟนกับผมนะครับ ” เรนอนหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างอาย ๆ
“ ได้ค่ะ ”
คิลยิ้มกว้าง ก่อนจะรวบเอวเรนอน แล้วก้มลงเพื่อประทับจูบแห่งสัญญา สาบานรักชั่วนิรันดร์......
สุดท้ายแล้ว .. เรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้ของความรักระหว่างนักฆ่าและเจ้าหญิง แต่ความรัก .. ก็มักมีอะไรมาให้เราแปลกใจอยู่ได้เสมอ ๆ
.. อวสาน ..
เวลาเช้าที่สดใสวันหนึ่ง .. !
ณ โรงอาหารดราก้อน อันเป็นศูนย์รวมของอาหารที่ยากจะเอ่ยถึงรสชาติและยังเป็นศูนย์รวมของเหล่านักเรียนป้อมอัศวินทั้งหลาย เด็กสาวหนึ่งคนและเด็กหนุ่มอีกสองคนกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่
คนแรก เจ้าหญิงคนสำคัญของเดมอสและบารามอสกำลังนั่งเขมือบขนมปังชิ้นที่ 17 อยู่อย่างเอร็ดอร่อย นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองอยู่แต่กับอาหารที่ตนกำลังทานอยู่ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงที่เจ้าตัวไม่เคยคิดจะใส่ใจปลิวไสวไปตามทิศทางของลม
คนต่อมา ชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังใช้ดวงตาคมสีม่วงจ้องมองเพื่อนตนอย่างหน่าย ๆ ผมสีดำขลับยุ่งเหยิงพัวพันกันอยู่ เขาจ้องมองเพื่อนพลางทำท่าไม่สนใจไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความอดทนของตนก็มีจำกัดไม่เหมือนคนข้าง ๆ
คนข้าง ๆ ที่ว่านั่นก็คือ เจ้าชายแห่งคาโนวาลหรือเจ้าของฉายาก้อนน้ำแข็งเดินได้นั่นเอง เขากำลังจ้องมองตัวหนังสือตามหนังสือที่อ่านค้างไว้อยู่ขณะรอแฟนสาวของตนรับประทานอาหาร แม้อารมณ์ภายในจะเริ่มคุกกรุ่นเช่นเดียวกับเพื่อนข้างๆ (บทนี้ขอขอบคุณท่านรูนเด้ออ)
" ไอ้เฟริน แกจะช่วยกินช้า ๆ หน่อยได้มั้ยวะ ขนมปังมันไม่เดินหนีแกไปไหนหรอก " คิลพูดขึ้นอย่างระงับอารมณ์เต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ใจร่ำร้องอยากจะไปซัดหน้าเพื่อนข้าง ๆ เต็มที่
แต่ดูเหมือนว่า .. เฟรินจะไม่รับรู้ถึงไอกรุ่น ๆ ที่อีกฝ่ายส่งมาทางน้ำเสียงเลย เจ้าตัวก็ยังคงนั่งกินขนมปังอย่างมีมารยาทมาก (?)
" เรื่องของฉันอ่ะ "เ ฟรินตอบอย่างไม่ใส่ใจใยดีอะไรเท่าไร ก่อนจะหยิบขนมปังชิ้นต่อไปมากินต่อ น่าสงสัยมากว่าเจ้แกกินแล้วเอาไปไว้ส่วนไหน
" เฟริน " เสียงเรียบเย็นเฉียบที่แฝงไปด้วยอารมณ์ซึ่งเจ้าตัวพยายามแสดงออกมาอย่างเต็มที่ เฟรินสะดุ้งเล็กน้อยกับไอเย็นที่เริ่มแผ่ออกมาเล็กน้อยก่อนจะรีบกลืนขนมปังชิ้นสุดท้ายทันที
" ฉะ ฉัน อิ่มแล้ว " เจ้าตัวว่าก่อนจะรีบนำถาดอาหารไปเก็บทันที ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ แต่ด้วยนัยน์ตาอันเฉียบคมของหัวขโมย เฟรินก็เหลือบไปเห็นเจ้าหญิงคนงามที่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงหลงมาอยู่ที่ป้อมนี้ได้ กำลังยืนอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เฟรินจำได้ว่าเป็นเสธฯขวาของปราสาทขุนนาง
" คุณเรนอนครับ ดอกไม้จากใจผม ให้คุณครับ " เรนอนหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะออกปากไปว่า
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ " ดาร์คยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากของตน พลางส่ายหน้าไปมา
" จุ๊ ๆ ดอกไม้สวย ๆ ย่อมเหมาะกับคนสวย ๆ อย่างคุณเรนอนอยู่แล้วครับ "
"เรนอนเกรง...."
พลั่ก
ยังไม่ทันทีเรนอนจะพูดจบคำ ก็มีหมัดของใครไม่รู้ถูกส่งมาให้ชายหนุ่มซะเต็มแรง
" เฮ้ย ก็เค้าบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิวะ " ด้วยความที่ตนเองหน้าเสียอย่างรุนแรง ชายหนุ่มจึงวิ่งออกไป แต่ยังมิวายชี้หน้าพร้อมพูดว่า
" ฝากไว้ก่อนเถอะ แก " เสธฯขวาผู้นั้นวิ่งหนีหายไป ก่อนที่เรนอนจะหันมามองคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิด
" คุณคิล ...? " คิลที่ยืนหอบแฮก ๆ อยู่หันมามอง
" เอ่อ ขอบคุณนะคะ " คิลยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วรีบเผ่นกลับไปที่โต๊ะอาหารของตน ส่วนเฟรินที่ยืนมองเรื่องที่หมดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นภายในใจ ก่อนเจ้าตัวจะเดินตรงไปหาเรนอน
ฝ่ายคิลที่แม้จะกลับโต๊ะอาหารมาแล้วแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่เรนอนอย่างไม่วางตา จนเมื่อเห็นเพื่อนซี้ของเขาเดินตรงเข้าไปหาเรนอน สัญชาติญาณของเขาจึงเริ่มส่งเสียงร้องเตือนอันตราย
" เรนอนครับ ขอคุยด้วยได้มั้ยครับ " เฟรินเรียก เรนอนหันหน้าขึ้นมามองก่อนจะยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ แล้วทั้งสองก็เดินออกไป
' เฮ้ย ไอ้เฟรินมันคิดทำอะไรอีกวะเนี่ย พาเรนอนออกไปด้วย งานนี้ไม่ดีแน่ ' คิลคิดในใจ ส่วนคาโลมองตามแฟนสาวอย่างระอาเล็กน้อย แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ
ห้องของเรนอน
" มีอะไรหรอคะ คุณเฟริน " เฟรินยิ้มแหย ๆ ให้เล็กน้อยก่อนจะตอบ
" ก็คือ ผมอยากจะถามว่า เรนอน ชอบคิลมั้ยฮะ " เจ้าหญิงคนงามหน้าขึ้นสีเรื่อขึ้นมาทันที
" เอ่อ " เฟรินมองท่าทางนั้นแล้วจึงสรุปเอาเองจากความเชี่ยวชาญของตน
" ชอบใช่มั้ยฮะ " เรนอนเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าที่แดงก่ำดั่งลูกตำลึงสุกนั้นบอกคำตอบได้ดี
" ท่าทางอย่างนี้ ชอบแน่ ๆ เลย " เฟรินแหย่เล็กน้อย ก่อนจะปั้นหน้าจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมา แม้ว่าจะกลั้นหัวเราะอย่างเต็มทีก็ตาม
" แล้วเรนอนรู้มั้ยฮะ ว่าคิลเขาก็ชอบเรนอนเหมือนกัน " เรนอนเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่อยากเชื่อเล็กน้อย
" จริงหรอคะ " เฟรินพยักหน้า
" แต่คุณคิลเขาไม่ได้ทำท่าทางเหมือนจะชอบฉันเลย บางครั้งฉันยังแอบนึกว่าเขาชอบ.... " คุณเฟริน คำพูดที่เจ้าตัวต่อในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา
" หืม ? ชอบใครหรอฮะ " เรนอนเมื่อรู้ตัวว่าตนเผลอหลุดปากพูดออกไปจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"เปล่าค่ะ ๆ "เ รนอนว่าพลางนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ คิลเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนสาวคนนี้ตลอด คอยอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ทำให้บางครั้ง เรนอนก็แอบนึกใจว่าคิลจะต้องชอบเฟริน โดยที่ลืมนึกไปเสียสนิทว่า เฟรินกับคิลเป็นเพื่อนซี้กัน และนี่ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนพึงกระทำไม่ใช่หรือ ?
" คิลไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่นหรอกฮะ เชื่อผม คิลมันก็ขี้อายของมันนั่นแหละฮะ แต่มันแอบชอบเรนอนมาตั้งนานแล้ว เชื่อผมสิฮะ ผมเป็นเพื่อนสนิทมันนะฮะ ผมรู้อยู่แล้ว " เฟรินทำท่าวางภูมินิด ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
" เอาเป็นว่าผมจะช่วยคุณเรนอนแล้วกันฮะ " เรนอนยิ้มกว้างอย่างน่ารักก่อนจะเอ่ยขอบคุณเฟรินด้วยความจริงใจ
" ขอบคุณมากคะ คุณเฟริน " เฟรินยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะกล่าวว่า
" ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพื่อนกัน แค่นี้สบายมาก " เรนอนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่เฟรินจะเดินกลับไปที่โรงอาหารเพราะนึกได้ว่าเพื่อนทั้งสองรออยู่
“ เฮ้ ฉันมาแล้ว ” เด็กหนุ่มสองคนที่กำลังคอยเฟรินอยู่หันหน้าขึ้นมามอง คาโลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนนัยน์ตาสีฟ้าจะทอแววอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่มองเธอ ส่วนคิลที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่รีบปราดมาหาเฟรินทันที
“ เมื่อกี้แกพูดอะไรกับเจ้าหญิงบ้านั่น ” คำว่า 'เจ้าหญิงบ้า' ทำให้เฟรินขมวดคิ้ว แหม ๆ อายถึงขนาดต้องเรียกยังนี้เชียว เฟรินยิ้มยั่วแล้วตอบ
“ เปล่านิ ” คิลเริ่มอารมณ์เสียกับความขี้เล่นของเจ้าเพื่อนตัวแสบคนนี้
“ ฉันไม่เชื่อ ”
“ ก็ไม่ได้บอกให้เชื่อ ” เฟรินย้อนด้วยความรวดเร็วแล้วเดินตรงไปหาคาโล
“ คาโล ไปกันเถอะ ” คาโลพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแม้ความจริงแล้ว เขาก็อยากจะห้ามเหมือนกันกับการเล่นไม่รู้จักสิ้นสุดของเฟริน แต่เขาก็อยากจะให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้สมหวัง เขารู้ดีว่าเรนอนนั้นชอบเขา แต่เขาก็ไม่สามารถรักเธอได้ ในเมื่อหัวใจของเขามีเพียงแต่เฟรินเท่านั้น ช่วงหลัง ๆ นี้เขาจึงสังเกตเห็นว่าเรนอนมีท่าทางที่เปลี่ยนไปต่อเขาและคิล และด้วยความที่อาจจะติดเชื้อจากเฟรินมาบ้าง ทำให้เขาพอจะมองออกว่าเรนอนนั้นชอบคิล คาโลคิดพลางเดินไปกับเฟริน
ส่วนคิลก็ต้องยอมแพ้เพราะรู้ว่าเค้นไอ้ตัวแสบไปมันก็คงไม่บอกอะไร จึงยอมจำใจเดินตามเพื่อนๆไป แต่ก่อนที่จะได้ไปไหน ก็มีกล่องยื่นมาตรงหน้า
“ นี่ช็อคโกแลตให้พี่คิลค่ะ " เด็กสาวคนนึงยื่นกล่องรูปหัวใจสีชมพูมาให้ทำให้คิลถึงกับชะงักแล้วยื่นมือไปรับกล่องมา
“ เอ่อ ขอบคุณนะ ” คิลพูด ทำให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมา คิลจึงเห็นได้ถนัดว่าเธอคือวีซา โนเอล เดอะ ปริ้นซ์ ออฟ พริสต์โบโรว์แห่งปราสาทขุนนางหรือที่ตอนนี้รั้งตำแหน่งสี่ผู้คุมกฏอยู่ แม้จะอยู่เพียงปีสอง เห็นได้ชัดว่า ฝีมือไม่ธรรมดา
" อื้ม อร่อยดีนะ " วีซายิ้มอย่างใจชื้นเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากพูดสิ่งที่ตนต้องการพูดออกมา
" เป็นแฟนกับหนูนะคะ "
แค่กๆๆ
คิลไอสำลักช็อคโกแลตที่เพิ่งกินออกมาทันที
" วะ ว่าอะไรนะ " คิลถามซ้ำเผื่อว่าสิ่งที่จนได้ยินไปอาจจะเป็นแค่เพียงเพราะหูฝาด
“ พี่คิลจะยอมเป็นแฟนหนูมั้ยคะ ” เธอกล่าวซ้ำ คิลสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่มันวันโลกาวินาทอะไรเนี่ย ?!?
“ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ชอบน้องวีซาหรอกนะ แต่ว่า คือ พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ” เจ้าหญิงสีหน้าสลดลงทันที ทำให้คิลรีบแก้คำพูดของตน
“ แต่ว่าเราเป็นพี่น้องกันได้นะ ” เจ้าหญิงวีซาเริ่มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ ขอบคุณค่ะ ” แล้วไม่ทันที่คิลจะตั้งตัว เธอก็โผเข้ามากอดคิล คิลชะงักเล็กน้อยแล้วกอดเจ้าหญิงตอบ เมื่อหลุดจากเจ้าหญิงได้แล้ว คิลก็เดินกลับห้องเพราะว่าเพื่อนทั้งสองคนเดินหนีไปแล้ว
“ อ้าว ไงคิล ไปไหนมาอ่ะ ” เฟรินเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนซี้เดินเข้ามาในห้อง
“ อืม ” คิลตอบสั้น ๆ แบบไม่ขยายความอะไรและไม่ได้ตรงกับคำถามซักนิดแล้วเดินตรงไปที่เตียง
“ จะนอนแล้วหรอ ” เฟรินถามต่อเมื่อเห็นว่าเพื่อนตรงหน้าคงไม่มีอารมณ์จะตอบอะไรเธอซักเท่าไร
“ อืม ” คิลพูดเสร็จแล้วก็เอาผ้าห่มคลุมตัวเอง
“ ไปนอนกันเถอะ เฟริน " คาโลกล่าว
“ อืม ”
คาโลจูบที่หน้าผากของเฟรินทำให้เฟรินหน้าแดงก่ำด้วยความอาย แต่ก่อนที่คาโลจะขึ้นเตียง เฟรินก็ดึงชายเสื้อของคาโล คาโลหันมามองพลางส่งสายตาคำถาม เฟรินไม่ตอบอะไรเพียงแค่ดึงคอเสื้อชายหนุ่มแล้วหอมแก้มคาโลทีนึงก่อนจะเผ่นขึ้นเตียงด้วยความไวปานจรวด คาโลยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินขึ้นเตียงบ้าง
เฮ้อ ไอ้สองคนมันน่าอิจฉา สวีทกันจริ้ง คิลนึกในใจ แล้วก็เริ่มปิดเปลือกตาแล้วเข้าสู่นิทรา...
แต่ดูเหมือนว่า เรื่องวันนี้มันจะรบกวนจิตใจของเขาไม่ให้นอนเลยทีเดียว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา ตาของชายหนุ่มมองขึ้นไปบนกำแพงใจก็นึกถึงแต่หญิงสาวที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด สาวน้อยร่างบางเล็ก ผิวขาวดั่งหิมะ ผมสีชมพูราวกับไหมยาวมาถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีชมพูที่มองเมื่อไรก็ยังคงน่าหลงใหล หญิงสาวที่มีนามว่า เรนอน คิลคิดถึงภาพของเรนอนก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนอน
" คาโล นายยังไม่นอนใช่มั้ย " อีกเตียงนึงมีร่างอีกร่างนึงผุดลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน
" มีอะไร " คาโลภามเสียงเรียบแม้จะพอเดา ๆ ได้ว่าเรื่องอะไร คิลหันมามอง ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่
" คาโล ทำไมนายถึงรักเฟริน " คาโลเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดออกมา
" ฉันรักเฟรินเพราะเขาเป็นเขา เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด เหมือนนาย นายคิดยังไงกับเรนอน แม้นายจะไม่ได้แสดงออกทางท่าทาง แต่นายก็แสดงออกมาทางตา นายห่วงใยเรนอนเสมอ แม้บางครั้งนายอาจจะทำเพียงแค่ดูอยู่ห่าง ๆ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' "คิลนั่งคิดตามไปก่อนที่จะขยับรอยยิ้มที่มุมปาก
" ขอบคุณนายจริงๆที่ทำให้ฉันได้เข้าใจตัวเอง " เพราะความมืดทำให้เขามองไม่ชัดว่าคาโลยิ้มอยู่รึเปล่า แต่นั่นก็ทำให้เขาพอใจแล้วละ
อีกหลายวันต่อมา
“ ฉันชอบคุณนะคะ ” หญิงสาวแทบจะกลั้นหายใจพูดคำนี้ แต่ถ้าเธอไม่พูด เธออาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกก็เป็นได้ ส่วนคนที่ได้ยินยิ่งอึ้ง ก่อนจะสูดลมหายใจเรียกความกล้าแล้วตอบไปว่า
“ ผม ผมก็ชอบคุณเรนอนเหมือนกันครับ ” คิลพูดติด ๆ ขัด ๆ ด้วยความอาย ก่อนที่ตัวเขาจะพลั้งเผลอก้มลงไปมองใบหน้าหวานนั่นชัด ๆ แล้วใกล้เข้าไปอีกจนสองร่างเกือบจะแนบชิดกัน
“ ยินดีด้วยนะ คิล ” เฟรินกล่าวขัดจังหวะพอดิบพอดี ทำให้คิลกับเรนอนถึงกับผละออกจากัน
“ เฟริน ” คาโลกล่าวเสียงเข้ม
“ อะไร ก็เพื่อนมีความรัก จะให้ดีใจหน่อยไม่ได้หรือไง ” เฟรินยิ้มร่าแล้วหัวเราะ
“ นายคงไม่อยากให้ฉันปิดปากนายด้วยวิธีพิเศษหรอกนะ ” เฟรินสะอึกก่อนจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วรีบเผ่นออกไปทันที คาโลหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไป คิลมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วกลั้นหัวเราะ สมน้ำหน้าไอ้เฟริน เขาคิดในใจ ก่อนจะนึกอะไรออก
“ เอ่อ เรนอนครับ ผมลืมของไว้ในห้อง เดี๋ยวขอไปหยิบก่อนนะ " คิลกล่าว เรนอนมองหน้าคิลก่อนจะยิ้มแล้วตอบ
“ ได้ค่ะ ” คิลรีบวิ่งไปที่ห้องตนเองทันที ขณะที่กำลังคุ้ยของอยู่ ประตูก็เปิดออก
“ พี่คิลอยู่มั้ยคะ ” เสียงใสดังมาจากเจ้าหญิงวีซา โนเอลแห่งปราสาทขุนนางนั่นเอง
“ อยู่จ๊ะ ” คิลตอบพลางเดินมาหาเจ้าหญิงวีซา
“ มีอะไรหรอจ๊ะ ” เจ้าหญิงยิ้มอาย ๆ
" หนูขออะไรหน่อยได้มั้ยคะ " คิลพยักหน้าช้า ๆ อย่างงง ๆ แล้วยังไม่ทันทีคิลจะตั้งตัว เจ้าหญิงก็จูบเขา คิลรีบผลักเธอออกทันทีด้วยความตกใจ
“ นี่ วีซาทำอะไรน่ะ ” คิลทำหน้าตื่นตระหนกในขณะที่วีซาทำหน้าสลด
“ แต่พี่ก็รู้ รู้ว่าหนูรักพี่ ”
" พี่รู้ รู้ว่าวีซารักพี่ ตะ แต่ พี่มีคนชอบอยู่แล้ว พี่ก็เคยบอกวีซาแล้ว " คิลพยายามอธิบายเต็มที่
" พี่ให้โอกาศหนูหน่อยไม่ได้รึไงคะ หนูรักพี่จริง ๆ นะคะ " คิลส่ายหน้า
" ขอโทษนะ วีซา หัวใจของพี่มีแต่เรนอนเท่านั้น พี่คงมอบหัวใจให้ใครไม่ได้อีก แต่วีซาก็เป็นน้องที่น่ารักของพี่นะ " คิลพูดปลอบใจวีซาอย่างหวังว่ามันจะพอช่วยอะไรพลางยกมือขึ้นไปเชยคางมนของหญิงสาว แต่หญิงสาวกลับสะบัดหน้าออก
" หึ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น " วีซากล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันปนตัดพ้อพลางยิ้มเหยียด
“ พี่บังคับหนูเองนะคะ ” ว่าจบ เธอก็หยิบไม้คทาออกมาแล้วเริ่มร่ายมนตร์ เกิดควันประหลาดพวยพุ่งออกมาทั่วทั้งบริเวณ
“ วีซา ทำอะไรน่ะ หยุดนะ ” คิลร้องตะโกนท่ามกลางหมอก ซักครู่หมอกก็หายไป กลายเป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายชายก้มหน้าลงประทับจูบให้ฝ่ายหญิงซึ่งตอบรับอย่างดูดดื่ม
..!!
“ คุณคิลคะ ทำไมคุณช้า.. ” แต่ยังไม่ทันที่เรนอนจะพูดอะไรต่อ เธอก็ต้องอึ้งกับภาพที่เห็น คิลถอนริมฝีปากออกแล้วหันมามอง เรนอน นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นเรียบเฉยจนน่ากลัว ราวกับไม่ใช่คิลผู้ร่าเริงอีกต่อไป เรนอนเดินตรงมาหาหญิงสาวแล้วตบหน้าเธออย่างแรง ฝ่ายชายเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาห้าม
“ เรนอน คุณทำอย่างนี้ทำไม ” ชายหนุ่มตะโกนด่าเรนอนแล้วรวบหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอด หญิงสาวยิ้มอย่างเหนือชั้นกว่าให้เรนอน
“ แต่ว่า คุณคิล ” ยังไม่ทันที่เรนอนจะพูดจบ คิลกลับพูดตัดบทก่อน
“ พอกันที เรนอน ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นคนอย่างนี้ ไม่รู้ว่าผมรักคุณไปได้ยังไง ผมเกลียดคุณ ! ได้ยินมั้ยว่าผมเกลียดคุณ! ” คิลเริ่มตะคอกแล้วตบหน้าเรนอนอย่างแรง เรนอนเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปจากห้อง
“ ไม่เป็นไรนะ วีซา ” คิลหันกลับมามองที่วีซา นัยน์ตาสีม่วงทอประกายห่วงใยเต็มที่
“ ไม่เป็นไรเท่าไรหรอกค่ะ แต่ว่าพี่คิลทำร้ายพี่เรนอนทำไมละคะ ” วีซาทำท่าทางห่วงเรนอน แม้ว่าประกายในนัยน์ตาจะตรงกันข้ามกัน
“ วีซา วีซายังไปห่วงคนที่ทำร้ายวีซาอีกหรอ อย่าไปสนใจยัยเจ้าหญิงนั่นเลย ต่อไปนี้จะมีแค่เพียงเราสองคนเท่านั้นนะ ” คิลกล่าวพลางมองหน้าวีซาอีกครั้งก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากลงไปบนปากสีชมพูเรื่ออวบอิ่มของหญิงสาว นัยน์ตาของหญิงสาวทอประกายที่ยากจะบ่งบอกความหมาย
สวน
“ ฮือ ๆๆๆ ”
เรนอนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนม้าหินอ่อน ที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณแมกไม้นานาชนิดที่ทำให้จิตใจสงบแต่ตอนนี้จิตใจของเรนอนกลับวุ่นวายเสียเหลือเกิน เธอนั่งร้องไห้อยู่จนกระทั่งมีมือคู่หนึ่งวางลงที่ไหล่
" เรนอนครับ " คนที่แตะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดาร์ค เกลเลอร์ เสนาธิการขวานั่นเอง แม้เสียงจะแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย แต่นัยน์ตากลับฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิด
" คะ ? คุณดาร์ค " เรนอนพูดตะกุกตะกักพลางเช็ดน้ำตาออก
" เรนอน ให้ผมเป็นคนดูแลหัวใจบอบช้ำของคุณเถอนะครับ " ดาร์คพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ทันทีจะเกินอะไรขึ้น ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านมาเสียก่อน
“ เป็นอะไรไป เรนอน ส่วนนาย อย่าเพิ่งไป ” เฟรินรีบถามเมื่อเห็นเรนอนมานั่งร้องไห้อยู่ แล้วสั่งดาร์คไม่ให้หนีไปไหน ส่วนคาโลก็รีบร่ายเวทย์ไม่ให้ดาร์คขยับไปไหนได้
" คือว่า คุณคิล " ไม่ทันที่เรนอนจะพูดต่อ เรนอนก็ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง
“ ไอ้คิลมันทำอะไรเรนอนหรอ ไหนเรนอนใจเย็น ๆ แล้วเล่าเรื่องให้ฉันฟังหน่อยซิ ” เมื่อรู้ว่าเป็นเพื่อนของตน เฟรินก็หูพึ่งขึ้นมาทันที เรนอนเริ่มสงบสติอารมณ์แล้วเล่าเรื่อง
“ ก็คุณคิลเขาบอกว่าจะไปหยิบของที่ห้อง แล้วก็หายไปเลย ฉันก็ไปตาม แต่พอเปิดประตูห้อง ฉันก็เห็น เห็น ” เรนอนหยุดพูดเหมือนมีอะไรมาจุกคอ
“ เห็นอะไร เรนอนเห็นอะไร ไอ้คิลมันทำอะไร ” เฟรินพูด นัยน์ตาสีน้ำตาลแฝงไปด้วยความโกรธ
“ คุณคิลเขากำลังจูบอยู่กลับผู้หญิงคนอื่น แล้วเขาก็ตบหน้าฉันอีกด้วย ฮือ ๆๆ ” เพียงเท่านั้น เฟรินก็ควันเดือดปุด ๆ แล้วหันไปมองคาโล คาโลมองไปที่ดาร์ค
" คิลไม่มีทางทำอย่างนั้น " คาโลพูด ดาร์คกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเห็นนัยน์ตาสามคู่มองมาทางเขา คู่แรก นัยน์ตาสีฟ้ามองมาอย่างเรียบเฉย แต่เย็นเยือก นัยน์ตาคู่ถัดมา นัยน์ตาสีน้ำตาลที่กำลังคุกกรุ่นเต็มที่ราวกับภูเขาไฟที่จะประทุเมื่อไรก็ได้ และนัยน์ตาคู่สุดท้าย นัยน์ตาสีชมพูที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจปนเปไปกับความเสียใจ
" คือ วีซาเขาเสกมนตร์ใส่คิล คิลเลยเป็นแบบนี้ " ดาร์คพูดรัวด้วยความรวดเร็วด้วยความกลัวสุดขีด
" แล้วทำไมนายถึงรู้เรื่องนี้ " คาโลถามเสียงเย็น
" กะ ก็ เราสองคน วางแผนกัน ขอโทษนะ ฉันทำแบบนี้เพราะชอบเรนอน วีซาก็เหมือนกัน " ดาร์คกล่าวอย่างร้อนรน ส่วนเฟรินนั้นกำมือแน่นแล้วเดินออกไปด้วยความรวดเร็วตามด้วยคาโล ส่วนดาร์คใช้เวทย์เคลื่อนที่หนีไปที่ปราสาทขุนนางด้วยความรวดเร็วทันทีที่คาโลคลายมนตร์
“ ไอ้คิล ! ” เฟรินพลักประตูออกเสียงดังแล้วรีบตรงรี่มาที่คิลทันที
“ อ้าว ไงคาโล เฟริน "
“ แกทำอย่างนี้กับเรนอนได้ไง ” เฟรินเดือดขึ้นทุก ๆ ที แต่คิลกับตอบสบาย ๆ
“ ไอ้เจ้าหญิงขี้แยร้องไห้แล้วไปฟ้องเฟรินละสิท่า แง ๆๆ คุณเฟรินคะ คุณเฟรินขา ” คิลทำเสียงล้อเลียนเล่นเอาเฟรินเกือบระเบิด ก่อนที่คิลจะปั้นสีหน้าเรียบเฉย
“ ก็มันอยากทำร้ายวีซาทำไมละ ถ้าอยากโทษ ก็ไปโทษเจ้าหญิงของแกสิ ” คิลตอบเสียงเรียบ
“ ไอ้คิล ! ” เฟรินต่อยหน้าคิลไปอย่างแรง คิลหันขวับไปตามแรง ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนตัวเองอย่างสมเพชก่อนจะผลักเฟริน เฟรินซึ่งอยู่ในร่างผู้หญิงอันบอบบางล้มไปกับพื้น คาโลรีบเข้ามาช่วย ก่อนจะมองคิลด้วยสายตาอาฆาตแค้นเช่นเดียวกับเฟรินที่แม้เจ็บก็ยังไม่เจียมตัว
“ มันจะมากเกินไปแล้วนะ คิล ” คาโลเริ่มตะโคกใส่คิลอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ แล้วไง รักกันจริ้ง คู่นี้ น่าอิจฉา รักกันดูดดื่มปานจะกลืนเชียวน้า ”
“ คิล ! ” คาโลตะโกนแล้วชกหน้าคิลอย่างแรงจนเฟรินถึงกับอึ้ง เพราะไม่เคยเห็นคาโลใช้กำลังเลย ทันใดที่โดนหมัด สติของคิลก็กลับ คิลมองไปรอบๆอย่างงุนงง
“ เกิด เกิดอะไรขึ้น ” คิลถามเมื่อสติกลับ คิลมองหน้าเพื่อนด้านหน้าที่กำลังมองเขาด้วยความโกรธ มือยังคงกำหมัด ส่วนอีกหนึ่งสาวที่นั่งข้าง ๆ สีหน้าตื่นตกใจ และที่ชวนให้เขาตกใจมากที่สุดคือภาพเฟรินลงไปนอนกองกับพื้นและมองคาโลด้วยสายตาอึ้ง
“ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ” คิลถามอีกครั้ง
“ นายโดนเจ้าหญิงวีซาใช้มนตร์สะกด ” คาโลตอบ
“ อะ อะไรนะ ” คิลถามซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู พลางมองเจ้าหญิงวีซาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังทำสีหน้าตกใจมาก ๆ อยู่
" ละ แล้วฉันทำ อะ อะไรไปบ้าง " คิลถาม
“ นายก็แค่โดยมนตร์สะกดของเจ้าหญิงวีซา ทำให้นายหลงรักเธอจนเผลอทำร้ายเจ้าหญิงเรนอนโดยการตบหน้าเธออย่างแรง แค่นั้นเอง ” คราวนี้เฟรินเป็นฝ่ายตอบ เธอกล่าวเสียงเรียบ ๆ ราวกับจะประชด คิลมองหน้าเจ้าหญิงข้างตัว ก่อนจะสูดลมหายใจสติอารมณ์แล้วพูดด้วยเสียงเย็กเยือกและเรียบเฉยจนน่ากลัว
" พี่ไม่อยากเชื่อว่าวีซาจะทำอย่างนี้ พี่อุตส่าห์เชื่อใจวีซา ” วีซามองคิลด้วยสีหน้าสลด
“ หนู หนูขอโทษ หนูแค่ชอบพี่คิลมาก ๆ เท่านั้นและอยากให้พี่คิลคิดกับหนูเกินกว่าน้อง ”
“ แต่วีซาก็ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้ วีซาทำให้พี่ต้องทำร้ายเพื่อนตัวเอง ” คิลพูดอย่างสงบสติอารมณ์สุดขีด
" หนูขอโทษจริงๆนะคะ ” วีซายังคงขอโทษต่อ
“ ช่างมันเถอะ พี่จะไม่ถือโทษโกรธวีซาแล้วกัน วีซา พี่เชื่อว่าวันหนึ่ง วีซาจะต้องเจอกับคนที่รักวีซาด้วยใจจริง เชื่อพี่สิ ” คำพูดของคิลทำให้วีซายิ้มให้น้อย ๆ อย่างเศร้า ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เธอหันมามองคิลก่อนจะออกไป
" ขอบคุณนะคะ พี่คิล ที่เข้าใจหนู " วีซายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ ฉันขอโทษพวกนายด้วยนะ ” คิลกล่าวกับเฟรินและคาโลเมื่อเจ้าหญิงเดินออกไป
“ เออ ๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคราวหลังนายไม่ได้ตกอยู่ในมนตร์สะกดนะ แกตายแน่ ” เฟรินตอบพลางหัวเราะ
“ ว่าแต่ นายลืมอะไรไปหรือเปล่า ” เฟรินถามเพื่อเตือนความจำให้เพื่อน แล้วคิลก็ชะงัก เขาคุ้ยอะไรบางอย่างในลิ้นชักและหยิบของบางสิ่งใส่กระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งออกไปจากห้อง
“ เร็วชะมัดยาก ” เฟรินมองตามเพื่อนไปแล้วหันกลับมามองคาโล
“ ช่วยทีดิ ” เฟรินยื่นมือขึ้นมา คาโลรับมือไว้แล้วดึงเฟรินมาไว้ในอ้อมกอด แล้วยิ้มกว้างอย่างที่เห็นได้ยากก่อนจะก้มลงแล้วร่างสองร่างก็แนบชิดกัน
สวน
“ เรนอนครับ เรนอน ” คิลตะโกนมาแต่ไกล เมื่อวิ่งมาถึงเขาก็พักเหนื่อยก่อนชั่วครู่แล้วเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนกับเจ้าหญิงเรนอน
“ เรนอนครับ ผมขอโทษนะครับ ” เรนอนยังคงเงียบ
“ เมื้อกี้ผมโดนมนตร์สะกดของน้องวีซา เลยทำร้ายคุณไป แต่ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ ผมรักคุณจริง ๆ รักคุณมากที่สุด รักคุณคนเดียวเท่านั้นเลยนะครับ ” เรนอนหันมามองคิลแล้วยิ้ม คราบน้ำตาที่แห้งเริ่มเหือดหายไป
“ ฉันให้อภัยคุณก็ได้ค่ะ ” เพียงเท่านั้น คิลก็กระโดดโลดเต้นไปมา จนเรนอนหัวเราะแล้วปราม
“ พอได้แล้วค่ะ ” คิลรีบกระโดดกลับมายังที่นั่งอย่างเชื่อฟังแล้วมองหญิงสาวตรงหน้าพลางยิ้ม แล้วเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น แล้วหยิบกล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงกล่องเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ อะไรคะ ” คิลยิ้ม แล้วเปิดกล่องออก ข้างในกล่องเป็นสร้อยเงินที่มีจี้รูปหัวใจห้อยอยู่ด้านล่าง สลักคำว่า “L O V E” คิลบรรจงหยิบขึ้นมาแล้วสวมเข้าที่ลำคอระหงของเรนอน
" รู้มั้ยครับว่า เป็นธรรมเนียมของตระกูลผมที่จะต้องมอบสร้อยเส้นนี้ให้กับคนที่ตนเองรัก แล้วสร้อยมันจะปรากฏเป็นชื่อของทั้งสองคน ถ้าเกิดนั่นเป็นรักแท้ "
คิลว่าพลางยิ้มอ่อน ๆ ให้ แล้วทันใดนั้น ก็เกิดแสงวาบที่คอของเรนอน คิลยกมือขึ้นพลิกสร้อยดูด้านหลังแล้วก็ยิ้มกว้าง เมื่อข้างหลังนั้นมีคำสลักขึ้นมาว่า Kill & Renon ทั้ง ๆ ที่ก่อนนั้นไม่มีอะไรสลักอยู่เลย
" คราวหลังอย่าทำให้ฉันใจหายอย่างนี้อีกนะคะ ” เรนอนพูด
“ ได้ครับ สัญญาเลย ” คิลพูดแล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมา เรนอนหัวเราะก่อนที่จะก้มหน้างุด
“ คุณคิลรู้มั้ยว่า ตลอดเวลา ตลอดเวลาที่เจ้าหญิงวีซามาหาคุณฉันก็รู้สึก.. ” เรนอนไม่พูดต่อ คิลจึงต่อให้
“ หึง ” ใบหน้าของเรนอนขึ้นสีมาทันที
“ บ้า ” คิลมองหน้าเจ้าหญิงคนงามแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“ ตกลง ที่คุณทำตัวเหมือนไม่ชอบฉันมาตลอดนี่คือแกล้งใช่หรือเปล่าคะ ” คิลลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าเรนอน ก่อนจะ ..
“ This is real,this is me now I’m exactly where I’m suppose to be,now.Gonna let the light,shine of me.Now I’ve found,who I am.There’s no way to hold it in.No more hiding who I want to be.This is me (นี่คือความจริง นี่คือฉัน ตอนนี้ฉันยืนอยู่ในที่ ๆ ฉันควรอยู่ เหลือแต่รอเพียงแสงไฟที่ส่องมายังตัวฉัน ตอนนี้ฉันพบแล้วว่าฉันคือใคร ไม่มีทางที่จะหยุดมันได้ ไม่อาจซ่อนได้แล้วว่าฉันอยากเป็นใคร เพราะนี่คือฉัน) ” คิลร้องเพลงอย่างไพเราะนุ่มนวล อย่างน่าจะเปลี่ยนจาก เดอะ คิลเลอร์ ไปเป็น เดอะ ซิงเกอร์ แทนซะ เขานั่งคุกเข่าอีกรอบและกุมมือเจ้าหญิงไว้
“ ผมรักคุณนะครับ ” เจ้าหญิงเรนอนยิ้มตอบ
“ ฉันก็รักคุณค่ะ ”
“ เป็นแฟนกับผมนะครับ ” เรนอนหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างอาย ๆ
“ ได้ค่ะ ”
คิลยิ้มกว้าง ก่อนจะรวบเอวเรนอน แล้วก้มลงเพื่อประทับจูบแห่งสัญญา สาบานรักชั่วนิรันดร์......
สุดท้ายแล้ว .. เรื่องราวที่ไม่น่าเป็นไปได้ของความรักระหว่างนักฆ่าและเจ้าหญิง แต่ความรัก .. ก็มักมีอะไรมาให้เราแปลกใจอยู่ได้เสมอ ๆ
.. อวสาน ..
ความคิดเห็น