คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : IV : Hot coffee
IV
Hot Coffee
ผมดูพยากรณ์อากาศมา
เขาบอกว่ากรุงเทพฯ อากาศจะลดลง 5-7 องศาเชียวนานมากแล้วที่อากาศไม่เย็นจัดขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบอากาศเย็น ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะชอบ มันทำให้ผมรู้สึกสบายใจไม่หงุดหงิด เหงื่อไม่ไหลเหมือนตอนอากาศร้อน ๆ ที่สำคัญมันทำให้คนข้าง ๆ กายเราน่ากอดเป็นพิเศษ
“อ๊า ! โธ่เอ๊ย...” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องขึ้น เธอถือหนังสือเล่มโตอยู่ในมือและกำลังวิ่งไล่ตามที่คั่นหนังสือที่ทำจากกระดาษ ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาแล้ว ผมนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มันเป็นที่ ๆ ผมมาแทบจะทุกวันเพื่อรอเธอคนนั้น สาวน้อยน่ารักกำลังเดินออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า เธอส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ ในมือของเธอถือกระเป๋าใบเล็ก ๆ ชุดนักศึกษาของเธอดูขาวสะอาดตา ผมขยับแว่นตาของตัวเองเพื่อให้มันเข้าที่เข้าทาง ผมอยากมองเห็นเธอให้ชัดกว่านี้
“รอนานไหม ?” เธอถามด้วยรอยยิ้ม ทุกครั้งที่มองหน้าเธอ ในหัวใจผมชุ่มชื้นผมพยักหน้ารับก่อนที่จะดึงกระเป๋าในมือของเธอมาถือไว้ แล้วเราสองคนก็เดินไปด้วยกัน ไปในที่ที่คนหนุ่มสาวมักจะไป กิจกรรมหลากหลายที่เราเลือกสรร ทั้งดูหนัง นั่งกินขนมหวาน ร้องเพลงคาราโอเกะ หรือแม้แต่นั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ
เมื่อเวลาผ่านไปจนท้องฟ้าทาสีส้ม เป็นช่วงเวลาที่ผมต้องรู้สึกเศร้าในทุก ๆ วันตั้งแต่ได้พบเธอ ผมเดินมาส่งเธอที่ป้ายรถประจำทาง ในขณะที่เรานั่งรอรถอยู่นั้น แสงสีส้มอ่อนรำไรส่องสว่างมาที่เธอ เส้นผมของเธอพลิ้วรับแสงนั้น ผมคิดเสมอว่าภาพนี้ช่างสวยงาม สวยเสียยิ่งกว่าภาพวาดของศิลปินชั้นเอกที่แขวนอยู่ในหอศิลป์ เสียงรถประจำทางจอดตรงป้ายพอดิบพอดี เธอลุกขึ้นและส่งรอยยิ้มหวานฉ่ำมาให้พร้อมกับโบกมืออำลา เรากล่าวคำอำลาต่อกันดังเช่นทุกครั้งจากนั้นเธอก้าวขึ้นรถไป
ผมมักจะมองแสงของดวงอาทิตย์ที่หายลับไปพร้อมเธอ แม้ท้องฟ้ายามเย็นจะสวยงาม กลับรู้สึกว่ามันช่างดูน่าเศร้า แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายนั้นช่างดูเศร้าเหลือเกิน
ผมเดินกลับไปตามทาง บนถนนสายเดิมที่ผมคุ้นตา น่าแปลกที่เราเพิ่งจะแยกจากกัน แต่ผมกลับคิดถึงเธอขึ้นมา ไฟที่ติดตั้งตามถนนถูกเปิดขึ้นแล้วเมื่อค่ำคืนเข้ามาแทนที่ ผมเดินกลับมาที่สวนสาธารณะแห่งเดิมเพราะเส้นทางนี้เป็นทางผ่านบ้านของผม
ลมหนาวพัดโชยเข้ามาแล้ว... อากาศตอนกลางคืนหนาวยิ่งกว่าเมื่อตอนเย็นเสียอีก ผู้คนบนทางเท้าเริ่มหายไป ไม่พลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน ไฟของร้านค้าแถวนั้นยังคงเปิดอยู่ ทั้ง ๆ ที่ผู้คนเหลืออยู่น้อยเต็มที คืนนี้คงยาวนานเหมือนเดิม ผมแวะเข้าร้านขายหนังสือมือสองที่อยู่แถว ๆ สวนสาธารณะแห่งนั้น ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูกระจก กลิ่นของกระดาษและหนังสือเก่าก็โชยขึ้นมา ข้างในนี้อบอุ่นกว่ามากหนังสือมากมายถูกวางเรียงรายบนชั้น แยกประเภทต่างกันไป ผมเดินไปเดินมาและใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเลือกหนังสือที่ถูกใจได้ หนังสือแปลจากนักเขียนที่ผมไม่คุ้นชื่อถูกถือไปที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดราคา มันลดจากปกไปถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ พนักงานสาวหยิบที่คั่นหนังสือที่ทำจากกระดาษแถมให้กับผมหนึ่งอัน ผมจ่ายเงินและนำหนังสือเล่มนั้นกลับบ้าน
ผมเฝ้ารอวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะกลับไปยังเก้าอี้ตัวเดิม และนั่งรอเงียบๆ เพื่อเจอเธอคนเดิม
......
...................
เวลาหลายชั่วโมงที่ผมใช้จนหมดไปกับงานของผม และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมรอคอย ผมเดินมายังเก้าอี้ตัวเดิมพร้อมกับกาแฟร้อนในแก้วกระดาษ วันนี้อากาศหนาวกว่าเมื่อวานมาก ผู้คนรอบ ๆ เริ่มสวมเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอ มันเป็นบรรยากาศที่แปลกตาแต่ก็ดีไปอีกแบบ ในขณะที่ผมกำลังจิบกาแฟร้อนในแก้วอยู่นั้น
“รอนานไหม ?” เสียงหวานคุ้นหูดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเธอยืนส่งยิ้มหวานฉ่ำมาให้ วันนี้เธอสวมเสื้อแขนยาวที่ถักจากไหมพรมมาด้วย มันดูใหญ่กว่าตัวเธอมาก มือของเธอโผล่พ้นชายแขนเสื้อมาแค่เล็กน้อย เธอดูน่ารักมาก ผมส่ายหน้าตอบเและส่งยิ้มกลับไป แล้วก็เป็นดั่งเช่นทุกวัน เราต่างออกความคิดเห็นว่าวันนี้จะไปที่ไหน แก้วกาแฟถูกทิ้งลงในถังขยะรีไซเคิลของสวนสาธารณะ ตอนนี้มือของผมว่างเปล่าและอบอุ่นจากไอร้อนของแก้วกาแฟ ลมหนาวเป็นข้ออ้างที่ดีหากผมจะกุมมือเธอ น่าแปลกทั้ง ๆ ที่เราแค่กุมมือกัน แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นเข้าไปข้างในหัวใจ
วันนี้ผ่านไปอีกวัน และเธอหายไปกับแสงของดวงอาทิตย์ ผมอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ไว ๆ จัง
ผมนอนพิงหมอนอิงใบใหญ่อยู่บนเตียง หลังจากอ่านข้อความบอกฝันดีของเธอ ข้อความสั้น ๆ ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ หนังสือที่ผมซื้อมาจากร้านขายหนังสือมือสองถูกหยิบขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา กระดาษข้างในเปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง มันคงผ่านวันเวลาที่ยาวนาน หนังสือเล่มนั้นเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผมได้ฟังผ่านตัวอักษร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมผล็อยหลับไปพร้อมกับหนังสือในมือ
...............
ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม อากาศเหมือนจะหนาวขึ้นกว่าเมื่อวาน
วันนี้งานของผมค่อนข้างจริงจังและกดดัน มันคงเป็นธรรมดาของคนวัยนี้ ผมนั่งรอ ... รอ... รอ... น่าแปลกที่วันนี้เธอยังไม่มา มันเลยเวลามานานมากแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า
ในขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาผมก็นึกขึ้นได้ว่าปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้เธออาจจะโทรมาแล้วก็ได้ บนหน้าจอโทรศัพท์มีข้อความที่ถูกส่งมาโดยเธออยู่จริง ๆ มันถูกส่งมาตั้งแต่ช่วงบ่าย
‘ Plaw วันนี้
พี่คะ วันนี้แพรวไม่ไปนะ ขอโทษ....
ข้อความสั้น ๆ แสดงอยู่บนจอโทรศัพท์ ก่อนที่ผมจะแตะปลายนิ้วสไลด์เพื่ออ่านข้อความที่เหลือ ผมได้แต่คิดในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันนะ
‘พี่คะ วันนี้แพรวไม่ไปนะ ขอโทษด้วย ที่ผ่านมาขอบคุณมากค่ะ
ขอให้พี่เจอคนทีดีกว่าแพรวนะคะ’
ผมอ่านข้อความนั้น
มีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจ เธอบอกกับผมในข้อความนั้นว่า ‘ขอให้ผมเจอคนที่ดีกว่าเธอ’ มันหมายความว่าอะไร ? มันเป็นข้อความที่ขอจบความสัมพันธ์ของเราหรือเปล่า ? ผมทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า ? ผมกดโทรไปหาเธอในทันที ผมโทรครั้งแล้วครั้งเล่าเธอก็ไม่รับสายของผมเลย
ลมหนาวพัดมาอีกแล้ว...
วันนี้ท้องฟ้าสีส้มนั้นดูเศร้ากว่าทุกวัน ผมยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม ผมรู้แล้วว่าเธอไม่มา แต่ผมยังคงคิดไม่ออกว่าผมควรไปที่ไหนนอกจากนั่งอยู่ตรงนี้ ผมเฝ้าคิดย้อนกลับไป ว่าตัวเองทำอะไรพลาดไปหรือเปล่า เมื่อวานเราเดินกุมมือกันผมมีความสุข เธอยิ้ม ผมยิ้ม เราสองคนต่างก็ยิ้ม ไม่มีอะไรเป็นคำเตือนของความเศร้าในวันนี้เลยสักนิด มันเป็นเรื่องน่ากลัว ที่รอยยิ้มหวาน ๆ สามารถเก็บซ่อนบางอย่างได้อย่างมิดชิดเสียจนเราไม่ทันระวังตัว เบื้องหลังรอยยิ้มของเธอนั้น ผมไม่เคยได้เตรียมใจ
ผมเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้มองไปบนฟ้า มือของผมหนาวเย็นจนปวดไปหมด เมื่อไฟของร้านค้าบริเวณนั้นปิดลง เสียงประตูเหล็กของร้านขายหนังสือมือสองถูกดึงลงมา มันดังลั่นในพื้นที่อันเงียบสงัด ผมเพิ่งรู้ว่ามันเปิดอยู่เป็นร้านสุดท้ายของบริเวณนี้ พนักงานสาวสวมเสื้อกันหนาวค่อนข้างหนากำลังล็อคกุญแจประตูร้าน และไม่นานไฟหน้าร้านก็ถูกปิดลงผมควรต้องกลับบ้านแล้ว บนถนนสายเดิมที่คุ้นตา วันนี้ทุก ๆ อย่างกลับดูเศร้า ถนนเส้นนี้มันเหงาและหนาวกว่าทุกวัน ไม่มีข้อความบอกฝันดี ไม่มีเสียงของเธอ ทุก ๆ อย่างผ่านไป ราวกับว่า เธอไม่เคยมีอยู่จริง
...แล้ววันนี้....
ผมกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมในสวนสาธารณะ หลายวันมานี้อากาศเย็นลงอย่างต่อเนื่อง เก้าอี้ข้างตัวของผมว่างเปล่า พยากรณ์อากาศบอกว่าอากาศจะเย็นลงกว่านี้ และจะคงที่ไปอีกหลายวัน นี่เป็นช่วงเวลาที่ความหนาวคงอยู่กับกรุงเทพฯ ยาวนานกว่าทุกที ลมหนาวจากจีนที่พัดเข้ามายังเย็นถึงขนาดนี้ผมคิดไม่ออกเลยว่าคนทางนั้นจะหนาวกันขนาดไหน หลายวันมานี้ผมก็ยังติดต่อเธอไม่ได้ ข้อความนั้นเป็นข้อความสุดท้ายจากเธอผมเอนหลังพิงกับพนักพิงบนเก้าอี้ตัวเดิม หลังจากเลิกงานผมก็มักจะมานั่งอยู่ตรงนี้ มันเป็นแบบนี้มานานตั้งแต่ที่ผมเจอเธอ นานเสียจนมันกลายเป็นเรื่องปกติประจำวันของผมไป ตั้งแต่วันที่เธอหายไปผมก็ยังคงมาที่นี่ ผมรู้แล้วว่าเธอจะไม่มา แต่ผมรู้ว่าลึก ๆ ผมหวังว่าเธอจะมา มันจึงทำให้ผมยังคงมานั่งรอหลาย ๆ ครั้งผมถามตัวเองว่าผมกำลังรออะไรอยู่
นั่นสิ นี่ผมกำลังรออะไรอยู่นะ ?
วันแล้ววันเล่า
อากาศเปลี่ยนแปลงไปทั้งร้อนขึ้น และเย็นลงอีกครั้ง ผมกลับมานั่งอยู่ที่เดิมผมรู้แล้วว่าเธอจะไม่มา เพียงแค่ผมไม่รู้ว่าควรไปที่ไหน ผมว่ามันก็ดีนะที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ นั่งเงียบ ๆ มองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา ความเศร้าของผมเหมือนจะลดลงไป แต่มันก็ยังคงอยู่ ผมไม่ได้ใจหายเหมือนกับวันแรกที่ผมได้อ่านข้อความนั้นของเธอ แต่มันกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก ผมมักจะมองไปยังประตูทางออกของรถไฟฟ้า ผมรู้แล้วว่าเธอจะไม่เดินออกมา แต่มันเป็นสิ่งที่ผมทำจนเคยชิน
วันนี้อากาศหนาวมากกว่าทุกวัน ผมจำได้ว่าเคยชอบอากาศหนาวมากกว่านี้ ในเวลาที่ลมพัดมาตัวผมสั่นทั้งมือและปลายจมูกของผมเย็นจนชา เมื่อเช้าผมดูอุณหภูมิในโทรศัพท์ มันบอกว่าอากาศลดลงอยู่ที่ราว ๆ 16 องศา สำหรับผมมันหนาวมากเลยทีเดียว ผมชะเง้อคอมองไปยังร้านกาแฟข้างถนนที่เคยซื้อกิน แต่วันนี้ร้านกลับปิด ถ้าหากได้กาแฟร้อน ๆ สักถ้วย มือของผมคงอุ่นกว่านี้
มือของผม… แล้วผมก็คิดถึงเธอขึ้นมาอีกแล้ว
“วันนี้อากาศเย็นนะคะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าผม เธอสวมเสื้อกันหนาวค่อนข้างหนาและในมือของเธอถือแก้วกาแฟอยู่สองใบ เธอยื่นใบหนึ่งให้กับผมพร้อมรอยยิ้ม ผมมองแก้วกาแฟในมือของเธอด้วยความแปลกใจ ผมไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
“แค่กาแฟค่ะ ถ้าไม่รังเกียจก็รับไปเถอะ” ผมรับแก้วกาแฟของเธอมา ถึงแม้ผมจะไม่กล้าดื่มก็ตาม เธอนั่งลงตรงที่ว่างของเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ เมื่อลมหนาวพัดมา ผมยาวประบ่าของเธอปลิวรับลมนั้นและกลิ่นแชมพูที่เธอใช้ก็โชยมาด้วย
“วันนี้ก็ออกมารออีกแล้วเหรอคะ” คำถามนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับผมมาก เธอคนนี้เป็นใครกัน เธอรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังรออะไรอยู่ ผมจ้องมองเธอพลางคิดว่าผมเคยรู้จักเธอมาก่อนหรือเปล่า แต่ผมก็นึกไม่ออกเลย
“เรารู้จักกันเหรอครับ ?” ผมถามเธอไปตรง ๆ มือของผมค่อย ๆ อุ่นขึ้นอย่างช้า ๆ จากแก้วกาแฟกระเบื้องของเธอ
“ไม่หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้ม แต่เธอไม่ได้หันมองทางผมเลย หลังคำตอบนั้นผมก็จ้องเธออยู่นาน เธอคงจะรู้สึกอึดอัด แต่ผมเองก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยไปกว่ากัน เธอยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดื่ม
ลมหนาวพัดมาอีกแล้ว...
“ฉันทำงานอยู่ที่ร้านหนังสือ... ตรงโน้นค่ะ” เธอบอกพลางชี้นิ้วไปยังร้านหนังสือมือสองที่อยู่ไม่ไกล ถึงตรงนี้ผมพอจะนึกอะไรออกบ้างแล้ว เธอเป็นพนักงานของร้านหนังสือมือสอง และผมเคยพบเธอครั้งหนึ่งในตอนที่เข้าไปซื้อหนังสือมือสอง ตอนนั้นผมจำได้ว่าเธอแถมที่คั่นหนังสือให้ผมอันหนึ่งมันทำจากกระดาษ
“อ้อ ผมนึกออกแล้ว” เธอหันมายิ้มให้ รอยยิ้มของเธอดูอบอุ่นจากตรงนี้มองเข้าไปที่ร้านหนังสือ ก็ตรงกับแคชเชียร์พอดี ผมยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม กาแฟในแก้วกำลังอุ่นได้ที่ รสชาติของมันหอมหวานกำลังดี ในเวลาที่อากาศหนาว ๆ แบบนี้ กาแฟร้อน ๆ คงเป็นอะไรที่ช่วยเติมเต็มให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้ ผมขยับแว่นตาของผม พลางปาดเอาฝ้าที่จับกับกระจกแว่นเพราะไอร้อนของกาแฟ หลังจากที่เช็ดมันออกไป ผมก็หันไปเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ของเธอ มือของเธอประคองแก้วกาแฟนั้นเอาไว้เช่นเดียวกันกับมือของผม
ลมหนาวพัดมาอีกแล้ว
ผมไม่รู้ว่าหลังจากหมดลมหนาวนี้ ชีวิตของผมจะเป็นอย่างไรต่อไป วันนี้แสงของดวงอาทิตย์ก็ยังคงลับขอบฟ้าไปดังเช่นทุกวัน แต่มันก็น่าแปลกที่แสงนั้นไม่ได้เศร้าไปกว่าเมื่อวาน
ผมรอคอยวันพรุ่งนี้
และคิดว่า
พรุ่งนี้ผมจะไปหาหนังสือมือสองดี ๆ มาอ่านสักเล่ม ...
แด่่
เธอที่ไม่รู้จัก
- แ ม ว จ ร
ความคิดเห็น