ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The Witchcraft Alphabet

    ลำดับตอนที่ #13 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๑๓ : คณะผู้คุมกฎ และ ศัตรูอย่างเป็นทางการ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 66


    บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๑๓

    คณะผู้คุมกฎ และ ศัตรูอย่างเป็นทางการ
     


     


     


     

     

    " ให้ตายสิ เมื่อวานเธอหายไปไหนมาทั้งคืน ! "

    นัตตี้ถามพร้อมวางหนังสือปึกใหญ่ลงบนโต๊ะ ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่เธอครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อไป

    " ออกไปเดินเล่นน่ะ " ฉันตอบ

    " ทั้งที่เรามีเรื่องกันขนาดนั้น แต่เธอออกไปเดินเล่นงั้นเหรอ " น้ำเสียงของเธอขุ่นเคือง

    เธอทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างฉัน และฉันรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมอง นั่นทำให้ฉันหยุดอ่านและปิดหน้าหนังสือลงในที่สุด --- นัตตี้อาจเป็นผู้หญิงที่น่ารักและอ่อนหวานก็จริงอยู่ แต่ในบางเวลา เธอไม่ไม่เป็นอย่างนั้น
     

    " ไม่เอาน่านัตตี้ --- เธอต้องการอะไรเนี่ย " ฉันถาม นัตตี้เงียบไปครู่หนึ่ง เธอยังคงจ้องมองฉันด้วยแววตาผิดหวัง ฉันรู้สึกได้ มันเป็นความกดดันขนาดพันตันที่ทับฉันจนแทบดิ้นตาย

    " ---- นัตตี้ --- โอเค ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ "

    " อัลลี่ ฟังนะ ฉันไม่สนว่าเธอจะอยากไปเดินเล่น หรือว่าเธอมีปัญหาอะไร แต่เราเพิ่งเจอเรื่องแย่ๆ แล้วเธอก็อาการไม่ดี เธอเล่นหายไปโดยไม่บอกใครเลย ! --- รู้ไหมว่าพวกเราเป็นห่วงกันมากแค่ไหน ! เมื่อคืนฉันกับอัลเลย์ออกไปตามหาเธอทั้งคืน --- ย้ำว่าทั้งคืน และเราเพิ่งกลับมาถึงที่นี่ตอนตี 5 เรากลับไปที่ร้านเบียร์ในฮ็อกส์มี้ด 2ครั้งแต่ก็ไม่เจอเธออยู่ที่นั่น จนเราเกือบทะเลาะกับเจ้าของร้านอีกรอบด้วยซ้ำ " เธอโพร่งออกมาในคราวเดียว

    มันเป็นความผิดของฉัน อย่างไร้ข้อโต้เถียง

    " ฉันขอโทษนัตตี้ --- ฉันหมายถึง ฉันขอโทษจริงๆ " ฉันบอกเธอ

    " เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว --- ให้ตายสิ่ ฉันจะไปดูซีนเสียหน่อย " เธอบอกก่อนจะลุกพรวดและเดินออกไป

    ฉันยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมในห้องโถงใหญ่ เมื่อคืนฉันนั่งคุยกับฌองที่ผาเดียวดายเกือบทั้งคืน หลังจากนั้นเราก็เดินไปตามถนนด้วยกัน ทั้งๆที่หิมะกำลังตก แต่ดูเหมือนว่าฌองจะเป็นปะเภทชอบเดิน ฉันไม่แปลกใจเลยที่อัลเลย์กับนัตตี้จะหาพวกเราไม่เจอ เพราะแม้แต่ตัวฉันเองก็เดินไปในจุดที่ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะไป ---

    เรากลับมาที่ฮอกวอตส์ตอน 6 โมงเช้า ฌองกลับไปที่หอพักของเขา และฉันกลับไปที่ห้องพักก็ไม่พบใครอยู่เลย ดังนั้นฉันจึงมาที่ห้องโถงใหญ่ นั่งเงียบๆให้ชินต่อสายตาของผู้คน พวกนั้นยังคงพูดถึงเรื่องข่าวลือของฉันไม่หยุด ฉันนึกไม่ออกเลยว่าถ้ามีใครรู้เรื่องที่ฉันออกไปตะลอนกับฌองเมื่อคืน มันจะกลายเป็นข่าวประเภทไหนอีก

    " เธออยู่นี่เองเหรอ " เสียงใครบางคนที่คุ้นหูทักทาย

    " แกรี่ " ฉันเงยหน้ามองก่อนจะขานรับ

    " หายไปไหนมา " เขาถาม

    " แล้วทำไมนายถึงรู้เรื่องได้ล่ะ " ฉันถามกลับ แกรี่นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ในตอนนั้นฉันก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่พุ่งมายังเรา และฉันรู้ว่าแกรี่ก็คงจะรำคาญอยู่ไม่น้อย แต่อาจจะด้วยเขาเป็นผู้ชายกระมัง เขาจึงไม่แยแส

    " เบ็ธตี้ --- เรากลายเป็นคู่จิ้นกันไปแล้วนะ ถ้าเธอหายไปฉันก็ต้องถูกสงสัยก่อนเป็นคนแรกสิ่ " เขาพูดติดตลก --- แต่ฉันไม่ตลก 
     

    " เกิดอะไรขึ้น " ฉันถาม

    " เดี๋ยวก่อน ฉันสิต้องถามเธอไม่ใช่เหรอ " เขาถามกลับ

    ฉันไม่ตอบและยังคงสบสายตาเขา รอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง และถ้าเขาไม่ยอมพูดในสิ่งที่ฉันอยากจะฟัง ฉันก็จะสบตาเขาไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะพูดมันออกมา --- แกรี่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

    " เออๆ ก็ได้ --- เธอชนะ --- เมื่อคืนอัลเลย์บุกไปหาฉันที่ห้อง ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันรู้รหัสหอพักได้ยังไง --- หมอนั่นถามฉันเรื่องเธอ พอฉันบอกว่าไม่รู้เรื่อง ก็โดนถามซอกแซกอยู่ตั้งนาน --- น่ารำคาญชะมัด " เขาบอก

    " เมื่อคืนเหรอ กี่โมง " คราวนี้แกรี่ไม่ตอบ เขาเอาแต่จ้องหน้าฉันและผุดรอยยิ้มปริศนาขึ้นมา

    " อะไร " ฉันถามขึ้นในที่สุด
     

    " เธอชอบทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันก็ทำบ้างไง " เขาว่า และแน่นอนว่าเขาหมายถึงการไม่ตอบคำถามและกดดันให้อีกฝ่ายเป็นผู้ตอบ --- แกรี่เป็นคนฉลาด และในขณะเดียวกัน ฉันไม่ชอบความฉลาดในแง่นี้เท่าไหร่

    " อัล " เสียงทักทาย ฉันจึงเงยหน้าขึ้นจากแกรี่มองผ่านไปยังด้านหลังของเขา

    อัลเลย์กำลังเดินเข้ามา และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์เท่าไรนัก แต่คราวนี้ฉันดูออกว่าเขากำลังไม่พอใจอย่างมาก เขาจ้องหน้าฉันก่อนจะขยับสายตาไปมองที่แกรี่ และมองฉันอีกครั้ง

    " เธอหายไปไหนมา " เขาถามทันทีเมื่อเดินมาถึงจุดที่พวกเรานั่ง

    แกรี่ลุกขึ้นจากโต๊ะและมองไปยังอัลเลย์ --- ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ดูแล้วทั้งสองคนคงไม่ลงรอยกันเท่าไร จากสายตาที่พวกเขามองกันและกัน
     

    " ฉันจะปิดไม่อยู่แล้วนะแกรี่... " ฉันบอก และนี่สำหรับการที่นายไม่ยอมตอบคำถามฉันดีๆแกรี่

    " เฮ่ยๆ --- เล่นอะไรของเธอเนี่ย --- " แกรี่หันขวับมามองที่ฉันก่อนจะหันกลับไปมองที่อัลเลย์

    " ยังจะพูดอย่างนั้นอีกเหรอ ... " หลังฉันพูดจบ

    อัลเลย์กระชากคอเสื้อของเขาเต็มมือ แกรี่พยายามจะหยิบไม้ของเขาขึ้นมา และมันก็คงเป็นไปได้ยากพอดู ถึงแม้ว่าอัลเลย์จะค่อนข้างผอมกว่าแกรี่ อย่างไรเสียเขาก็สูงกว่าอยู่ดี ดังนั้นการจะดึงตัวเองให้หลุดจากการฉุดกระชากของอัลเลย์ก็คงเป็นไปได้ยาก

    " เบ็ธตี้ ! " เขาตะโกน

    และฉันยังคงมองดูเขาแสดงสีหน้าประหวั่น ฉันพยายามอย่างมากที่จะไม่หัวเราะออกมา --- ทุกคนรู้ดี ไม่มีใครอยากมีเรื่องกับอัลเลย์ ไม่ว่าใครก็ตาม --- ฉันมองจนกระทั่งคิดว่ามันมากพอแล้วฉันจึงเอื้อมมือจับที่ชายแขนเสื้อของอัลเลย์เพื่อบอกให้เขาหยุด

    " ไม่เป็นไรอัลเลย์ --- เขาได้รับบทเรียนแล้วล่ะ " ฉันบอกก่อนจะขำออกมาจนได้

    " --- ฉัน เกลียด เธอ ชะ มัด --- " แกรี่กัดฟันพูดเลยทีเดียว

    ฉันยกมือขึ้นปิดปากเพื่อหยุดเสียงหัวเราะ อัลเลย์จึงผละมือออกจากแกรี่ และฉันคิดว่าอัลเลย์คงรู้ทันแล้วว่าเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือ ดังนั้นเขาจึงหันมาที่ฉันแทน --- ไม่ว่าแกรี่จะทำให้ฉันขำมากเท่าไร แววตาของอัลเลย์ก็ละลายทุกอารมณ์ขันไปจนหมดสิ้น --- ฉันยังคงส่งเสียงหัวเราะแห้งๆออกมาก่อนจะเงียบไป

    " เธอหายไปไหนมา " เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายจนน่าขนลุก

    " --- คือว่า  " ให้ตายสิ่อัลเลย์ ฉันคงบอกนายว่าฉันออกไปตะลอนอยู่กับฌองทั้งคืนไม่ได้หรอก

    แกรี่มองมายังฉัน หน้านิ่วคิ้วขมวด ถ้าหากว่าฉันไม่อยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างนี้ฉันคงหัวเราะออกมาเป็นบ้าเป็นหลังไปแล้ว ฉันมองไปรอบๆ ผู้คนยังคงใช้สายตาสอดส่องและหูก็ยังคงรอที่จะฟัง

    " ฉันออกไปตามจับเจอร์ซี่น่ะสิ --- ถ้ามันไปทำเรื่องวุ่นวายอีกคงแย่นะว่าไหม " ฉันตอบ

    " ขอโทษมาเลยนะ ไอ้บ้านี่ " เสียงแกรี่ก่นด่า

    อัลเลย์ไม่ได้ตอบรับและยังคงจ้องมองที่ฉัน และอีกครั้ง ฉันรู้สึกราวกับว่าแววตาคู่นั้นกำลังสอดส่องและค้นหาความจริงข้างในตัวฉัน มันยากที่จะโกหกเขา ถ้าจะมีใครสักคนบนโลกนี้ที่ฉันไม่อยากโกหกที่สุกก็คงเป็นอัลเลย์

    " เฮ่ยนี่นาย ! " แกรี่ตะโกน

    แล้วทั้งสองคนก็เริ่มเถียงกัน ฉันยังคงนั่งฟังก็ได้ใจความว่า เมื่อคืนอัลเลย์บุกเข้าไปในห้องของแกรี่เพื่อถามความจริงเรื่องของฉัน และแน่นอนแกรี่ไม่รู้ว่าฉันหายไปไหน ดังนั้นเขาบอกความจริงไปแล้ว แต่อัลเลย์ไม่ยอมเชื่อง่ายๆ เขาจึงถูกถามซอกแซกรวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาด้วย --- น่าสงสารจริงๆ --- และดูเหมือนว่า อัลเลย์จะทำข้าวของบางอย่างของแกรี่เสียหาย --- นั่นยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ฉันเดาว่าเขาคงเกลียดนักเรียนบ้านสริธิรีนเข้าใส้เลยทีเดียว

    ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงกันอยู่ ซึ่งโดยมากจะเป็นแกรี่โวยวายและอัลเลย์เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ --- จนบางครั้งดูเหมือนแกรี่กำลังพูดอยู่คนเดียว --- ที่โถงทางเดินระหว่างทางเข้ามายังห้องโถงใหญ่ สายตาของฉันพลันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่สะกิดต่อมความอยากมีเรื่องเสียได้

    และใครคนนั้นคือ เอ็มม่า คิทเซน --- เธอกำลังเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วยใบหน้าซูบโทรม ฉันเดาว่า เพราะฌองหายไปทั้งคืน และเธอคงคิดว่าเธอได้ทำเรื่องใหญ่ลงไปเสียแล้ว ในขณะที่เธอเดินเหม่อลอยอยู่นั้นเอง ฉันหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาและสะบัดเบาๆไปที่เธอ เธอจึงล้มคะมำลงไปบนพื้น

    ทั้งอัลเลย์และแกรี่หยุดเถียงกัน พวกเขามองมาที่ฉันก่อนจะมองไปที่เอ็มม่า

    " อะไรน่ะ " แกรี่ถาม

    ฉันไม่ได้สนใจจะตอบ และสายตายังคงจ้องไปยังเอ็มม่า เธอดันตัวลุกขึ้นและดิ่งตรงมายังฉัน มือล้วงกระเป๋าหยิบเอาไม้ของเธอออกมา ฉันมองเห็นสีหน้าของเธอ มันน่ากลัวและช่างน่าขัน เธอคงโกรธจัดจนไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าอย่างไร เธอเหวี่ยงปลายไม้และสำแสงสีแดงพุ่งปรี่มายังฉัน ฉันเพียงแค่นั่งนิ่งๆ เท่านั้น อย่างไรเสียทั้งแกรี่และอัลเลย์ก็ยืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนลูกหลงไปด้วย และก็เป็นอย่างที่คาดไว้เมื่ออัลเลย์สะบัดไม้ของเขาเพื่อหยุดคาถาของเอ็มม่าไว้ได้ทันท่วงที

    " นังตัวดี ! " เธอตะโกนลั่น ก่อนจะปรี่เข้ามาคว้าคอเสื้อของฉันให้ลุกขึ้น

    ฉันถลาลุกขึ้นตามแรงกระชากของเธอ นี่อาจเป็นสิ่งที่ฉันหวังเอาไว้หรืออาจไม่ใช่ก็ได้ แกรี่และอัลเลย์พยายามดึงตัวเธอออกไป ฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆ เมื่อเธอพยายามใช้มือฉุดกระชากตัวฉัน เล็บของเธอข่วนทะลุเสื้อผ้า และนั่นทำให้รู้สึกแสบยิบๆ ที่คอและใบหน้า --- คงเป็นเพราะเล็บของเธอ
     

    " หยุดๆ เดี๋ยวก่อนสิ ! " แกรี่ตะโกนห้าม เขาตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอีกครั้ง
     

    " เธอสมควรโดนแล้ว ! " ฉันตะเบงเสียงเพื่อกลบทุกการโวยวายของทุกๆ คน

    อัลเลย์พยายามจับตัวเธอไว้ และเธอไม่มีทีท่าที่จะยอมจำนนแม้แต่น้อย เอ็มมายังคงส่งสายตาเกรี้ยวกราดไม่แพ้น้ำเสียงของเธอ และฉันรู้ว่าความโกรธเหมือนไฟที่เผาให้เรากลายเป็นบ้า ถึงอย่างนั้นฉันก็เต็มใจให้มันเผาฉันในบางครั้ง ฉันง้างไม้ของฉันขึ้นและแกรี่โผเข้ามาคว้ามือของฉันอย่างทันทีทันใด ---

    " หยุด ! พอได้แล้ว พวกเธอเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย ! " แกรี่ตะโกน

    นี่มันไม่เข้าท่าเลย ฉันอาจะไม่ชอบที่เอ็มม่าทำนิสัยเห็นแก่ตัว ขี้ขลาด และทิ้งให้ฉันต้องแบกฌองด้วยตัวคนเดียว แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่ฉันจะต้องทำอย่างนี้ ในเมื่อฌองก็ปลอดภัยดี

    " ปล่อยฉันนะ ! นายก็เหมือนกันแกรี่ ไปยุ่งกับนังผู้หญิงคนนั้นรู้จักหล่อนดีแล้วเหรอ เธอน่ะร้ายตัวแม่เลย ! "

    เสียงเอ็มม่าตะโกน ฉันพยายามดึงมือออกจากการห้ามปรามของแกรี่ คาถาสารพัดพุ่งเข้ามาให้เลือกสรรในสมอง แต่มือของฉันยังใช้งานไม่ได้ในตอนนี้ ทันใดนั้นเอง ---

    ฉันได้กลิ่นควันไฟอยู่ใกล้ๆ เมื่อก้มลงมองที่ข้างตัวก็พบว่าเสื้อคลุมของฉันกำลังติดไฟ ฉันลืมความโกรธที่มีต่อเอ็มม่า และลืมเสียงแหลมน่ารังเกียจของเธอไปจนหมดสิ้น ฉันพุ่งสมาธิมาที่การพยายามจะดับไฟ ทั้งฉันและแกรี่ใช้มือตีเพื่อดับไฟที่อยู่ๆ ก็ติดขึ้นมากันจ้าละหวั่น เมื่อไฟมอดลงแล้วฉันก็เข้าใจได้ว่าต้นเหตุคืออะไร ฉันล้วงมือหยิบไม้กายสิทธิ์ของฉันออกจากกระเป๋า --- ไม้อาเคเซีย --- มันเป็นอย่างนี้เสมอ บางครั้งมันก็อาลวาดอย่างไร้เหตุผล และในตอนนี้มันก็อาลวาดแต่ฉันคิดว่ามันมีเหตุผล

    " บ้าเอ๊ย ! "

    " อะไรน่ะ " แกรี่ถามหลังจากที่ฉันสบถเสียดังลั่น

    " บ้าที่สุด ! " ฉันกล่าวพลางปาไอ้ไม้เจ้าปัญหาลงบนพื้น ใจหนึ่งฉันอยากจะใช้ไม้ยูว์ของฉันทำลายมันไปเสีย หรือไม่ก็กระทืบมันให้แตกไปด้วยเท้าของฉันเลยก็ได้ แต่อีกใจหนึ่งบอกฉันว่าฉันทำอย่างนั้นไม่ได้

    " ปล่อยฉันนะ ! " ฉันได้ยินเสียงเอ็มม่าตะโกน

    " อย่าโวยวายได้ไหม ถ้าเธอยังไม่หยุดฉันจะบอกอาจารย์เรื่องที่เธอสาปคาถาใส่อาติล ---  " อัลเลย์กล่าว

    " แต่เธอเริ่มก่อนนะ นายก็เห็น ! " เธอยังคงเถียงคำไม่ตกฟาก

    " เอาล่ะ อัลลี่ --- ขอโทษเธอเสีย "

    ฉันเงยหน้าขึ้นมองอัลเลย์หลังจากได้ยิน --- ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินเรื่องทำนองนี้ อัลเลย์รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เขาก็ยังบอกให้ฉันขอโทษ ฉันยืนนิ่งงัน รู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากใครบางคนที่ฉันเกือบจะไว้ใจ และ --- ด้วยความสัตย์จริง ฉันเห็นแววตาของเอ็มม่าเหมือนกำลังเยาะหยั่น เสียงหัวเราะที่ไร้เสียงดังลั่นอยู่ในอากาศ
     

    " โอเค ฉันรู้ว่าคราวนี้เบ็ธตี้ผิด แต่ว่า --- " เสียงแกรี่ดังผุดขึ้นมาระหว่างความเงียบงัน

    ฉันไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร แกรี่ควรเกลียดฉัน และคนที่ควรยืนข้างฉันคืออัลเลย์ --- หรือไม่ใช่ --- ให้ตายสิ่

    " นายตาบอดรึไงแกรี่ เธอเริ่มก่อนเห็นๆ เลยนะ ! " นังตัวแสบตะโกน

    " ฉันเห็นแล้ว แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าเธอไปพูดอะไรเรื่องฉันกับเบ็ธตี้บ้าง ! " แกรี่ตะคอกกลับ

    ฉันได้ยินทุกการโต้เถียง สัมผัสได้ถึงอารมณ์ในทุกวาจา แต่ฉันไม่สามารถละสายตาออกจากอัลเลย์ได้ คล้ายว่าฉันกำลังถูกเผาโดยบางสิ่งภายใน จากการกระทำเพียงเล็กน้อยของเขา

    " อย่าโง่นักเลยแกรี่ ตาสว่างเสียทีเถอะ ยัยผู้หญิงคนนั้นมันเป็นหมาบ้าไปแล้วนะ ! "

    ฉันเกลียดเสียงแผดแหลมแบบนี้เป็นที่สุด

    " ไม่ใช่เลย เธอนั่นแหละหมาบ้า ! " แกรี่ตวาดลั่น

    ฉันยังคงละสายตาออกจากอัลเลย์ไม่ได้ และเขาไม่ละสายตาจากฉันเช่นกัน --- แกรี่กำลังพูดเพื่อปกป้องฉัน จะเรียกว่าอย่างนั้นก็คงได้ ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมด และฉันไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะอย่างแรก ฉันโกรธเอ็มม่า และวูบหนึ่งรู้สึกว่ามันเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง ทั้งที่ฉันก็เหมือนจะเข้าใจว่าเธอคงแค้นฉันอยู่ไม่น้อย อย่างที่สอง ฉันรู้ว่าตัวเองก็ผิดที่ไปหาเรื่องเธอ อย่างที่สาม ฉันถูกอัลเลย์หักหลัง อย่างที่สี่ ว้าว --- แกรี่ทำให้ฉันประทับใจมาก แต่ก็นั่นแหละ เขาควรจะเกลียดฉันไม่ใช่เหรอ ?

    " ปกป้องกันเข้าไป ตกลงเป็นอะไรกันจริงๆ ใช่มั้ย ! " เสียงเธอแผดแหลม

    และฉันทนฟังต่อไปไม่ได้ ทุกครั้งที่เสียงแหลมเล็กนั้นกระแทกเข้าไปในหูของฉัน ฉันจะรู้สึกเหมือนถูกผึ้งต่อยในชั้นผิดหนัง ความเจ็บปวดวิ่งเร่าๆ และอดีนรีนพุ่งพล่าน มันอาจจะฟังดูเพ้อเจ้อเกินไปเสียหน่อย แต่ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา

    ฉันหันหลังเดินออกจากพวกเขาทุกคนโดยไม่สนใจว่าใครจะพูดอะไร สาบานว่าฉันได้ยินเสียงเอ็มม่าตะโกนด่าทอ และแกรี่กำลำเรียกชื่อของฉัน ไม้อาเคเซียยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นและฉันไม่ได้สนใจที่จะเก็บมัน แม้แต่ไอ้ไม้บ้านั่นก็หักหลังฉันเหมือนกัน

    และพวกที่หักหลังก็สมควรถูกทิ้งเอาไว้อย่างนั้นแหละ

     

     


     


     

    เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น นักเรียนทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ ตลอดทั้งวันฉันแทบไม่พูดจากับใครเลย นัตตี้และอัลเลย์หายตัวไปจนกระทั่งเวลาอาหารเย็นก็ยังไร้ร่องรอย รอยส์และซีนก็แทบไม่พูดอะไรกับฉัน และฉันใช้เวลาส่วนใหญ่งีบหลับในระหว่างเรียน เมื่อลืมตาตื่นรอบตัวของฉันมีแต่สายตาแปลกๆที่ฉันชินชาพุ่งมาไม่หยุดหย่อน

    ที่โต๊ะบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ฌองนั่งมองไปยังด้านหน้าเหมือนกำลังรอยคอยอะไรบางอย่าง ฉันจึงมองตามไป ที่ด้านหน้าของห้องโถงใหญ่ เหล่าศาสตราจารย์กำลังขยับตัวไปมา บางคนเดินขวักไขว่คล้ายกำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ฉันเหลือบสายตามองไปยังศาสตราจารย์พ็อตเตอร์และต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อฉันรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองกลับมาชั่วครู่หนึ่งก่อนที่สายตานั้นจะละออกไปไกลแสนไกล

    " นักเรียน --- ฟังทางนี้ --- " เสียงศาสตราจารย์มักกัลนากัลประกาศก้อง

    ทุกสายตาจึงจับจ้องไปยังโพเดี้ยม รอยยิ้มแก่ชลาขยับเล็กน้อยก่อนที่ร่างกายผอมสูงของเธอจะเยื้องย่างลงจากโพเดี้ยม พร้อมกับผายมือออก --- เหล่านักเรียนจากหลากหลายบ้านเดินออกจากม่านหลังเวที และฉันมองเห็นนัตตี้กับอัลเลย์ยืนรวมกันกับนักเรียนพวกนั้นด้วย นี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าพวกเขาสองคนหายตัวไปไหนทั้งวัน

    " คนเหล่านี้คืออาสาสมัครที่ได้รับการคัดเลือกอย่างดี "

    ฉันจ้องมองนัตตี้ ก่อนจะละสายตาไปยังอัลเลย์ และมองที่นัตตี้อีกที พวกเขาไม่เคยบอกอะไรฉันเลยในเรื่องนี้ ทั้งที่ฉันคิดมาตลอดว่าเราอาจเป็นเพื่อนกัน

    " อย่างที่รู้กันดีว่า พักนี้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งข้าวของที่หายไปอย่างลึกลับ และการกลับมาของใครบางคนที่เราไม่อยากจะกล่าวถึงเท่าไรนัก --- ทางโรงเรียนจึงเห็นพ้องต้องกันว่า เราควรทำอะไรบางอย่างเพื่อคุ้มครองและรับรองว่าความปลอดภัยนั้นจะไปถึงนักเรียนทุกๆ คน และ --- "

    ฉันจ้องมองทั้งสองด้วยคำถามสารพัด หูยังคงกางฟังคำอธิบายที่เพื่อนของฉันไม่เคยบอก หรือบางทีอาจไม่ใช่ก็ได้ เพราะฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าเราควรเป็นเพื่อนกันไหม

    " เหล่านี้คือผู้ที่จะคอยให้ความช่วยเหลือ สอดส่องดูแลเพื่อนนักเรียนทุกๆคน "

    ศาสตราจารย์มักกัลนากัลผายมือไปยังกลุ่มนักเรียนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน พวกเขาบางคนหน้านิ่งไร้อารมณ์ บางคนก็ดูเขินอาย และบางคนยโสโอหัง --- แต่นัตตี้และอัลเลย์ไม่แสดงสีหน้าใดเลย

    " เป็นดั่งผู้ผดุงความยุติธรรม หรืออีกนัยหนึ่งคือ --- ผู้รักษากฎระเบียบให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น "

    ฉันละสายตาจากทั้งสองที่หน้าเวที หันกลับไปจ้องแก้วน้ำทองเหลืองบนโต๊ะอาหาร --- นี่ก็เลยเวลาอาหารค่ำแล้วแต่ยังไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แตะต้องอาหารบนโต๊ะ--- ฉันควรจะรู้สึกหิว แต่ว่าไม่

    นัตตี้และอัลเลย์เข้าร่วมการคัดเลือกคณะกรรมการคุมกฎของสภานักเรียน โดยที่ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เท่าที่ฉันรู้ เรื่องสภานักเรียนและคณะผู้คุมกฎได้ถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ช่วงปี 91 ถ้าหากฉันจำไม่ผิด --- และการที่ระบบสภานักเรียนและผู้คุมกฎถูกคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ก็แน่นอนว่าเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง และการคาดเดาที่ไม่ต้องใช้สมองเท่าไรเลยนั้นก็คือ เพื่อสอดส่องพฤติกรรมของเหล่านักเรียน --- ณ เวลานี้ ฮ็อกวอตส์กำลังพยายามสาวไส้ตัวเองออกมาเพื่อดูว่าส่วนใดคือเนื้อร้าย ก่อนจะกำจัดมันทิ้งไปด้วยน้ำมือของตัวเอง
     

    ฉันจ้องมองขอบแก้วน้ำทองเหลือง ร่างกายเบาโหวงและร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน คล้ายว่ามีบางอย่างเป็นมวลสารที่หนักอึ้งแผ่ขยายอยู่เต็มท้องของฉัน เบียดแน่นจนหายใจไม่ออก นำไปสู้ความเบื่ออาหาร และมวลสารนั้นเริ่มขยับตัวเป็นพายุจนฉันร้อนรุ่ม --- พระเจ้า --- มีมุกที่เจ็บกว่านี้อีกไหม ?

    นัตตี้และอัลเลย์กลายเป็นคณะผู้คุมกฎ --- และฉันคือใคร ?

    มันไม่มีอะไรมาก นอกเสียจากว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    ทั้งนัตตี้และอัลเลย์ คือ ศัตรู ตัวฉกาจของฉันอย่างเป็นทางการ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×