คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Sherlock 8 : A red ᴱᴺᴳ
เสียงรองเท้าดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน เชอร์ล็อกวิ่งนำลิ่วไม่เหลียวหลังมอง ทั้งเลสเตรดและคริสตินต่างก็วิ่งกระหืดกระหอบตามเขาไป และได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาจึงวิ่งไวนัก นี่ยังไม่รวมเรื่องที่เขาเดินตากฝนและไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน เมื่อออกจากประตูลิฟท์ชั้น 12 เขาก็วิ่งนำลิ่วไปยังห้องหมายเลข 1204 ของอาคารสำนักพิมพ์ใหญ่โต ทั่วบริเวณชั้นที่เกิดเหตุถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมเอาไว้ บรรดาพนักงานถูกสั่งให้ไปรวมอยู่ที่ชั้นอื่นเสียแทน
" ให้ตายสิ หมอนั่นอดนอนทั้งคืนจริงเหรอเนี่ย ! " เลสเตรดถึงกับร้องออกมา
เมื่อถึงห้องเกิตเหตุ เชอร์ล็อกผลักประตูห้องเข้าไปอย่างรีบร้อน ในขณะที่เลสเตรดและคริสตินพยายามจะวิ่งไปให้ทัน แต่ก็ใช้เวลาสักครู่หนึ่ง เมื่อทั้งสองวิ่งตามทัน ภายในห้องนั้นเชอร์ล็อกกำลังนั่งยองๆ อยู่ที่ข้างศพผู้ตาย เขาก้มๆ เงยๆ อยู่หลายครั้ง บ้างก็จับตรงโน้นที พลิกตรงนั้นที
" เป็นอะไรไหม " เลสเตรดเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริสตินแทบยืนไม่อยู่
" ไม่เป็นไรค่ะ แค่หายใจไม่ทัน " เธอตอบระคนหอบเหนื่อย
เลสเตรดพยักหน้ารับและเดินเข้าไปใกล้กับศพผู้ตาย เชอร์ล็อกยังคงขยับตัว ก้มๆ เงยๆ ค้นหาบางอย่างและไม่สนใจสิ่งอื่นรอบตัว
" ใครก็ตามที่ทำแบบนี้ ต้องเป็นบ้าแน่ๆ " เลสเตรดกล่าว
" นั่นสิ " เชอร์ล็อกตอบ เงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างที่ยังคงเปิดอ้า
" นายก็ระวังตัวบ้างนะช่วงนี้น่ะ เห็นชัดๆ เลยว่ามันเกี่ยวกับนาย " เลสเตรดกล่าว ทว่าดวงตาของเขาจับจ้องยังรอยแผลที่ถูกกรีดอย่างจงใจบนแขนข้างขวาของศพผู้ตาย ' Have fun ? ' ร่องรอยถูกแซะด้วยของมีคมปลายแหลม อาจเป็นมีดหรืออย่างอื่น บานหน้าต่างที่นำศพผู้ตายเข้ามายังคงเปิดอ้า บนร่างของเธอมีรอยฟกช้ำมากมาย บ่งบอกถึงการขัดขืนของเธอ และข้าวของในห้องก็หล่นเกลื่อนกลาด
" ฝ่ายพิสูจน์มาแล้ว " เสียงดิมม็อกดังแทรก
เลสเตรดหันไปมองก็เห็นเจ้าหน้าที่ดิมม็อกและโดโนแวนกำลังเดินเข้ามาภายในห้องที่เกิดเหตุ ทั้งสองมองตรงไปยังเชอร์ล็อกแทบจะในทันที
" จอห์นเป็นไงบ้าง " โดโนแวนถาม
" ดีขึ้นแล้ว แต่หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้ตอนเย็นๆ ล่ะ " เลสเตรดตอบ
" กลายเป็นเรื่องวุ่นวายจนได้ " ดิมม็อกกล่าว
" ไม่เอาน่า " เลสเตรดพูดพลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
" ใครๆ ก็รู้ว่ามันต้องเกิดเรื่องสักวันแน่ ! เพราะหมอนั่นมันเป็นแบบนั้นตลอด เที่ยวอวดดีคนอื่นเขาไปทั่ว แล้วยังไงล่ะ โดนหมายหัวแถมทำให้คนอื่นที่ไม่รู้เรื่องต้องมาพลอยซวยไปด้วยอีก ! " น้ำเสียงของดิมม็อกกระฟัดกระเฟียด เขาหันมองยังเชอร์ล็อกที่ทำหูทวนลมไม่รู้ร้อนรู้หนาว
" ดิมม็อก ! " เลสเตรดปราม
" นายก็เข้าข้างมันทุกทีแหละน่า ! "
" ขอโทษทีนะคะ คุณเจ้าหน้าที่ดิมม็อกใช่ไหม " คริสตินพูดแทรก
ดิมม็อกหันมองที่เธอหัวจรดเท้า เขาดูฉงนว่าเธอเป็นใคร
" ฉันรู้ว่าเชอร์ล็อกชอบพูดจาอวดตัว เรื่องนั้นทุกคนรู้ดี แต่ถ้าหากว่าคุณมีตาก็คงเห็นว่าเขากำลังพยายามหาทางแก้ไขมันอยู่ และฉันรู้ค่ะ ดิมม็อก --- ทุกคนรู้ดีว่าเราต้องพึ่งเขา " เธอกล่าว
" แล้วเธอเป็นใครเนี่ย ! " เขาตะโกนถาม
" บ้าฉิบ ! ออกไป ! ออกไปให้หมดเลย ออกไป ! " เชอร์ล็อกตะโกนลั่น สองมือยกขึ้นปิดหู
คนทั้งห้องเงียบกริบมองไปยังเขาที่อยู่ๆ ก็อาละวาดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ทว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ ที่เดินตามหลังดิมม็อกและโดโนแวนเข้ามาต่างก็หยุดชะงัก บางคนมองหน้ากันก่อนจะทะยอยเดินออกจากห้อง คล้ายว่าพวกเขาเคยชินแล้วกับการอาละวาดของเชอร์ล็อก
" เชอร์ล็อก --- " เลสเตรดเรียกอย่างไม่พอใจ
" นายก็ด้วยออกไปเลย ออกไป ! " ไม่พูดเปล่าเชอร์ล็อกลุกขึ้นยืนชี้หน้าพวกเขา
" เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก เชอร์ล็อก ! " ดิมม็อกตะคอก
" เลิกพังสมองฉันได้แล้ว ! นี่พวกนายกะจะดับไอเดียของคนทั้งจักรวาลเลยหรือไง ! " เชอร์ล็อกยกสองมือขึ้นทึ้งเรือนผม จากนั้นเดินวนไปมารอบๆ ศพของผู้ตายคล้ายว่าเขากำลังใช้ความคิดและหมกมุ่นอย่างหนัก
" ให้ตายสิ่ --- " เลสเตรดมองดูอาการชวนหัวของพ่อหนุ่มประหลาด เขาก็ถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย
" ออกไปก่อนเถอะค่ะ ฉันว่าเขาคงอยากอยู่เงียบๆ " คริสตินบอก พลางแตะมือที่ไหล่ของเลสเตรด
เธอออกแรงดันเบาๆ ให้เลสเตรดหันไปยังบานประตู ซึ่งเขาช่างใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมโอนอ่อนตามแรงเรียกร้องของเธอ ดิมม็อกเห็นดังนั้นก็ถึงกับออกอาการกระฟัดกระเฟียดและพุ่งตัวออกจากบานประตูไปอย่างรวดเร็ว โดโนแวนจึงรีบร้อนตามหลังเขาไปติดๆ
" เธออยู่ก่อน " เชอร์ล็อกร้องเรียกก่อนที่คริสตินจะเดินพ้นกรอบประตู
" จอห์นไม่อยู่ ฉันต้องการผู้ช่วย "
หลังเขาพูดจบเธอหันหลังกลับไปมอง เชอร์ล็อกยังคงเดินวนเวียนไปมาอยู่ใกล้ๆ กับศพผู้ตาย สองมือยกขึ้นพนมจรดปลายนิ้วที่ใต้คาง ดวงตาหลุบต่ำไม่สนใจสิ่งอื่นรอบตัว
" เธอไม่ใช่จอห์นนะ นายจะลากเธอมาเกี่ยวไม่ได้ " เลสเตรดกล่าว
" เกร็ก --- " คริสตินพูดขัด เธอวางมือบนไหล่ของเลสเตรดอีกครั้ง คล้ายจะดักร่างของเขาไม่ให้เดินกลับเข้ามาในห้อง แต่อีกความรู้สึกหนึ่งสายตาของเธอกลับดูอ้อนวอนและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะทำให้รู้สึกว่าเธอพยายามขัดขวางหรือกำลังออกคำสั่ง
" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่เอง --- ขอเวลาให้เราสักครู่หนึ่ง และฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เขาทำอะไรบ้าๆ " เธอบอก เหลือบสายตาขึ้นมองที่เขา
" เหมือนที่ทำเมื่อคืนน่ะเหรอ " เลสเตรดถาม
คริสตินหลุบตาลงคล้ายว่าเธอหลบตาเขาอย่างจงใจ ร้อยยิ้มน่าอึดอัดเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
" เฮ่อ --- รีบๆ หน่อยก็แล้วกัน " เลสเตรดกล่าว จากนั้นถอยห่างออกจากบานประตูและปิดประตูลงในที่สุด
คริสตินหันหลังกลับเข้าไปในห้อง เชอร์ล็อกใช้สองมือกุมริมฝีปาก สองเท้าหยุดชะงักเหมือนโดนสต๊าฟ ครู่หนึ่งเขาหันขวับไปยังโต๊ะทำงานของผู้ตายประหนึ่งว่าเขามีไอเดียพุ่งวาบเข้ามาในสมอง
" เธอฉลาด --- แต่ตอนนี้เธอตายแล้ว " เชอร์ล็อกกล่าว
" คุณต้องพยายามพูดจาให้ดีกว่านี้นะ " คริสตินกล่าว กอดอกมองไปยังเขา
เชอร์ล็อกเดินอ้อมเข้าไปด้านในของโต๊ะทำงานก่อนจะเปิดลิ้นชัก เขาไม่แยแสกับคำพูดของคริสตินแม้แต่น้อย บานหน้าต่างที่เปิดอ้ามีลมโหมพัดเข้ามาด้านในจนผมของเขาพลิ้วไหวไม่เป็นทรง
" เคยฟังที่คนอื่นพูดบ้างไหมเนี่ย "
และเช่นเดิม เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง --- เสียงข้าวของถูกรื้ออยู่ในลิ้นชัก คริสตินถอนหายใจจากนั้นเดินไปยังศพผู้ตายที่นอนนิ่งอยู่กลางห้อง คอของเธอยังคงมีเชือกพันอยู่ ทว่าร่องรอยต่างๆ บนร่างกายช่างบอบช้ำสาหัส ศรีษะของเธอถูกตีด้วยของแข็ง มีเลือดท่วมและเดาได้ไม่ยากว่าเธอคงถูกทุบด้วยถ้วยรางวัลนักเขียนเรื่องสั้นดีเด่นประจำปีที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น เลือดของเธอยังติดอยู่บนนั้น และไม่ได้มีแค่แผลเดียว แต่คนร้ายใช้มันฟาดเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คริสตินย่อตัวลงมองบาดแผลในระยะใกล้ ถึงแม้ว่าร่องรอยการถูกทุบตีจะโหดร้ายทารุนเพียงใด ทว่าการตายของเธอนั้นเกิดจากการคอหัก เนื่องจากความยาวของเชือกและรอยครูดที่เกิดขึ้น ความสูงและระยะของเชือกทำให้เธอคอหักทันที่ที่ถูกโยนออกนอกหน้าต่างพร้อมบวกเชือกคล้องคอ
" แขวนคอทั้งหมด --- ทั้งสามคดี " คริสตินกล่าวพลางเหลือบสายตามองข้อความที่อยู่บนแขนของศพผู้ตาย
" มันจะท้าทายคุณจริงๆ สินะ " เธอกล่าว
" ถ้าฉันจะฆ่าเธอตอนนี้ สิ่งแรกที่เธอจะทำคืออะไร " เชอร์ล็อกถาม มือยังคงคุ้ยเขี่ยข้าวของสารพัดในลิ้นชัก
" หมายความว่าไงคะ "
" ถ้าฉันจะฆ่าเธอตอนนี้ เธอจะทำอะไร ! " เขาตะคอก เงยหน้าขึ้นจ้องเธอเขม็ง
คริสตินนิ่วหน้ามองกลับไป ทันใดนั้นเองเชอร์ล็อกกระโดดข้ามโต๊ะทำงานของผู้ตาย ในมือของเขาถือกรรไกรเหล็กสีทองเอาไว้ ปลายแหลมหันชี้มาที่เธอ และสองเท้าของเขาก็ก้าวพรวดพราดเข้ามาใกล้ หากแต่ว่าสิ่งที่ทำให้ขวัญผวานั้นคือใบหน้าเหมือนคนเคียดแค้นชิงชัง และดวงตาแข็งกร้าวหมายจะเอาชีวิต
" เชอร์ล็อก --- " เสียงเธอสั่นเครือ สองเท้ายันตัวลุกขึ้น และขยับถอยอย่างรวดเร็ว
" เธอจะทำยังไงคริสติน ! " เสียงอาละวาดนั้นดั่งจนแตกพร่า มือของเขาง้างคมกรรไกรขึ้นสูงเหนือหัว
คริสตินส่งเสียงกรีดร้อง เธอยกสองมือขึ้นบังเอาไว้และก้าวถอยหลังที่มองไม่เห็นทำให้เธอสะดุดเข้ากับร่างของหญิงผู้ตายจนล้มลงบนพื้น แรงกระแทกอาจทำให้เธอเจ็บ ทว่าความหวาดกลัวเล่นงานเธอหนักหนากว่า
" โถ่ ! ใช้จินตนาการหน่อยสิ " เชอร์ล็อกมองที่เธอและผายมือออกด้วยท่าทีขัดใจ
คริสตินยังคงเงยหน้ามองที่เขา เธอยังไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้เพราะความเจ็บแปลบที่ก้นและสะโพก เหนือสิ่งอื่นใด เธอจับต้นชนปลายแทบไม่ถูก
" เกิดอะไรขึ้น ! " ประตูห้องถูกเปิดผาง และเลสเตรดร้องถามด้วยหน้าตาตื่น
คริสตินหันหลังไปยังบานประตูก็เห็นเลสเตรดกำลังมองมาที่เธอ สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก และพอจะเดาได้ว่าคงเป็นเพราะเสียงร้องของเธอเมื่อครู่ เธอหันกลับไปยังเชอร์ล็อก --- กัดฟันกรอด และดันตัวลุกขึ้น
" เป็นบ้าอะไรของคุณ --- " เธอถาม พยายามทำตัวให้ใจเย็นจนฝืนธรรมชาติ
" ใช้สมองยังไงล่ะ เธอก็หัดใช้สมองเสียบ้าง --- แล้วนายจะเปิดประตูเข้ามาทำไม ออกไปเลยนะ !! " เขาพูดกับเธอไม่ทันจบก็หันไปโวยวายใส่เลสเตรดที่ยืนคาประตูอยู่
" แล้วมันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมเธอถึงร้องแบบนั้นล่ะ ! " เลสเตรดถามด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง
" ขอโทษค่ะเกร็ก เป็นความผิดฉันเอง " เธอหันไปตอบ
และเห็นได้ชัดว่ามันสร้างความไม่พอใจให้เขาเป็นอย่างมาก คริสตินไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ในขณะเดียวกันนั้นเชอร์ล็อกก็เริ่มพฤติกรรมเดินวนเวียนไปมาอีกครั้ง เขาใช้สองมือจับกรรไกรเหมือนจะประคองมันเอาไว้ราวเป็นของมีค่า สายตาเหลืบมองบนพื้นทางซ้ายทีหนึ่ง จากนั้นเลื่อนไปทางขวา เมื่อเดินจนสุดผนังห้องก็หันหลังกลับและเดินมาจนสุดผนังอีกฝั่งหนึ่ง ในระหว่างการทำตัวเหมือนคนบ้าเสียสติ ทั้งคริสตินและเลสเตรดได้แต่นิ่งเงียบและสุดจะทนกับพฤติกรรมโลกไม่รับเช่นนี้
" ทำไมล่ะ ทำไมเธอถึงไม่กลับบ้านไปเสีย ทำไมล่ะ ทำไม " เสียงบ่นพรำดังเล็ดรอดมาจากริมฝีปากของเขา ครั้งที่สามที่เขาเดินวกกลับมา เขาชนคริสตินเสียจนเธอกระเด็นไปราวครึ่งก้าว
" คริสติน คุณออกมาเถอะ " เลสเตรดกล่าวในที่สุด
" อย่ายุ่งน่าเกร็ก ออกไปแล้วปิดประตูเสีย " เชอร์ล็อกกล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองและยังคงเดินต่อไป
" ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน --- " เธอเหมือนกลืนคำพูดตัวเองลงคอ
เชอร์ล็อกเหลือบสายตามองเธอครู่หนึ่งในขณะที่เขาเดินผ่านเธอไปจนสุดที่ขอบกำแพง จากนั้นเดินวกกลับมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ จ้องเธอตาไม่กะพริบ คริสตินกัดฟันเงยหน้าขึ้นมอง
" เอาล่ะถ้าเป็นเธอจะทำไง " เขาถาม
" พูดอะไรไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว "
" ใช้จินตนาการแล้วตอบมา " เขายกสองมือจับใบหน้าของเธอเอาไว้
คริสตินยกมือของเธอขึ้นสอดและปัดมือเขาออกไป เชอร์ล็อกเลิกคิ้วมองเหมือนสงสัย แต่ก็ปนความไม่สบอารมณ์อยู่จนสังเกตุเห็นได้
" หยุดทำแบบนี้สักที อย่าทำอะไรตามใจแล้วคิดว่าคนอื่นจะเข้าใจคุณสิ " เธอบอก
" เธอไม่เข้าใจตรงไหนล่ะ " เขาถามผายมืออก ราวกับว่าเขาตั้งคำถามแบบนั้นจากใจจริง
" ทุกตรงนั่นแหละ "
เขาเหลือบตามองเพดานด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย และเหมืนกำลังส่ายหน้าเล็กๆ ก่อนจะก้มลงมองที่เธออีกครั้ง
" ฉันนึกว่าเธอจะฉลาดเสียอีกนะ ให้ตายสิ่สุดท้ายก็โง่เหมือนกันทุกคนเลยเหรอเนี่ย "
" เชอร์ล็อก --- " เธอกล่าว มองเขาด้วยตาเขม็ง
" ฉันก็เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่โง่ทั้งนั้น แต่ว่าสถานการณ์มันก็ออกจะชัดเจนแบบนี้แท้ๆ แล้วทำไมถึงมีแค่ฉันที่มีตาอยู่คนเดียวเล่า --- เธอก็มีตา เขาก็มีตา ฉันก็มี แล้วทำไมมีแต่ฉันที่ใช้ลูกตา ! "
" เชอร์ล็อก " เสียงเลสเตรดปรามมาจากประตู
" จะเรียกทำไม ! --- ถ้าไม่เข้าใจที่พูด ลองแบบนี้ไหม พรมปูพื้นที่รีเซ็ปชั่นชั้นล่างเป็นสีอะไร นายตอบได้ไหมเกร็ก นายเดินเหยีบมันเข้ามา แถมยืนอยู่บนนั้นอีกเกือบนาที่ด้วย ตอบมาว่ามันเป็นสีอะไร หนึ่ง สอง สาม --- ตอบไม่ได้ใช่ไหม แล้วเธอล่ะตอบได้ไหมว่ามันเป็นสีอะไร " เชอร์ล็อกตั้งคำถาม ทว่าเขาดูเหมือนคนเสียสติ
" ว่าไงมันเป็นสีอะไร " เขาก้มลงจ้องหน้าเธอในระยะที่สร้างความอึดอัด
" เชอร์ล็อก --- " เธอจ้องเขาเขม็ง
" ชื่อฉันไม่ใช่ คำตอบ ! --- ให้ตายสิ่ มันเป็นสีแดง ! " เชอร์ล็อกตะโกน ผายมือออกราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นเป็นเรื่องใหญ่โต
" เฮ้ เชอร์ล็อก ! " เลสเตรดปรามจนแทบจะเป็นตะคอก
" พวกนายเดินเหยียบมันไปเลยแท้ๆ ทั้งที่ก็เห็นอยู่ตำตา เห็นอยู่ทนโท่ ! แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าโง่ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรเล่า ! " ระหว่างคำพูดแดกดันอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ฝ่ามือของเธอง้างขึ้นไปบนอากาศ พลันเสียงตบดังเพี้ยะลั่นเสียยิ่งกว่าเสียงก่นด่าชองเชอร์ล็อก หลังจากนั้นทุกอย่างเงียบสนิท
เชอร์ล็อกเหลือบตาพร้อมสะบัดหน้าหลังจากที่เขาถูกเธอตบเสียจนหน้าหัน
" ดีขึ้นไหม " เธอถาม
เจ้าหนุ่มปากจัดหันกลับมาหาเธอ ทว่าหลบสายตาเธอไปเสียดื้อๆ
" --- อาฮะ " เขาพยักหน้าตอบจากนั้นหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะทำงานของผู้ตาย คล้ายคนหลงทิศเดินเซอยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อเดินไปจนถึงเขาก็เท้าฝ่ามือลงบนโต๊ะ วางกรรไกร และเบิกตาโพลงเพื่อเรียกสติตัวเอง ครู่หนึ่งก็ยกมือขึ้นลูบที่แก้มปอยๆ
" เอ่อ --- " เสียงเลสเตรดดังอึกอักอยู่ที่บานประตู
" เขาคงดีขึ้นแล้วล่ะ " คริสตินหันไปตอบโดยไม่สบตา สีหน้าเธอเรียบเฉยทมึนตึงชวนให้รู้สึกจิตตกพิลึก
" งั้น --- ไปรอข้องนอกเนอะ " เลสเตรดกล่าวเลิกคิ้วทั้งสองข้าง จากนั้นปิดประตู
เธอหันกลับไปมองยังเชอร์ล็อก และเขาก็เงยหน้าขึ้นมองที่เธอเช่นกัน
" พรมสีแดง " เขาพูดย้ำ ทว่ารีบร้อนยกสองมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้เธอใจเย็นลง ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ
" มันมีอยู่ทุกห้อง ทำไมห้องนี้ถึงไม่มีล่ะ " เขากล่าว
คริสตินก้มลงมองที่พื้น ตรงจุดที่ควรจะมีพรมเช็ดเท้า ทั้งหน้าห้องน้ำและหน้าประตูก็ไม่มีเช่นกัน
" แล้วมันยังไงล่ะ " เธอถาม
" ของที่ควรจะมีแต่ไม่มี เพราะอะไรล่ะ มันถึงได้ไม่มี --- ความจริงแล้วคือมันมีเหมือนกัน แต่ใครบางคนเอามันออกไปด้วยเหตุผลบางอย่าง "
" เหตุผลอะไรล่ะ "
" หล่อนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แต่ถึงอย่างไรก็ตายไปแล้ว คนฉลาดที่ตายแล้วพูดไม่ได้ ก็ไม่ต่างกับคนโง่ --- แต่ถึงอย่างนั้น คนฉลาดบางคนตายแล้วก็ยังพูดได้ ---- มันก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง " เชอร์ล็อกกล่าว เดินวนไปยังหน้าต่างชะโงกดูครู่หนึ่ง จากนั้นหยุดยืนที่หน้าชั้นวางหนังสือใกล้กับโต๊ะทำงานของผู้ตาย สายตากวาดหาบางสิ่ง
" ถ้าคุณกำลังมองหาพรมสีแดงละก็ ฉันจะออกไปถามเจ้าหน้าที่ให้ ว่ามีใครเห็นมันบ้างหรือเปล่า " เธอบอกและหันไปยังประตู
" ไม่ต้องหรอก มันถูกโยนออกไปนอกหน้าต่าง " เขาบอก
คริสตินหันกลับมา เธอจ้องเขาเหมือนต้องการคำอธิบาย เชอร์ล็อกสังเหตุเห็นได้เขาจึงพยักหน้าไปยังบานหน้าต่าง
" --- ไม่เชื่อก็ลองไปดูเองสิ "
เมื่อได้ยินดังนั้นเธอเดินตรงไปยังบานหน้าต่างที่เปิดอ้า --- นอกหน้าต่างมองออกไปเห็นพรมสีแดงติดอยู่บนยอดพุ่มไม่ใหญ่เบื้องล่าง หากมองจากบนพื้นถนนคงเห็นมันได้ยาก แต่หากมองจากตรงนี้ก็พอจะสังเกตุเห็นได้
" แล้วมันมีความหมายอะไร " เธอถามพลางถอยห่างจากบานหน้าต่างและหันกลับไปมองเขา
เชอร์ล็อกยืนหันหลังให้เธอ สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ด เงยหน้ามองหนังสือละลานตาบนชั้น
" ถ้าฉันจะฆ่าเธอตอนนี้ เธอจะทำอะไร --- คริสติน " เขาถามคำถามเดิมอีกครั้ง
" --- ก็คงร้องให้คนช่วยล่ะมั้ง "
" แล้วถ้ามันเป็นเวลากลางดึกที่ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอ และเธอรู้ตัว่าตายแน่ๆ ล่ะ "
" --- งั้นก็ทิ้งเบาะแสไว้ เช่นเขียนชื่อคุณด้วยเลือดเหมือนในนิยาย หรือไม่ก็อะไรสักอย่าง มั้ง "
" ถ้าทำแบบนั้นเธอตายฟรีแน่ " เขาบอกพร้อมเหลือบหางตามองเธอครู่หนึ่งก็หันกลับไปยังชั้นหนังสือ " ถ้าเธอเขียนชื่อฉันด้วยเลือด หรือเขียนอะไรที่ฉันอ่านออก ฉันก็ลบมันทิ้งไปอยู่ดี เตือนไว้เลยนะ อย่าทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นเชียว ถ้าจะตายก็ช่วยทิ้งเบาะแสที่มันสร้างสรรค์หน่อย " เขาบอก
" อย่าพูดเหมือนฉันจะตายจริงๆ ได้ไหม "
" ดูที่คนฉลาดเขาทำกัน " เขาบอก
" อะไรอีกล่ะทีนี้ " เธอพูดจากนั้นถอนหายใจยาวเหยียด
" ซาลีน่า โจนส์ เป็นถึง บก. สำนักพิพม์ชื่อดัง ดีกรีการศึกษาอย่างดี อู๊ว ~ แปลว่าเธอไม่ใช่คนโง่แน่ๆ และถ้าเธอจะตายนั่นก็เพราะว่าเธอฉลาดเกิดไปนั่นแหละ หรือไม่ก็เพราะเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งๆ เข้าให้ แต่เพราะเธอฉลาดก็เลยรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตาย และ ว้าว ! ถึงจะฉลาดยังไง ถ้าตอนจบตายก็ถือว่าโง่อยู่ดี แต่อย่างน้อยๆเธอก็แสดงความฉลาดให้เราเห็นว่าเธอพยายามจะดิ้นรนทิ้งเบาะแสอันสร้างสรรค์เอาไว้ ---- " เขาพูดยาว และเร็วจนฟังแทบไม่ทัน --- " อยู่ในชั้นหนังสือ --- นี้ยังไงล่ะ "
หลังการพูดฉอดของเขา คริสตินขยับไปยืนเคียงข้างพ่อหนุ่มอัจฉริยะ สายตาของเธอกวาดมองไปยังชั้นหนังสือขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดว่า ซาลีน่า โจนส์ เป็นหญิงที่ชอบอ่านหนังสือมากเท่าไร --- บนชั้นหนังสือหลากสีสัน ทั้งเล่มหนา เล่มบาง หนังสือกฏหมาย ดาราศาตร จิตวิทาย หรือกระทั้งนิยายสารพัดประเภทเรียงรายอยู่เต็มชั้น
' พรมสีแดง ' เสียงคำพูดของเชอร์ล็อกหวนกลับมาให้คิด ' เพราะอะไรล่ะ มันถึงได้ไม่มี '
ภาพผืนพรมสีแดงติดไหวอยู่บนยอดไม้ คริสตินหลับตาลงหวนคิด ' สร้างสรร ' บ่วงเชือกคล้องคอของ บก. หญิง เธอถูกผลักออกนอกหน้าต่างและมือของเธอคว้าเอาพรมสีแดงด้วยเหตุผลบางอย่าง ' เธอก็มีตา ' เมื่อคอของเธอถูกกระตุกด้วยเชือกที่รัดแน่น พรมก็หลุดจากมือและร่วงลงสู่ยอดไม้เบื้อล่าง
' เธอจะทำยังไง คริสติน '
เธอตาย แต่เบาะแสยังคงอยู่
คริสตินลืมตาโพลง เธอกวาดสายตาและสันหนังสือสีแดงเพียงเล่มเดียวก็โดดเด่นออกมาจากหนังสือทั้งหมด
" เอาล่ะ --- ไปหยิบมาสิ " เชอร์ล็อกกระซิบบอก
เธอสบตาเขาครู่หนึ่ง ความเงียบงันผลักดันให้แววตาอันสงบลึกลับยิ่งขึ้น หญิงสาวเบือนหน้ากลับไปยังชั้นหนังสือและก้าวเท้าเดิน เธอหยิบหนังสือสีแดงเพียงเล่มเดียวออกมา --- ก้มลงมองปกผ้าที่ถูกทำขึ้นด้วยมือ เพราะมันดูเหมือนเป็นการเย็บกระตุกอันไม่เรียบร้อย หน้าปกและสันหนังสือไม่มีข้อความใดๆ ภายในเล่มมีกระดาษที่ไม่ลงขอบ ยับเยิน ไร้ระเบียบ
คริสตินหันกลับไปหาเชอร์ล็อกพร้อมหนังสือในมือ
" แต่ --- แล้วถ้าไม่มีใครหาเจอ ถ้าไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เธอทิ้งไว้ล่ะ " เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสับสน
" มันจะเป็นไปได้ไง " เขากล่าวพลางเอื้อมเปิดหน้าหนังสือในมือเธอ เสียงกระดาษลั่นให้ได้ยินในความสงัด ข้อมูลสารพัดที่ ซาลีน่า โจนส์ รวบรวมเอาไว้เผยให่เห็นแก่สายตา --- เชื่องช้า และเงียบงัน
" เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าคนที่จะหามันเจอ --- ก็คือฉัน "
น้ำเสียงของเขา ช่างลุ่มลึก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
" ไ ม่ เ ชื่ อ ก็ ไ ป ดู เ อ ง สิ "
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Writer Talk
น า น ที ปี ห น จ ะ มี ช่ ว ง T a l k สั ก ที
สวัสดีค่ะเป็นอย่างแรก ไรท์ก็คุยไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ งั้นก็เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ
เนื่องจากไรท์มีสไตล์การเขียนแปลกๆ คือชอบเขียนบทเป็นภาษาอังกฤษก่อน (เวลาร่างนิยาย)
ดังนั้น ในโทรศัพท์ของไรท์จะมีพวกบทสนทนาที่จดเอาไว้เป็นภาษาอังกฤษเยอะมาก และเพื่อ
ไม่ให้มันถูกเขียนและโยนทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ ไรท์จะเอามาแปะ (คัดสั้นๆ) แถมที่ท้ายตอนนะคะ
แต่เนื้อหาจะเหมือนกับตัวภาษาไทยค่ะ ไรท์แค่เอามาแปะเฉยๆ ฮ่าๆๆ
ไรท์จะทยอยเอามาลงเรื่อยๆ นะคะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Sketch Scenes
" What the colour is ? " He look down at her and get too close till feel her breath.
" Sherlock --- " She said. Look at him back.
" My name wasn’t an answer ! --- for god sake it was red ! " Sherlock shouting and open his arms wide like he saying something really big deal.
" Hey --- Sherlock ! " Lestrade said nearly bawling from the door.
" You just walk through it. you standing on it for a min !. You sees you have an eyes then what should i call you ? --- STUPID ?! " while he said a bad sentence like a crazy one, her hand up into the air and for a half second. She slap his’s face
and everything drown into the silence. Sherlock turn to face her again after slapped but barely caught her eyes
" Better ? " She asked.
" --- Aha " He nod, turn back around the table and walk like he already lost his way.
ความคิดเห็น