ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    '' Cheese #1 ''

    ลำดับตอนที่ #15 : - SP [5] -

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 53



    Waring : ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Y(aoi) อย่างตอนที่ผ่านมาใดๆ ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ต่างๆของแต่ละคน แต่ไม่บอกนะเออว่าใครบ้าง =w=/ ใบ้ให้ว่าเป็นพี่น้องโกโคลาดา
    ** อย่าลืมว่า SP นี้มาจากซีครีตต้า


    SpacialChapter [5]

     

                   

                    บะ บ้าน่า!”

                    หึหึหึ สุดท้ายแล้ว เจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็เรื่องของเจ้า

                    เครื่องรางหินอ่อนตกลงสู่พื้นเมื่อร่างของคนที่ถือมันอยู่ในตอนแรกเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกับความว่างเปล่า

                    เด็กสาวก้าวไปข้างหน้าแล้วก้มตัวลงหยิบเครื่องรางนั้นมา มองด้วยสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้วจึงเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง

                   

                    .

                    .

                    .

                    กรี้ด!!” เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นทำให้ทุกคนหันไปมองต้นเสียง แล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของเนซที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจในขณะที่แท่งปลายแหลมที่ถูกฟ้าผ่าพุ่งมาจากหน้าต่างของอาคารสูงใหญ่แห่งหนึ่ง

                    ข้างๆกายมีเครื่องรางหินอ่อนตกอยู่

                    หยุดมันสิ!”

                    ทำยังไงล่ะ!?”

                    โอ้ย! ใครก็ได้หยุดมันทีก่อนมันจะแทงทะลุตัวเธอ!!!”

                    ทุกคนดูพะว้าพะวงด้วยไม่รู้จะทำเช่นไร เนื่องด้วยหอกตกลงมาด้วยความเร็วสูง อาวุธอยู่ในมือทุกคนเรียบร้อยแล้ว หากแต่กลับไม่มีใครรู้ว่าจะทำยังไงกับมันดี ราวกับมีบางอย่างสะกดให้ความรู้สึกและการนึกคิดของพวกเขาเชื่องช้าลง

                    ยกเว้นเพียงคนหนึ่งที่ยังมีสติยึดมั่นอยู่กับตัวดียิ่ง

                    คนที่รู้จักเครื่องรางที่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้รับความสนใจดีรีบวิ่งตรงไปทางเนซ แต่กลับไม่ได้วิ่งเข้าไปหาเนซ

                    เด็กสาวที่วิ่งอย่างสุดแรงเริ่มรู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่มีทางไปทันแน่ไถลตัวไปกับพื้นจนพื้นหินที่ขรุขระขีดข่วนเสื้อของเธอจนเป็นรอยขาดวิ่น เลือดไหลออกมาตามรอยแผลที่ถูกถลอก หากแต่เด็กสาวกลับไม่ได้ใส่ใจ

                    มือเอื้อมไปคว้าเครื่องรางหินอ่อนที่อยู่ข้างกายของเนซออกมาและเขวี้ยงลงน้ำทันที

                    หอกเล่มยาวเบี่ยงทิศไปปักข้างกายของคนที่เมื่อครู่อยู่ในสภาวะเฉียดตายได้อย่างพอดิบพอดี

                    ร้ายสมชื่อจริงๆ.. เครื่องรางนรก ..

     

     

                    ข้าไม่อยากทำอย่างนี้เลยจริงๆ..

                    ท่ามกลางเสียงร้องลั่นด้วยความดีใจ และเสียงแห่งความยินดี ใครบางคนหลบอยู่ในมุมมืด ไม่ออกไปร่วมกับผู้อื่น พึมพำกับตนเงียบๆด้วยแววตาที่ปวดร้าว

                    ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกจากมุมมืดนั่น ออกมาสู่แสงสว่างและบรรยากาศแห่งความยินดีที่บีบรัดหัวใจของคนบางคนให้เจ็บช้ำ

                    ฮาน่าหลบ!” ฮาริสตะโกนกู่ร้องเสียงดังลั่นแล้วใช้ตัวเข้าบังฮาน่าที่กำลังตะลึงงึนงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ทันที

                    ถอยออกไป ฮาริส แววตาอันเจ็บปวดไม่มีการปิดบัง ฉายชัดออกมาให้คนข้างหน้ารับรู้แต่กลับไม่ทันได้ใส่ใจ ด้วยความตกใจมันมีมากกว่า

                    ข้า.. ต้องปกป้องฮาน่า พูดด้วยน้ำเสียงทรมานไม่แพ้กัน มือคว้ากริชที่เก็บไว้ติดตัวตลอดเวลาขึ้นมา ชูขึ้นให้ปลายมีดสะท้อนกับแสงอาทิตย์วาววับ จของคนบางคนอววตาที่ปวดร้าว________________________________ฉายชัดซึ่งความชั่วร้ายที่วาววับวูบวาบ ซ่อนตัวอยู่ในความงดงามนั้น

                    และทำให้คนที่ถือดาบเล่มยาวอยู่ไม่ต่างกันยิ้ม

                    ฆ่าข้าซะ

                    ฮาริสที่ดูมั่นใจในตอนแรกกลับดูลดความมั่นใจเหลือเพียงศูนย์ มือที่กำกริชเล่มเล็กแน่นเริ่มคลายออกอย่างลังเล

                    ขะ ข้า ..

                    ฮาริส! แทงเธอซะ!!” เรฟาร้องตะโกนมาจากอีกฝาก รีบวิ่งอย่างสุดกำลังเข้ามาหาคนทั้งคู่ที่กำลังประจันหน้ากันอยู่ ผู้มีความประสงค์จะคร่าชีวิตของฮาน่า เวนเดล ผู้เป็นเดอะ เกรทเทสจับดาบด้วยมือทั้งสองข้าง เงื้อดาบขึ้นสูง เตรียมจะฟันมายังฮาริสที่กำกริชด้วยมืออันสั่นเทา หวาดกลัวไม่กล้าฆ่าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนซึ่งร่วมเดินทางมาด้วยกันตลอดตรงหน้า

                    แทงข้าซะ!! เดี๋ยวนี้!! ข้าขอร้อง!!!” ใบหน้าหวานเหยเก มือสั่นระริกด้วยความพยายามที่จะขัดขืน เรฟาที่วิ่งอย่างสุดแรงเข้ามาถึงตัวฮาริส คว้ากริชและเตรียมจะทำหน้าที่แทนเด็กชาย

     

                    หากแต่ช้าไป ..

     

                    คนที่กุมดาบแน่นเมื่อครู่ทรุดตัวลง ดาบเล่มใหญ่ปักลงกับพื้น ใบหน้าก้มนิ่งมองพื้น ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ

                    และเมื่อเรฟาก้มตัวลงไปแล้วดันใบหน้านั้นให้เงยขึ้นมาสบตาเขา

                    ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท ..

                    ก่อนจะเอนตัวลงสู่ผืนธรณีที่โอบกอดร่างนั้นกลับสู่จุดกำเนิดเดิม ..

     

     

                    คนที่มีความสูงเพียงแค่นิดเดียวของคนตรงหน้ายื่นผลไม้หน้าตาน่ากินให้กับฮาน่า ด้วยความเหนื่อยที่เริ่มครอบงำทำให้รีบคว้ามันมาทันทีแล้วกล่าวขอบคุณกับคนที่ยิ้มเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเดินไปสมทบกับคนอื่นๆที่อีกฟากฝั่ง

                    หยิบผลไม้ที่อีกฝ่ายเอามาให้แล้วผลิกซ้ายขวาดูความน่ากินและสดใหม่ของมันเล็กน้อย

                    สูดดมกลิ่นหอมของอาหารเบื้องหน้าแล้วหยิบมันขึ้นมา เตรียมจะเอาเข้าปาก

                    “เดี๋ยวนะ..กลิ่นนี้มัน .. ฮาน่า?! อย่าเพิ่งกิน!!” ร้องมาจากอีกฟากหนึ่ง พุ่งปราดมาคว้าอาหารในมือของฮาน่าแล้วยกขึ้นมาเกือบแตะจมูก กลิ่นหอมของอาหารที่หากดมดีๆแล้วกลับได้กลิ่นของบางสิ่งปะปนมา

                    คนที่เข้ามาขัดขวางย่นจมูกลงเล็กน้อย เมื่อได้กลิ่นบางสิ่งที่ไม่ใช่อาหารลอยโชยมา

                    “มะ.. มีอะไรหรอ?” ถามเสียงไม่มั่นคง จ้องมองคนที่ตอนนี้ยังคงนอนราบอยู่บนพื้นและผลไม้ในมือนั้นอย่างเริ่มหวาดระแวง

                    “ผลไม้นี่มี .. อืม” ใบหน้าหวานน่ารักนั่นขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันคืออะไร

                    “ลาซอน  ..!!

                    “มันคืออะไรงั้นรึ?” เดธที่เดินเข้ามาใกล้ถามคนที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งบนพื้นแล้วเรียบร้อยแต่ก็ยังไม่ยอมยืนขึ้นเสียที คนที่ถูกถามยกผลไม้ในมือขึ้นให้มันสะท้อนกับแสงอาทิตย์ เผยให้เห็นเงาแสงเรืองรองรูปหัวกะโหลกวาววับบนพื้นผิวของผลไม้

                    “ผลไม้มีพิษ  รุนแรงมากขนาดว่าฆ่าคนได้ ส่วนลักษณะเมื่อสะท้อนแสงอาทิตย์แล้วจะปรากฏเป็นเงารูปหัวกะโหลก อาการของคนที่กินมันเข้าไปจะไอออกมาเป็นเลือด แล้วช็อคไป แล้วก็ ..ตาย ..ไปเลย”

                    “ใครเอามันให้ฮาน่ากิน” เรฟาเอ่ยถามเสียงเข้ม กวาดตามองทุกคนที่เกิดนิ่งเงียบขึ้นมากระทันหัน เพราะในนั้นไม่มีคนที่เป็นคนนำผลไม้ให้ฮาน่าแม้แต่คนเดียว

                    แต่คนที่นำมันให้ฮาน่านั้น นั่งอยู่ตรงกลางวงนั่นเอง

                    “เจ้ารึ?”

                    น้ำเสียงของเรฟาค่อนข้างฉายแววประหลาดใจ ส่วนคนที่ถือผลไม้อยู่นั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากเล่าถึงที่มา

                    “ตอนนั้นข้า ..เดินเข้าไปในป่า แล้วก็เจอมัน ตอนนั้นข้าไม่ทันได้สังเกตอะไร เหมือนกับว่าตัวข้า ..สติหลุดไปแล้วยังไงยังงั้น แล้วพอเก็บมากำลังจะกิน ก็เห็นฮาน่าพอดี เลยนำมันมาให้”

                    “หรือว่าจะโดนสะกดใจ?” เนซออกความเห็นที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดมา

                    “เป็นไปได้นะ แต่ว่าที่รู้แน่ๆตอนนี้ ..”

                    ฮาริสกวาดสายตามองทุกคนอย่างเคร่งเครียด แล้วพูดประโยคต่อออกมา

                    “อาเนียจะฆ่าฮาน่า และมันจะทำทุกวิถีทาง ไม่ว่าวิธีนั้นมันจะสกปรกเพียงใดก็ตาม”

     

     

                    “ภารกิจงี่เง่า ข้าไม่รับ” ปฏิเสธเสียงแข็ง ทำสีหน้าประหนึ่งว่าภารกิจนั้นกระจอกเกินไป

                    “หึ แต่ก่อนเห็นเจ้ารับไม่เลือกงานเลยไม่ใช่รึไง”

                    ใบหน้าหวานแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปากก็ยังขยับเอ่ยโต้ตอบกับความมืด

                    “อย่ามาลามปามกับข้า นาริส  พวกชั้นต่ำอย่างเจ้าอย่ามาริอาจเหิมเกริมกับข้า”

                    “เจ้ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนักหรอก!

                    “ข้าไม่เหมือนเจ้า!!” เอ่ยโต้ตอบทันที “ระดับของข้ามันอยู่สูงกว่าพวกขี้ข้าอย่างเจ้ามากนัก”

                    “นี่เจ้า ..!!!

                    “หยุดเถียงกันได้แล้ว!!” อีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาอย่างรำคาญใจโดยไม่รู้ที่มาอีกเช่นเคย

                    “นาริส เจ้าอยู่แค่เพียงระดับศูนย์ ตามกฏแล้วเจ้าไม่มีสิทธิ์เหยียดหยาม ดูถูก ดูหมิ่นหรือกล่าวอะไรที่เป็นการลบหลู่คนที่อยู่ตั้งระดับที่ห้าสิบได้ ที่ข้าละให้นี่ก็มากพอแล้ว”

                    “ฮึ!” นาริสส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

                    “เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าจะไม่รับภารกิจนี้” บุคคลที่สามไม่ได้สนใจนาริสเสียเท่าไร เขาหันมาถามคนที่อยู่เด่นตระหง่านอยู่ตรงกลางห้องที่มีแสงสว่างสาดส่องมาจากทุกทิศทาง

                    “ข้าแน่ใจ..” คนที่ถูกถามตอบเสียงเข้ม มั่นคง และหนักแน่น

                    คนที่ได้รับคำตอบนั้นมาถอนหายใจเล็กน้อย “เจ้าก็รู้ว่าการใจอ่อนมันไม่ช่วยอะไร”

                    “ข้าไม่ได้ใจอ่อน!” ตอบอย่างนั้นทั้งๆที่ดวงตาก็เริ่มฉายแววไม่มั่นใจ คนที่อยู่ตรงกลางห้องกำมือแน่น ก้มหน้ามองพื้น แล้วเผยความจริงในใจออกมาหมดสิ้น

                    “ข้าขอโทษ แต่ว่า ..นางเป็นเพื่อนข้า”

                    “เจ้าเปลี่ยนไปนะ ...เปลี่ยนไปมาก”

                    ใบหน้าที่ก้มนิ่งแค่นยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวดและทรมานใจ แม้จะรู้ว่าการใจอ่อนมันไม่ได้ช่วยอะไร

     

                    แต่มิตรภาพ ..มันไม่ใช่สิ่งที่จะเอาอะไรมาแทนได้ง่ายๆ

     

                    เงยหน้าขึ้นมาทั้งใบหน้าที่ยิ้มเหยียด แล้วกล่าวคำสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

     

                    “ข้าก็แค่ ...มีหัวใจ ..เท่านั้นเอง”

     

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ลองเดาดูสิว่าใครเป็นใคร ไม่น่าจะยากนาา!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×