คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Sherlock 2 : The letters
“ คราวนี้จะบอกได้หรือยังว่าคุณเป็นใคร ” จอห์นเอ่ยถาม
หญิงสาวแปลกหน้าคุดคู้อยู่บนโซฟา รอบกายเธอมีผ้าห่มหนาห่อหุ่มจนโผล่พ้นเพียงแค่ใบหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สองสามชั่วโมงก็แล้วหลังการตื่นของเธอ เธอยังคงไม่พูดไม่จากับใครทั้งสิ้น
" อะไรคือ 231 " เชอร์ล็อกเอ่ยถาม
เจ้าหนุ่มอัจฉริยะสวมชุดสูทสีน้ำเงินกรมราวว่าจะไปออกงานที่ไหน เขาเดินวนเวียนไปมาอยู่ในห้อง สองมือพนมแตะที่ริมฝีปาก บางครั้งเขาเหลือบมองไปยังหญิงสาว บางครั้งเขาก้มลงจรดสายตาที่พื้นห้อง อากัปกริยาเช่นนี้จอห์นรู้ดีว่าเชอร์ล็อกกำลังใช้ความคิดและหมกมุ่นอย่างมาก
" มันอยู่ในกระเป๋าเธอ " เขากล่าวเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้อง ที่ขอบเตาผิงเขากำด้ามมีดสั้นก่อนจะกระชากมันออกจากเนื้อไม้ กระดาษใบเล็กๆหลุดติดปลายมีดออกมาเขาจึงดึงมันและมองอย่างพิจรณา บนเศษกระดาษนั้นมีเพียงตัวเลขสามตัว '231' ถูกเขียนด้วยปากกาหมึกอย่างดี --- เบาะแสต่างๆมักถูกเขาปักเอาไว้ตรงนี้ รวมถึงเบาะแสชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน
" ถ้าคุณไม่พูดอะไรสักอย่างเราคงช่วยคุณไม่ได้หรอกนะ " จอห์นกล่าวอย่างเบื่อหน่าย
" คือเขา " หญิงสาวเอ่ยขึ้นในที่สุด
สองหนุ่มหันมองไปที่เธอ ดวงตาคู่สวยเผยให้เห็นเพียงเล็กน้อย และส่วนอื่นๆของร่างกายถูกปิดมิดชิดด้วยผ้าห่ม มองเผินๆ ละม้ายว่าเธอเป็นเพียงกองผ้ารกๆที่ถูกวางบนโซฟาเท่านั้น
" ว้าว~ พูดได้ด้วย " เชอร์ล็อกใช้น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าใครก็ตามที่รู้จักเขาดีจะรู้ว่านั่นคือการจิกกัดทางวาจา
" คือเขา ? " จอห์นเอ่ยถามทวนคำ
" คือคนที่ส่งเธอมาที่นี่ --- แล้วทำไมเขาต้องส่งเธอมาที่นี่ " เชอร์ล็อกถามขึ้นทันควัน
" ฉันไม่รู้ว่าพูดได้มากแค่ไหน ฉันเป็นเบาะแสเขาบอกมาแค่นี้ " เธอตอบ และยิ่งกระชับผ้าห่มแน่นขึ้น
" เขาคือใคร " เชอร์ล็อกถาม เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบ
" เคยเห็นหน้าเขาไหม " เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบ
" เคยได้ยินเสียงรึเปล่า " เธอพยักหน้า
" ผู้หญิง หรือผู้ชาย "
" ผู้ชาย " เธอตอบ
เชอร์ล็อกวกกลับมาหาเธอ ในมือของเขายังคงกำเศษกระดาษเอาไว้ ครู่หนึ่งเขาก้มลงเท้าแขนที่พนักพิงของเธอและจ้องหน้าเธอราวจะมองให้ทะลุปรุโปร่งไปถึงความจริงแท้ หญิงสาวเอนตัวพิงพนักคล้ายจะหนีจากสายตาที่ดูลุกล้ำจนเกินเหตุ
" พนันได้ว่าหมอนี่ต้องเป็นพวกคนมีเงิน แถมแฟชั่นจัดเสียด้วย " เชอร์ล็อกกล่าว จ้องเธอตาไม่กะพริบ
" หรือไม่ก็เป็นเกย์ " เขากล่าวก่อนจะยกแผ่นกระดาษในมือขึ้นดมพร้อมเบ้หน้าชวนสงสัย
" เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก " เธอบอก
" เธอคือเบาะแสนี่ ถ้างั้นก็ให้เบาะแสมาเสียสิ "
หลังคำพูดของเขา เธออึกอักเหมือนจะพูดบางอย่างก็เงียบไป
" ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ช่วยถอยไปหน่อยฉันจะรู้สึกขอบคุณมาก " เธอบอก
เชอร์ล็อกยังคงอยู่ในท่าทีเดิมครู่หนึ่ง เขาจึงค่อยๆ ถอยห่างจากเธอ เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามเธอแต่ยังไม่ยอมละสายตา ทว่ากลับคาดคั้นยิ่งขึ้น
" เขาบอกให้ฉันมาที่นี่ มาหาคุณ เชอร์ล็อก " เธอเริ่มพูด และเห็นได้ชัดว่าเธอเก็บงำความหวาดกลัวเท่าไร
" เมื่อหลายเดือนก่อนมีจดหมายส่งถึงฉัน เป็นจดหมายจากคนที่ฉันไม่รู้จัก ที่หน้าซองจ่าผู้ส่งว่า 231 แล้วข้างในก็มีมรณะบัตรของฉันแนบมาด้วย --- " เธอบอก ก้มหน้าลงและเริ่มเงียบ
" มรณะบัตรเหรอ " จอห์นเอ่ยถามทวนคำด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง
" ของปลอม มันขู่เธอ --- แล้วยังไงต่อ " เชอร์ล็อกตอบจอห์นอย่างส่งๆ และตั้งคำถามอย่างทันใด
" ฉันคิดว่ามันเป็นการแกล้งกัน อาจเป็นใครก็ได้ ฉันไม่รู้ แต่หลังจากนั้นก็มีจดหมายฉบับอื่นส่งมา --- มีรูปถ่ายฉันตอนเดินบนถนน มันเป็นภาพแอบถ่ายฉันไม่รู้เลยว่าใครทำ มีรูปฉันตอนอยู่ในห้องด้วย มันถูกถ่ายจากข้างนอกหน้าต่าง และมีข้อความส่งมาทางมือถือ ลงชื่อว่า 231 " เธอบอก
" มันทำอะไรคุณ " เชอร์ล็อกถาม
เธอก้มหน้าลงเหมือนว่าเธอไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้
" มันต้องทำอะไรใช่ไหม ไม่งั้นคุณคงไม่วิ่งเต้นทำตามที่มันสั่งหรอก --- มันทำอะไร " เขาถามซ้ำ
เธอพยักหน้า ฟันขาวเรียงสวยขบริมฝีปากก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา หากแต่มันยังไม่มากพอที่จะไหลรินอาบแก้ม นัยน์ตาสีฟ้าของเขาและเธอสบกัน ความเงียบบรรเลงคล้ายเธอจงใจบอกว่าเธอไม่อยากพูดถึงเรื่องเหล่านี้เท่าไร ทว่าสุดท้ายแล้วริมฝีปากเธอก็เอื้อนเอ่ยในที่สุด
ฉันเดินออกไปที่หน้าประตูในเวลาเช้าตรู่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่ตู้จดหมายมีกระดาษและซองมากมายถูกยัดเอาไว้ ตั้งสามวันแล้วที่ฉันไม่ได้เปิดดู เมื่อเปิดดูด้านในมีจดหมายจากเพื่อนที่ชมรมดนตรี และการ์ดเชิญไปงานแต่งของศิลปินเขียนภาพที่ฉันรู้จักเข้าโดยบังเอิญเมื่อหลายปีที่แล้ว ทว่าหนึ่งในซองเหล่านั้นมีจดหมายที่ไม่ได้จ่าหน้าผู้ส่งปนอยู่ด้วย มีเพียงตัวเลข 231 เท่านั้นที่ปรากฎอยู่บนหน้าซอง
ฉันพลิกดูพลางเดินเข้าบ้าน โยนซองจดหมายทั้งหมดลงบนโต๊ะอาหารเว้นแต่ซองที่ไม่ได้จ่าหน้า เมื่อเปิดดูด้านในฉันพบใบมรณะบัตรของตัวเอง --- นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ รู้ตัวอีกทีฉันก็ทิ้งมันลงบนพื้นแล้ว ในสมองสับสน เกิดความกลัวและความไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามฉันตัดสินใจโทรแจ้งตำรวจ
หลายชั่วโมงผ่านไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มากดกริ่งที่หน้าบ้านของฉัน
" เป็นอย่างไรบ้างครับคุณผู้หญิง " นายตำรวจเอ่ยถาม
" รู้สึกไม่ดีเลยค่ะ นี่คือจดหมายที่ว่า " ฉันบอกพลางส่งซองจดหมายและใบมรณะบัตรให้แก่เขา
" ใครกันเล่นแบบนี้ " นายตำรวจบอก พลิกซองจดหมายและตรวจสอบใบมรณะบัตรด้านใน
" คงเป็นของปลอมจริงๆ อย่างไรผมขอเก็บไว้เป็นหลักฐานก็แล้วกันครับ "
" ค่ะคุณตำรวจ " ฉันตอบ
เมื่อตำรวจกลับไป ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยตลอดเวลา จนกระทั่งหลายวันให้หลังฉันเริ่มนอนละเมอผวาจากฝันร้ายอยู่บ่อยๆ บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังตามฉันในยามที่ฉันเดินอยู่บนถนน หรือบนทางเปลี่ยวตอนกลางคืน ฉันเคยแม้กระทั่งรีบร้อนโทรหาเพื่อนร่วมงานเพียงเพราะตกใจเงาปริศนาที่วูบวาบตามฉัน
" ฉันว่าเธออาจถูกความเครียดเล่นงานก็ได้นะ " เพื่อนของฉันบอกผ่านสายโทรศัพท์
" ก็คงใช่ ฉันทนไม่ไหวแล้ว " ฉันบอก
" ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูไหม เผื่อว่าอะไรมันอาจจะดีขึ้น " เพื่อนของฉันแนะนำ
เมื่อวางสายฉันได้แต่ช่างใจว่าควรทำอย่างไร จนในที่สุดฉันตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ เพราะฉันอาจมีความวิตกกังวลจนเกินเหตุ ซึ่งผลมันก็ออกมาเป็นเช่นนั้น จิตแพทย์ของฉันบอกว่าฉันมีความเครียดและเกิดการฝังใจจากจดหมายประหลาด ดังนั้นเรื่องทั้งหมดคือ ฉันคิดไปเอง
น่าเสียดายที่แม้แต่จิตแพทย์ก็ยังช่วยฉันไม่ได้
เช้าวันหนึ่งก่อนที่ฉันจะออกไปส่งงานให้ลูกค้า ฉันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติที่ตู้จดหมาย มันมีกลิ่นเหม็นเน่าแปลกๆ ในตอนแรกฉันคิดว่าอาจมีหนูหรือนกเข้าไปติดอยู่ข้างในก็ได้ เมื่อเปิดดูฉันพบว่ามันไม่มีสิ่งใดตายอยู่ในนั้น มีเพียงซองจดหมายสีคุ้นตาและตัวเลข 231 จ่าที่หน้าซอง ---
ฉันไม่ได้คิดไปเอง
ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่สติแตก หรืออะไรทำนองนั้น เมื่อเปิดดูภายในพบข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาว่า ' ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน วันพรุ่งนี้เราไปดินเนอร์กันดีไหม ' นี่มันอาจเป็นเกมส์ปั่นประสาท หรือใครบางคนอาจแกล้งฉันก็ได้ มันไม่มีที่อยู่ผู้ส่ง ไม่มีชื่อ หรือวันที่ระบุ มันไม่ได้ถูกส่งโดยผ่านกระบวนการทางไปรษณีย์ แต่มีใครบางคนเอามันมาใส่ในตู้จดหมายของฉันโดยตรง
วันรุ่งขึ้นมีซองจดหมายที่จ่าหน้าด้วยเลข 231 ในตู้จดหมาย และภายในเป็นภาพถ่ายของฉันกำลังทานมือค่ำอยู่ลำพังภายในบ้านพัก มันเป็นภาพที่ถูกถ่ายจากนอกหน้าต่างห้องครัวเมื่อคืน ฉันจำได้เพราะเสื้อผ้าที่ฉันสวมในภาพนั้น คือชุดที่ฉันสวมเมื่อคืน ! ด้านหลังภาพถ่ายมีข้อความถูกเขียนด้วยปากกาเช่นเดิมว่า ' เหงาไหม ? ' หลังฉันได้อ่านข้อความ ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร มันเป็นความหวาดกลัวปนรังเกียจอยู่ข้างใน ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำอย่างนี้คงต้องเป็นโรคจิตแน่ แต่คราวนี้ฉันไม่ได้แจ้งตำรวจเพราะหลายๆคนเริ่มมองว่าฉันบ้า ทั้งที่ฉันไม่ได้บ้าเลย
ฉันยังคงไปพบจิตแพทย์ จนกระทั่งฉันได้รับจดหมายฉบับที่สี่ คราวนี้มันต่างออกไปเพราะจดหมายถูกวางบนโต๊ะอาหารภายในบ้านพักของฉัน --- ไอ้โรคจิตนั่นมันเข้ามาในบ้านของฉัน
ภายในซองยังคงเป็นกระดาษและหมึกสีเดิม ลายมือก็ยังเป็นคนเดิม มันเขียนเอาไว้ว่า ' ที่รัก ผมมีเกมส์แสนสนุกมาให้คุณเล่น วันพรุ่งนี้จงสวมชุดสีแดง ผมรู้ว่าคุณมีชุดสีแดงที่รัก ผมเห็นมันและชอบมันมากเสียด้วย ' หลังอ่านข้อความจบฉันขยำกระดาษและปามันทิ้งไป จากนั้นโทรเรียกตำรวจ
" มันคงเป็นจดหมายจากพวกโรคจิต อย่างไรผมก็ขอเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานก่อนนะครับ "
" แต่มันเข้ามาในบ้านของฉันนะคะคุณตำรวจ ! " ฉันบอก
" อาจมีใครหยิบมันเข้ามาก็ได้ครับ คุณแน่ใจแล้วหรือ " เขาถาม
" ฉันอยู่คนเดียวนะคะ ! จะมีใครเอาเข้ามาอีก มีแค่ฉันเท่านั้นแหละค่ะ ! "
" หรือบางทีคุณอาจจะลืมว่าคุณหยิบมันเข้ามาก็ได้นะครับ "
หลังจากนั้นฉันหยุดพูด --- และไล่ให้พวกเขาออกไป ไม่ว่าใครก็หาว่าฉันเพี้ยนไปเสียหมด ก่อนที่พวกเขาจะไป ถึงเขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่สายตาเหล่านั้นบ่งบอกว่าเขาสงสัยว่าฉันเป็นบ้า
วันรุ่งขึ้นฉันไม่ได้สวมชุดสีแดง
วันถัดมาฉันกลับมาที่บ้านหลังออกไปส่งงานให้กับลูกค้าเสียจนดึกดื่น --- ประตูบ้านของฉันไม่ได้ล็อก ทั้งที่ฉันมั่นใจว่าฉันล็อกประตูบ้านแล้วแน่ๆ และเมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านฉันต้องถือมีดทำครัวเอาไว้ในมือตลอดเวลาเหมือนเป็นคนบ้าเสียสติที่ต่อสู้กับความหวาดกลัวของตัวเอง ฉันไล่เปิดประตูห้องทีละบาน ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นจนกระทั่งมาถึงห้องนอนของฉัน
เมื่อฉันผลักบานประตู หัวใจฉันเต้นระรัว มือไม้สั่นไปหมด ฉันกวาดสายตามองและไม่มีสิ่งใดดึงดูดสายตาของฉันได้มากไปกว่ากองเลือดที่ชุ่มโชกบนเตียงนอนของฉัน และบนกำแพงถูกเขียนด้วยเลือดว่า ' ผมบอกให้สวมชุดสีแดง ' ฉันไม่ได้กรีดร้องออกมาเลยคุณรู้ไหมคะ ฉันไม่แม้แต่จะอ้าปากด้วยซ้ำ ฉันรีบตรงไปยังโทรศัพท์เพื่อจะโทรแจ้งตำรวจ และพบว่าสายโทรศัพท์ถูกตัด จากนั้นไฟฟ้าก็ถูกตัด ---
ทุกอย่างกดดันให้ฉันเป็นบ้า ฉันวิ่งอยู่ในความมืดไปที่ประตูและมันถูกล็อคจากข้างนอก หน้าต่างที่ชั้นหนึ่งทุกบานถูกปิดจากข้างนอก ฉันถูกขังอยู่ในบ้านของตัวเอง
ในตอนที่ฉันกำมืดทำครัวเอาไว้ในมือและเบิกตาโพรงมองไปรอบๆ หวาดกลัวจนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ฉันเริ่มร้องไห้ออกมาและมีเสียงข้อความโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฉันจึงนึกขึ้นได้ว่าฉันยังมีโทรศัพท์มือถืออยู่ ทว่าเมื่อหยิบมันขึ้นมาด้วยความร้อนรน ฉันเห็นข้อความจากผู้ส่งที่ฉันไม่อยากรู้จักปรากฎเด่นชัด
สวมชุดสีแดงเสีย ที่รัก
- 231
มันมีตัวตนจริง และตลอดเวลามันตามดูฉัน ฉันปิดข้อความทิ้งไปก่อนจะต่อสายหาตำรวจ ทว่ามีข้อความดังแทรกเข้ามาอีกครั้ง
ถ้าแจ้งตำรวจ พวกเขาจะมาภายใน 10 นาที แต่ผมจะถึงตัวคุณภายใน 1 นาที่รัก ไปสวมชุดสีแดงเสีย แล้วผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บปวด
- 231
ฉันกำโทรศัพท์เอาไว้ในมือ และฉันรู้ว่ามันสามารถมาถึงตัวฉันภายใน 1 นาทีได้ นี่ไม่ใช่คำขู่ มันอาจอยู่ในบ้านฉันแล้วก็ได้ และแน่นอนว่ามันรับรู้ทุกการกระทำของฉันดังนั้นฉันจึงทำตามที่มันสั่ง
สวยมากที่รัก วันพรุ่งนี้ผมจะเปิดประตูให้ และขอจงรู้เอาไว้เมื่อใดก็ตาม
ที่คุณคิดจะขัดขืน หรือออกนอกลู่นอกทาง ผมจะถึงตัวคุณภายใน 1 นาที
- 231
" โรคจิตชะมัด " จอห์นกล่าวหลังจากได้ฟังเรื่องราวที่เธอเล่า
" มันทำมานานเท่าไหร่แล้ว " เชอร์ล็อกถาม
" ราวๆสามเดือนได้ "
" เดี๋ยวก่อนนะ นี่คุณปล่อยให้ไอ้โรคจิตนั่นปั่นประสาทอยู่สามเดือนเชียว " จอห์นเอ่ยถาม
หญิงสาวพยักหน้ารับ เธอดึงผ้าห่มออกห่างจากตัวเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองร่างกายของตัวเองและจบด้วยการมองไปรอบๆห้อง
" เสื้อผ้าของฉันล่ะ " เธอถาม
" อากาศชื้นขนาดนี้ ยังไม่แห้งหรอก " เชอร์ล็อกตอบ
" แล้วทำไมคุณต้องช็อตตัวเองด้วย " จอห์นตั้งคำถาม หรี่ตามองที่เธอ
" มันเป็นคำสั่งน่ะ " เธอตอบ
" รวมไอ้พวกรอยวิตถารนั่นด้วยไหม " เชอร์ล็อกถาม
" เลิกถามเสียทีเถอะค่ะ ! ฉันต้องหาอะไรสวมก่อน คุณพอจะมีเสื้อผ้าให้ยืมบ้างไหม " เธอว่าด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง มือกระชับผ้าห่มแน่น
จอห์นถอนหายใจพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปหาเสื้อผ้าที่เธอพอจะสวมได้ ในขณะที่เชอร์ล็อกยังคงจ้องเธอไม่วางตา ปริศนามากมายเหมือนจะลอยอยู่ในอากาศทั้งจดหมายจากชายโรคจิต และเลือดบนที่นอนของหญิงสาวแปลกหน้า ไหนเลยจะเรื่องที่เธอยอมช็อตตัวเองจนสลบด้วยคำสั่งของชายผู้ไม่เคยพบหน้า
" ชื่อของเธอเป็นส่วนหนึ่งของคดี หมายความว่าไง " เชอร์ล็อกตั้งคำถาม เขายกมือขึ้นพนมและจรดปลายนิ้วที่ริมฝีปากดั่งเช่นทุกครั้งที่ใช้ความคิด
" เชอร์ล็อก ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนว่า 231 จะถูกใจคุณเหลือเกิน เขาเจาะจงฉันให้มาหาคุณ ทำแบบนี้กับคุณ และฉันคงพูดได้เลยว่าที่เขาเข้ามาพัวพันกับฉันก็เป็นเพราะคุณด้วย ! " เธอบอก สายตาเธอกล่าวโทษเขาอย่างเต็มประดา จอห์นเดินกลับมาที่โซฟาพลางส่งเสื้อเชิตสีขาวให้เธอตัวหนึ่ง สาวน้อยเอื้อมมือรับอย่างรีบร้อน ดูเธอก็มีความเขินอายอยู่ไม่น้อยกับร่างกายเปลือยเปล่าแม้จะมีผ้าห่มหน้าคลุมมิดชิด ในขณะเดียวกันเชอร์ล็อกเริ่มส่งสายตาตั้งคำถามใส่จอห์นเสียยกใหญ่
" เธอสวมกางเกงของเราไม่ได้แน่ นายตัวสูงกว่า ฉันคิดว่าเสื้อนายคงยาวพอดี " จอห์นตอบ
" งั้นเหรอ " เชอร์ล็อกว่า
หญิงสาวมุดตัวลงในผ้าห่ม จากนั้นกองผ้าก็ขยับยุกยิก จอห์นเดินกลับมายังที่นั่งของเขาตามเดิม ในขณะเดียวกันเชอร์ล็อกโยนเศษกระดาษในมือลงบนโต๊ะ
" ถ้าไม่บอกชื่อ งั้นจะให้เราเรียกคุณว่าอะไร " จอห์นเอ่ยถาม
" คริสติน คูนิส " เชอร์ล็อกตอบ
หญิงสาวโผล่ศรีษะพรวดออกจากกองผ้าห่มจ้องมองไปยังชายหนุ่มผู้เอ่ยชื่อของเธอได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ดวงตาของเธอหรี่ลงเหมือนจะตั้งคำถามขนาดเล็กๆ
" ฉันยังไม่ได้บอกคุณเลยนี่ รู้ได้ไง " เธอถาม ผ้าห่มยังคงขยับ เขาจึงเดาได้ว่าเธอกำลังพยายามติดกระดุม
" ผ้าเช็ดหน้า --- เป็นของที่สั่งทำมาอย่างดี มีชื่อปักอยู่บนนั้นว่า คริสติน คูนิส ไม่ใช่ของที่จะทำเอาไว้ใช้เอง คิดว่าคงมีใครให้เธอเป็นของขวัญ ฉันพูดถูกไหม " เขาถาม
" อย่างนี้เอง ฉันคิดว่าเขาคงหลงรักคุณเพราะแบบนี้แน่ " คริสตินกล่าว
เชอร์ล็อกไม่พูดอะไรต่อ และรอจนกระทั่งเธอสวมเสื้อผ้าจนเสร็จ
" 231 ให้ฉันมาพบคุณและให้บอกข้อมูลบางอย่างกับคุณ ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่ฉันคงเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น นี่คือที่ฉันรู้ --- อ้อ แล้วที่ฉันไม่บอกข้อมูลของตัวเองมากนัก ก็เพราะถูกสั่งมา เขาบอกให้คุณเป็นคนพูดเองและถ้าคุณเดาถูก ฉันจะสามารถบอกข้อมูลอื่นๆต่อไปได้ " เธอบอกพร้อมกันนั้นก็ดึงผ้าห่มออกจากตัวและคลุมเข่าเอาไว้ เธอซุกมือในผืนผ้าเพื่อหลบอากาศเย็นชื้นและเริ่มส่งเสียงคัดจมูก
" คุณทำงานเป็นจิตกรหรือไม่ก็พวกงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ มีรอยสีอคิลิกอย่างดีติดอยู่ที่ชายกระโปรงชุดนอนของคุณ ไม่ใช่งานอดิเรกเพราะคุณบอกออกไปส่งงานให้กับลูกค้าบ่อยๆดังนั้นน่าจะเป็นอาชีพหลัก คุณเล่นดนตรีเดาว่าเป็นเครื่องสายที่ต้องใช้นิ้วมือในการกด ปลายนิ้วมือ และด้านข้างของนิ้วชี้ข้างซ้ายของคุณถึงด้าน และคุณตัดเล็บมือข้างซ้ายทั้งหมดแต่มือขวายังไม่ได้ใส่ใจจะตัด ดังนั้นมันคงเป็นเครื่องสายที่ใช้มือซ้ายจับสายและมือขวาบรรเลง ไม่ใช่ไวโอลินเพราะไวโอลินไม่จับสายด้วยนิ้วชี้ทั้งนิ้วแบบนั้น และดูรวมๆมันต้องเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถเล่นคนเดียวได้ เพราะมือของคุณด้านมากแปลว่าต้องฝึกฝนบ่อย การจะไปชมรมทุกวันคงลำบากแย่ --- เครื่องสายที่เล่นคนเดียวได้ สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ใช้นิ้วชี้ทั้งนิ้วและปลายนิ้วเพื่อจับสาย และมืออีกข้างสำหรับบรรเลง --- กีต้าร์ --- คุณไม่เคยแต่งงานแต่เคยมีแฟนที่รักกันมาก แหวนที่มือของคุณมีรอยสลักด้านในเป็นอักษร J&C มันถูกย้ายไปที่ข้างขวา แต่บางครั้งคุณก็สวมมันที่ข้างซ้าย มันยังมีรอยถอดเข้าๆออกๆ และแหวนสะอาดมากคุณคงใส่มันตลอดเวลา มันไม่ใช่แหวนมีราคาดังนั้น ไม่ใช่แหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน แต่เป็นแหวนที่ให้แบบไม่จริงจังนัก และคุณคงเลิกกับเขาไปแล้วแน่ๆ เพราะไม่งั้นคุณคงไม่ต้องวิ่งโล่มาหาผมถึงนี่ --- เอาล่ะ ทีนี้ก็คายข้อมูลออกมาได้แล้วคริสติน " เชอร์ล็อกกล่าวเป็นชุดจนดูเหมือนไม่ได้พักหายใจ
หลังได้ฟังข้อสันนิษฐาน ก็ดั่งเช่นคนทั่วไปที่ได้แต่อึ้งตะลึงงันกับคำพูดเหล่านั้น จอห์นส่งเสียงหัวเราะแผ่วลมในขณะที่เห็นอากัปกริยาของคริสติน ภาพเหล่านี้ช่างชินตาเขาเสียจริง
" เชอร์ล็อก --- " เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคล้ายฉายแววลังเลอ่อนไหว
" นี่คือเกมส์และมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานของคุณและเขา ฉันไม่มีสิทธ์จะทำอะไรทั้งสิ้นนอกเสียจากเดินตามเกมส์ของพวกคุณสองคน --- เชอร์ล็อก มีเพียงคุณเท่านั้นที่ช่วยฉันได้ --- ได้โปรด ช่วยฉันที "
น้ำเสียงของเธออ้อนวอนเหลือคนา ดวงตาเธอจับจ้องแต่เขา ชายผู้เป็นที่พึ่งและทางรอดเดียวเท่านั้น เมื่อสัญญานแห่งหายนะส่งเสียงเตือน เธอมองหามันด้วยดวงตาชินชาคล้ายว่ามันไม่อาจทำให้เธอหวาดกลัวได้อีกแล้ว เธอขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา ผ้าห่มหลุดร่วงลงกองแทบเท้า ร่างกายเธอเดินไปยังเสียงเรียกนั้นอย่างเชื่องช้าไร้อารมณ์ โทรศัพท์ของเธอวางอยู่บนโต๊ะที่รกไปด้วยกระดาษและหน้าหนังสือพิมพ์ เสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ไฟบนหน้าจอส่องแสงจ้า ปรากฎข้อความแก่สายตาของเธอ
คุณชอบเขาไหม ? ผมหวังว่าคุณจะสนุกกับ 'เพื่อนเก่า' ของผมนะที่รัก
- 231
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ท่าประจำของเชอร์ล็อก
ความคิดเห็น