ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sherlock You Sherlock Me | เกมส์ปริศนา ล่านิรนาม { Fic BBC ♟ Sherlock Holmes x OC }

    ลำดับตอนที่ #7 : Sherlock 6 : First shot ᴱᴺᴳ

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 61






    Sherlock YOU
    Sherlock ME

    - 6 -
    First shot
    นัดแรก








    I




    " เชอร์ล็อก --- "

    เธอเรียกเขาซ้ำอีกครั้ง เขาจึงเงยหน้ามองที่เธอ


    *231 ได้ทำการส่งรูปภาพ*


    ทายซิใครเอ่ย ?

    - 231



    ข้อความที่สองถูกส่งตามมาติดๆ ดวงตาของเธอเบิกโพลงริมฝีปากกรีดร้องดังลั่น

    " คุณพระช่วย ! เชอร์ล็อก !! "







    II



    เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังก้องไปทั่ว เชอร์ล็อกวิ่งนำลิ่วไปตามโถงทางเดินของโรงพยาบาลภาครัฐแห่งหนึ่ง เมื่อถึงห้องที่หมายแล้ว เจ้าตัวหยุดเท้ากะทันหัน ทว่าร่างยังขยับไถลจนเลยประตูไปเล็กน้อย คริสตินที่วิ่งโล่ตามมาติดๆ ก็ชนกับร่างนิ่งสนิทที่ประตู

    เชอร์ล็อกผลักประตูห้องพักฟื้นเปิดอ้า ภายในห้องนั้นเลสเตรด และมอลลี่นั่งรออยู่แล้ว บนเตียงคนไข้ จอห์นกำลังนอนหมดสติมีผ้าพันที่ศรีษะ สายน้ำเกลือ และถุงเลือดระโยงเชื่อมต่อกับร่างกายของเขา เชอร์ล็อกยืนนิ่งอยู่ที่ประตูมองดูร่างกายแน่นิ่งของจอห์น วัตสันอยู่ราวห้าวินาที เขาจึงเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมผิดวิสัย

    " เชอร์ล็อก --- " มอลลี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เฝ้าไข้ มองมายังเชอร์ล็อกด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    " เขาเสียเลือดมาก แต่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ " เลสเตรดกล่าว

    เชอร์ล็อกยืนนิ่งงันจ้องมองร่างแน่นิ่งของจอห์น วัตสัน สีหน้าของเขาเรียบเฉยจนมิอาจคาดเดาได้เลยว่ากำลังรู้สึก หรือคิดอะไรอยู่ภายในสมอง

    " มันเกิดอะไรขึ้นคะ " คริสตินเอ่ยถาม ดวงตาเรื่อคล้ายว่าจะร้องไห้ก็ไม่ปาน

    " เขาถูกลอบทำร้าย มีคนทุบหัวเขาจากข้างหลัง " เลสเตรดตอบ

    " รู้ตัวคนร้ายไหมคะ "

    " ไม่รู้เลย มีคนโทรมาแจ้งว่าพบเขานอนอยู่บนถนน พอรู้ว่าเป็นจอห์น ฉันกับมอลลี่ก็รีบมาทันที "

    " มันต้องการอะไรกันแน่นะ " คริสตินกล่าว

    หลังจากเธอได้รับข้อความภาพจาก 231 เธอและเชอร์ล็อกก็ออกจากที่พักทันที ทั้งๆ ที่ต่างคนก็ไม่รู้ว่าจอห์นอยู่ที่ไหน ทว่าระหว่างทางที่พวกเขาออกตามหาจอห์นในที่ๆ เป็นไปได้ เลสเตรดก็ติดต่อมายังเชอร์ล็อกเพื่อแจ้งข่าวว่ามีคนพบจอห์นนอนหมดสติอยู่บนถนน และได้ทำการส่งตัวมายังโรงพยาบาลแห่งนี้

    " เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว " เลสเตรดพูด ยกมือขึ้นบีบที่ขมับ

    " ฉันจะจับมันให้ได้ " เชอร์ล็อกกล่าว

    " เชอร์ล็อก ... " มอลลี่เรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงสุดเวทนา

    ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าในยามนี้เชอร์ล็อกกำลังถูกปั่นหัวโดยใครบางคน และขอบเขตของการกระทำก็ไม่สามารถคาดเดาได้ แม้กระทั่งจอห์น หรือเหยื่อปริศนาทั้งสองรายก็ถูกทำร้ายโดยมีจุดประสงค์เดียวที่พอจะเดาได้ คือปั่นหัวเชอร์ล็อกทั้งสิ้น หากแต่ว่าพวกเขายังไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงของเหยื่อและผู้ก่อเหตุได้เลย 231 เป็นผู้ต้องสงสัยที่หาตัวจับไม่ได้ มีเพียงคริสตินเท่านั้นที่คนร้ายคอยติดต่อด้วยจดหมาย และข้อความข่มขู่ต่างๆ นาๆ

    " เชอร์ล็อก ฉันเข้าใจว่านายกำลังหัวเสีย แต่ฉันอยากให้นายใจเย็นๆ " เลสเตรดกล่าว

    " ไม่ นายไม่เข้าใจหรอก "

    " ฉันเข้าใจสิ จอห์นก็เป็นเหมือนเพื่อนฉันแหละน่า "

    " ผิดแล้ว " เชอร์ล็อกตอบ

    เขายืนนิ่งจ้องมองใบหน้าของจอห์นอยู่ครู่หนึ่งก็หันหลังกลับและเดินออกจากห้องพักฟื้น

    " ฉันไม่มีเพื่อนสักหน่อย " เสียงของเชอร์ล็อกแผ่วมาให้ได้ยินก่อนที่เจ้าตัวจะหายลับไปจากบานประตู เมื่อเสียงประตูลั่นปิดลง ทุกอย่างกลับเงียบสนิท

    " ฉันจะไปกับเขา คุณมีเบอร์ติดต่อของเขาไหมคะ " คริสตินถาม หลังเธอยืนช่างใจอยู่นาน

    " มีสิ แต่ระวังตัวด้วยล่ะ เราไม่รู้เลยว่ามันจะทำอะไรอีก " เลสเตรดกล่าว ก่อนจะจดเบอร์โทรศัพท์ของเชอร์ล็อกลงในกระดาษโน้ตของโรงพยาบาล จากนั้นส่งมันให้เธอ

    " ค่ะ ว่าแต่ภรรยาของเขาไม่มาเหรอคะ "

    " หมายถึง แมรี่ เหรอ " เลสเตรดถาม

    " ฉันไม่รู้จักชื่อเธอหรอกค่ะ แต่เห็นรูปถ่ายครอบครัวของเขาในห้องพัก แปลว่าเขามีภรรยาแล้วใช่ไหมคะ "

    " ก็ไม่ผิดหรอก แต่ว่าแมรี่น่ะ เสียชีวิตไปนานแล้ว " เลสเตรดตอบ

    เมื่อได้ฟังดังนั้นคริสตินพยักหน้ารับและแสดงความเสียใจผ่านทางสายตาของเธอ เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเสียจนตั้งรับกันแทบไม่ทัน คริสตินบอกลาทั้งเลสเตรด และมอลลี่ จากนั้นเธอเร่งฝีเท้าออกจากห้องพักฟื้นของจอห์น มือล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อีกมือถือกระดาษโน้ตที่ถูกฉีกอย่างรีบๆ

    ปลายนิ้วของเธอขยับเพื่อส่งข้อความ


    To. SH

    ฉันจะไปกับคุณด้วย ฉันเป็นเบาะแสไง จำได้ไหม ?

    - CR.





    III



    “ หนาวชะมัด ” คริสตินกล่าว

    เชอร์ล็อกอ้าปากกัดแซนวิชกลืนลงคอ รอบกายของพวกเขามืดสลัว มีเพียงไฟถนนไม่กี่ดวงที่ยังพอให้แสงสว่างได้บ้าง ทั้งสองนั่งอยู่บนฟุตบาทข้างถนน ในมือถือถ้วยกาแฟกระดาษและแซนวิชที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง

    " แล้วเราจะไปไหน " เธอเอ่ยถามหลังจิบกาแฟในถ้วย

    " LD Printing house "

    เมื่อได้ฟังเธอพยักหน้ารับ จากนั้นเร่งกัดแซนวิชในมือจนหมด หลังอาหารมื้อค่ำอันไม่พิถีพิถันจบลง ทั้งสองจึงเริ่มออกเดินทางไปยังที่หมายโดยรถแท็กซี่ พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงรถก็จอดที่หน้าโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ เชอร์ล็อกจ่ายเงินค่าโดยสารและรอกระทั่งแท็กซี่ขับห่างออกไปจนลับสายตา

    " แล้วเราจะเข้าไปไหม " เธอถาม

    เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ที่ด้านหน้าของรั้วโรงงานปลูกดอกวิสเทอเรียสะพรั่งเต็มต้น มองดูแล้วสวยงามแม้ยามกลางคืนที่แสงไฟมีน้อย ทว่าประตูรั้วนั้นปิดล็อกอย่างไม่ต้องสงสัย

    " แน่นอน ไปกันเถอะ " เขาบอกและเดินตรงไปยังรั้วของโรงงาน

    " แต่ว่าแบบนี้มันไม่ผิดกฎหมายเหรอ เชอร์ล็อก " คริสตินกล่าวพลางวิ่งตามเขาไปติดๆ

    " อะไรที่ทำให้มันผิดล่ะ " เขาถาม

    " ก็บุกรุกยามวิกาลไง "

    " ไม่ได้บุกรุก แค่ปีนเข้าไปเดินเล่นเท่านั้น "

    ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวกระโดดจับขอบรั้วประตูโรงงานก่อนจะใช้แรงดึงตัวเองขึ้นไปอยู่บนขอบกำแพง เมื่อทรงตัวได้เขาจึงส่งมือให้เธอที่ยืนอยู่ด้านล่าง คริสตินหยุดชะงักมองไปยังมือที่ส่งมา คล้ายว่าเธอลังเลที่จะลักลอบเข้าไปข้างใน เธอไม่แน่ใจว่านี่คือการบุกรุกหรือไม่ แต่แน่ใจว่ามันเป็นการลักลอบที่ไม่ถูกต้อง

    " จะไปไหมเนี่ย " เชอร์ล็อกเอ่ยถามเมื่อเธอเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่นาน

    คริสตินถอนหายใจและจับมือของเขาในที่สุด

    ......

    ...............................


    หลังการลักลอบปีนข้ามกำแพงรั้วโรงงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี ทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามตัวตึกและหาช่องทางเข้าสู่ภายในโรงงานจนได้ รอบบริเวณทางเดินไม่มีไฟเปิดแม้สักดวง ทว่าก็ยังพอมองเห็นได้จากไฟที่สาดเข้ามาผ่านทางบานหน้าต่าง

    " แล้วเราจะได้อะไรจากที่นี่ล่ะ " คริสตินถาม

    " ไม่รู้ " เขาตอบ

    " เชอร์ล็อก --- ถามจริงๆ นะ เรามาที่นี่ทำไม "

    " เพราะว่าไม่รู้ไง ถึงมา "

    หลังคำตอบกำกวม เธอยังคงเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ในโรงงานยามที่มันปิดตัวเช่นนี้ ห้องหับใดที่ไม่มีบานหน้าต่างก็ยากที่จะมองหนทางได้ชัดเจน บางครั้งพวกเขาต้องใช้ไฟจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือเพื่อส่องทางเดิน เขาใช้เวลาราวสิบห้านาทีก็เดินเข้าสู่ห้องเครื่องจักรโรงพิมพ์

    " เธอไปดูทางนั้น ฉันจะไปทางโน้น " เชอร์ล็อกบอกพลางชี้มือไปที่ฝั่งหนึ่งของเครื่องพิมพ์

    " แล้ว --- พอจะบอกได้ไหมว่าฉันต้องมองหาอะไร "

    " เบาะแสไง " เขาตอบสั้นๆ และเดินไปอีกฝั่งของเครื่องพิมพ์

    คริสตินยืนมองแผ่นหลังเชอร์ล็อกครู่หนึ่งเขาก็หายลับไปในความมืด เธอเฝ้าแต่คิดว่าคำพูดคำจาของเขาช่างจับประเด็นอะไรไม่ได้สักอย่าง 'เบาะแส' แล้วมันเบาะแสประเภทไหน หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นของ เป็นคน หรือเป็นรอยหมึกที่หยดอยู่บนพื้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งธรรมดาจนไม่คิดว่าสิ่งเหล่านั้นจะสามารถเป็นเบาะแสอะไรได้เลย คริสตินเริ่มเดินสำรวจตั้งแต่จุดที่แยกกับเชอร์ล็อก เป็นเรื่องแปลกที่เครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องอยู่ห่างกันมาก มิหนำซ้ำยังดูเก่าซอมซ่อจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังสามารถใช้การได้ บนเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่มีตัวอักษร Y กำกับค่าสี ทั่วบริเวณนั้นมีกลิ่นสีฉุนจนทำให้รู้สึกแสบจมูก เธอใช้ไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องจนคิดว่าทั่วถึงพอประมาณจึงเดินถัดไปยังเครื่องพิมพ์สี K และเป็นเช่นเดิม แทบไม่มีอะไรที่พอจะเรียกได้ว่าเบาะแส

    ที่ปลายสายพานของเครื่องพิมพ์ K มีกระดาษที่ถูกพิมพ์สำเร็จรอการตัดขอบกองอยู่ที่ช่องรับกระดาษ หากมองจากที่ไกลๆ คงไม่สามารเห็นได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นคืออะไร ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปใกล้ขึ้น และเตะเข้ากับถังหมึกจนหกกระจายเต็มพื้นด้วยความบังเอิญ เสียงกระทบของกระป๋องสังกะสีดังก้องสะท้อนภายในโรงงานอันปิดทึบ

    " บ้าเอ๊ย ! " คริสตินหยุดนิ่ง ก่นด่าตัวเองอย่างเก็บเสียงถึงความซุ่มซ่ามที่ไม่น่าให้อภัย

    เมื่อเธอเงียบอยู่นานพอจนคิดว่าการส่งเสียงปึงปังของเธอไม่ได้เรียกแขกหรือผู้มาเยือนอันไม่พึงประสงค์แล้ว เธอจึงเดินเลี่ยงหมึกพิมพ์บนพื้นไปยังช่องรับกระดาษที่ปลายสายพาน

    ทันทีที่แสงไฟของเธอสาดไปถึง เธอหยุดชะงัก คิ้วคู่สวยขยับตั้งข้อสงสัยเต็มประดา

    ' Sherlock Theories '

    ข้อความปรากฎอยู่บนหัวกระดาษ เมื่อมองดูแล้วมันคงเป็นหนึ่งในหน้าหนังสือที่รอการตัดและจัดเข้ารูปเล่ม คริสตินย่อตัวลงพลางใช้ไฟส่องดูเนื้อความ ปลายนิ้วของเธอไล่อ่านรายละเอียดอย่างรีบร้อน


    - หน้า 14 -

    สิ่งใดคือความหลักแหลมของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ และสิ่งใดคือความผิดพลาดของ จิม มอริอาร์ตี้ ?

    หลังการถูกใส่ร้ายป้ายสีอย่างเผ็ดร้อน ถือเป็นช่วงวิกฤติของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ อย่างแท้จริง ทว่าเมื่อความจริงถูกเปิดเผยขึ้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากรอยยิ้มบ้าคลั่งก็ถูกสยบและจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของตนเอง


    ปลายนิ้วเธอไล่อ่านทีละบรรทัด ดวงตาเบิกโพลงรับแสงน้อยนิดเพื่อเพ่งมอง ในขณะที่สมาธิจดจ่ออยู่บนหน้ากระดาษ เสียงบานประตูเหล็กดังลั่นมาจากโถงทางเดินทำเอาเธอขวัญผวา คริสตินย่อตัวลงนั่ง เธอรีบปิดไฟที่หน้าจอโทรศัพท์และสองมือแทบจะอุดปากตัวเองไว้ --- ดูเหมือนว่าเสียงปึงปังของเธอเมื่อครู่จะทำให้ใครบางคนลุกจากโต๊ะทำงานเสียแล้ว

    ในความมืดมิด แสงจากกระบอกไฟฉายสาดส่องวูบวาบอยู่บนพื้น หลายต่อหลายครั้งเธอขยับหดปลายเท้าเข้าหาตัวเพราะกลัวว่าแสงไฟจะบังเอิญสาดโดนตัวเธอเข้า ในขณะที่กอดตัวเองแน่น ยังคงได้ยินเสียงรองเท้าเดินใกล้เข้ามา บางครั้งเสียงหยุดลงและเริ่มเดินต่อ ดูท่าว่าเจ้าของฝีเท้าคงกำลังค้นหาบางอย่าง

    กระทั่งเมื่อบานประตูเหล็กดังอีกครั้ง ทั้งห้องกลับมืดสนิท เธอถอนหายใจออกมาพร้อมยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมตามไรผม เสียงฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังเครื่องพิมพ์ M และ C ซึ่งเป็นฝั่งที่เชอร์ล็อกกำลังค้นหาเบาะแสอยู่ เมื่อเธอหยุดรอจนแน่ใจแล้วว่าแขกผู้ไม่พึงประสงค์จะไม่ย้อนกลับมา เธอจึงดีดตัวลุกขึ้นกลับไปยังช่องรับกระดาษ รีบร้อนคว้าจนแทบจะเป็นกระชากเอาหน้ากระดาษนั้นมาพับอย่างลวกๆ เพื่อยัดลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเธอ

    จากนั้นปลายนิ้วของเธอละเลงลงบนหน้าจอโทรศัพท์


    To. SH

    ฉันเจอบางอย่าง ระวังตัวด้วยมีคนกำลังไปทางคุณ

    - CR.


    หลังส่งข้อความเสร็จ เธอจึงเริ่มออกวิ่ง





    --------------------------------------------------------------------------

    [ ข อ ง แ ถ ม ]

    ส เ ก็ ต ซี น เ ป็ น ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ น ะ ค ะ


      

    Sketch  



    " Then, What's we'd got here ? " Cristine asked.

    " Dunno " He answered.

    " Sherlock, Seriously why do we here ? "

    " Because we don't know, We here "

    After answering, she keep following him. in the building in this time were closed, which the room have no window would be too dark to see things well. sometime they both need to use the light of the screen phone to light way up. they take around 5 minutes to get into the printing room.

    " You go there, I'll another " Sherlock said and told the way by the finger.

    " So, Can you tell me what i need to looking for ? "

    " A clue. " He answered and walk away.

    Cristina watch his back until he disappears in the dark, with wondering in her head what the hell is Clue he just mention ? Is it human or just a ting or maybe it just a drop of ink on the floor ?

    everything he said just make no sense. 


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >>

    Writer ///

    อย่าลืมดูประกาศและโปสเตอร์ตอนที่แล้วด้วยนะคะ <3


    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×