ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Baramos Fiction] short fictions

    ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องราวที่ไม่มีวันจบ ..

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 52




    เรื่องย่อ
    :: เฟริน เดอเบอโรว์ นั้นไม่มีตัวตน มีเพียงเฟลิโอน่า เกรเดเวล ที่กำลังจะไปเข้าศึกษาที่เอดินเบิร์กเท่านั้น

    เล่า :: เรื่องนี้เกิดจากความบ้าบอของคนแต่ง อ่ะฮู้ >.<



    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีดินแดนสองดินแดนอันเป็นพันธมิตรกัน คือเอเดน และเดมอส ทั้งสองฝั่งนั้นรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี และคอยให้ความช่วยเหลือแก่กันเสมอ โดยเฉพาะเมืองมหาอำนาจอย่าง คาโนวาล ...

    ณ เดมอส

    " ไง เอวิเดส " เสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นมาก่อนตัวจะมาถึงเสียอีก เรียกให้ชายหนุ่มนามเอวิเดสหันไปมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนรักของตน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และกำยำตามแบบนักรบ ผิวสีน้ำผึ้งตามแบบฉบับของคาโนวาลไม่ได้ลดความสง่างามในตัวของตนไปเลย

    " บาโร ! คิดไงแวะมาเนี่ย " น้ำเสียงขี้เล่นตามแบบฉบับของปีศาจหนุ่ม(?)ทักทายตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

    " ถวายบังคมเพคะ " หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างคิงบาโรถอนสายบัวให้อย่างงดงาม นัยน์ตาสีเงินคู่สวยฉายแววยินดีอย่างยิ่ง

    " ไม่ต้องเป็นพิธีการมากหรอก คาเดีย " ผู้ถูกขนานนามว่าคาเดียยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหันไปมองด้านหลังของเอวิเดส

    " บาโร คาเดีย " น้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อยบ่งบอกถึงความประหลาดใจจากผู้มาใหม่

    " อลิเซีย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ " คาเดียกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากแต่ก็แฝงแววดีใจเอาไว้ ก่อนจะพาอลิเซียออกไปคุยกันสองคนตามประสาผู้หญิง

    " ท่านพ่อ ลูกขอ..เอ๊ะ? " เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เธอมีใบหน้าที่เหมือนกับอลิเซียมาก นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตดูใสซื่อ ผมเปียสองข้างที่ถักเอาไว้เสริมความน่าเอ็นดูให้เธอเป็นกอง เธอมองมาที่คนทั้งสองที่ยืนอยู่อย่างประหลาดใจ

    " ใครหรือเพคะ ท่านพ่อ " เด็กสาวถาม

    " เฟลิโอน่า นี่ท่านอาบาโร " เอวิเดสลูบหัวลูกสาวตนอย่างเอ็นดูทีหนึ่ง ก่อนจะผายมือไปทางบาโร

    " ถวายบังคมเพคะ ท่านอาบาโร " น้ำเสียงเล็กน่ารักตามประสาเด็กสาวกล่าวก่อนจะถอนสายบัวให้ด้วยกริยาน่ารัก ทำให้บาโรอมยิ้มเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู

    " แล้วนั่นใครกันเพคะ? ท่านพ่อ " เฟลิโอน่าถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองไปที่เด็กชายที่ดูจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ นัยน์ตาสีฟ้าอีกคู่ของเด็กชายนั้นมองมาที่เด็กสาวด้วยความสนใจกึ่งเย็นชา เรือนผมสีเงินที่ถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อยเป็นประกายสะท้อนกับแสง

    " คาโลงั้นรึ? ไม่ได้เจอกันนาน หล่อขึ้นเยอะเลยนิ " เอวิเดสเลิกคิ้ว ก่อนจะหยอดคำหยอกให้เด็กชายที่ชื่อว่าคาโล

    " ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอา " เด็กชายโค้งเล็กน้อยแล้วพูดรับมุขอย่างดี

    อ่อ เฟลิโอน่า นี่ คาโล ลูกชายของท่านอาบาโรลูก

    ถวายบังคมค่ะ ท่านพี่คาโล   เฟลิโอน่าถอนสายบัวอีกครั้งแล้วยิ้มเฉ่งอย่างอารมณ์ดี

    " เอ้อ เฟลิโอน่า เจ้ามานี่มีอะไรรึ?  

    " คือลูกอยากจะขอไปเดินเล่นในสวนสมเด็จเพคะ " เอวิเดสยิ้มให้ลูกของตนแล้วหันไปมองที่บาโร บาโรพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วหันไปมองลูกของตน

    " คาโล พาน้องไปหน่อยสิ พ่อจะคุยกับเอวิเดสหน่อย "

    " พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อ " เฟลิโอน่าได้ยินดังนั้นก็รีบเดินนำลิ่วออกไป ส่วนคาโลก็เดินตามออกไป


     

    ณ สวนสมเด็จ

    " ท่านพี่คาโลเพคะ ๆ คาโลเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร ซึ่งคำตอบที่ได้รับ ก็เป็นดอกแดฟโฟดิลสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ที่มีเกสรเป็นสีเหลืองอร่ามที่ถูกยื่นมาให้

    " นี่เพคะ หญิงให้พี่ " นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววประหลาดใจเป็นครั้งแรกของวัน หากแต่มือของตนก็เอื้อมไปรับดอกไม้นั้นเสียแล้ว ส่วนคนให้นั้น เมื่อบรรลุเป้าหมายของตนก็วิ่งกลับไปเดินชมดอกไม้ที่ตนแสนรักต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ..

    คาโลมองตามภาพนั้นไปด้วยสายตาที่ฉายแววอาทรต่อน้องสาวคนนี้มากนักหนา

     

    5 ปีผ่านไป ...

    บาโร ! ”

    เอวิเดส ! ”

    เจ้าของชื่อทั้งสองคนโผเข้าหากันแล้วกอดกันอย่างกลมเกลียว หลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาห้าปี

    เป็นอย่างไรบ้างละ บาโรถามไถ่ทุกข์สุขดิบเพื่อนรักที่ยิ้มกว้างให้แทนคำตอบ

    สบายดีมาก ๆ เลยละ ว่าแต่เจ้าคาโลเป็นไงบ้างละ เอวิเดสเอ๋ยผาดผิงไปถึงอีกหนึ่งบุรุษผู้ยืนอยู่ข้าง ๆ บาโร ชายหนุ่มที่แม้เค้าหน้าจะไม่ค่อยต่างอะไรไปมากกว่าเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ความสง่างามนั้นกลับผิดกัน เพราะมันมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ใบหน้ารูปสลักที่แม้จะดูเฉยชาแต่ก็ดูดี

    กระหม่อมสบายดีขอรับ ขอบพระทัยที่ทรงถามไถ่ น้ำเสียงนิ่ง ๆ ที่ดูจะเข้มขึ้นมากว่าเดิมเพราะเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนเสียงหวานน่ารักที่คุ้นเคยแต่อ่อนนุ่มมากกว่าเดิมจะดังลอยมา

    ท่านพ่อออ !!! ” เหมือนสถาณการณ์เดิม ๆ ที่ย้อนกลับไปดูซ้ำ จะผิดก็แต่รูปลักษณ์ของตัวละครที่แปลกไป หญิงสาวตรงหน้ามิใช่แค่เด็กสาวผู้แสนจะน่ารักอีกต่อไป หากแต่เป็นหญิงสาวผู้สูงทั้งศักดิ์และความงาม ผมสีน้ำตาลไหม้ที่ยาวมากกว่าเดิมปล่อยสยายลงมา และคลอเคลียล้อมกรอบใบหน้าเป็นบางส่วน ดวงหน้าที่เคยน่ารักบัดนี้ดูอ่อนหวาน ทรวดทรงก็เพิ่มมากขึ้นตามวัย แก้มของเจ้าตัวเป็นสีชมพูระเรื่อเนื่องจากการที่เจ้าตัวรีบวิ่งมา และสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตที่ยังฉายแววใสซื่ออยู่เป็นนิจนั่นเอง

    ท่านอาบาโรกับท่านพี่คาโลมาหรอคะ ! ” เจ้าตัวถามด้วยน้ำเสียงที่คงจะไม่เบาซักเท่าไร โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่า คนที่เจ้าตัวกำลังพูดถึงอยู่ทั้งสองนั้น อยู่ในห้องนี่เอง

    ท่านอาบาโรกับท่านพี่คาโลของลูกอยู่นี่ไง บาโรพูดกลั้วหัวเราะด้วยความขำในตัวของลูกสาวเพื่อนรัก เฟลิโอน่าหันขวับกลับมามองก่อนจะโผเข้ากอดบาโร

    ท่านอาบาโร ! ”

    ไง เฟลิโอน่า ไม่ได้เจอกันนาน โตขึ้นมาเชียวนะ

    เพคะ นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววระริกอย่างตื่นเต้นก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ของเธอ

    ท่านพี่คาโล ! วันนี้เราไปดูสวนกันอีกนะ ๆ นะ น้า โดยไม่รอคำตอบ เจ้าตัวก็วิ่งไปหาคาโลและจับมือของชายหนุ่มวิ่งออกไปทันที

    ท่านพ่อ ลูกพาท่านพี่ไปที่สวนสมเด็จก่อนนะ ! ”

    จ้า เอวิเดสตะโกนไล่หลังพร้อมทั้งอมยิ้มน้อย ๆ กับความน่ารักของลูกสาวคนนี้

    ณ สวนสมเด็จ

    ตึก ตึก ตึก ตึก

    มือขวาของคาโลแนบเข้าที่อกด้านซ้ายของตนที่ดูเหมือนจะเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยตั้งแต่เฟลิโอน่าจับมือเขา

    เป็นอะไรกันนะเรา ชายหนุ่มคิดกับตนเองก่อนจะมองไปที่หญิงสาวที่เดินชมสวนอยู่อย่างเพลิดเพลิน ช่างดูราวกับนางไม้แสนงามดี ๆ นั่นเอง คาโลอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะนั่งขบคิดปัญหาของตน และอาจจะเป็นครั้งแรกที่เค้าจะได้เรียนรู้คำ ๆ หนึ่ง ..

     

    ปีผ่านไป...

    " วันนี้อามีของฝากมาให้หลานด้วย " คำเรียกที่ทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลเต้นระริกอย่างตื่นเต้น

    " นี่จ๊ะ " คาเดียยื่นกล่องยาวสีแดงบุกำมะหยี่มาให้ เฟลิโอน่าเปิดมันออกด้วยความรวดเร็ว

    " คทาหิมะจันทร์ ทำจากไม้นิรันดร์ที่มีแต่ในดินแดนสโนว์แลนด์เท่านั้น สลักอักขระมนตร์โดยภูติแห่งสโนว์แลนด์ ลงมนตร์โดยราชินีแห่งสโนวแลนด์ พู่ทำจากผมของราชินีของสโนว์แลนด์ อาบด้วยแสงจันทร์หนึ่งหมื่นราตรี " คาเดียอธิบาย

    " ว้าววว น่าจะเรียกว่าคทาราชินีแห่งสโนว์แลนด์นะคะเนี่ย ฮิ ๆ " เฟลิโอน่าขำเล็กน้อยเช่นเดียวกันกับคาเดียวที่แย้มยิ้มออกมาอย่างขำขัน

    " เฟว่าเอามันไปเก็บก่อนดีกว่า " หญิงสาวว่า ริมฝีปากพึมพำอะไรบางอย่างแล้วคทาในมือก็หายไป

    " หลานเก่งเวทย์มนตร์ขึ้นเยอะเลยนะ " คาเดียชม

    " ขอบคุณเพคะ " เฟลิโอน่ายิ้มกว้างรับคำชมนั้นอย่างแก่นแก้ว

    " เอาละ ทีนี้ ขอพ่อคุยกับอาทั้งสองตามประสาผู้ใหญ่ก่อนนะลูก " เอวิเดสลูบหัวลูกสาวสุดที่รักอย่างเอ็นดู

    " เพคะ " เฟลิโอน่าถอนสายบัวแล้วเดินออกไปนอกปราสาท ไปยังสวนสมเด็จซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอรักมากที่สุด

    " คาโล ช่วยตามน้องไปหน่อยได้มั้ย " เอวิเดสกล่าวพลางแอบอมยิ้มเอาไว้น้อยๆ

    " ได้ ..พ่ะย่ะค่ะ "

    ณ สวนสมเด็จ

    " เจ้าพี่ ออกมาทำไมหรือเพคะ " เฟลิโอน่าหันมามองคาโลด้วยแววตาประหลาดใจ แม้ว่าปกตินั้นเวลาคาโลมา เธอจะต้องพาเขามาที่นี่ตลอด

    " ท่านอาเอวิเดสให้พี่ตามออกมาน่ะ " คาโลตอบ  เฟลิโอน่านั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินไปชมสวนต่อราวกับไม่ได้สนใจกับคาโลมากนัก ทั้ง ๆ ที่ในใจของตนชักจะเริ่มเต้นแรงอย่างน่าประหลาดตั้งแต่เห็นหน้าของคาโลแล้ว

    เราเป็นอะไรของเราเนี่ย? เฟลิโอน่าคิดอย่างไม่เข้าใจในตัวเอง ซึ่งเป็นความคิดที่คาโลได้คิดไปแล้วเมื่อสามปีก่อน และบัดนี้ ..

    " น้องหญิง " .. ก็ดูเหมือนเค้าจะได้คำตอบแล้ว

    " มีอะไรหรือเพคะ " คาโลไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่เดินเข้ามาใกล้ ใกล้ .. และใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะแนบชิดกันได้ นั่นยิ่งทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจ ของใครบางคนแรงขึ้น  แรงขึ้นเรื่อย ๆ

    " ท่ะ ท่านพี่ เสียงของเฟลิโอน่าสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

    " น้องหญิง น้องหญิงรู้มั้ยว่าทำไมเวลาเราอยู่ใกล้ใครบางคน หัวใจเรามันถึงได้เต้นแรงนัก คำถามที่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายมานั่งอยู่ในใจของเธอยังไงยังงั้น ทำให้เธออดนึกสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอ่านใจเธอได้รึเปล่าเนี่ย

    " มันก็คงเพราะ .. " คาโลเงียบ .. ก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อถึงบทสนทนาระหว่างเค้ากับท่านพ่อ

     

    ท่านพ่อ ๆ ทำไมเวลาข้าอยู่ใกล้น้องหญิงข้าถึงได้ใจเต้นแรงนักหนา ข้าสงสัยจังเลยท่านพ่อ ร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่บนตักของผู้เป็นใหญ่ทีสุดของคาโนวาลที่กำลังยิ้มให้ลูกชายของตนอยู่ นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววประหลาดขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะตอบ

    มันเป็นความรู้สึกที่ข้ารู้สึกกับแม่ของเจ้า

    ข้าไม่เข้าใจ ท่านพ่อ

    ไว้เมื่อโตขึ้นเจ้าจะเข้าใจเอง


    " เพราะว่ามันคือความรู้สึกที่เรียกว่ารัก " นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างกับคำตอบของอีกฝ่าย

    แล้วหญิงละ รู้สึกยังไงกับพี่ นัยน์ตาสีฟ้ามองค้นหาความจริงในนัยน์ตาของอีกฝ่าย ที่กำลังก้มหน้าหลบสายตาของเขาอย่างสุดความสามารถ

    " หญิง เอ่อ หญิง หญิงก็... "

    " หญิงก็รักเจ้าพี่เพคะ " หญิงสาวว่า ใบหน้านั้นแดงก่ำราวกับตำลึงสุก โดยที่เจ้าตัวก็ได้แต่ก้มหน้างุด โดยมิอาจเห็นว่า คาโลนั้นยิ้มกว้างแค่ไหน

    " รับสิ่งนี้ไว้ได้มั้ย " สร้อยเส้นนึงที่แนบมาพร้อมกับดอกไอวี่สีเหลืองที่แทบจะกลืนไปกับสีของไข่มุก มาอยู่ในมือของคาโล แล้วคาโลก็สวมมันเข้าที่ลำคอของหญิงสาว ส่วนดอกไม้นั้นเขาใส่ไว้ในมือของเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาแล้วจับที่สร้อยอย่างตกใจ

    " นี่มัน สร้อยไข่มุกแสงจันทร์นี่เพคะ ท่านพี่เอามาให้หญิงทำไมเพคะ นี่มันเป็นของสำคัญของเจ้าพี่นะเพคะ แล้วดอกไอวี่นี่ .. ? " คาโลยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานที่สุด

    " งั้นน้องหญิงก็คงรู้ความหมายของมันดีสินะ พี่ก็หมายความตามนั้นแหละ เฟลิโอน่านิ่ง หรือจะเรียกว่าช็อคไปเลยก็ได้

    " คือ หญิง... " ยังไม่ทันที่เฟลิโอน่าจะได้ตอบอะไร คาโลก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

    " จำได้มั้ย ที่น้องหญิงให้ดอกแดฟโฟดิลกับพี่ " เฟลิโอน่าพยักหน้าอย่างช้า ๆ เหมือนไม่มั่นใจ หากแต่เธอก็จำมันได้ดี

    แล้วรู้มั้ยความหมายของดอกแดฟโฟดิลคืออะไร ? คราวนี้เฟลิโอน่าส่ายหน้า

    ความหมายของมันคือ ความรักของเพื่อนแท้ หญิงสาวชักมึนงงว่าคาโลต้องการจะพูดอะไรกันแน่

    ดอกไอวี่ ความหมายของมันคือ แต่งงานกันนะ เลือดถูกสูบฉีดขึ้นมาที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

    และดอกกุหลาบบานสีแดงดอกนี้ .. มันมีความหมายว่า ..... เฟลิโอน่าแทบจะกลั้นหายใจกับประโยคที่ชายหนุ่มจะต่อ

    ฉันรักเธอเข้าแล้ว ดอกกุหลาบบานสีแดงที่มีความหมายแทนใจถูกยื่นมาให้ เพียงเท่านั้น เฟลิโอน่าก็โผเข้ากอดคาโลแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า ..

    หญิงก็รักพี่เช่นเดียวกันเพคะ รักมาก คาโลไม่พูดอะไร แต่สิ่งที่แทนคำพูดของเขา คือรอยประทับบางเบาที่ริมฝีปากของหญิงสาวเท่านั้น


    1 ปีผ่านไป...

    ณ โรงเรียนเอดินเบิร์ก

    " เฮ้ยย ได้ข่าวว่าวันนี้จะมีนักเรียนใหม่เข้ามา "
    " จริงหรอว่ะ "
    " จริงดิ " 
    " ผู้หญิงผู้ชายวะ ? "
    " รู้สึกว่าจะเป็นผู้ .. "
    พวกนาย ๆ มาทิลด้าเรียกประชุม
    เออ เดี๋ยวฉันไป

    ณ ห้องประชุม

    " ความจริงคาโลจะต้องเป็นคนมาแจ้งเรื่องนี้ แต่เนื่องจากว่าคาโลไปหาเลโมธี ฉันเลยเป็นคนมารับเรื่องนี้แทน " เสียงจอกแจกดังขึ้นเหมือนทุก ๆ ครั้ง

    ปัง ปัง ปัง !!!

    เสียงทั้งหมดเงียบไป ..

    " มีนักเรียนใหม่เพิ่งเข้ามา " เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ..

    เข้ามากลางเทอมหรอเนี่ย  
    ใครกันว่ะ แล้วเลโมธีให้ได้ไงกัน นี่มันเปิดภาคเรียนแล้วนะ
    สงสัยเด็กเส้นแหง ๆ
    น่าจะใช่ว่ะ ๆ

    " เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรอ มาทิลด้า " ชายหนุ่มผู้นึงโพล่งถามขึ้น

    " นายก็คอยดูเอาเองละกัน ครี้ด " สิ้นเสียงแล้ว ..หญิงสาวผู้หนึ่งก็เดินออกมา ทุกคนในที่นั้นเงียบสนิท ขณะกำลังตะลึงกับรูปโฉมของเธอที่ไม่อาจละสายตา

    ผู้หญิงสวยกว่าเธอหรอ ?   แน่นอนว่ามี 
    ดีกว่าเธองั้นหรอ ?   นั่นก็แน่นอนว่ามี

    แต่เธอคนนี้กลับมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดสายตา และดึงดูดใจของทุกคนไปที่  เธอ

    " สวัสดีค่ะ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปริ้นเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ " เฟลิโอน่าส่งเสียงยิ้มหวานอย่างเช่นเคย หากแต่ทุกคนกลับส่งเสียงฮือฮากับฉายาของเธอเดมอส

    " เอ่อ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า " เสียงของผู้กล้าดังขึ้น

    " เรียกเฟเฉยๆก็ได้คะ " เฟลิโอน่าหันไปมองผู้พูดก่อนจะแย้มยิ้มหวานชวนละลายใจให้

    "เ อ่อ ครับ ไม่ทราบว่าคุณเฟมีแฟนรึยังครับ " คำถามตรง ๆ โต้ง ๆ ทำให้ทุกคนส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกรอบกับความกล้าของคนถาม

    " ยังไม่มีค่ะ " เฟลิโอน่าตอบเสียงใสพร้อมด้วยรอยยิ้มเล่นเอาคนทั้งห้องเกือบละลาย

    " งั้น.. ผมขอเป็นคน ๆ นั้นได้มั้ยครับ "

    เงียบฉี่ ........ ก่อนที่

    โป๊ก !!!

    นายครี้ด !! เสียงอันทรงพลังของมาทิลด้าดังขึ้น พร้อมกับคทาของแองจี้ที่ตกลงที่หัวของครี้ดอย่างพอดิบพอดี

    " เอ่อ คุณครี้ด ..? "

    " ครี้ด ธันเดอร์ เดอะ วอริเออร์ ออฟ ไนล์ ครับ " ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่ขัด เพราะยังส่งสายตาหวานจ๋อยไปหาเฟลิโอน่าอีกด้วย

    " ค่ะ คุณครี้ด คือเฟ.. "

    " มีคู่หมั้นแล้ว " เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา เป็นผลให้ทุกคนหันไปมองต้นเสียง ชายหนุ่มผมสีชา นัยน์ตาสีเขียวฉายแววรอบรู้กำลังนั่งจิบชาอยู่อย่างสบายใจ

    " เอ๊ะ ทะ.. " ก่อนที่คำนั้นจะหลุดออกจากปาก ชายหนุ่มคนนั้นก็รีบเดินไปหาเฟลิโอน่าแล้วโค้งให้ แล้วจับมือเรียวบางของหญิงสาวมาประทับจูบ

    " เป็นเกียรติมากที่ได้พบเจ้าหญิงจากเดมอส กระหม่อม โร เซวาเรส เดอะ เบกการ์ด ออฟ ทริสทอร์ " เฟลิโอน่าขมวดคิ้วขึ้น นัยน์ตาสีเขียวส่งความหมายบางอย่างผ่านดวงตามา ทำให้เฟลิโอน่าเข้าใจอะไรมากขึ้น โรเดินกลับไปที่นั่งของตนท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา

    " ก็ใช่อย่างที่คุณโรพูดนั่นละคะ " เฟลิโอน่ายังแย้มยิ้มอย่างเคย

    " โธ่ " ทุกคนในห้องส่งเสียง (ยกเว้นสามสาว)

    " มาทิลด้า เลโมธีบอกฉันว่าจะให้นักเรียนใหม่อยู่ที่ห้องใหม่ข้างๆห้องฉะ... " เสียงของผู้มาใหม่หยุดลงเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าไปสบกับร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยรอยยิ้มค้าง

    " น้องหญิง.. " เสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์ดังออกมาจากริมฝีปากของคาโล

    " เจ้าพี่ " หญิงสาวว่าด้วยน้ำเสียงดีใจปนตื่นเต้น ทำให้ทุกคนหันไปมองคาโลอย่างประหลาดใจ

    เจ้าพี่
    ??

    เฟลิโอน่าโผเข้าไปกอดคาโลแน่น

    " หญิงคิดถึงเจ้าพี่มากๆเลยคะ "

    " พี่ก็คิดถึงหญิงเหมือนกัน " คาโลกอดหญิงสาวตอบ

    " อ่ะแฮ่ม ๆ อย่าลืมว่ายังมีคนนั่งอยู่ตรงนี้นะ " ครี้ดตะโกนทำให้ทั้งสองผละออกจากกัน ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำ ส่วนใบหน้าของชายหนุ่มยังคงความนิ่งเรียบ แม้ว่าจะขึ้นสีเรื่อขึ้นมานิด ๆ

    " เอ่อ ถ้างั้น เจ้าพี่พาหญิงไปที่ห้องเถอะค่ะ " คาโลพยักหน้า ก่อนจะพาเฟลิโอน่าออกจากห้องไป หญิงสาวกวักมือไปทางกระเป๋า และกระเป๋าทั้งหมดก็ลอยตามเฟลิโอน่าไป ทุกคนมองตามอย่างทึ่งๆ

    เมื่อทั้งสองคนเดินออกไป เสียงก็ดังขึ้น ..

    " เฮ้ย ไอ้ที่ว่าเจ้าพี่ กะ น้องหญิงมันคืออะไรฟะ " ครี้ดตะโกนขึ้นมา ทุกคนพยักหน้ากันอย่างเห็นด้วยแล้วหันไปมองที่ขอทานผู้รอบรู้ที่กำลังนั่งจิบชาอยู่

    " ก็ จะเป็นอะไรไปได้อีก ถ้าไม่ใช่.. " โรเว้นไว้แล้วก็หยิบชาขึ้นมาจิบ ทำให้ผู้ที่รอฟังทั้งหลายเริ่มขยับไม้ขยับมือด้วยความหมั่นไส้เจ้าขอทานจอมเล่นตัว นี่ถ้าไม่ติดว่ามันรู้อะไร(ไม่)ดี ๆ ละก็ ..

    " เจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล คาโล วาเนบลีเป็นคู่หมั้นของเจ้าหญิงสองแผ่นดิน เฟลิโอน่า เกรเดเวล " คำตอบที่ได้รับทำเอาทุกคนอึ้งสุดขีด 

    " จะ จริงอ่ะ " ครี้ดถามเสียงสั่น ๆ โดยหวังว่าคำตอบจะเป็น ไม่ ฉันล้อเล่น อะไรประมาณนี้

    กำลังจะเสียสาวงามไปอีกคนแล้วหรอเนี่ย อย่านะ อย่านะ


    " จริง " เสียงตอกย้ำดังจากปากของขอทานทียกชาขึ้นมาจิบต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรทำเอาทุกคนทรุดลงไปกองกับพื้น

     

    ทางด้านเฟลิโอน่าและคาโล

    " ถึงแล้วละ " เสียงเรียบดังขึ้นหลังจากเงียบมาตลอดทางที่เดินมา

    " ค่ะ " เฟลิโอน่าก้มหัวให้เล็กน้อย แล้วเปิดประตู จากนั้นจึงส่งกระเป๋าเข้าไปก่อน แล้วเดินตามไป แต่ก่อนที่จะได้เดินไปนั้น ก็มีมือหนึ่งมาจับไว้ ..

    " เดี๋ยวก่อน " คาโลพูดแล้วรวบหญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอด

    " ยังเก็บไว้อยู่รึเปล่า? " ชายหนุ่มถาม เสียงกระซิบอันแผ่วเบาดังที่ข้างหู หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วค่อยๆคลายออก

    " ค่ะ " หญิงสาวก้มลงซุกใบหน้าอยู่กับอกของอีกฝ่ายซ่อนใบหน้าแดงก่ำเอาไว้ เรียกรอยยิ้มที่ไม่มีใครได้เห็นของเจ้าชายน้ำแข็งคนนี้

    " อย่าถอดนะ เพราะว่า..... " เสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหูทำให้ใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที

    " เจ้าพี่บ้า !! " เฟลิโอน่ากึ่งพูดกึ่งตะโกนด้วยความอายสุดขีด

    " ไม่เอาแล้ว หญิงจะเข้าห้อง " หญิงสาวดิ้นรนในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนอ้อมกอดนั่นยิ่งรัดแน่นมากขึ้น

    ขออะไรก่อน คาโลต่อรองด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ อย่างไม่สมกับฉายาที่คนในป้อมอัศวินตั้งให้อย่าง ก้อนน้ำแข็งเดินได้เสียเลย

    " อยากได้อะไรอีกละคะ " หญิงสาวพูดขึ้นโดยที่ไม่หันหน้าไปมองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงงอน ๆ เจือหงุดหงิดทำให้คาโลหลุดขำออกมา

    " หันหน้ามามองพี่ก่อนสิ " หญิงสาวร้อง ฮึ ออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วหันหน้ามามองอีกฝ่ายตามคำขอ

    " อยากได้อะไรละ .. อุ้บ " เสียงหวานถูกกลืนลำคอเมื่ออีกฝ่ายประทับริมฝีปากมาอย่างหนักหน่วง แล้วจึงถอนออกมาสูดความหอมจากแก้มนวลอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

    " อยากได้แค่นี้ละ " เฟลิโอน่าก้มหน้างุดแล้วบ่นพึมพำ

    " คนขี้แกล้ง ชอบเอาเปรียบ " เนื่องจากเสียงที่พึมพำนั้นก็เบาเสียเหลือเกิน จนคนหูไม่ดีบางคนได้ยิน คาโลหัวเราะขึ้นมา 

    " จะขี้แกล้งกับเอาเปรียบคนนี้คนเดียวเท่านั้นแหละ "

    " เข้าห้องไปพักผ่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวพี่จะพาไปดูรอบๆโรงเรียน " เฟลิโอน่าพยักหน้ารับและเดินเข้าห้องไป

    อ่อ แล้วก็ ...

    เฟลิโอน่าหันมามองคาโลงง  ๆ ก่อนคาโลจะยิ้มน้อย ๆ ให้อย่างอ่อนโยน

    ต่อไปนี้เรียก .. คาโลก็พอนะ

    ณ สวน

    " ตรงนี้อากาศดีจังเลย นั่งเล่นตรงนี้ดีกว่า " เฟลิโอน่าว่าพลางนั่งลงตรงเก้าอี้ม้าอ่อนตัวหนึ่ง ผมสีน้ำตาลถูกปล่อยออกมา ยาวตรงถึงกลางหลัง ชุดนักเรียนที่ใส่ตั้งแต่วันจันทร์ถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนสั้นสีชมพูกับกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยสีชมพูเข้ากันกับเสื้อ

    " สวัสดีครับ " เสียงทักทายของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น เรียกให้เฟลิโอน่าเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นผู้ชายที่มีร่างกายใหญ่โต ที่คาดว่าน่าจะเป็นนักรบกำลังส่งยิ้มมาให้

    " ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนหอไหนหรอครับ? รู้สึกว่าผมไม่เคยเห็นคุณ "

    " ป้อมอัศวินค่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นานเองค่ะ "

    " แหม หญิงสาวสวยๆอย่างคุณน่าจะมาอยู่ที่ปราสาทขุนนางนะครับ เอ๊ะ ขอทราบชื่อได้มั้ยครับ " ชายหนุ่มหยอดคำชมให้ แต่แทนที่เฟลิโอน่าจะอายม้วนอย่างหญิงสาวทั่วไป เธอกลับแย้มยิ้มให้แทน

    " เฟลิโอน่าคะ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปรินเซส ออฟ เดมอส แอนด์ บารามอส เรียกเฟเฉยๆก็ได้นะคะ "

    " ครับ ผม ดาร์ค เกลเลอร์ เดอะ ปรินซ์ ออฟ ไนล์ เป็นหัวหน้าปราสาทขุนนาง ยินดีที่ได้รู้จักเฟนะครับ " เฟลิโอน่ายิ้มให้อย่างสดใส เธอรู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด

    " ขอบคุณค่ะ " เฟลิโอน่าพูดออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

    " เอ๊ะ? ขอบคุณเรื่องอะไรหรอครับ " เฟลิโอน่ามองหน้าชายหนุ่มยิ้มๆ

    " สำหรับคำชมที่ว่าเฟน่ารักคะ " คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้าง งงเป็นไก่ตาแตก 

    " คุณ  ...อ่านใจผมหรอครับ "

    " ก็ ใช่ค่ะ เป็นพลังที่เฟได้มาตั้งแต่เด็กจากท่านอาของเฟ ฮิๆๆ อย่าทำหน้ายังงั้นสิคะ เฟไม่อ่านใจดาร์คหรอก เฟไม่ค่อยได้ใช้พลังนี้เท่าไร แค่อยากรู้เฉยๆว่าดาร์คคิดอะไร เดี๋ยวก็จะเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ " ดาร์คยิ้มแหยๆให้

    " งั้นผม ..ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ " หญิงสาวพยักหน้าแล้วขยับตัวชายหนุ่มมานั่งข้างๆ

    " มานั่งคนเดียวยังงี้ตรงนี้ทำไมครับ " ดาร์คถามด้วยความแปลกใจว่าทำไมผู้หญิงสวย ๆ อย่างเฟถึงมานั่งคนเดียวอย่างนี้ คำถามนั้นทำให้หญิงสาวย่นจมูกเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด

    " ก็เจ้าพี่นะสิคะ มัวแต่ทำงาน น่าเบื่อจะตาย เฟเลยออกมาเดินเล่นหน่อย " เฟว่าพลางทำหน้าเบื่อๆประกอบ เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มข้างๆได้เป็นอย่างดี

    " เจ้าพี่นี่คงหมายถึง เจ้าชายคาโลสินะครับ " เฟรินพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ

    งานหัวหน้าหอมันก็ต้องยุ่งอยู่แล้วละครับ คงไม่มีเวลาออกมาเดินเล่นได้หรอกครับ

    " แล้วเป็นหัวหน้าปราสาทขุนนางไม่มีงานทำหรือไงคะ ถึงได้ออกมาเดินเล่นได้ "ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

    " แหม เฟ มันก็ต้องมีการพักผ่อนบ้างสิ " เฟลิโอน่าชะงักค้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ

    " งั้นวันนี้ผมจะเป็นคนพาเฟไปเดินเล่นเอง "

    อื้อ ! ”

    เวลาผ่านไปไม่นาน ...ทั้งสองเป็นเพื่อนที่สนิทกันในที่สุด เพราะเวลาที่คาโลทำงาน เฟลิโอน่าก็จะได้ดาร์คคอยพาไปเที่ยวตลอด ความผูกพันเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้ ข้อผิดพลาดที่ใครบางคนรู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังยินยอมให้มันเกิดขึ้น ...

    " ไง เฟ " ดาร์คตะโกนทักทายมาแต่ไกล

    " อ้าว ดาร์ค "

    " วันนี้คาโลทำงานอีกแล้วละสิ " ดาร์คพูดพลางทำหน้าตารู้ทันเฟลิโอน่าที่พยักหน้า

    " งั้นวันนี้ผมจะพาเฟไปตลาดเอดินเบิร์กนะ "

    " ดีสิ เฟอยากไปพอดีเลย " หญิงสาวแย้มยิ้มอย่างตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวสถานที่อย่าง ตลาดเอดินเบิร์ก

    ณ ตลาดเอดินเบิร์ก

    " นี่ ๆ ดาร์คไปดูอันนั้นกัน

    ว้าวว อันนั้นก็ดี ไปเข้าอันนั้นกัน "

    ร้านนั้นน่ารักจัง เข้านะ ๆ

    เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้นทั้งวัน เรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี และเสียงวิจารณ์จากคนรอบข้างถึงความน่ารักของ คู่รัก คู่นี้

    " นี่ เฟ เดี๋ยวผมจะพาไปที่ที่นึงนะ " เฟลิโอน่าเอียงหน้ามองดาร์คอย่างสงสัย ดาร์คจูงมือหญิงสาวแล้วเดินไปจนถึงสวนแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีผู้คนเนื่องจากสถานที่นี้ออกจะลับตาคน แล้วเวลานี้ก็เย็นแล้ว

    " ว้าวว สวยจังเลย " เฟลิโอน่าร้องออกมา พลางกวาดสายตามองไปทั่วสวนที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย อันมีท้องฟ้าสีส้มอ่อน ๆ เป็นแบ็คกราวด์

    " อืม ผมตั้งใจพาเฟมาที่นี้เลยนะ " ดาร์คพูดพลางดีงแขนเฟลิโอน่าให้นั่งลงข้าง ๆ เขาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เฟลิโอน่าเอนหัวพิงกับไหล่ของชายหนุ่มอย่างสบายใจ

    " เฟ ผมมีเรื่องอยากจะบอกเฟ " หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอย่างสงสัย ในขณะที่พยายามจะอ่านใจ ที่คราวนี้ชายหนุ่มปิดกั้นเอาไว้

    มีเรื่องอะไรกันนะ ?

    ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้กับท่าทางอันแสนน่ารักนั่น เขาก้มลงไปใกล้หญิงสาวจนเหลือช่องว่างเพียงน้อยนิด

    " ผม..รักเฟ " สิ้นคำ ชายหนุ่มก้มลงไปหาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มนั่น เฟลิโอน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วเริ่มดิ้น วงแขนกว้างโอบกอดเฟลิโอน่าเอาไว้แน่น ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้ มือเรียวเอื้อมไปโอบคอชายหนุ่มแล้วหยุดดิ้น ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เริ่มรุกหนักขึ้น จากริมฝีปากอันแสนอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงและเรียกร้อง ริมฝีปากของชายหนุ่มถอนออกมากแล้วไล้ไปตามแก้มนวล ใบหูและซอกคอ จากนั้นจึงถอนออกมาช้าๆแล้วมองหน้าหญิงสาว

    " เฟ... " ดาร์คมองหญิงสาวที่จ้องหน้าเขาอย่างตัดพ้อ น้ำตาเริ่มหยดรินมาอาบแก้มนวลนั่น ดาร์ครีบโอบกอดหญิงสาวเอาไว้

    " ฮึกๆๆ เฟ ไม่อยากทำแบบนี้ เฟกลัวคาโลจะ ฮึก เสียใจ " หญิงสาวพูดพลางสะอื้น ริมฝีปากของชายหนุ่มก็จูบซับน้ำตาให้ไปพลาง

    " ผมรู้ รู้ดีว่าผมทำไม่ถูก แต่ผม...รักเฟจริงๆนะ " ดาร์คกล่าวความรู้สึกของตนให้เฟฟัง หญิงสาวทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาที่รู้สึกผิด

    " ไม่หรอก ดาร์คไม่ผิด เฟรู้ รู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่เฟก็ยังจะทำ ขอโทษนะ ที่เฟรักดาร์คไม่ได้ " เฟลิโอน่าสะอื้นต่อไป ส่วนดาร์คนั้นส่ายหน้าน้อย ๆ พลางยิ้ม

    " ผมรู้ ว่าหัวใจของเฟมีเพียงแต่เขาคนนั้นเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร ผมแค่ขอเป็นคนสำคัญของเฟเป็นคนที่สองนะ แค่เพียงเห็นเฟมีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว เฟอย่าเศร้าไปแล้วนะ " นิ้วเรียวปาดน้ำตาหญิงสาวออกอย่างช้า ๆ และนิ่มนวล

    " เฟไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก เฟต้องยิ้มนะ ยิ้มเข้าไว้สิ " ชายหนุ่มฉีดยิ้มกว้าง เรียกเสียงหัวเราะจากเฟได้เป็นอย่างดี

    " จริงสินะ ขอบคุณนะ ดาร์ค " ดาร์คยิ้มให้อย่างอบอุ่นแล้วก้มลงไปสัมผัสริมฝีปากนั้นอีกครั้งอย่างเผลอใจ เฟลิโอน่าดันหน้าอกของดาร์คออกเบา ๆ ก่อนจะมองค้อนชายหนุ่ม

    ดาร์ค ! ” เฟลิโอน่าพูดเสียงเขียว และหันหลังกอดอกอย่างอน ๆ

    " โถ ! เฟอย่าโกรธผมสิ น้าๆๆ ดีกันนะ ดีกันนะ " ชายหนุ่มอ้อน จนเฟลิโอน่าหลุดขำออกมา

    " ก็ได้ " เฟลิโอน่าพูดขึ้นมาในที่สุด ดาร์คกอดหญิงสาวจากด้านหลังอย่างมีความสุข แล้วหันตัวหญิงสาวมา หญิงสาวเอนตัวพิงไหล่ชายหนุ่มและหลับไปในที่สุด ชายหนุ่มหันมาเห็นว่าคนข้างตัวหลับแล้วจึงยิ้มออกมาแล้วค่อยๆอุ้มหญิงสาวขึ้นมาให้อ้อมกอดและออกเดินไป

    ' เฟรักดาร์คไม่ได้ เพราะหัวใจของเฟมีแต่เขาคนนั้น แต่ว่าเวลาที่เฟอยู่กับดาร์ค เฟมีความสุขที่สุด '

     

    ณ ป้อมอัศวิน (ที่กำลังจะถูกแช่แข็ง)

    " เอ่อ คาโล นะ นาย ใจ ยะ เย็น ก่อนนะ " คิลพูดทั้ง ๆ ที่ฟันกระทบกันด้วยความหนาว เนื่องจากเวลานี้แล้ว เฟลิโอน่าก็ยังไม่กลับ เมื่อคาโลกลับมาจากประชุมจึงเกิดอาการเป็นห่วง แต่เป็นห่วงอย่างเดียวก็ย้งพอร้บได้ แต่เนี่ยเป็นห่วงอย่างเดียวมันไม่พอ ยังจะอุตส่าห์ปล่อยไอเย็นออกมาจนหลายคนหนาวไปตาม ๆกันเสียอีก

    " นะ นั่นไง ฟะ เฟ " ครี้ดชี้ไปทางดาร์ค ส่งผลให้คาโลมองตามก็เห็น ..ดาร์คกำลังอุ้มเฟลิโอน่ามาที่ป้อมอัศวินนี้ ทำให้คาโลยิ่งปล่อยไอเย็นมากขึ้นไปอีก

    " ไง ท่านหัวหน้าป้อมอัศวิน " ดาร์คกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว (ไม่รู้หนาวจริงๆ)

    " นายพาเฟไปไหนมา " คาโลถามเสียงเข้ม แต่ดาร์คกลับแค่ยักไหล่อย่างไม่หยี่ระยะอะไร

    " เรื่องของฉัน " ดาร์คว่าพลางส่งเฟลิโอน่าให้กับคาโล คาโลรับเฟลิโอน่ามาแม้สายตาจะยังคงจับจ้องอยู่ที่ดาร์ค

    " ฉันขอเตือนไว้นะ อย่ายุ่งกับเฟ .. เด็ดขาด " คาโลพูดก่อนจะเดินออกไป ดาร์คยิ้มเหยียดเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากป้อมอัศวิน


    ณ ห้องนอนของคาโล

    " อืมม " เฟลิโอน่าส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมา

    " ตื่นแล้วหรอ " หญิงสาวหันไปมองตามเสียงก็เห็น ..คาโลนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ

    " คาโล .. ?  หญิงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง " เฟลิโอน่าถามด้วยความประหลาดใจ

    " ดาร์คพาเธอมาส่ง " คาโลตอบเสียงเรียบ ๆ แต่เฟลิโอน่ากลับรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความโกรธ เฟลิโอน่าลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหาคาโล จากนั้นจึงโอบกอดจากด้านหลัง

    " โกรธอะไรหญิงหรอ " เฟลิโอน่าถามเสียงหวาน แต่คาโลก็ยังนั่งทำงานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    " คาโล .. " เฟลิโอน่าเริ่มออดอ้อน แต่คาโลก็ยังคงนิ่ง เฟลิโอน่าจึงเริ่มใจเสีย

    " คาโล คาโลอย่าเงียบสิ คาโลโกรธอะไรหญิงอ่ะ " เฟลิโอน่าเขย่าแขนคาโลอย่างร้อนรน แต่คาโลแค่เพียงสะบัดออกเล็กน้อยราวกับรำคาญเสียเต็มประดา แต่ถ้าเฟลิโอน่าไปยืนอยู่ข้างหน้า ก็จะเห็นว่า คาโลที่นิ่งๆนั้น กำลังยิ้มอยู่...

    " คาโล ... เป็นไรไปอ่ะ อย่าโกรธหญิงนะ ๆ น้าๆๆ อย่าโกรธหญิงเลย หญิงยอมทุกอย่างเลยนะ "

    ติดกับ !! คาโลรวบเฟลิโอน่ามาไว้บนตักอย่างรวดเร็ว 

    " ว้าย ! ปล่อยหญิงนะ " เฟลิโอน่าว่าพลางดิ้นขลุกขลัก แม้ว่าใบหน้านั้นจะแดงก่ำราวกับตำลึงสุก คาโลมองหญิงสาวตรงหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะจัดการปิดปากซะ

    " ปล่อยหญิงเดี๋ยวนิ...อุ้บ " เนิ่นนานกว่าที่คาโลจะถอนริมฝีปากออกมาแล้วมองหญิงสาวผู้กุมหัวใจของเขาเอาไว้ยิ้ม ๆ

    " คาโลบ้า บ้าที่สุด ๆ " เฟลิโอน่าว่าพลางตีแขนคาโลเบาๆด้วยความอาย

    " หายโกรธแล้วรึยังละ " เฟลิโอน่าถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คาโลเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

    ไม่ได้โกรธซักหน่อย หญิงสาวขมวดคิ้ว

    " แล้วเป็นอะไรไปละนิ " นัยน์ตาสีฟ้าที่ดูนิ่ง ๆ เปล่งประกายวาววับอย่างน่ากลัว

    " แค่ ... หึง " ไอร้อนบนหน้าพุ่งพวยออกมาจนแทบจะออกมาเป็นควันได้ ทำให้คาโลหลุดขำเสียหมดมาด

    " คาโล !! " เฟลิโอน่าร้องออกมาด้วยความอาย  ... ก่อนจะใช้นิ้วสองนิ้วจิ้มลงที่แก้มของคาโล

    " ยังไงหญิงก็รักคาโลคนเดียวนะ " คาโลยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ท้ายทอยของหญิงสาวแล้วกดให้โน้มลงมาข้างหน้า ก่อนที่ร่างทั้งสองจะแนบชิดกันในที่สุด..

     

    เวลาผ่านไปไวอย่างกับโกหก (ก็โกหกเพราะมันเป็นฟิค)

    " เฮ !! ป้อมอัศวิน "

    เกร้ง เกร้ง เกร้ง

    เสียงชนแก้วเพื่มฉลองวันสุดท้ายที่ป้อมอัศวินแห่งนี้

    วันสุดท้ายแห่งป้อมอัศวิน

    หากแต่ไม่ได้เป็นวันสุดท้ายแห่งมิตรภาพ ..

    และคำสัญญาที่ เพื่อน ทุก ๆ คนมีให้กัน

    " แล้วเราจะต้องได้เจอกันใหม่ "

    รวมทั้งคำสาบานของมิตรภาพ ..

    เราจะเป็นป้อมอัศวิน ... และจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ........ !!! ”

     

     

    เวลา .. คือสิ่งมีค่าเสมอ และเขาจะขอมอบมันให้เธอคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

    ..

    ...

    ....

    .....

    ......

    " คาโล วาเนบลี และ เฟลิโอน่า เกรเดเวล ท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริงเพื่อเข้าพิธีสมรสหรือไม่ "

    " ครับ/ค่ะ "

    " เมื่อเข้าสู่ชีวิตสมรสเช่นนี้แล้ว ท่านทั้งสองพร้อมที่จะรักและยกย่องให้เกียรติกันจนตลอดชีวิตหรือไม่ "

    " ครับ/ค่ะ "

    " ท่านทั้งสองพร้อมที่จะน้อมรับบุตรซึ่งพระเจ้าประทานให้และอบรมเลี้ยงดูตามกฏของพระคริสต์เจ้าพระศาสนจักรหรือไม่ "

    ทั้งสองหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะตอบ

    " ครับ/ค่ะ "

    " โดยที่ท่านทั้งสองมีเจตจำนงที่จะสมรสกัน ขอให้จับมือขวาของกันและกันและแสดงความสมัครใจ ต่อหน้าพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ "

    " ข้าพเจ้า คาโล วาเนบลี ขอรับ เฟลิโอน่า เกรเดเวลเป็นภรรยา  และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเฟลิโอน่า เกรเดเวล ทั้งยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ "

    " ข้าพเจ้า เฟลิโอน่า เกรเดเวล ขอรับ คาโล วาเนบลีเป็นสามี และขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อคาโล วาเนบลี ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่อง ให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ "

    " ความสมัครใจที่ท่านทั้งสองได้แสดงต่อหน้าพระศาสนจักรนี้ ขอพระเจ้าทรงเมตตา ทำนุบำรุงให้เข็มแข็ง และประทานพร แก่ท่าทั้งสองอย่างอุดมสมบูรณ์เทอญ สิ่งที่พระเจ้าได้รวมไว้ให้ชิดสนิทกัน มนุษย์ อย่าได้แยกจากกันเลย "

    " อาเมน " เสียงร้องรับทั่วทั้งโบสถ์

    " พระเจ้าข้า โปรดเสกแหวนสองวงนี้ ซึ่งข้าพเจ้าเสกในนามของพระองค์ เพื่อให้ผู้สวมนั้น ถือซื่อสัตย์ต่อกัน ดำรงอยู่ในสันติสุขและความโปรดปรานของพระองค์ จะได้เจริญชีวิตอยู่ในความรักกันต่อกันตลอดไป ทั้งนี้อาศัยพระบารมีพระคริสต์เจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย

    " อาเมน " เสียงร้องรับดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ตัวแทนของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยื่นหมอนบุกำมะหยี่สีแดงมาให้ ด้านบนนั้นมีแหวนอยู่ ชายหนุ่มหยิบแหวนสีทองประดับเพชรสีขาวใสประกายสะท้อนกับแสง ก่อนจะสวมเข้าที่นิ้วมือเรียวของหญิงสาว 

    " เฟลิโอน่า เกรเดเวล ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของข้า เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต "

    หญิงสาวหยิบแหวนสีทองวงเกลี้ยงขึ้นมาบ้างและสวมเข้าที่นิ้วของชายหนุ่ม

    " คาโล วาเนบลี ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของข้า เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต "

    " จารีตพิธีสมรสได้กระทำเสร็จสิ้นแล้ว ให้เราแสดงความยินดีแก่คู่บ่าวสาวด้วยการปรบมือ " เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วโบสถ์ก่อนบาทหลวงจะพูดต่อ

    " ขอประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน " บาทหลวงพูดขึ้นด้วยเสียงก้องกังวานก่อนจะกล่าวต่อว่า

    " ขอเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้ " ทุกอย่างภายในโบสถ์เงียบกริบ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดผ้าปิดหน้าของหญิงสาวออก เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาว แก้มปัดด้วยสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากเรียวได้รูป นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตที่ฉายแววสดใสอยู่ตลอดเวลา ผมสีน้ำตาลรวบเป็นหมวย ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปก่อนจะประทับจูบให้หญิงสาว เสียงร้องไชโยโห่ลั่นไปทั่วโบสถ์ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ

    " รัก รักมาก รักมากที่สุด " หญิงสาวขยับรอยยิ้มกว้างที่สวยที่สุดให้ คำสาบานที่เธอจะเดิมพันด้วยชีวิต ...


    " ยินดีด้วยนะ เฟ " มาทิลด้าร้องขึ้นเมื่อเห็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเข้ามาทางนี้ 

    " ขอบใจจ้ะ " เฟลิโอน่าตอบพลางยิ้มหวาน

    " ยินดีด้วยนะคะ คุณเฟ " เรนอนเดินเข้ามาทักพร้อมทั้งยิ้มหวานให้ 

    " จ๊ะ เรนอน " เฟลิโอน่าหันไปมองก่อนจะกล่าว และอีกมากมายกับคำอวยพรให้เธอพร้อมทั้งเจ้าบ่าว

    " ได้เวลาโยนดอกไม้แล้ว " เสียงใครบางคนตะโกนขึ้น เฟลิโอน่าหันหลังไปเตรียมตัวโยน โดยมีคาโลยืนยิ้มน้อยๆอยู่ด้านข้าง

    " นี่ ๆ ฉันไปยืนรอตรงนั้นนะ " มาทิลด้าบอกแองจี้กับเรนอนที่กำลังเตรียมตัวรับดอกไม้อยู่ ทั้งสองพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ มาทิลด้าส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างระอาใจกับทั้งสองคน

    " เฮ้อ ไม่รู้จะอยากได้กันทำไมนักหนะ ... " ไม่ทันขาดคำ ดอกไม้ก็หล่นมาอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าแม่ป้อมอัศวินผู้ไม่ประสงค์อยากจะได้ช่อดอกไม้เลยซักนิด

    แย่

    มาทิลด้าหันหน้ามาอย่างช้า ๆ

    " ยินดีด้วย มาทิลด้า เธอได้ดอกไม้ละ " มาทิลด้าส่ายหน้าราวกับไม่อยากเชื่อ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นพ่อขอทานตัวดีที่ยืนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า

    สยอง !!

    มาทิลด้ารีบเผ่นราบป่าออกจากที่นั้นด้วยความรวดเร็ว

     

     

     

    " มาทิลด้า ซิลเวอร์ และ ชาเบรียน โบแด็ง แองเจลีน่า โรมานอฟ และ ครี้ด ธันเดอร์ เรนอน ธีน๊อต และ คิลมัส ฟิลมัส ท่านทั้งหกคนมาที่นี่โดยไม่ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริงเพื่อเข้าพิธีสมรสหรือไม่ "

    " ครับ/ค่ะ " และอีกมากมาย บลาๆๆๆ (ขี้เกียจพิมพ์ -..-)

    " ไงจ๊ะ ทุกคน " เฟลิโอน่าทักทายพลางส่งยิ้มให้กับเพื่อนทั้งหกคน ซึ่งดันเกิดความคิดแปลก ๆ ที่อยากจะแต่งงานพร้อมกันขึ้นมา

    " ไงจ๊ะ เฟ อ่อ กี่เดือนแล้วนั่น " แองจี้ทัก เฟลิโอน่าหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบท้องเบาๆ

    " 7 เดือนแล้วจ๊ะ " เฟลิโอน่าว่าพลางเงยหน้าขึ้นไปมองคู่ชีวิตของตนเองที่ส่งยิ้มมาให้เช่นกัน

    " อ่อ ยินดีด้วยนะจ๊ะ " เฟลิโอน่าพยักหน้ารับคำเบา ๆ ก่อนจะมีคนตะโกนขึ้นว่า

    " ถึงเวลาโยนดอกไม้แล้ว " หญิงสาวทั้งสามหันหลังเตรียมตัวโยนดอกไม้

    " พร้อมนะ " คาโลรีบพาเฟลิโอน่าออกนอกรัศมีโดยเร็ว เพราะถ้าเกิดได้ขึ้นมาละก็ ... ยุ่งแน่

    " เอ้า " ดอกไม้ลอยไปตกอยู่ในมือของหญิงสาวสามคน อันได้แก่

    มาเรีย (เพื่อนแม่มดของแองจี้)

    วีซา (อดีตหัวหน้าปราการปราชญ์/เจ้าหญิงเมืองพริสต์โบโรว์)

    และ ไดอาน่า (อดีตเสธฯซ้าย ปราสาทขุนนาง/แฟนดาร์ค)

    หญิงสาวทั้งสามคนเบิกตากว้างก่อนจะรีบหนีออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็วปานติดจรวดเทอร์โบ

     

    2 เดือนต่อมา..

    " กรี้ดดดดด ด ด !!! " เสียงร้องของหญิงสาวผ้เป็นดั่งดวงใจทำให้คาโลแทบคลั่งและลงแดงตายตรงนั้น ดีที่คิลฉุดเอาไว้ได้ซะก่อน ก่อนที่แม่นมคนสนิทของเขาจะเดินออกมาพร้อมห่อผ้าในมือ

    " ลูกผู้หญิงเพคะ " แม่นมว่าก่อนจะส่งห่อผ้านั้นให้กับคาโล คาโลมองลูกของตนด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนเปกัน ก่อนที่คาโลจะเดินเข้าไปในห้องนอนของเฟลิโอน่า

    " เฟ " เฟลิโอน่าลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนที่จะยิ้มให้กับคาโล

    " ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย ? " คาโลยิ้มก่อนจะส่งเด็กในมือให้

    " ผู้หญิงน่ะ " เฟลิโอน่ารับลูกในมือมาพลางมองอย่างตื้นตัน

    " ตั้งชื่อลูกไว้หรือยัง คาโล " คาโลส่ายหน้า

    " รอเฟตั้งให้อยู่ " เฟลิโอน่าพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเอ๋ยนามที่เธออมยิ้มน้อย ๆ

    " หญิงจะตั้งชื่อเขาว่า ... เอลิเซีย คล้ายเสด็จแม่ ดีมั้ยคะ " คาโลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    " เอลิเซีย วาเนบลี เดอะ ปริ้นเซส ออฟ คาโนวาล " คาโลกล่าวชื่อพลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

    " ไม่ใช่สิ " เสียงหวานเอ่ยอย่างดุนิด ๆ คาโลมองหน้าเฟลิโอน่าอย่างงง ๆ

    " ต้องเป็น เอลิเซีย วาเนบลี เดอะ ปริ้น ออฟ คาโนวาล บารามอส แอนด์ เดมอส " คาโลยิ้มแหย ๆ ให้หญิงสาวเป็นเชิงขอโทษที่ดันไปพูดฉายาของลูกสาวตนไม่ครบ

    " จริงด้วยสินะ ลืมไปได้ยังไงเนี่ย " เฟลิโอน่าหัวเราะเล็กน้อยกับความเปิ่นของผู้ที่ตอนนี้ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสามีของตน ก่อนที่คาโลจะเอื้อมมาจับมือเฟลิโอน่าไว้แน่น

    " นอนพักซะเถอะ เหนื่อยมากแล้ว " เฟลิโอน่าพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกวักมือเรียกให้คาโลเข้ามาใกล้ๆแล้วโมตัวไปแตะริมฝีปากของฝ่ายชายด้วยความรวดเร็วแล้วผละออก คาโลแตะริมฝีปากของตนเองเล็กน้อยก่อนจะมองเฟลิโอน่าทีฟอร์มหลับสุด ๆ แล้วคาโลก็เดินไปอีกฝากของเตียง แล้วจึงล้มตัวนอนข้าง ๆ หญิงสาว ก่อนจะพูดคำพูดที่ทำให้หญิงสาวคิดว่าเธอไม่น่าทำเรื่องเมื่อกี้ไปเล้ย

    " นอนด้วยนะ "

     

    หลายปีผ่านมา

    " เอลิเซีย วาเนบลี เดอะ ปริ้นเซส ออฟ คาโนวาล .... ป้อมอัศวิน "

    หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเดินออกมา ผมสีเงินยวงยาวถึงกลางหลังถูกรวบมัดขึ้นเป็นเปียอย่างเรียบร้อย ดวงตาสีฟ้าใสซื่อฉายแววระริก เธอเดินออกมารับเสื้อคลุมจากหัวหน้าป้อมอย่างดีใจ

    " ฟาโรเวล วาเนบลี เดอะ ปริ้น ออฟ คาโนวาล .... ป้อมอัศวิน "

    ชายหนุ่มอีกคนนึงเดินออกมา ผมสีน้ำตาลยาวระต้นคอไฮไลท์ด้วยสีเงินดูมีสไตล์ นัยน์ตาสีนิลขลับที่ได้มาจากตาของตนเปล่งประกายเหมือนท้องฟ้าที่พรั่งพรายด้วยแสงดาว ริมฝีปากได้รูปยิ้มกว้าง ก่อนจะรับเสื้อคลุมมาจากหัวหน้าป้อม

    " มาโบล โบแด็ง เดอะ ปริ้น ออฟ อเมทริส* …. ป้อมอัศวิน "

    ชายหนุ่มรูปร่างสูงท่าทางดูดีเดินออกมาจากเหล่าฝูงชน ผมสีดำขลับจัดทรงอย่างเรียบร้อย กับนัยน์ตาสีเขียวสดใสที่เปล่งประกาย ชายหนุ่มผู้นั้นรับเสื้อคลุมจากหัวหน้าป้อม

    * อเมทริส  หลังจากที่เจ้าชายชาเบรียน โบแด็ง (โร เซวาเรส) และเจ้าหญิงมาทิลด้า ซิลเวอร์ ได้สมรมกันแล้ว เมื่อทั้งคู่ขึ้นครองราชย์ จึงได้รวมเมืองทั้งสองไว้ด้วยกัน และเรียกว่า อเมทริส

    " คาเลน่า ธันเดอร์ เดอะ วอริเออร์วิทช์ ออฟ วิชท์ .... ป้อมอัศวิน " หญิงสาวร่างเล็กท่าทางมั่นใจเดินออกมา  นัยน์ตาน้ำตาลกับผมสีทองปล่อยยาว หญิงสาวรับผ้าคลุมจากหัวหน้าป้อมอย่างตื่นเต้น


    " ลูกของพวกเราได้อยู่ป้อมอัศวินกันหมดเลย " เฟพูดอย่างตื่นเต้น ตอนนี้พวกเธอพร้อมทั้งเหล่าอดีตลิงทั้งหลายอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พร้อมทั้งลูกหลานของแต่ละคน

    " ใช่ ๆ สงสัยเลือดมันเข้มข้น ! นั่นคงเป็นเพราะพวกเราเป็น... " ทุกคนหันมามองหน้ากันก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

    " ป้อมอัศวิน !! "

    เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนาน

    " ต่อไปคงเป็นเรื่องราวของลูก ๆ เราสินะ " เจ้าหญิงมาทิลด้า ที่บัดนี้คงต้องเรียกว่าราชินีมาทิลด้าว่าพลางมองลูกชายของตนและเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นเดินเข้าไปในหอ

    " อื้อ ! แต่ไม่ว่ายังไงนะ " แองจี้หยุดพูดก่อนทุกคนจะวางมือซ้อนกันและยกขึ้นพร้อมกับพูดว่า

    " พวกเราก็จะเป็นป้อมอัศวินตลอดไป "

    คำสาบานที่จะไม่มีวันแปรผันและเปลี่ยนแปลง ...

     

    และเป็นตอบจบของเรื่องนี้ตลอดกาล

    .. อวสาน ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×