กามเทพร้อยรัก
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ รักหวานแหวว Tags : Ceo, เพื่อน, แม่หม้าย, นางแบบ, หวาน, คู่หมั้น, โรแมนติก
ผู้แต่ง : Mya, ฟ้าสีรุ้ง, แก้ว เฌอลัน
My.iD :
https://my.dek-d.com/AmberBlue/writer/
ตอนที่ 53 : เข้าใจให้ถูก
ธัญพิมลดึงสติของตัวเองกลับมา ก็ตอนที่เขาสะกิดบอกให้หล่อนเอากุญแจห้องไขห้องพักเข้าไป และหล่อนก็ทำตามอย่างว่าง่าย เสียงหัวเราะของเด็กที่วิ่งเล่นกันหน้าลิฟต์ยังคงดังกึกก้อง นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกอับอายยิ่งขึ้น และเมื่อเข้ามายืนในห้องของตัวเอง โดยที่มีตัวเขาเดินตามเข้ามาและยังพยายามที่ตามติดแนบชิดกับตัวหล่อน มันจึงทำให้ธัญพิมลรู้สึกตัว ว่าสถานที่ลับตาคนนั้นเป็นที่อันตรายต่อตัวหล่อนมาก
“คุณจะดื่มอะไรไหมคะ”
“ไม่ดื่ม ผมอยากจะคุย” เขายังคงยืนใกล้ชิด ทำให้ธัญพิมลต้องดันอกเขาออกห่าง พร้อมกับเริ่มมองด้วยสายตาเอาเรื่องแตกต่างจากสายตาที่เคลิบเคลิ้มก่อนหน้า และมันก็ทำให้เขายอมถอยห่างออกไปแต่โดยดี
“การไล่คุณสุพจน์ออก ไม่ใช่ว่าจะเป็นคำสั่งของผมคนเดียว เรามีมติในที่ประชุม” เขาพูดขึ้นเมื่อได้หย่อนก้นลงไปยังโซฟาตัวยาว โดยมีหญิงสาวยอมนั่งลงไปยังโซฟาอีกตัวที่ตั้งโดดเด่นตัวเดียวอีกด้านหนึ่งของโต๊ะโซฟา
“แต่อย่างที่ผมบอกคุณว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างเป็นเรื่องภายใน ผมไม่ควรจะเอามาเล่าให้คุณฟังหรอกนะ”
หญิงสาวที่อยากจะรู้ ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจกับเหตุผลนั้นแล้ว หล่อนต้องการรู้แค่ว่าเขามีเหตุผลอะไรทำไมจะต้องไล่คนเก่งคนหนึ่งและยังเป็นคนที่หล่อนนับถือด้วย หรือจะว่าไปพนักงานทุกคนก็นับถือสุพจน์กันทั้งนั้น
“ทำไมล่ะคะ มีอะไรที่พนักงานอย่างพวกฉันไม่ควรจะรู้”
“ธัญพิมล...บริษัทของเราอยู่ภาวะขาดทุนมาได้สองปีกว่าๆ แล้วนะ”
“อ้อ คุณก็เลยไล่คนเก่งเงินเดือนเยอะออกซะเลย เพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิตเหมือนอย่างที่คุณแจกแจงมาก่อนน่ะเหรอคะ” หล่อนทำเสียงเย้ยหยันและยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาของเขามันช่างไม่ชาญฉลาดเอาซะเลย กว่าปราชญ์จะได้มานั่งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดนี้ หญิงสาวและพนักงานคนอื่นๆ เคยได้ยินว่าเขาถูกทาบทามมาอีกทีหนึ่ง และอยู่ในระหว่างการพิจารณานานนับปี กว่าจะลงมติให้เขาเข้ามาดูแล ในวัยที่อ่อนเยาว์และคิดว่าไฟคงแรง รวมไปถึงวิสัยทัศน์ที่น่าจะกว้างไกล แต่ตอนนี้เขาทำให้ธัญพิมลผิดหวังเอามากๆ นอกจากจะมาไล่คนเก่งออกแล้ว เขายังมาทำตัวเจ้าชู้ พานทำให้ธัญพิมลไม่เป็นอันทำงานทำการอีกด้วย
“ฟังผมพูดให้จบก่อนสิ!” ชายหนุ่มปรามขึ้นเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะทำการคัดค้านเขาอีก ซึ่งธัญพิมลได้แต่เชิดหน้าใส่เขาและยอมหุบปากตามที่เขาบอกอย่างรู้สึกขัดเคืองสิ้นดี
“ก่อนที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ไป ผมขอให้คุณเหยียบไว้ตรงนี้ได้ไหม”
“ลับขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ธัญพิมลชักจะใจคอไม่ค่อยดี ดูท่าทางว่ามันจะสำคัญจริงๆ หากแต่เขาก็เลือกที่จะเล่าให้หล่อนฟัง
“ครับ ลับสุดยอด...แต่ถ้ามันจะทำให้คุณเลิกเข้าใจผมแบบผิดๆ ผมยอม” ธัญพิมลรู้สึกหัวใจอบอุ่นวาบขึ้นมาอีก พอๆ กับตอนที่อยู่ในลิฟต์กับเขา หากแต่หล่อนจะไม่ยอมตกเป็นทาสของอารมณ์และความไม่ถูกต้องอีกต่อไป เขาไม่ควรจะมาพูดจาสร้างความหวังให้กับหล่อน และที่สำคัญหญิงสาวจะต้องไม่หลงคารมผู้ชายเจ้าชู้คนนี้อย่างเด็ดขาด
“ค่ะ...ฉันจะไม่บอกใครก็ได้”
“คุณสุพจน์เอาข้อมูลหลายอย่างไปให้กับบริษัทคู่แข่ง เราเสียลูกค้าไปหลายรายและมากที่สุดในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ดวงมาซวยเอาตอนที่ผมมาบริหาร...ผมและท่านผู้บริหารท่านอื่น จึงตัดสินใจไล่คุณสุพจน์ออก เมื่อเรามีหลักฐานแน่นหนา”
คนที่นั่งตั้งใจฟังถึงกับอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือความจริง และจะเป็นไปได้
“เรื่องนี้ผมสืบมานานตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่แล้ว และก็พยายามประคับประคองบริษัทเอาไว้ไม่คิดที่จะไล่ใครออก และมีความหวังว่าคุณสุพจน์จะกลับใจ แต่ความโลภของคนเราบางคนมันก็มากล้นจนมองไม่เห็นความถูกต้องครับ” หลังจากได้พูดออกไปแล้ว เขาก็เอนกายไปยังโซฟาตัวนุ่มอย่างรู้สึกผ่อนคลาย เมื่อคนที่นั่งเชิดหน้าเริ่มมองเขาอย่างเห็นใจขึ้นมาบ้าง
“ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นละก็เราก็อาจจะไม่เหลืออะไร”
“แล้วคุณไม่คุยกับคุณสุพจน์เหรอคะ เผื่อจะกลับตัวได้” น้ำเสียงที่แข็งกระด้างก่อนหน้านี้เริ่มอ่อนโยน
“ระดับนี้เขาไม่คุยหรอกครับ พอหลักฐานมัดตัวดิ้นไม่หลุด ก็เด้งออกทันที”
“ฉัน...” ธัญพิมลอึกอักไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ก่อนที่ผมจะรับปากมาทำงานที่นี่ ฝ่ายบัญชีได้แจ้งให้เห็นแล้วว่ายอดขายของเราติดลบมาได้หลายปีเหมือนกัน โดยเฉพาะสองสามปีหลัง แต่ผมขอให้เก็บไว้เป็นความลับ เราเสียลูกค้าใหญ่ๆ ไปหลายที่ ซึ่งนั่นก็หมายรวมถึงรายได้หลายร้อยล้านต่อปีก็หายไปด้วย”
ธัญพิมลตกใจกับตัวเลขที่เขากำลังเอ่ยให้ฟัง “แย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ก็ประมาณนั้นแหละครับ”
“แล้วจะล้มละลายไหมคะ” หล่อนยิงคำถามอย่างอยากรู้ออกไปทันที นี่ถือว่าเป็นข่าวที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ได้มาเหมือนกัน และเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงได้เก็บเป็นความลับเฉพาะท่านผู้บริหาร
“ตอนนี้ยังหรอก ผมกำลังตระเวณต่อรองเรียกเอาลูกค้าเก่ากลับมาให้ได้มากที่สุด รวมทั้งเปิดตลาดในประเทศอื่นด้วย ถ้าได้ลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามามันก็คงยังดูแลกันต่อไปได้” แล้วธัญพิมลนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็เอาแต่จดจ่อกับการทำงานมากเสียเหลือเกิน ตั้งแต่ที่มารับตำแหน่งและจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงกับพนักงานไปละคะแทนที่จะใช้เหตุผลที่ว่าประหยัดต้นทุนการผลิต ตอนนี้ใครก็เข้าใจคุณผิดกันไปหมด”
“เพื่อไม่อยากให้พนักงานรู้ว่าบริษัทของเรามีหนอนบ่อนไส้อยู่นะสิครับ เพราะผมอยากจะให้มั่นใจว่าจะไม่มีหนอนสักตัวชอนไชอยู่ในบริษัทสักตัว”
“เฮ้อ...เสียหายเยอะเอาการนะคะ” หล่อนพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกใจหาย
“ครับเยอะมาก มากเสียจนผมอยากจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและผมรู้ว่ายังไงผมก็ชนะแน่ เพราะมีหลักฐานมัดไว้แน่น
“แล้วทำไมไม่ทำละคะ”
“ก็อย่างที่บอกและก็ไม่อยากจะให้เอิกเกริก อีกอย่างหนึ่งนะคนอย่างคุณสุพจน์ไม่มีปัญญาใช้หนี้หมดในชาตินี้แน่ เสียเวลาของผมเปล่าๆ สู้เอาเวลาไปแก้ไขหาลูกค้าเพิ่มและดึงลูกค้าเก่ากลับมา รวมไปถึงปรับเปลี่ยนกลยุทธทางการตลาดด้วย ยังมีความหวังมากกว่าเสียอีก” เขาพูดพร้อมกับยักไหล่
หญิงสาวเอาแต่ตะลึงกับเรื่องราวที่เข้าใจผิดเขามาตลอด และก็เห็นด้วยกับความคิดของเขาถึงการแก้ปัญหามากกว่าที่จะไปนั่งเรียกร้องเอาค่าเสียหายที่ไม่มีวันจะได้คืนกลับมาและเชื่อว่าสุพจน์คงได้ติดคุกเอา หากแต่ชายหนุ่มกลับปล่อยไปอย่างไม่แยแส ซึ่งนั่นก็หมายถึงเขาไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ เหมือนกับที่พนักงานหลายคนตำหนิและใส่ร้ายป้ายสีเขาอย่างเข้าใจผิดกันอยู่ในตอนนี้ แต่หล่อนก็คงแก้ตัวให้ไม่ได้ เพราะต้องเก็บเป็นความลับเหมือนอย่างที่เขาขอร้อง
มันโชคดีแค่ไหนแล้วที่เขามาเล่าให้ฟัง แม้จะรู้สึกหน้าแตกที่ตำหนิเขาไปมาก และเหตุผลที่เขาบอกว่าทนเห็นความหมางเมินที่หล่อนทำใส่เขาไม่ได้ เพียงแค่คิดหล่อนก็เผลอยิ้มขึ้นมา
“ในเมื่อคุณรู้แบบนี้แล้ว อยากจะหางานใหม่เลยก็ได้นะครับ หรือจะแต่งงานกลับไปอยู่บ้านของคุณซะ และก็คงไม่ต้องห่วงงานที่นี่อีกต่อไป” เขาว่าต่อ และมันทำให้หล่อนรู้สึกขัดเคือง เพราะไม่อยากให้เขามายุ่งจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวที่หล่อนคิดว่าเขาควรจะลืมมันไปได้แล้ว
“เรื่องนั้นฉันพิจารณาเองได้ค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องมาบอกหรอก”
เขาหัวเราะหึในลำคอ มองใบหน้าบึ้งตึงน้อยนิดนั่นแล้วก็อดขำไม่ได้
“เรื่องไหนล่ะครับ หางานใหม่หรือเรื่องแต่งงาน?”เขายังคงตั้งคำถามมาให้อย่างยียวน แม้จะหดหู่ในตอนที่พูดถึงเรื่องการแต่งงานของหล่อน และอยากจะรู้นักว่าหล่อนจะไปแต่งงานจริงๆ หรือแค่พูดประชดเขาเท่านั้นในวันนั้น
ส่วนตัวของเขาเองก็ไม่ได้โสดเลย แต่การได้อยู่ในลิฟต์ด้วยกันมันทำให้เขารู้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหล่อน แต่ตอนนนี้เขาต้องปล่อยมันไป ต้องหัดห้ามใจเหมือนที่หล่อนทำอยู่
“ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละค่ะ!”
0 ความคิดเห็น