ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The Witchcraft Alphabet

    ลำดับตอนที่ #9 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๙ : คู่ไปงานเลี้ยงเต้นรำ และจดหมายลับจากฮวอก

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 66


    บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๙

    คู่ไปงานเลี้ยงเต้นรำ และจดหมายลับจากฮวอก


     


     

     

    " อัลลี่ ! "

    ฌองตะโกน ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังกลับไปมอง

    เขากำลังวิ่งมาตามทางเดิน ในมือหอบตำราวอนวู้ด --- บางครั้งฉันก็แปลกใจว่าทำไมเขาถึงชอบมาวุ่นวายกับฉันนัก เพื่อนๆ ของฉันหยุดรอและมองไปยังเขาที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

    " เธอกำลังจะไปไหนน่ะ " ฌองถามพร้อมหอบหายใจไปด้วย

    " ก็ไปเรียนน่ะสิ ถามได้ "

    " แล้ว --- เธอจะว่างอีกทีตอนไหน " เขาถามต่อ

    " นายมีเรื่องอะไร "

    " คือ --- ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอหน่อยน่ะ "

    ฉันหันไปมองที่เพื่อนๆของฉัน ในขณะเดียวกันนั้นเองคาริน่ากอดแขนของอัลเลย์และส่งยิ้มให้กับฉัน เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เพราะฉันเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียดเช่นกัน ฉันไม่สามารถปล่อยให้คาริน่ากังวลเป็นเวลานานๆได้ --- ฉันยิ้มรับให้เธอก่อนจะหันกลับไปยังฌอง

    " มีเรื่องอะไรก็พูดมาสิ " ฉันบอก

    " คือว่า ฉันอยากคุยกับเธอแบบ --- แค่กับเธอคนเดียวน่ะ " เขาบอก

    ฉันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูด

    " ขอโทษทีนะฌอง แต่ฉันไม่คิดว่าฉันกับนายจะมีเรื่องอะไรที่จะต้องพูดกันตามลำพัง " ฉันตอบ

    ฌองเป็นพวกเสพความลับทุกรูปแบบ ดังนั้นการไปใกล้ชิดกับเขามากๆ นั้นถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่เคยเห็นเขามีพฤติกรรมที่จะใช้ความลับของใครทำร้ายใครแบบโต้งๆ มาก่อนเลยก็ตาม อย่างมากก็แค่ขู่เท่านั้น แต่ อย่างไรเสีย --- ฌอง ก็เป็นบุคคลอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย

    " คือ --- " เขาอ้าปากคล้ายจะพูดอะไรก็เงียบไป

    " ถ้าไม่มีอะไรฉันไปนะ "

    " คือ ฉันอยากรู้ว่าบางที เราน่าจะไปงานเต้นรำด้วยกันดีไหมน่ะ ! " เขาชิงพูดก่อนที่ฉันจะก้าวเท้า

    ฉันหันกลับไปมองที่เขา หยุดนิ่ง ตั้งสติว่าสิ่งที่ได้ยินไปนั้นถูกต้อง เขามองฉันกลับมาด้วยสายตาที่รอคอยคำตอบ นั่น --- เป็นอะไรที่ --- ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของฉัน ---

    ครั้งหนึ่งตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก

    ฉันเคยปั่นจักรยานกับพี่ชายของฉันในสวนสาธารณะแถวหมู่บ้าน พี่ชายของฉันตัวโตกว่า แรงเยอะกว่า เขาจึงปั่นจักรยานได้ดีกว่าฉันมาก ฉันค่อยๆปั่นตามพี่ชาย และตลอดทางเขาจะละเท้าที่พื้นเพื่อรอให้ฉันปั่นตามไปให้ทัน ในระหว่างที่ฉันจ้องมองไปที่พี่ชายของฉัน และสองเท้าของฉันค่อยๆถีบคันส่งอย่างช้าๆ พยายามประคองตัวเองไม่ให้ล้ม --- รถคันหนึ่งวิ่งหลุดมาจากสี่แยก และชนที่ล้อหลังของจักรยานของฉัน

    ฉันไม่รู้ว่ารถคันนั้นมาได้ยังไง หรือเขาจะรีบไปไหน มันไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของฉัน รถของฉันเสียหลักและฉันล้มลง พี่ชายของฉันลงทิ้งรถจักรยานของเขาและรีบวิ่งตรงมายังฉัน เขาอุ้มฉันขึ้นมาและตอนนั้นฉันร้องไห้จ้าเพราะหัวเข่าและมือของฉันถลอก

    และตอนนี้

    ฉันคิดว่าบางที ฌอง คือรถปริศนาที่พุ่งชนท้ายรถจักรยานของฉัน

    " เอ่อ --- ฉัน " ฉันมองไปที่เขาและเริ่มพูด

    " ฉันนึกว่าเธอจะไปกับฉันเสียอีก --- ไม่ใช่เหรอ " อัลเลย์พูดแทรก

    เสียงรถปริศนาคันที่สองพุ่งชน ---

    ฉันหันกลับไปมองที่เขา และฉัน --- ตั้งคำถามขนาดหนึ่งพันตันใส่เขาด้วยสายตา ครู่หนึ่งฉันเหลือบสายตาไปมองยังคาริน่า และฉันคิดว่าตอนนี้ฉันรู้ตัวเองแล้วว่าฉันกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่

    " ก็ --- " ฉันตั้งสติ ก่อนจะหันกลับไปหาฌอง

    " ก็ทำนองนั้นแหละ --- คือฉันคุยกับอัลเลย์เอาไว้ว่าเราจะไปด้วยกัน --- " ฉันบอก ก่อนจะฉีกยิ้ม

    ฌองมองที่ฉัน และมองไปที่อัลเลย์

    " งั้นเหรอ --- แบบ เพื่อนกันเหรอ " ฌองถาม

    " ใช่ แบบเพื่อนกัน " ฉันตอบพร้อมพยักหน้ารับ

    " อ้อ --- เยี่ยม ถ้าอย่างนั้น --- เอ่อ --- ฉัน --- ไปเรียนก่อนล่ะนะ " ฌองกล่าว เขายกนิ้วชี้เกาที่หลังใบหูสองสามทีก่อนจะหันหลังเดินจากไป ฉันมองเห็นตำราวอนวู้ดในมือของเขา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นกอดมันไว้ที่อกและฉันก็ไม่สามารถมองเห็นมันได้อีก

    เมื่อเขาเดินไปจนลับสายตาแล้ว ฉันจึงหันกลับไปยังอัลเลย์

    " อะไรล่ะเนี่ย " ฉันถาม

    " อ้าว --- ก็ฉันนึกว่าเธอไม่อยากไปกับหมอนั่น " อัลเลย์ตอบ

    อันที่จริง... ฉันไมรู้ว่าฉันอยากไปกับฌองหรือเปล่า ฉันไม่ได้เกลียดเขา แต่ก็ไม่เคยคิดเรื่องที่อยากไปงานเต้นรำกับเขาหรืออะไรทำนองนั้น แต่ถึงจะไม่ได้อยาก มันก็ไม่แปลว่าฉันไม่อยากไปกับเขา

    " เอาเถอะ --- " ฉันพูดก่อนจะเดินแทรกตัวผ่านกลุ่มเพื่อนของฉันไป

    " นี่ เธอจะไปไหนน่ะ " ซีนร้องทัก
     

    " จะไปเดินเล่นแถวๆนี้หน่อย อีกชั่วโมงฉันจะไปเจอที่ห้องเรียน ไม่ต้องห่วง "
     ฉันตอบซีนและยืนยันว่าจะกลับมาให้ทันคาบเรียนวิชาอักษรรูนโบราณ วิชาที่ฉันเบื่อหน่ายที่สุด

    " แต่ช่วงนี้เธอไม่ควรอยู่คนเดียวนะ เดี๋ยวก็โดนพวกนั้นรุมแกล้งเหมือนเมื่อเช้าอีกหรอก " รอยส์บอก

    " ฉันดูแลตัวเองได้น่า ---- ยังไงก็ขอบใจมาก " ฉันบอกเขาก่อนจะเดินออกมา

    เหตุการณ์เมื่อเช้าเป็นเรื่องที่ฉันไม่ชิน โดยปกติฉันไม่ค่อยเป็นเป้าของการถูกกลั่นแกล้ง นั่นอาจไม่ใช่ครั้งแรก แต่ฉันไม่ชอบใจเลย อย่างไรก็ตาม ฉันต้องหาทางรับมือให้ได้ เพราะโดยปกติแล้วคนเราจะมีกล่องภายในจิตใจ เมื่อเกิดเหตุการต่างๆขึ้นเราจะนำเหตุการณ์นั้นๆไปเก็บไว้ในกล่องแต่ละประเภท ถ้าเป็นสิ่งที่เราคุ้นชินเราจะจับมันยัดลงกล่องได้ง่ายเพราะเรารู้ว่าเราควรจะจัดการมันอย่างไร หรือเก็บมันไว้ที่ไหน แต่ในกรณี้ที่เราเจอเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย --- เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน เราจะสับสนและไม่รู้ว่าเราควรจะเอามันไปยัดไว้ที่กล่องใบไหน ในบางครั้งเราก็ถือมันไว้และแสดงความสับสนออกมา บางครั้วเราอาจพยายามเขวี้ยงมันทิ้งไป หนักเข้าก็อาจจะลองยัดมันลงไปในกล่องสักใบมั่วๆ ผิดที่ผิดทาง แต่เมื่อถึงเวลา เราจะรู้ว่าควรเก็บมันไว้ที่ไหน หรือบางครั้งเราก็สร้างกล่องใบใหม่ขึ้นมาเพื่อเก็บมันโดยเฉพาะ

    และเมื่อถึงเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เราจะรู้วิธีรับมือกับมัน และรู้ว่าควรเอามันไปยัดไว้ที่ไหน

    " เบร์เวอร์~ " เหตุการณ์เหนือความคาดหมายครั้งที่สอง

    ฉันเลือกที่จะไม่ตอบและเดินผ่านกลุ่มนักเรียนชายที่กำลังพยายามเรียกชื่อของฉัน ---

    " เฮ้~ เธอจะไปไหนน่ะ  --- นี่~ ไปที่ห้องของพวกเราไหม "

    หนึ่ง สอง สาม --- ฉันเริ่มนับและยังคงก้าวเท้า กล่องใบใหม่ของฉันถูกสร้างขึ้นแล้ว


     

     


     

     

    ฉันเงยหน้าขึ้นมอง

    ท้องฟ้าปลอดโปร่ง --- ฉันค่อยๆ หลับตาลง สูดลมหายใจ ณ ที่ๆ ไม่ใช่ห้องเรียนย่อมดีกว่า ฉันอยู่แถวทะเลสาป ระบุไม่ได้ว่าเป็นตรงส่วนไหน หรือไกลจากอาคารเรียนเท่าไร เพราะบางครั้งฉันก็เดินมาเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้คิด

    ฉันผิวปากเป็นเพลงกล่อมเด็กที่แม่เคยร้องให้ฟังตอนที่ฉันยังเล็กๆ

    กลางดึกสงัดในยามที่ฉันตื่นจากฝันร้าย แม่จะมาที่ประตูและส่งรอยยิ้มอ่อนหวาน อัลเลน พี่ชายของฉันจะอยู่ที่ข้างเตียง และเขาจะสับสนว่าควรทำอย่างไรให้ฉันหยุดร้องไห้ และแม่จะมาที่เตียงของฉัน อัลเลนจะขอให้แม่ร้องเพลงกล่อมเด็กที่ฉันชอบ เพราะเขาคิดว่าบางทีมันอาจช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้น และแม่จะเริ่มร้องเพลง

    ฝันร้ายค่อยๆ เลือนลาง ฉันไม่รู้ว่าทำไม บางทีเสียงเพลงนั้นอาจมีเวทย์มนต์บางอย่างก็ได้ หรือบางทีมันอาจเป็นคาถาที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน อัลเลนปีนขึ้นมาที่เตียงของฉันเพื่อฟังเพลงที่แม่ร้อง และฉันจะหลับตาลงเพื่อคืนสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

    ฉันลืมตามองฟ้า ท้องฟ้ายังคงปรอดโปรงเมื่อเสียงเพลงของฉันจบลง ครู่หนึ่งเสียงปีกกระพือลมดังใกล้เข้ามา บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า เจ้าฮวอกเผยโฉมบินอวดปีกสีดำขลับ ฉันปรายยิ้ม

    มันบินลงมา และฉันยื่นแขนออกไปด้านหน้าเพื่อรอให้มันร่อนลง และมันก็ทำได้ดีอย่างเหมาะเจาะ ฮวอกเป็นนกที่ฉลาด และมันยังมีความสารมรถในการหยั่งรู้ถึงอันตราย --- เคยมีตำนานว่าไว้ ที่หอคอยลอนดอนจะต้องมีนกเรเวนจำนวน 6 ตัวตลอดเวลา หากมีตัวไดตัวหนึ่งตายไป จะต้องรีบหาตัวไหม่มาแทนที่ในทันที

    ในตำนานนั้นกล่าวไว้ว่า นกทั้ง 6 ปกปักรักษาหอคอยลอนดอนมาเป็นเวลาช้านาน และเมื่อมีภัยมาถึงมันจะสละชีพของตนเพื่อเป็นการเตือนภัย ช่างเป็นเรื่องแสนประหลาด

    " คาบข่าวดีๆ มาฝากบ้างไหม " ฉันกล่าวทักทาย

    ที่ขาของมันมีเศษกระดาษถูกม้วนเป็นชิ้นเล็กๆและผูกติดเอาไว้ ฉันดึงออกมาด้วยมือหนึ่งก่อนจะย้ายเจ้าฮวอกมาไว้ที่ไหล่ เพื่อใช้ทั้งสองมือคลี่กระดาษออก

    ' ตรอกไดแอกอน เพ็ญ สิบเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ไม่มีอีกแล้วความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุด '

    ข้อความระบุเอาไว้เช่นนั้น มันถูกเขียนขึ้นด้วยปากกาขนหนก หมึกสีดำบางแห่งเลือนลางจากหยดน้ำ ฉันโยนเศษกระดาษลงบนพื้นหลังจากอ่านข้อความจบก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกจากกระเป๋า ฉันชี้ปลายไม้ไปที่เศษการดาษและจุดไฟเผามันจนไหม้เป็นเถ้าถ่านไม่เหลือชิ้นดี เมื่อลมโชยมา เศษเถ้านั้นก็ปลิวหายไป

    " ทำได้ดีมากเลยนะ " ฉันเอ่ยปากชม และฮวอกขานรับ

    ในขณะที่ฉันใช้ปลายนิ้วเขี่ยที่ใต้คางของเจ้าฮวอกอยู่นั้นเอง เสียงคล้ายบางสิ่งกระทบผืนน้ำก็ดังแว่วเข้ามาในหู --- ครู่หนึ่งฉันคิดว่าตัวเองอาจหูฝาด แต่เมื่อตั้งใจฟังอีกที ฉันคิดว่า อาจมีใครบางคนอยู่แถวนี้

    เจ้าฮวอกยังคงเกาะอยู่บนไหล่ของฉัน และฉันเริ่มเดินไปยังต้นเสียง --- ไกลออกไปจากจุดที่ฉันยืนอยู่ เลียบริมทะเลสาป นักเรียนหญิงบ้านฮัฟเฟิลพัฟกำลังนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เสียงจ๋อมของหินที่กระทบผืนน้ำทำให้ฉันรู้ที่มาของเสียงน้ำปริศนา ครู่หนึ่งเธอหยิบเศษหินเล็กๆขว้างลงในทะเลสาปอีกครั้ง

    ฉันชะงักก่อนจะค่อยๆ ถอยเท้าห่างออกไป เพราะไม่อยากจะไปรบกวนช่วงเวลาอันสงบของเธอ แต่แล้วเจ้าฮวอกก็ดันร้องออกมาเสียลั่น นักเรียนหญิงคนนั้นจึงหันมาที่ฉัน --- และเธอคือ เฌอแตม เดียร์ โบวิเยร์

    " นกบ้า ! " ฉันว่าเจ้าฮวอกอย่างเก็บเสียง

    " เธอ --- ที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ " เสียงโบวิเยร์เรียก ฉันจึงมองไปที่เธอ

    " ขอโทษที ฉันแค่เดินผ่านมาเท่านั้น แล้วก็ กำลังจะไปแล้วด้วย " ฉันบอกก่อนจะรีบถอยเท้าออกมา

    " เดี๋ยวสิ่ ! ---- "

    คราวนี้ฉันชะงัก

    " เธอคือผู้หญิงที่คบกับแกรี่อยู่ใช่ไหม " เธอเอ่ยถาม พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ฉันไม่สามารถอธิบายความหมายได้ ฉันขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    " ไม่ --- ไม่ เรา --- คือว่านั่นมันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น " ฉันบอก

    " ทำไมล่ะ แต่เธอเข้าไปหาเขาที่ห้องนี่ --- ใช่ไหม " เธอถามอีกครั้งและลุกขึ้นทำท่าเหมือนจะเดินมาหาฉัน

    ฉันไม่เคยรู้จักกับโบวิเยร์มาก่อน --- ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน ฉันรู้แค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงสวย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความลึกลับ เพราะเธอไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเลย และนั่นคงเป็นเพราะเธอมีแฟนอยู่แล้ว --- เธอค่อยๆก้าวเข้ามาหาฉัน บนใบหน้ายังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มลึกลับที่คาดเดาไม่ได้

    " ฉันแค่มีธุระที่จะต้องคุยกับเขา แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด " ฉันบอก

    ฉันลังเลว่าควรทำอย่างไร สายตาที่มองมานั้น ฉันไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไร โดยทั่วไปแล้วฉันจะแยกประเภทของคนก่อนที่จะได้ทำความรู้จักกัน คือมองว่าเขามีความประสงค์ดี หรือร้าย --- แต่กับโบวิเยร์ ฉันไม่สามารถแยกแยะได้เลย

    " เธอพูดเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ " โบวิเยร์บอก และหยุดยืนตรงหน้าฉันพอดี ระยะห่างของเธอทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อาจด้วยเพราะว่าเธอค่อนข้างจะสูงกว่าฉัน ทำให้ฉันรู้สึกถูกคุกคามในยามที่เธอเข้ามาใกล้

    " ฉันไม่รู้หรอก " ฉันบอก และหลบสายตาของเธอ

    " เธอน่ารักดี "

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยิน รอยยิ้มของเธอยังคงลึกลับและคาดเดาไม่ได้

    " ---- ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ " ฉันพูดย้ำอีกทีและขยับเท้าถอยห่างจากเธอเล็กน้อย

    เธอเผยรอยยิ้มออกมา แต่สายตายังคงจับจ้องที่ฉันนิ่งงัน ราวกับว่าฉันเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้พบเจอ นัยน์ตาของเธอราวกับผลึกน้ำแข็งที่เย็นจัด แต่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด แต่กระนั้นก็ลึกลับไปในเวลาเดียวกัน

    " ก็ฉันเพิ่งบอกไป " เธอบอก และเริ่มใช้สายตาสำรวจร่างกายของฉัน

    " คือว่า --- ฉันต้องไปแล้วล่ะ " ฉับพูดเพื่อตัดบท

    " เธอชื่ออะไร " คำถามของเธอรั้งฉันเอาไว้อีกครั้ง

    " อัลฟาห์เบ็ธ แม็ค เบรเวอร์ " ฉันตอบ

    " เบ็ธตี้ --- แล้วนั่นนกของเธอเหรอ " เธอถามพลางเลื่อนสายตาจากฉันไปยังเจ้าฮวอก

    ฉันเริ่มรู้สึกอึดอัดมากเข้าไปทุกที หลายๆครั้งที่ฉันไม่ชอบสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และ โบวิเยร์ คือผู้หญิงที่คาดเดาไม่ได้ ฉันยังนึกไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องมาสนใจถามรายละเอียดของฉัน ทั้งที่เราไม่เคยคุยกันมาก่อน เธอไม่รู้จักชื่อของฉันเสียด้วยซ้ำไป

    ฉันพยักหน้ารับ และขยับถอยห่างจากเธออีกเล็กน้อยเมื่อเธอเริ่มขยับก้าวเข้ามา

    " ยินดีที่ได้รู้จักเธอนะ --- แล้วก็นกของเธอด้วย " เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม

    แล้วเธอก็เดินผ่านฉันไป --- ฉันหันมองตามไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจในการกระทำของเธอ เธอไม่ได้กล่าวคำลาสักคำ เธอไม่แม้แต่จะแนะนำตัวด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่พูดกับฉัน และจากไปแบบจับใจความอะไรไม่ได้เลย --- ฉันมองตามหลังเธอไป เธอเริ่มฮัมเพลงของพวกมักเกิ้ล ครู่หนึ่งเธอกระโดดกึ่งวิ่งไปตามจังหวะฮัมเพลงของเธอ

    ฉันมองตามเธอไปจนลับสายตา และความสงสัยก็เข้ามาแทนที่หลังการหายตัวไปของเธอ

    ในขณะที่ฉันครุ่นคิดอยู่นั้น เจ้าฮวอกก็ร้องลั่นออกมาอีกครั้งจนฉันสะดุ้ง

    " แกจะร้องทำไมบ่อยๆ เนี่ย " ฉันบ่น เพราะมันเกาะอยู่ที่ไหล่ของฉัน ดังนั้นทุกครั้งที่มันร้องขึ้นมา เสียงของมันจะกระแทกรูหูฉันพอดิบพอดี --- เจ้าฮวอกจ้องหน้าฉัน ดวงตาของมันเป็นประกาย

    พลันเสียงกิ่งไม้หักดังกร้อบอยู่ใกล้ๆ ที่ไหนสักแห่ง แต่ใกล้ตัวฉันมาก ฉันล้วงมือหยิบไม้กายสิทธิและสบัดโดยไร้การกล่าวคาถา ร่างของชายคนหนึ่งลอยทะลุพุ่มไม้และหงายหลังนอนแผ่ลงตรงหน้าฉันพอดิบพอดี เจ้าฮวอกบินหนีตะเหลิดไปไกลเพราะเสียงอึกทึกของกิ่งไม้หัก --- 
     

    " แกรี่ --- "

    " ทำไมเวลาเห็นหน้าเธอทีไรฉันต้องซวยทุกทีเลยอ่ะ " เขาบ่นออกมาทั้งที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น

    " แล้วนายแอบตามฉันมาทำไม --- "

    " น้อยๆ หน่อยเหอะ --- " เขาพูดพลางดันตัวลุกขึ้นนั่งบนพื้น ครู่หนึ่งเขายกมือกุมที่ท้ายทอย บนหัวของเขามีเศษใบไม้ กิ่งไม้หักๆ และเศษดินเปรอะเปื้อน ที่เสื้อผ้าของเขาก็ด้วย
     

    " ฉันไม่ได้ตามเธอมา เธอนั่นแหละมาทำอะไรที่นี่ " เขาถามก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน

    " อ๋อ... ตามโบวิเยร์มาสิ่นะ... " ฉันพูดอย่างนึกขึ้นได้

    ถ้าหากว่าแกรี่ไม่ได้ตามฉันมา ซึ่ง แน่นอนว่าเขาต้องไม่ได้ตามฉันมา แกรี่ค่อนข้างที่จะ ไม่ชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่ ก็อย่างที่เขาว่า เจอหน้าฉันที่ไรซวยทุกที --- เจอกันครั้งแรกฉันใช้เขาเป็นเครื่องมือ กดดันให้เขาแหกกฎของโรงเรียน บุรุก ทำร้ายเพื่อนของเขา ยัดข้อหาให้เขา --- เจอกันครั้งที่สองฉันชกหน้าเขากลางโถงทางเดิน คนเพียบ --- และ --- เจอกกันครั้งที่สาม ฉันเสกคาถาลากคอเขาลอยทะลุออกมาจากพุ่มไม้ ...
     

    เขามองหน้าฉันครู่หนึ่งก็เงียบไป จากนั้นบรรยากาศรอบตัวเราก็เริ่มเปลี่ยน แกรี่ก้มหน้าลงไม่พูดจา แต่ถึงอย่างนั้นฉันกลับรู้สึกถึงความเศร้าที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ได้ไม่มิดเสียเลย ฉันนั่งลงที่ข้างเขาและมองเขาเงียบๆ

    " เธอเป็นคนแปลกใช่ไหมล่ะ " แกรี่กล่าว

    " ก็ใช่แหละนะ บอกตามตรงฉันรู้สึกไม่ชอบเธอนิดหน่อย " ฉันบอก ฉันรู้ว่าเขากำลังพูดถึงโบวิเยร์
     

    " ฮะๆ --- เออ ไม่ชอบไปเหอะ แต่เดี๋ยวเธอจะงัดเรื่องของเฌอแตมออกไปจากหัวไม่ได้ " แกรี่กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ เขาเงยหน้าขึ้นจากพื้นดิน มองมาที่ฉัน --- และสิ่งที่ฉันมองเห็นไม่ใช่เพียงแค่ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น หากแต่เป็นความเศร้าโศกที่หนักอึ้ง

    " แย่หน่อยนะ เพราะฉันมีเรื่องที่งัดออกจากหัวไม่ได้อยู่เยอะพอแล้วล่ะ " ฉันตอบ

    แกรี่เผยรอยยิ้มเล็กๆ รอยยิ้มที่ไม่ได้สดใสอะไร มันเป็นเรื่องน่าแปลกที่รอยยิ้มอาจเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข แต่กลับไม่แปลว่าทุกรอยยิ้มจะหมายถึงความสุขเสมอไป ฉันเอื้อมมือหยิบเอาเศษกิ่งไม้ออกจากผมของแกรี่ ก่อนจะใช้ทั้งฝ่ามือขยุ้มไล่เศษดินและใบไม้ออกจากเส้นผมของเขา แกรี่ก้มหัวลงส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ ออกมาโดยไม่มองหน้าฉัน จากนั้นเราก็นั่งเงียบๆ มองไปยังทะเลาสาปที่สงบ

    สายลมพัดผ่าน และเศษใบไม้ปลิวว่อน

    ทุกอย่างเปลี่ยนไปในรูปแบบที่เราคาดหมายไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อวาน ฉันยังคิดอยู่เลยว่า แกรี่สมควรถูกลากไปโยนทิ้งที่ใต้ต้นวิลโล่ว์ ... แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่า

    ความเศร้าของเขาต่างหาก

    ที่ควรถูกต้นวิลโล่วฟาดให้แหลก... ไม่ต้องเหลือมันเอาไว้เลยยิ่งดี ...
     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×