ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The Witchcraft Alphabet

    ลำดับตอนที่ #8 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๘ : คำขอโทษ และยาต้องห้าม

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 66


    บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๘

    คำขอโทษ และยาต้องห้าม


     

     

     

    “อัลลี่ !” ฌองตะโกน ฉันใช้มือผลักเขาออกไปก่อนที่เขาจะเข้ามาแตะตัวของฉัน

    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย” ฉันบอกโดยไม่มองหน้าของเขาเลย เพราะฉันหยุดมองไปที่แกรี่ไม่ได้ แกรี่กำลังใช้มือกุมที่หน้า ฉันได้ยินเขาสบถบางอย่างออกมา ครู่หนึ่งเขามองมาที่ฉันด้วยใบหน้าตึงเครียดและหวาดระแวง

    “เบ็ธตี้ ! ฟังนะ ฉันไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องนั้น !” เขาตะคอก แต่ยังคงยืนรักษาระยะห่างกับฉัน

    “เหรอ แล้วใครพูดล่ะ โซฟาในห้องนั่งเล่นเรเวนคลอรึไง” ฉันถาม

    “โถ่ --- เบ็ธตี้ ---” เขาพูดและเริ่มก้าวเท้าเข้ามา ฉันคว้าไม้กายสิทธิ์ขึ้นชี้ไปที่เขา และเขาชะงักเท้าพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นเชิงขอให้ฉันหยุด

    “ฉันเคยสงสัยมาตลอดว่าถ้าใช้คาถาอันตรธานกับคนแล้วมันจะเป็นยังไง” ฉันพูด

    “เบ็ธตี้ --- ฉันขอโทษที่เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ แต่ฉันไม่ได้เป็นคนพูดจริงๆ เธอช่วยลดไม้ลงก่อนได้ไหม” แกรี่กล่าว เขาถอยห่างจากฉันไปเล็กน้อย ฉันได้ยินเสียงฌองดังอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา เขาพยายามบอกให้ฉันใจเย็นลง แต่นั่นมันเป็นเรื่องที่ยากมาก ฉันโกรธที่แกรี่ทำให้เรื่องมันกลายเป็นอย่างนี้ แต่ฉันโกรธยิ่งกว่าที่ฉันกลายเป็นคนที่ทุกคนจับตามอง และกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใครๆ จะล้อเล่นอย่างไรก็ได้

    “ฟังนะ --- ตอนที่เพื่อนของฉันแยกไปที่สนามควิดดิช พวกนั้นไปพูดเรื่องที่เธอเข้ามาคุยกับฉัน แล้วมีคนบังเอิญได้ยินเข้าก็เลยตามมาดู แล้วก็เห็นตอนเธอออกไปจากห้องนั่งเล่นพอดี” เขาบอก

    ก็ปฏิเสทไม่ได้ว่าตอนที่ฉันออกมาจะไม่มีใครเห็นเลย ฉันก็ไม่ได้ดูละเอียดขนาดนั้น --- ฉันไม่ได้พูดอะไรและยังคงชี้ปลายไม้ไปยังเขา จนกระทั่งฌองแตะที่มือของฉันเบาๆ และกดให้ฉันลดไม้ลง ดังนั้นฉันจึงค่อยๆ ลดมือลง

    “ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นเอาไปพูดกันยังไงถึงกลายเป็นแบบนี้ได้” แกรี่พูด ใช้มือกุมที่ข้างริมฝีปากไปด้วย

    “ใครเป็นคนปล่อยข่าว” ฉันถาม

    “เธอคงไม่ไปบึ้มเขาหรอกใช่ไหม” แกรี่ถามกลับ

    “มอริส กริกอเร่” ฌองพูดแทรก ทั้งฉันและแกรี่หันไปมองที่เขาพร้อมกันนั้น ฌองส่ายหน้าเล็นกน้อยก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาจริงจัง เขารู้อีกแล้ว ทำไมเขาถึงรู้ไปเสียทุกเรื่อง

    “นายรู้มาตลอดแต่ไม่บอกฉันงั้นเหรอ” ฉันถาม

    “ทุกอย่างมันเป็นข่าวลือ เรื่องมอริสก็ด้วย ฉันไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนมั่วก็เลยยังไม่ได้บอกเธอ” ฌองตอบ

    “อันนี้ไม่มั่วหรอก ของจริงเลยแหละ” แกรี่สมทบ

    หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าของแกรี่อย่างละเอียด ดูเหมือนว่าหลังจากที่เพื่อนของแกรี่เดินออกไปเพราะคำขอร้องของฉัน พวกนั้นก็พูดเรื่องที่ฉันอาจแอบคบกับแกรี่อย่างลับๆ ไปตามทางเดิน ซึ่งเขาคาดเดากันว่า มอริส กริกอเร่ จะเป็นคนที่ปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ เพราะมอริสเข้ามาถามเรื่องที่ว่าฉันคุยกับแกรี่ว่าอะไรบ้าง และเพื่อนของเขาก็บอกเพียงแค่เห็นฉันกับแกรี่คุยกันที่หน้าหอพักเรเวนคลอ หลังจากนั้นดูเหมือนว่า มอริส จะย้อนกลับมาที่หอพักเรเวนคลอเพราะต้องการเห็นกับตาว่าแกรี่กับฉัน รู้จักกัน หรือคบกันอยู่จริงหรือไม่

    และดันแจ๊กพอตแตกที่หมอนั่นมาเห็นตอนที่ฉันย่องออกมาจากหอพักนักเรียนชายเรเวนคลอพอดิบพอดี --- ดังนั้นคำถามคือ ทำไม มอริส กริกอเร่ จึงต้องสนอกสนใจว่า แกรี่ กับ ฉัน จะเป็นอะไรกัน และคำตอบนั้นก็ถูกอธิบายโดยแกรี่ว่า ---

    มอริส กริกอเร่ เป็นนักเรียนชายบ้านกริฟฟินดอร์ และเป็นน้องชายของ เมลวิน กริกรอเร่ --- ซึ่งเมลวิน กริกรอเร่ เป็นนักเรียนชายของเดิร์มสแตรงก์ ถ้าพูดอย่างนี้อาจจะไม่เข้าใจว่า แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไง แต่มันเกี่ยว เมลวิน กริกรอเร่ นักชายของเดิร์มสแตรงก์ กำลังคบหาอยู่กับ เฌอแตม เดียร์ โบวิเยร์ นักเรียนหญิงบ้านฮัฟเฟิลพัฟ เป็นรักทางไกลที่แสนเปราะบางและสั่นคลอนได้ง่าย--- คราวนี้ ลองเพิ่มเติมเนื้อหาที่ว่า แกรี่ ไรท์ พยายามจะเป็นมือที่สามระหว่าง เมลวิน กริกรอเร่ และ เฌอแตม เดียร์ โบวิเยร์

    และแน่นอน มอริส รู้เรื่องพวกนี้ดี ดังนั้นเมื่อแกรี่มีผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่โบวิเยร์มาเกี่ยวข้อง ก็ย่อมเป็นการดี เพราะในที่สุดแล้ว พี่ชายของเขาก็คงหมดเสี้ยนหนามความรักไปเสียที

    “บ้าจริงๆ” ฉันพูดอย่างเสียมิได้

    “ฉันรู้ --- ฉันขอโทษที ทั้งที่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย” แกรี่กล่าว

    “อย่างไรเสีย --- เราก็ควรเข้าเรียนได้แล้วใช่ไหม” ฌองกล่าว

    เขามักจะเป็นอย่างนี้ --- ถ้าหากฉันต้องนึกชื่อนักเรียนคนหนึ่งที่เป็นนักเรียนดีเด่น เข้าเรียนครบทุกคาบไม่เคยขาด ส่งการบ้านเป็นคนแรกของทุกรายวิชา ยกเว้นวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด --- นักเรียนที่เรียนอย่างหนัก และเป็นคนที่จืดชืดอยู่ในกรอบของหน้ากระดาษ

    คนๆ นั้นคือ ฌอง เอร่า อาติล


     

     

     


     

    ฉันผลักประตูห้องเรียนเข้าไปด้านใน ทุกคนหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว เมื่อแกรี่เดินตามเข้ามาพร้อมกับฌอง เสียซุบซิบนินทาก็เริ่มดังขึ้นทีละน้อย ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องฉันกับแกรี่ และตั้งขอสงสัยว่าทำไมพวกเราจึงเข้ามาพร้อมกัน

    “คุณสายไปครึ่งชั่วโมงเชียวนะครับ” ศาสตราจารย์แฮรี่พ็อตเตอร์กล่าว ฉันหันไปมองที่เขาก่อนจะมองให้ทั่วห้องอีกทีเพื่อความแน่ใจว่าฉันไม่ได้เข้าผิดชั้นเรียน --- คาบเรียนนี้เป็นวิชาปรุงยา และศาสตราจารย์พ็อตเตอร์ก็ควรไปสอนวิชาป้องกันตัว --- แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้

    “เอ่อ… คือว่า ฉันลืมของน่ะค่ะ ก็เลยต้องย้อนกลับไปเอา” ฉันตอบ

    “ผมด้วย” “เหมือนกันครับ” แกรี่และฌองพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน

    ให้ตายสิ --- ทำไมถึงไม่หัดใช้สมองของตัวเองกันบ้างนะ

    “เชิญเข้ามาครับ ---” ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์กล่าว

    ฉันจึงเดินเข้าไปในห้อง และตรงไปยังที่นั่งเดิม นัตตี้และซีนมองมาที่ฉัน ก่อนที่รอยส์จะส่งเสียงทักทาย ส่วนอัลเลย์ --- ไม่มองหน้าฉันเลยสักนิด ฉันคิดว่าบางทีเขาอาจรู้สึกผิดที่ซัดคาถาใส่ฉันเมื่อวาน แต่ฉันไม่ได้โกรธเขาเรื่องนั้นเลย รู้สึกขอบคุณเสียอีก

    “ทำไมถึงมากับแกรี่ได้ล่ะ” นีตตี้ถามเมื่อฉันนั่งลงแล้ว

    “เจอกันที่โถงทางเดินน่ะ” ฉันตอบ

    “แล้วฌองล่ะ” ซีนถามต่อ

    “ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ฉันตอบ

    “แล้ว … ” รอยส์เริ่มถาม

    ถึงแม่ว่าเขาจะเว้นระยะโดยไม่ถามอะไรต่อ แต่ฉันรู้ว่าเขาอยากจะถามอะไร

    “ฉันเครียล์กับแกรี่เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนปล่อยข่าวลือ แต่เป็น มอริส กริกรอเร่” ฉันตอบ และเล่าให้พวกเขาฟังถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของ แกรี่ มอริส โบวิเย่ร์ และ เมลวิน --- แต่ฉันไม่ได้ปริปากเรื่องที่ว่าฉันเข้าไปในหอพักของเรเวนคลอทำไม ฉันบอกพวกเขาเพียงแค่ฉันมีเหตุผลจำเป็นบางอย่างที่จะต้องคุยกับแกรี่ ซึ่งเป็นความลับและเป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถามอะไรซอกแซก

    “คุณเบรเวอร์” เสียงศาสตราจารย์พ็อตเตอร์เรียก

    “คะ ?” ฉันแปลกใจว่าทำไมพักนี้คนถึงพากันเรียนแต่ชื่อของฉัน

    “ดูเหมือนว่าคุณจะเก่งวิชาปรุงยาสินะ งั้นออกมาช่วยผมที่ข้างหน้านี่หน่อยสิ” ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์กล่าว ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนๆของฉันพรางถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะและตรงไปที่หน้าชั้นเรียน --- ฉันอาจจะเก่งวิชาปรุงยาก็จริง แต่คิดว่าเหตุผลที่ฉันถูกเรียกมาหน้าชั้นเรียนนั้นไม่ใช่แค่เพราะฉันทำคะแนนในวิชาปรุงยาได้ดี แต่เป็นเพราะฉันกำลังนั่งจับกลุ่มพูดจ้ออยู่กับเพื่อนในขณะที่คุณพ็อตเตอร์กำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียนเสียมากกว่า

    ฉันเดินไปถึงหน้าชั้นเรียนก็หยุดและยืนอยู่ข้างคุณพ็อตเตอร์

    “ศาสตารยจารย์ซลักฮอร์นบอกผมว่า คุณทำได้ดีในวิชาปรุงยา” ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์กล่าว

    “ค่ะ”

    “แล้วทำไมศาสตราจารย์ซลักฮอร์นถึงไม่มาสอนล่ะคะ” ฉันถามต่อ

    “เพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง --- คุณช่วยอธิบายเกี่ยวกับยาต้องห้ามที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ให้พวกเพื่อนๆ ฟังหน่อยจะได้ไหม --- คุณเบรเวอร์” เขากล่าวพร้อมกับผายมือไปที่ชั้นเรียน

    ฉันมองหน้าเขาก่อนจะหันกลับไปมองยังชั้นเรียน เสียงซุบซิบนินทากลับเงียบสนิท และทุกคนมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว --- ยาต้องห้าม --- แน่นอนว่ามันเป็นปัญหาใหญ่โตที่ทางกระทรวงกำลังหาทางแก้ไข

    “ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ

    “ยาต้องห้ามปัจจุบันนี้มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน --- เอ่อ --- และเพราะว่ามันเป็นยาต้องห้ามดังนั้นผู้ที่ปรุงมันหรือว่าจำหน่าย จะมีโทษผิดร้ายแรงตามไปด้วย” ฉันหยุดพูดและมองไปที่ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์

    “ว่าต่อไปสิ” เขาบอก ฉันจึงหันกลับไปยังชั้นเรียนและเริ่มพูด

    “อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันมีอยู่ 3 ชนิด ซึ่งให้ผลและผลข้างเคียงต่างกันออกไป --- เอ่อ --- 
     

    ชนิดที่ 1 เป็นชนิดที่ใช้ระงับความเจ็บปวดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม พูดง่ายๆว่าสามารถหยุดความเจ็บปวดทุกชนิดประเภทได้อย่างรวดเร็ว --- แต่ว่า ตัวยาไม่ได้มีผลทางด้านการรักษา และยังมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมาก เท่าที่เคยทราบมา มันอาจทำให้ผู้ที่เสพยาจำนวนมากกลายเป็นอัมพาตได้ ---

    ชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่ใช้ลบความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์ โดยไม่แตะต้องความทรงจำหรือเหตุการณ์ในสมอง พูดง่ายๆก็คือ ยาใช้สำหรับกำจัดความสัมพันธ์และความผูกพันธฺทุกรูปแบบ โดยไม่มีผลกระทบต่อความทรงจำใดๆ ยกตัวอย่างเช่น พี่น้องสามารถเลิกความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดได้ด้วยยาชนิดนี้ โดยที่ในความทรงจำและดีเอ็นเอของพวกเขายังคงมีข้อมูล และทุกอย่างคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่หายไปเพียงอย่างเดียวคือความรู้สึกผูกพันธ์ที่มีต่อกัน ถึงขนาดที่ถ้าจะต้องฆ่ากันก็จะสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกว่าได้ฆ่าคนสำคัญของตนไปแล้ว --- แต่ถึงอย่างนั้น ยาก็มีผลข้างเคียงที่รุนแรง... เพราะ ... มันเป็นการลบส่วนหนึ่งของชีวิตติที่ผิดธรรมชาติ...

    ชนิดที่ 3 เป็นชนิดมอมเมา ผู้เสพจะได้รับความสุขและพึงพอใจอย่างมาก จนไม่อาจจะหยุดใช้ยาได้ อย่างไรก็ตามยามีผลเสียที่ทำให้ผู้ใช้ขาดสติ และควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงที่สุดแล้วพวกเขาจะโหยหาความสุขจอมปลอมที่ยามอบให้กับพวกเขา และติดมันจนขาดไม่ได้....”

    เมื่อพูดจบ ฉันหันไปมองที่คุณพ็อตเตอร์อีกครั้ง

    “ดีมาก คุณเบรเวอร์” ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์กล่าวชมพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ครู่หนึ่งเขาหันกลับไปยังชั้นเรียน

    “ทางกระทรวงได้ถกกันอย่างหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาบางคนว่านักเรียน อ้อ นี่เป็นความลับของทางการ อย่างไรเสียผมคิดว่าพวกคุณทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ การที่ผมมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลพวงของยาที่กำลังระบาด --- ปฎิเสทไม่ได้ว่า มันอาจดูไม่สมเหตุสมผลที่คนของกระทรวงจะมาสงสัยเด็กนักเรียนตัวน้อยๆว่าพวกเขาจะเป็นพ่อมดแม่มดนักปรุงยาตัวฉกาจ อย่างเช่น เดอะไวเปอร์ --- แต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น”

    คุณพ็อตเตอร์หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขาล้วงมือหยิบบางอย่างในกระเป๋าหนังของเขา ฉันขยับเท้าเล็กน้อยเพื่อชะเง้อดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ขยับตัวตามเท้าไป เขาก็ชูสิ่งนั้นขึ้นที่หน้าชั้นเรียน

    มันคือหนังสือตำราปรุงยาเก่าๆ

    “สิ่งนี้เป็นหลักยืนยัน ว่าการดูถูกสติปัญญาของฮอกวอตส์นั้นเป็นเรื่องโงเง่าสิ้นดี”

    ฉันจ้องมองตำราปรุงยาในมือของศาสตราจารย์พ็อตเตอร์อย่างพิจารนา และฉันไม่เข้าใจว่า มันหมายความว่าอย่างไร --- ตำราปรุงยาเก่าๆ จะพิสูจน์อะไรได้ ? ในขณะที่ฉันตั้งคำถามอยู่ในใจ ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์ส่งมันให้กับฉัน และฉันรับมันไว้ก่อนจะมองหน้าเขา แววตาภายใต้กระจกแว่นนิ่งงัน เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ฉันจึงเปิดหนังสือ ด้านในมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาขนนกว่า

    ‘หนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติของเจ้าชายเลือดผสม’

    ฉันอ่านออกเสียง ก่อนจะมองหน้าเขาอีกครั้ง

    “ความจริงแล้วหนังสือเล่มนี้ควรถูกเก็บซ่อนไปตลอดการ --- แต่คงน่าเสียดายที่ความยิ่งใหญ่จะต้องถูกหลบซ่อนอย่างไร้เหตุผล .... เซเวอรัส สเนป --- เซดริก ดิกกอรี่ --- เนวิลล์ ลองบัตท่อม --- ซีเรียส แบล็ค --- ลูเซียส มัลฟอย --- เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ --- เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ครอบครัววีสลีย์  หรือ  ... ทอม ริดเดิล ...”

    ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงเสียงบอกเล่ารายชื่อจากศาสตราจารย์พ็อตเตอร์ --- คนเหล่านั้นเราต่างรู้กันดี พวกเขาเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ บางคนยังมีชีวิตอยู่ บ่างคนตายจากไปแล้วอย่างสงบ และบนคนตายอย่างเจ็บปวดทรมาณ ฉันไม่ปราถนาจะตายอย่างเจ็บปวด หรืออันที่จริงฉันไม่ปราถนาจะตายไม่ว่ามันจะสวยงามเพียงไรก็ตาม

    “บุคคลเหล่านี้ ล้วนมีจุดเริ่มต้นที่นี่” ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์กล่าวต่อ

    “ที่ฮอกวอตส์ ... ฮีโร่มากมายมีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ ... แต่ในขณะเดียวกัน เหล่าวายร้ายก็มีจุดเริ่มต้น ณ ที่เดียวกัน ... เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คนที่เรากำลังคุยด้วยอยู่ ณ ตอนนี้ ในภายภาคหน้าพวกเขาจะเป็นอย่างไร...”

    น้ำเสียงของศาสตราจารย์แฝงไปด้วยความเศร้า แม้ใบหน้าของเขาจะดูเข้มแข็งเพียงไร ฉันมองเห็นแววตาสีฟ้าภายใต้กรอบแว่นนั้น มันสดใสและเปร่งประกายแม้ในยามที่แสงไฟมีเพียงน้อยนิด หากแต่ว่าดวงตาเป็นสิ่งประหลาด ไม่ว่ามันจะสวยหรือสดใส่เท่าใด สุดท้ายดวงตาทุกคู่ก็ย่อมเคยผ่านการหลั่งน้ำตามาทั้งสิ้น

    ฉันก้มลงมองตำราปรุงยาเก่าๆ ในมือ ---

    ทุกคนล้วนมีทางเดินเป็นของตัวเอง ...

    และตัวฉัน ก็มีทางเดินที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่เช่นกัน...


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×