คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วันเกิด ปีที่ 7
นางิสะ talk.
“ นารูโตะ!!! ตื่นได้แล้วนะ ”
และแล้วเช้าวันนี้ของฉันก็เริ่มต้นด้วยการตะโกนเรียกพี่ชายของตัวเองอีกเช่นเคย และก็เป็นเหมือนมือนทุกๆวันที่ผ่านมา นารูโตะไม่ตื่นขึ้นมามันจึงจบด้วยการใช่กำลังกับเขา
“ โอ๊ย!!! ” นารูโตะร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับขดตัวอยู่บนเตียง
“ ลุกไปอ่าบน้ำซะ ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้นารูโตะ ” ฉันก็ไม่อยากลงไม้ลงมือกับพี่ชายตัวหรอกนะ แต่ดูสิพอพูดดีๆ แล้วผลที่ได้คือการนิ่งเฉย ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็ต้องใช้ไม่แข็งจริงมั้ย
“ น่ะ..นางิ ทำไมเธอต้องใช้กำลังกับฉันตลอดเลยด้วย เธอเป็นโรคจิตรึไงกัน ” ยังมีหน้ามาพูดอีก
“ ก็ถ้านายตื่นตั้งแต่ที่ฉันเรียกฉันจะใช่กำลังกับนายทำไม คนที่มันโรคจิตมันคือนายต่างหาก”
“ ฉันไม่เถียงกับเธอแล้ว ” ว่าจบนารูโตะก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ในทุกๆ วันของฉันกับนารูโตะดำเนินไปอย่างเรียบง่ายตอนเช้าก็ตื่นไปโรงเรียน ตอนกลางวันก็กินข้าวกับซาสึเกะ พอตกเย็นก็กลับบ้าน ทุกอย่างวนลูปอยู่อย่างนี้
แต่วัันนี้ไม่ใช่วันธรรมดาอย่างทุกวัน เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของพวกเรา ถึงจะบอกว่าเป็นวันเกิดแต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยได้ฉลองวันเกิดเลย พวกเราไม่มีพ่อแม่หรือใครที่จะซื้อเค้ก หรือของขวัญเพื่อจัดปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ให้ ดังนั้นทุกๆ ปีฉันกับนารูโตะจะไปนั่งที่หน้าผาของหมู่บ้าน แล้วเหม่อมองดูดวงตะวันลับขอบฟ้า แต่ก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้าพวกเราจะอธิฐานขอพร เพราะดวงตะวันนั้นคือแสงจากเปลวเทียนที่ปักอยู่บนเค้กวันเกิดสำหรับเราสองคน
“ นางิ..เหม่ออะไรอยู่ ” เสียงของนารูโตะดึงให้ฉันออกจากห้วงความคิดของตัวเอง พอหันไปมองก็เห็นนารูโตะเตรียมตัวเสร็จแล้ว
“ ไม่มีอะไรหรอก ” ฉันยิ้มแล้วก็ตอบออกไป
“ งั้นไปกันเถอะ ” นารูโตะยื่นมือมาตรงหน้าฉันพร้อมรอยยิ้มที่สดใส
ในสายตาของคนอื่นนารูโตะอาจจะเป็นคนที่ไม่เอาไหนพึ่งพาไม่ได้ แต่สำหรับฉันเค้าคือที่พึ่งเดียวที่มีรึเป็นเพราะฉันมีเค้าอยู่ในทุกช่วงเวลาล่ะมั้ง ถ้าเกิดไม่มีเค้าฉันก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะเป็นยังไง
“ อื้ม ” ขอแค่อยู่ด้วยกันแค่นั้นก็พอ
.
.
.
.
.
“ นี่ๆ นางิช้าๆ หน่อยสิฉันตามไม่ทันแล้ว ”
“ ไม่ได้หรอก ถ้าไม่รีบเราจะสายแล้วนะฉันไม่อยากโดนทำโทษแล้ว ” เมื่อคราวที่แล้วโดนลงโทษให้ยืนขาเดียวตั้งหนึ่งชั่วโมง
“ รู้แล้วๆ แต่อย่ารีบมากสิเกิดล้มขึ้นมาล่ะ ” นารูโตะพูดออกมาอย่างกังวล ฉันจึงหันหน้ามาหานารูโตะแล้วพูดว่า
“ แต่ทุกครั้งที่โดนลงโทษก็เป็นเพราะนายน่ะ - อ้ะ!! ” เพราะไม่ได้มองข้างหน้าจึงทำให้ฉันชนกับใครบางคน
ตึง !!!
“ อ่ะ..โอ๊ย !! ” เจ็บจัง
“ นางิ !! เป็นอะไรรึป่าว บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ารีบมากไง ” นารูโตะถามอย่างเป็นห่วง
“ ฉันไม่เป็นไร ” นารูโตะช่วยพยุงตัวฉันขึ้น พอทรงตัวยืนได้ฉันก็มองไปที่คนที่ฉันชนเค้า เค้าเป็นผู้ชายผมดำยาวรวบผมเรียบร้อย รูปร่างสูงสง่า ร่องแก้มลึก ดวงตาของเค้าเป็นสีดำเหมือนซาสึเกะเลย หลังจากที่พิจารณาเสร็จแล้วฉันก็ก้มหัวขอโทษ
“ ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้มองทางเอง ”
“ ไม่เป็นไรหรอ ฉันเองก็ผิดเหมือนกัน ” เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีคนอื่นนอกจากคนที่โรงเรียนพูดดีๆกับพวกเรา
“ ไปกันเถอะนางิ ” ว่าแล้วนารูโตะก็สะกิดฉัน
“ อื้อ ขอโทษอีกครั้งนะคะ ” จากนั้นฉันกับนารูโตะก็รีบไปโรงเรียนเพราะจะสายแล้ว
.
.
.
.
ทางด้านอิทาจิที่กำลังมองเด็กน้อยสองคนที่เดินจากไป
“ เป็นเด็กที่น่าสนใจนี่ ดีจังที่ซาสึเกะมีเพื่อนแบบนี้ ” เด็กผู้หญิงผมแดงเมื่อกี้ทำให้เค้านึกถึงคำพูดของน้องชายตัวเองที่เคยพูดถึงเพื่อนผู้หญิงผมสีแดงให้ฝังอยู่บ่อยๆ
“ พี่ฮะ วันนี้ผมได้เพื่อนใหม่ด้วยล่ะ ” เด็กน้อยกอดเข่าพี่ชายพร้อมกับเล่าเรื่องที่ตัวเองมีเพื่อนใหม่ไปด้วย
“ งั้นหรอ ใครกันที่ทำให้ซาสึเกะดีใจขนาดนี้ล่ะ ” พี่ชายก็ถามน้องชาย ทั้งที่จริงอิทาจิก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ขนาดนั้น
“ เธอชื่อ อุซึมากิ นางิสะ ฮะ ” หลังจากได้ยินชื่อตระกูลอุซึมากิแล้วอิทาจิก็ชะงักไปนิดหน่อย
“ คนที่มีฝาแฝดชายงั้นหรอ ”
“ ฮะ วันนี้ผมแบ่งข้าวกลางวันที่ให้ท่านแม่ทำเผื่อกับเธอ แล้วก็…. ” อื่นๆ อีกมากมาย หลังจากวันนั้นทุกครั้งที่ซาสึเกะเจอเค้าก็จะพูดถึงเด็กคนนี้ตลอด
.
.
.
อิรุกะ talk.
เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปีการศึกษาหน้าที่ครูประจำชั้นก็คือการประเมินระดับความหน้าเป็นห่วงในภาคเรียนหน้า แน่ไม่พ้นเหล่าพี่น้องอุซึมากิ คนน้องไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนอยู่แล้วเนื่องจากผลการเรียนนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับท็อปตลอด แต่เรื่องการเข้าสังคมกับคนในห้องนั้นแถบจะติดลบ ส่วนคนพี่ไม่ต้องพูดถึงไม่ว่าเรื่องไหนก็น่าห่วง
เฮ้อ...
" อะไรกัน...ถอนหายใจซะดังเลยคุณอิรุกะ มีเรื่องให้หนักใจหรอครับ " ก็น่าหนักใจอยู่เหมือนกันนะเมื่อมองดูผลการเรียนของนารูโตะ ที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์ทั้งแถบแบบนี้น่ะ
" อ่า...ก็มีนิดหน่อย " เขาควรทำยังไงกับนารูโตะดีนะ
" หื้ม ? ...น่าสงสารนะครับ ที่คุณได้ดูแลพวกปีศาจน่ะ "
" .... "
" เป็นผมคงขอย้ายห้อง รึไม่ก็ขอลาออกดีกว่าถ้าต้องดูแลพวกปี - "
" พอได้รึยัง "
" ค่ะ..ครับ ? "
" คำก็ปีศาจ สองคำก็ปีศาจ คนที่ใช้คำพูดแบบนั้นกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรในอดีตมีสิทธเรียกพวกเขาว่าปีศาจด้วยงั้นหรอ " ตัวเองทำตัวยิ่งกว่าปีศาจเสียด้วยซ้ำ ตัดสินคนจากความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อนี่น่ะรึมนุษย์ผู้ประเสริฐ
" พูดอะไรกันครับ นี่ผมหวังดีนะครับ "
" เก็บความหวังดีของคุณไว้เถอะครับ เด็กของผมไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผมดูแลเองได้ "
" แต่- " ยังคงสำนึกไม่ได้สินะ
" ผมขอตัวก่อนนะครับ "
สำหรับคนอื่นอาจเห็นเด็กสองคนนั้นเป็นปีศาจ แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ พวกนั้นเป็นแค่เด็ก เด็กที่ไร้เดียงสาที่ไม่รู้ว่าทำไมผู้คนถึงรังเกียจตน คนน้องแม้ไม่แสดงออกมามากนักแต่จากแววตาเขาเห็นมัน การที่จะต้องจมอยู่กับความเสียใจในสิ่งที่คนอื่นมีแต่เราไม่มี ส่วนคนพี่ตัวปัญหาที่สร้างเรื่องไปทั่ว เขารู้ดีว่านั่นเป็นแค่การเรียกร้องความสนใจ เหมือนกับได้เห็นตัวเองในอดีต ยิ่งได้สัมผัสมาตลอดในระยเวลา 1 ปีที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าพวกเขาอาจจะแค่ต้องการคนดูแลเท่านั้นเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่จึงแข็งกระด่าง ถึงนางิสะจะไม่มีนิสัยนั้นก็ตาม
นับแต่นี้ต่อไปเขานี่แหละที่จะเป็นคนค่อยเอาใจใส่พวกเขาเอง
ก้มมองใบประวัติของนางิสะกับนารูโตะ
คงจะต้องจากเรื่องนี้ก่อนล่ะกัน
.
.
.
" นางิ ... " เสียงเรียกของนารูโตะดังขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน
" หื้ม.. " ฉันตอบรับคำเรียกแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง สายตายังคงจับจ้องไปที่ดวงตะวันที่เริ่มจะลับขอบฟ้าไป
" สักวันหนึ่ง...ฉันจะต้องทำให้ทุกคนยอมรับการมีอยู่ของพวกเรา จะเป็นนินจาที่ไปที่ไหนๆ ก็จะมีคนเรียกว่าวีรบุรุษ ก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหมดไปเพื่อให้ได้เป็นโฮคาเงะที่เป็นความฝันของฉันด้วยล่ะ " นารูโตะพูดอย่างเหม่อลอยราวกับพรรณนาไปกับสายลม พร้อมกับกุ่มมือฉันไว้ข้างหนึ่งเหมือนจะบอกว่าให้ก้าวผ่านมันไปพร้อมๆ กัน
" นายทำได้อยู่แล้ว...ฉันเชื่อในตัวนาย และตัวฉันก็จะเป็นนินจาที่ทุกคนต่างก็ยอมรับเหมือนกัน ดังนั้นเรามาพยายามไปด้วยกันนะ " ฉันพูดตอบในสิ่งที่คิดออกไป กระชับมือให้แน่นขึ้นเป็นการยืนยันในคำพูดของตัวเอง
" อื้อ.. กลับกันเถอะพระอาทิตย์ตกแล้ว " นารูโตะลุกขึ้นยืนพลางดึงให้ฉันลุกตาม
เราเดินจุงมือกันกลับบ้านเหมือนอย่างเคย บ้านที่ไม่มีคนอยู่มีแค่เราสองคน วันเกิดปีนี้ของคงจะผ่านไปอย่างเงียบเหงา แต่ก็ใช่ว่าจะแย่เสมอไปอย่างน้อยเราก็ยังมีกันและกัน ฉันหวังว่าเราจะได้ก้าวเดินไปด้วยกันและทำตามความฝันของเราให้สำเร็จนะ
" นี่..ที่พูดเมื่อกี้ทำให้นายดูเท่มากเลยนะ "
" อ่ะ..อะไรเล่า ●///● ลูกผู้ชายอย่างฉันน่ะเท่ตลอดเวลาอยู่แล้ว!! "
" อ้ะ..กลับมาดูซื่อบื้ออีกแล้วล่ะ คิๆ "
"เฮ้! ฉันพี่เธอนะนางิ๊ !! กลับมาให้ฉันจัดการก่อนนะ!! "
กว่าฉันกับนารูโตะจะมาถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยไปจนดึกแล้ว มันคงจะถึงเร็วกว่านี้ถ้าไม่มั่วแต่วิ่งเล่นกันอยู่ ตอนนี้เราต่างก็เตรียมตัวจะเข้านอนกันแล้ว แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงเคาะที่หน้าประตูดังขึ้น
ก๊อกๆๆ
" ใครน่ะ ในเวลาแบบนี้ " ฉันคิดอย่างสงสัยว่าใครจะมาในเวลาแบบนี้ ถึงเวลาปกติก็ไม่น่าจะมีใครมาก็ตามที
" ฉันไปเปิดเองนางิ เผื่อเป็นคนไม่ดี " นารูโตะว่าอย่างเป็นห่วงเเล้วกำลังจะลุกไปเปิดประตู
" ไปด้วยกันนี่แหละ ถ้าเป็นคนไม่ดีจริงฉันก็ไม่ให้นายไปคนเดียวแน่ " พูดพลางเดินไปพร้อมกัน แต่พอเปิดประตูไปคนที่ยืนอยู่กลับเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาดี
" ครูอิรุกะหรอคะ " ทำไมครูถึงมาที่นี้เวลานี้ล่ะ รึก่อนหน้านี้นารูโตะไปก่อเรื่องอะไรมา คงไม่ใช่หรอกมั้งวันนี้เขาอยู่กับชั้นทั้งวันเลยนะ
" ครูมาทำอะไรดึกๆอ่ะ จะลักพาตัวพวกเราไปขายหรอ " นารูโตะพูดออกมาอย่างกวนๆ
" ไม่ใช่ ไอ้เด็กบ้า!! " เสียงตะคอกอย่างรุนแรงของครูอิรุกะพร้อมมะเหงกที่ลงบนหัวนารูโตะ
โป๊ก!!
" โอ๊ย!! งั้นแล้วมาทำไมเล่า บอกดีๆ ก็ได้นี่ วันนี้ผมยังไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเลยนะ " นารูโตะบ่นพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
" ครูมีเรื่องอะไรรึป่าวคะ " ฉันตัดสินใจถามออกไปด้วยความสงสัย
" เอ่อ..จะว่ายังไงดีล่ะ อ่ะนี่ครูให้พวกเธอ " พอพูดแล้วครูก็ยื่นถุงมาให้เราสองคน โดยต่างคนต่างรับไว้
" ให้..พวกเราหรอคะ " มีคนให้ของกับพวกเราเนี่ยนะ
" ทำไมล่ะ " นารูโตะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ด้วยน่าตาที่ดูอึ้งๆ งงๆ
" ก็..เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดพวกเธอนี่ ครูไม่รู้ว่าพวกเธอชอบอะไร เลยเลือกซื้อเป็นของที่น่าจะได้ใช้จริงๆ มาน่ะ " ครูอิรุกะยิ้มแห้งและใช้นิ้วเกาที่ข้างแก้มพร้อมพูดอย่างขัดเขิน
"... " ทั้งฉันทั้งนารูโตะยังคงเงียบ อีกทั้งยังจ้องหน้าครูเหมือนเดิม
" ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะ...พวกเธอควรเข้านอนกันได้แล้ว "
" ... "
" เอ่อ..ส่ะ..สุขสันต์วันเกิดนะ ครูไปละ " ว่าแล้วครูก็เดินออกไป
.
.
.
หลังครูอิรุกะจากไปเราสองคนก็ปิดประตูห้อง แต่ยังไม่มีใครเดินออกไปจากที่เลย แล้วจู่ๆ นารูโตะก็ทำลายความเงียบระหว่างเรา โดยการพูดขึ้นมาเป็นคนแรกว่า
" นี่นางิ...เป็นครั้งแรกเลยรึป่าวนะที่มีคนพูดคำนี้กับเราน่ะ "
" อื้อ...แปลกดีนะ "
จากนั้นเราทั้งคู่ก็รู้สึกร้อนพราวที่ขอบตาและความแฉะบนใบหน้า เราไม่ได้เสียงร้องแค่ปล่อยให้มันไหลไปเท่านั้น ต่างคนต่างกอดสิ่งที่ได้มาอย่างหวงแหน กลัวว่ามันจะเป็นแค่ความฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ของขวัญวันเกิดเหมือนกับคนอื่นๆ
ความคิดเห็น