คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แบ่งปัน
นางิสะ talk.
ตอนนี้โรงเรียนเปิดเทอมมาได้หลายเดือนแล้วฉันกับนารูโตะเริ่มมีเพื่อนบ้าง ต่างจากเมื่อก่อนที่พวกเราอยู่กันแค่สองคนแต่เมื่อมีคนชอบย่อมมีคนเกลียด นารูโตะมักจะทะเลาะกับคนอื่นไปเรื่อย ส่วนคนที่นารูโตะมีเรื่องบ่อยที่สุดก็คงเป็น “ อุจิฮะ ซาสึเกะ ” เด็กที่ป๊อปที่สุดในห้อง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนารูโตะถึงชอบหาเรื่องซาสึเกะนักหนาทั้งที่เขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ นารูโตะจะท้าแข่งกับซาสึเกะทุกเรื่องและก็จบด้วยการพ่ายแพ้ให้ซาสึเกะทุกครั้ง ฉันเคยถามเหตุผลนะ
“ นี่…นารูโตะ ”
" หื้อ ?? ”
" ทำไมต้องท้าซาสึเกะแข่งไปซะทุกเรื่องเลยล่ะ ”
" เพราะฉันไม่ชอบมันน่ะสิ คนอะไรขี้เก๊กชะมัด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกผู้หญิงในห้องถึงชอบหมอนั่นกันนัก หน้าตาก็งั้นๆ ฉันหล่อกว่าตั้งเยอะ นางิเธอห้ามไปยุ่งกับหมอนั่นนะ ”
" อ่า…. ”
.
.
.
.
มันเป็นคำตอบที่ฉันไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลยสักนิด และวันนี้ก็อีกวันที่นารูโตะแพ้ให้กับซาสึเกะในการแข่งวิ่งในคาบเรียน ที่แพ้ก็เพราะเจ้าตัววิ่งเต็มแรงตั้งแต่ออกสตาร์ททำให้ไม่มีแรงวิ่งในช่วงท้าย ทั้งที่เป็นเพราะตัวเองทั้งนั้นแต่ก็ยังโวยวายไม่หยุดอยู่แบบนี้
“ ฮึ่ย!! ทำไมถึงเป็นหมอนั้นที่ชนะแล้วนะ ”
“ ก็นายใส่เต็มแรงแบบนั้นตั้งแต่เริ่มแรกเองนี่ พอช่วงสุดท้ายก็เลยไม่มีแรงไง ” นารูโตะที่ได้ยินอย่างนั้นก็พุ่งเข้ามาหาฉันในทันที
“ ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ไม่ชนะหรอกนะ คราวหน้าฉันจะพิสูจน์ให้ดูนางิ ฉันจะชนะแล้วทำให้พวกผู้หญิงมาชอบฉันให้ได้เลย--- จ๊อกก!! ” ยังไม่ที่จะพูดจบเสียงท้องของนารูโตะก็ดังขึ้น
“ จริงๆ เลย แล้ววันนี้เราจะกินอะไรดีละ เงินที่ได้จากปู่ก็หมดไปกับค่าเช่าห้องกับที่นายแอบเอาไปซื้อราเมงถ้วยแล้วนะ ” ฉันพูดออกมาอย่างโมโห
“ ฉันขอโทษ…” นารูโตะตอบกลับมาเสียงเบา
“ เฮ้อ! ” ฉันถอนหายใจออกมา
“ ง่ะ…งั้นเราก็กินราเมงถ้วยกันดีมั้ย ฉันเอาราเมงถ้วยมาสองอันพอดีเลย ” ฉันเกือบลืมเรื่องราเมงถ้วยที่อยู่แล้วเชียว
“ ราเมงถ้วยๆๆ ราเมงถ้วยอีกแล้วหรอ !!! แค่นี้หน้าฉันจะเป็นราเมงถ้วยอยู่แล้วนารูโตะ !!! ”
“ อะ จึ๊ย ”
ไม่ต้องรอให้นารูโตะพูดต่อฉันก็เดินออกมาทันที เชื่อเค้าเลยจริงๆ
.
.
.
ฉันไม่อยากจะโมโหเลยจริง แต่ก็ทนไม่ไหวเพราะเขาเอาเงินที่เราจะได้ทุกเดือนจากปู่รุ่น3 ไปซื้อราเมงถ้วยเกือบทั้งหมด เงินนั่นฉันแบ่งไว้สำหรับค่าที่พักและอาหารในแต่ละเดือนของเราสองคน แต่ในทุกๆ เดือนกับหมดไปกับค่าราเมงถ้วยของนารูโตะ
หลังจากเดินหนีมาเรื่อยๆ ฉันก็มาหยุดที่ต้นไม้ในโรงเรียนที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาเท่าไรและเป็นที่ประจำที่ฉันจะมาอยู่คนเดียวในช่วงพักเที่ยง แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดีวยที่นี่ เพราะอยู่ๆ ก็มีมือสีขาวเล็กพร้อมกับข้าวปั้นที่ดูน่ากินมาข้างหน้าฉัน พอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อดูว่าเป็นใครก็ต้องตกใจ
“ อุจิฮะ ซาสึเกะ ”
“ เอาไปสิ ” เสียงเล็กตามฉบับเด็กหกขวบอย่างเรา ทำให้ฉันออกจากภวังค์แล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปรับข้าวปั้นจากเขาพร้อมเอ่ยขอบคุณด้วยเสียงแผ่วเบา
“ ขอบคุณ… ”
“ … ”
พรึ้บ!!!
หลังที่ซาสึเกะเงียบไปเขาก็นั่งลงข้างๆ ฉันแล้วนั่งกินข้าวปั้นของเขา ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของเราจนเวลาผ่านไปสักพักข้าวปั้นของฉันก็หมดลง แต่ความรู้สึกหิวก็ยังคงเหลืออยู่แล้วฉันก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ
“ กินอีกสิ ข้าวปั้นอันเดียวไม่ทำให้เธออิ่มได้หรอกนะ ” เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันยังไม่อิ่มเลยพูดขึ้นมา แต่เพราะความเกรงใจฉันจึงตอบไปว่า
“ แล้วนายจะอิ่มหรอ ”
“ แม่ของฉันทำมันมาเยอะเกินไป ฉันกินไม่หมดหรอก ”
“ หรอ ”
“ อื้อ ”
จบคำพูดนั้นแล้วฉันก็ยื่นมือไปยิบข้าวปั้นขึ้นมากินอีก เขาดูแตกต่างจากปกติมากเลย ตอนแรกเขาคงเป็นคนที่เข้าถึงยากและเขาคงไม่ชอบฉันเพราะนารูโตะซะอีก ไม่คิดเลยว่าเขาจะแบ่งปันของกินให้กับฉัน และเมื่อเรากินกันเสร็จซาสึเกะก็เก็บกล่องข้าวให้เรียบร้อย ฉันคิดว่าควรใช้โอกาสนี้จะเป็นเพื่อนกับเขาเลยพูดออกไปว่า
“ นายใจดีจัง ”
“ อึก! ” ซาสึเกะชะงัก
“ แล้วปกติฉันดูเป็นคนใจร้ายงั้นหรอ ”
“ !!! ” คำถามของเขาทำเอาฉันไปไม่เป็นเลย คำพูดฉันมันทำให้เขาคิดอย่างงั้นหรอ
“ ม่ะ..ไม่ใช่ ค่ะ..คือฉันหมายถึงปกตินายดูเป็นคนเข้าถึงยาก และคงไม่อยากยุ่งกับฉันเท่าไรน่ะ ” ฉันอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ แล้วทำไมฉันถึงต้องไม่อยากยุ่งกับเธอด้วย ” ซาสึเกะถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ ก่ะ..ก็เพราะนารูโตะแล้วก็เรื่องที่คนในหมู่บ้านพูดน่ะสิ ” ฉันก้มหน้าตอบกับไปเสียงเบา
“ ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบพี่ชายเธอก็จริง แต่ฉันไม่เคยมองพวกเธอแบบที่คนอื่นในหมู่บ้านพูด ” พอซาสึเกะพูดจบฉันก็หันไปมองเขาแล้งดวงตาก็คลอไปด้วยน้ำตา พอรู้ตัวฉันก็ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกไปแล้วพูดว่า
“ ดีใจจังที่นายพูดแบบนี้ งั้นเราจะเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย ”
“ ใช่ ต่อไปนี้เธอก็มากินข้าวกับฉันก็ได้ ฉันไม่ชอบเลยที่เห็นเธอกินแต่ของไร้ประโยชน์นั่น ” อ่า เขาคงหมายถึงราเมงถ้วยสินะ แต่ถ้าฉันมากินข้าวกับเขาและนารูโตะล่ะ
“ คงไม่ได้หรอก ” ฉันปฏิเสธออกไป
“ ทำไมล่ะ ” เขาถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ ก็ถ้าฉันมากินข้าวที่อร่อยๆ กับนายแล้วนารูโตะต้องกินแต่ราเมงถ้วยนั่นฉันคงรู้สึกผิดมากๆ และฉันก็เกรงใจนายด้วย ” ฉันบอกเหตุผลออกไป
“ งั้นเธอก็พาหมอนั่นมากินด้วยกันสิ ”
“ แต่-- ”
“ ฉันบอกให้พามาก็พามาสิ ”
“ ก่ะ..ก็ได้ ” สุดท้ายฉันก็ต้องยอมตกลง จากนั้นเราก็คุยกันต่ออีกนิดหน่อย แล้วฉันก็ขอตัวไปหานารูโตะก่อนแต่ซาสึเกะก็รั้งฉันไว้
“ นี่ ”
“ อะไรหรอ ”
“ ฉ่ะ..ฉันขอเรียกเธอว่านางิ แบบที่หมอนั้นเรียกได้รึป่าว ”
ฉันคิดอยู่แปปนึงแล้วตอบกลับไปว่า “ ได้สิ”
.
.
.
.
วันต่อมา ในช่วงพักกลางวัน
ฉันพานารูโตะมาที่ใต้ต้นไม้ที่นัดกับซาสึเกะไว้เมื่อวาน และเป็นไปตามคาดนารูโตะโวยวายใหญ่เลย
“ เธอจะพาฉันไปไหนเนี่ยนางิ ”
“ มาเถอะน่า ” แล้วฉันก็พานารูโตะมาถึงที่หมายจนได้ และซาสึเกะก็มาถึงก่อนแล้ว
“ มาแล้วหรอนางิ ” ซาสึเกะเอ่ยทัก
“ อื้อ ”
“ เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ! ล่ะ..แล้วเม่ื่อกี้นายเรียกนางิว่านางิงั้นหรอ ใครอนุญาตให้นายเรีกกัน นี่มันอะไรกันนางิ ! ”
“ … ”
“ นี่นารูโตะพูดกับซาสึเกะดีๆ สิ เขาอุสาแบ่งข้าวกลางวันให้เรานะ ”
“ ฉันไม่กินของหมอนี่หร-- โครกคราก!! ” พูดไม่ทันจบท้องก็ร้องดังซะขนาดนี้แล้ว
“ ก่ะ..กินก็ได้ ”
และเราก็ลงมือกินข้าวกันในระหว่างกินนารูโตะกับซาสึเกะก็ทะเลาะกันบางเป็นบางทีส่วนฉันก็ทำหน้าที่ค่อยห้ามทั้งสองคน แต่มันก็เป็นการกินข้าวที่มีความสุขมากสำหรับฉัน
“ ไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย ”
ความคิดเห็น