คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๓ : ตรอกน็อกเทิร์น และประกาศจับจากกระทรวง
บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๓
ตรอกน็อกเทิร์น
และประกาศจับจากกระทรวง
ฉันเดินดุ่มๆ เข้าตรอกเล็กที่มืดทึม พ่อมดแม่มดหน้าตาซูบโทรมต่างมองมาทางฉัน ฉันจึงดึงผ้าคลุมลงเพื่อปิดใบหน้าให้มิดชิด หลังจากผ่านความกดดันของพวกสภาพไม่น่าคบหาฉันก็แทรกตัวผ่านประตูไม้เก่าๆ ของร้านค้าแห่งหนึ่ง ร้านซึ่งไม่มีป้ายหน้าร้าน ไม่มีการโฆษณา ใดๆ แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักของเหล่าคนที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด หรือ ---
สัตว์ที่มีพิษ
เมื่อแทรกตัวผ่านประตู ภายในเหม็นอับ กลิ่นเหมือนโรงฆ่าสัตว์ มืดทึม ชื้น และชวนหดหู่ โหลแก้วถูกวางไว้บนชั้นวางของรกๆ ภายในอัดแน่นไปด้วยหนอนเหยื่อยุบยับ มีหนูบางตัวแอบขโมยกินชีสที่ขึ้นราจนเขียวอยู่บนโต๊ะอาหาร และสัตว์สารพัดถูกขังอยู่ในตู้กระจกใบขนาดฟุตครึ่งคูณฟุต มันถูกตั้งเรียงรายอยู่ทั่วชั้นวางของที่สูงสุดเพดาน
“สายยันสวัสดิ์” เสียงแหบเย็นเยียบทักทาย ไม่ทันไรชายใบหน้าอัปลักษณ์ก็โผล่หัวขึ้นมาจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์
“สวัสดีค่ะ” ฉันตอบ พยายามก้มหน้าไม่ให้เขามองเห็นได้ชัด
“มีอะไรให้รับใช้หรือแม่สาวน้อย”
“เอ่อ --- ฉันอยากได้พิษของแมงมุมบราวน์เรคคูส คุณพอจะหาให้ฉันได้ไหมคะ” หลังฉันถามจบ ชายหน้าตาอัปลักษณ์ทำตาโตและอ้าปากด้วยรอยยิ้มชวนสยอง ครู่หนึ่งเขาหัวเราะแห้งเคล้ากับเสียงสเลตที่ติดพันอยู่ในลำคอ ชายอัปลักษณ์เดินด้อมๆ หลังค่อมออกจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์ตรงไปยังชั้นวางตู้สัตว์สารพัด
“มีเป็นตัวเป็นตนเลยแม่หนู” เขาตอบพร้อมๆ กับหยิบเอาตู้กระจกออกจากชั้นวางของ
“เอ่อ --- คือฉันอยากได้แค่พิษของมันเท่านั้นค่ะ” ฉันบอกปฏิเสธในทันที
“ร้านของฉันขายสัตว์นะแม่หนู ไม่ใช่ขายพิษของสัตว์” เขากล่าวพลางส่งตู้กระจกให้กับฉัน
“30 เกลเลี่ยน”
“เอ่อ --- คุณช่วยรีดพิษของมันให้ฉันทีได้ไหมคะ แล้วฉันจะให้คุณ 80 เกลเลี่ยนเท่าเดิม ฉันแค่ต้องการพิษของมันเท่านั้น” ฉันบอก
ชายอัปลักษณ์มองหน้าฉันและดึงเอาตู้กระจกกลับไปกอดไว้ รอยยิ้มสุดสยองเผยให้เห็นฟันสีเหลืองสกปรก ไม่ทันไรเขาเดินดุ่มๆ หายไปในม่าหลังร้าน ฉันจึงยืนรออยู่ที่เดิมราวห้านาที สายตาของฉันกวาดมองไปรอบๆ ที่นี่มีสัตว์พิษสารพัด ในมุมหนึ่งของห้องโสโครก มีหลอดแก้วทรงกลมกว้างราวๆ 1เมตร สูง2เมตร ภายในบรรจุน้ำและสัตว์ชนิดหนึ่งกำลังขยับตัวอย่างสวยงาม สีของมันโปร่งใสและสะท้อนรับแสงไฟที่ประดับในตู้กลายเป็นสีเงิน มันคือแมงกะพรุนกล่อง หากแตะโดนพิษของมัน ฉันจะตายภายในไม่กี่นาทีและสิ่งที่น่าสะพรึงกลับไม่ใช่ความตาย หากแต่เป็นความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด สำหรับฉันแล้วสัตว์มีพิษของพวกมักเกิ้ลก็มีความโหดร้ายในแบบของมัน ในขณะที่สัตว์มหัศจรรย์ที่พ่อมดแม่มดคุ้นชินบางสายพันธุ์ก็ทำให้ฉันนอนฝันร้าย
“100 เกลเลี่ยน” เสียงแหบแห้งดังขึ้นฉันจึงหันกลับไปมอง ชายอัปลักษณ์ถือหลอดแก้วขนาดเล็กมากออกมาหนึ่งหลอด
“แมงกะพรุนกล่อง ยากตรงจับมันขึ้นมาจากน้ำรู้ไหม 200 เกลเลี่ยน” เขากล่าวต่อ
“เอ่อ --- ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากได้มันหรอก” ฉันตอบพลางหันไปรับหลอดแก้วจากชายเจ้าของร้าน
“30 เกลเลี่ยน” เขาบอก
ฉันหยิบเงินจ่ายให้เขา และรีบปลีกตัวออกจากร้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองเท้าย่ำไปบนพื้น ซุกหลอดยาต้องสงสัยเอาไว้ใต้ผ้าคลุม ฉันก้มหน้าก้มตาเดินและภาวนาขออย่าให้มีใครสักคนมาพบและจำฉันได้ ตลอดทางเดินฉันถูกสายตาของเหล่าพ่อมดแม่มดขาจรจับจ้อง ราวกับฉันเป็นสิ่งแปลกปลอม ฉันเบี่ยงตัวเข้าสู่หลืบที่มืดมิดใต้สะพานเพื่อหยุดพัก ในขณะที่เอนหลังพิงไปกับกำแพงโสโครก รถม้าเคลื่อนผ่านเหนือสะพานทำให้ขี้ฝุ่นตกลงมาบนพื้นเบื้องล่าง ฉันต้องยกมือขึ้นป้องจมูกเพื่อกันผงฝุ่นเหล่านั้น
บนกำแพงโสโครก กระดาษเก่าๆ เปื้อนรอยน้ำจนกลายเป็นสีน้ำตาลติดอยู่บนผนังซ้อนทับกันราวกับว่าคนที่ติดขยุ้มมันขึ้นมากำมือหนึ่งแล้วฟาดลงไปโดยไม่สนใจว่ามันจะสวยงามหรือไม่ ฉันเหลือบมองและหัวใจเหมือนตกสู่ห้วงเหวแห่งความว่างเปล่า
‘ประกาศจากทางกระทรวง ตามล่าตัวเดอะไวเปอร์ นักปรุงยาผิดกฎหมายร้ายแรง
รางวัลนำจับ 50,000 เกลเลี่ยน’
ฉันเมินสายตาออกไปยังพื้นที่ด้านนอก ฝนเริ่มลงเม็ดแต่ฉันยังไม่เปียก --- รอยส์และอัลเลย์คงกลับไปที่ฮอกวอตส์แล้ว และซีนกับนัตตี้อาจกำลังหลบฝนอยู่ในร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ --- แน่นอน ใครก็ตามที่มายังตรอกไดแอกอนและอายุไม่เกิน 18 ปีจะต้องแวะไปที่นั่น
ฉันกระชับผ้าคลุมให้ปิดมิดชิดอีกครั้งก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากใต้สะพาน เม็ดฝนตกกระทบลงบนผ้าคลุม ฉันไม่สนใจถึงแม้ว่าตัวจะเปียก ฉันชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นก่อนจะใช้คาถาร่ม ฉันไม่สนว่าตัวจะเปียก แต่ห่อยานั้นจะเปียกไม่ได้ และพิษของบราวน์แรคคูสอาจปนเปื้อนถ้าหากว่ามันถูกน้ำ ฉันอาจถูกจับได้ถ้าหากมีใครสังเกตเห็นว่าฉันแพ้พิษของมัน ดังนั้น --- ฉันต้องรีบกลับไปที่ฮอกวอตส์ให้เร็วที่สุด --- อย่างปลอดภัย
“ชุดของเธออยู่ในตู้แล้วนะอัล” นัตตี้บอกในขณะที่เธอใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมและเดินวนเวียนไปมารอบเตียงของเธอ และข้างๆ กันนั้น ซีนกำลังเปิดถุงช็อปปิ้งที่เปียกปอนไปครึ่งหนึ่ง เธอส่งเสียงบ่นจุกจิกเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไร
“โอ้ ขอบใจมากนะนัตตี้” ฉันบอกพลางแง้มหน้าหนังสือปิดลงโดยใช้นิ้วชี้คั่นหน้าที่อ่านค้างเอาไว้
“แล้วเธอไปไหนมาเหรอ” นัตตี้ถาม
“ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก --- แน่นอนเธอรู้ว่าฉันอยู่ที่นั่นเสมอ” ฉันบอก สบตาเธอไปด้วย
“ฉันก็คิดอย่างนั้น” แววตาของเธอสบกับฉันไม่ขยับ เธอเหมือนถูกแช่แข็ง หรือใครบางคนสาดคาถาเพ็ตตริฟิคัล โททาลัส ใส่เธอ --- แต่จะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร ครู่หนึ่งเธอหย่อนตัวลงนั่งที่เตียงของเธอ สายตายังคงจ้องมาที่ฉัน คล้ายมีบางอย่างที่ไม่เข้าที่เข้าทาง
“ฉันไปที่นั่นเพราะคิดว่าเธอจะอยู่ แต่ว่า ---” เธอพูด
“เราไม่เจอเธออยู่ที่นั่น ก็เลยกลับมา” ซีนพูดสมทบ
ฉันนิ่งเงียบ เพราะข้อแก้ตัวที่หนึ่งถูกตีจนแหลกเป็นจุณ และฉันไม่ได้คิดแผนสองเอาไว้เลย
“เราอาจคลาดกันก็ได้ ฉันแวะไปที่ร้านอายล็อปส์ด้วยน่ะ” ฉันตอบ จ้องเธอตาไม่กะพริบ ในเวลาที่ฉันกำลังโกหก ฉันมักจะจ้องอีกฝ่ายเพื่อสังเกตว่าเขาเชื่อคำโกหกของฉันหรือไม่
“อาจเป็นงั้นก็ได้ แล้ว --- ได้หนังสืออะไรมาใหม่บ้างล่ะ” นัตตี้ถามพลางสะบัดผ้าขนหนูพาดเอาไว้กับหัวเตียง ฉันเปิดหน้าหนังสือที่อ่านทิ้งไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนา ฉันมักทำอย่างนี้ในเวลาที่ไม่อยากพูดคุย
“ไม่ได้อะไรเลย --- ตอนนี้ยังมีอีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่านน่ะ” หลังจากนั้นนัตตี้ก็ไม่ถามอะไรฉันอีกเลย ---
การปิดโลกภายนอกด้วยหนังสือในมือมักใช้ได้ผลกับนัตตี้ และใครหลายๆ คนด้วย แต่ก็ยังมีคนบางประเภทที่ไม่ว่าเราจะปิดหูปิดตาหรือเลี่ยงแค่ไหนพวกเขาก็จะไม่สนใจและยังคงพูดไม่หยุด อย่างเช่น ฌอง ครั้งหนึ่งฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อไร วันนั้นเป็นวันที่อากาศดีและท้องฟ้าแจ่มใส ฉันนั่งฟังเพลงอยู่ที่ขอบบ่อของรูปปั้นน้ำพุตรงโถงทางเดิน เงยหน้ามองท้องฟ้าและรู้สึกผ่อนคลาย ในมือถือ ตำราวอนด์วู้ดส์ เขียนโดยคุณโอลิแวนเดอร์
“เบ็ธตี้ ๆ” ฌองเรียกฉันเป็นครั้งที่สาม
“มีอะไรอีก” ฉันถอดหูฟังออกและหันไปยังเขา เห็นได้ชัดว่าการอ่านหนังสือหรือฟังเพลงไม่ได้หยุดปากที่อยากจะพูดของเขาได้เลย ดังนั้นฉันคิดว่า ฉันจะฟังเขาพูดให้จบในคราวเดียวเพื่อที่ฉันจะได้เป็นอิสระหลังจากนั้น
“เธอสนใจเรื่องไม้ด้วยเหรอ” ฌองถาม
“ฉันก็สนใจทั้งนั้นถ้ามันน่าสนใจ” ฉันตอบก่อนจะก้มลงมองปกหนังสือเก่าๆ ในมือ ชื่อของคุณโอลิแวนเดอร์เป็นสีทองเงาวับ ถึงแม้ว่าปกหนังสีน้ำตาลนั้นจะถลอกไม่สวยงามแล้วก็ตามที
“เธอใช้ไม้อะไรเหรอ” เขาถาม
“อันไหนล่ะ”
“ที่เธอใช้น่ะ”
“ฉันมีสองอัน” ฉันตอบ เงยหน้าขึ้นมองเขา
“ทำไมถึงมีสองอันล่ะ”
ทำไม ทำไม อะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เป็นประโยคขึ้นต้นของฌองเสมอ ไม่ว่าคุณจะตอบอะไรไป เขาก็จะถามกลับมาว่า ทำไม และเมื่อคุณอธิบายเหตุผล เขาก็จะถามต่อว่า ทำไม หรือ เพราะอะไร ไม่จบไม่สิ้น
“ของมรกดกตกทอด แล้วก็ --- อีกอันฉันซื้อจากร้านคุณโอลิแวนเดอร์” ฉันตอบ
“แล้วทำไมเธอถึงต้องซื้อใหม่ล่ะ อันเดิมพังเหรอ” โอ้ย --- ทำไมต่อจากคำถามข้างต้น
“ไม่ใช่หรอก --- ไม้อันเก่ามันใช้งานไม่ค่อยได้อย่างใจฉันเท่าไหร่" ฉันตอบและรอฟัง ทำไม ต่อจากคำถามข้างตาม
“ทำไมล่ะ” เขาถาม อย่างที่คาดการเอาไว้ ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
“ให้พูดก็คงยาก นายลองดูเองก็แล้วกันนะ” ฉันล้วงมือหยิบไม้กายสิทธิ์เจ้าปัญหาที่ซุกอยู่ใต้ผ้าคลุมส่งให้กับเขา และพยายามอย่างมากที่จะไม่เผยรอยยิ้มน่าสงสัยออกมา ฌองรับไม้จากมือของฉันและจ้องมองดูมันด้วยสายตาสังสัยใคร่รู้ ฉันหายใจลึกๆ เพื่อกลั้นยิ้มอีกครั้งก่อนจะตบไหล่เขาเบาๆ
“ลองดูสิ เอาเป็นเอ็กซ์เปเรียมัสก็ได้ --- เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นไหม เล็งไปที่เขาเลย” ฉันชี้ไปยังนักเรียนบ้านฮัฟเฟอร์พัฟที่กำลังถือไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาวิงการ์เดี้ยมใส่ขนมพายสับปะรดของเขาอยู่
“แต่ว่า มันจะดีเหรอ” ฌองถามด้วยหน้าตาตื่น
“ดีสิ่ แค่ปลดไม้จากมือเขาเอง ไม่ทำให้เขาเจ็บสักหน่อย” ฉันบอก พยายามอย่างมากที่จะไม่หัวเราะ
“แต่ว่า ---”
ฉันตบไหล่เขาหนักๆ อีกหนึ่งครั้งก่อนจะพยักหน้า เขาจึงพยักหน้าตามและหันไปยังเป้าหมาย มือที่ถือไม้ค่อยๆ ยกขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ครู่เดียวเขาก็สะบัดข้อมือและว่าคาถา
“อ -- เอ็กสเปเรียมัส!” เสียงสะบัดไม้ดังวิ้บ และไม้กายสิทธิ์กระเด็นหลุดจากมือของฌอง ปลายด้ามกระแทกเข้าที่ปลายคางของเขาอย่างจัง มิหนำซ้ำแรงถีบมหาศาลของคาถาที่ถูกปฏิเสธก็ผลักเขากระเด็นหงายหลังจากขอบที่นั่งของบ่อน้ำพุ ฉันได้ยินเสียงตูมใหญ่ของน้ำหลังจากที่ฌองกระเด็นตกลงไปราวถูกถีบ ไม้เจ้าอารมณ์ลอยคว้างกลางอากาศ ฉันเอื้อมมือรอและรับมันเอาไว้
“ก็ --- ทำนองนี้แหละ” ฉันบอก
คราวนี้เขาจะได้เลิกตั้งคำถามเสียทีว่า ทำไม ฉันจึงต้องซื้อไม้อันใหม่จากร้านคุณโอลิแวนเดอร์
เมื่อถึงเวลาที่นัตตี้และซีนต้องออกไปจากห้องพักเพื่อไปรวมกันที่ห้องอาหาร ฉันจึงบอกให้พวกเขาล่วงหน้าไปก่อน และหลังจากบานประตูปิดลง ฉันดึงเอาห่อยาที่ซุกซ่อนไว้ในผ้าคลุมเพื่อตรวจเช็กดูว่ามันยังอยู่ดีและปราศจากการปนเปื้อนใดๆ ห่อกระดาษมีรอยเปียกชื้นแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่ได้เปียกไปถึงสิ่งของด้านใน และขวดแก้วบรรจุสารพิษก็ยังคงปิดสนิทดี ฉันก้มลงใต้เตียงเพื่อหยิบหีบเหล็กใบขนาดย่อมขึ้นมาวางบนตัก จากนั้นมองรอบๆ ตัวอีกทีเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครอยู่แถวๆ นี้
ฉันหยิบไม้กายสิทธิ์และกวัดแกว่งปลายไม้เบาๆ กล่องถูกปลดล็อกและอ้าออก ภายในเด้งเอาชั้นวางของเล็กๆ มากมาย หลอดแก้วเรียงรายเป็นระเบียบ กระดาษจดสูตรยาสารพัดถูกเหน็บเอาไว้ที่ฝาด้านในของกระเป๋า และหนึ่งในบรรดากระดาษเหล่านั้น ภาพถ่ายของนักเรียนบ้านสริธีรินที่ถูกฉีกออกจากหน้าหนังสือรุ่นถูกติดเอาไว้ด้วยเช่นกัน ฉันหยุดและจ้องมองใบหน้าขนาดเท่านิ้วก้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บวัตถุดิบที่ซื้อมาใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง
‘คริสต้าร์ ครีดส์’ ถัดลงมาจากรูปถ่ายนักเรียนบ้านสริธิรินคนนั้น มีกระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือของฉันเองอย่างรีบๆ ฉันจ้องมอง
‘ไม้อาเคเซีย ---- โดยโอลิแวนเดอร์’
และนั่นทำให้ฉันนึกถึงครั้งแรก ที่ฉันไปยังร้านของคุณโอลิแวนเดอร์ ครั้งแรกที่ฉันได้ข้อมูลบางอย่าง เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับตัวฉัน และเบาะแสของ....
คริสต้าร์ ครีดส์
....
ความคิดเห็น