ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The Witchcraft Alphabet

    ลำดับตอนที่ #1 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๑ : เรื่องที่ทำให้เกือบถูกไล่ออก และ การเปิดตัวของศาสตราจารย์ แฮรี่ พ็อตเตอร์

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 66



     

     


    บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๑

    เรื่องที่ทำให้เกือบถูกไล่ออก และ
    การเปิดตัวของศาสตราจารย์ แฮรี่ พ็อตเตอร์

     

     

     

     

     

    ตั้งแต่ยุคมืดจบลง แสงสว่างก็ถูกนำกลับมายังโลกอีกครั้ง

    ลอร์ดมืดกลายเป็นเพียงตำนานที่น่าสะพรึงกลัว และหลังการฟื้นตัวของเครือข่ายพ่อมดแม่มดทั่วโลก พวกเราก็กลับสูสภาวะปกติ และรุ่งโรจน์ ...

    '--- ณ ตอนนี้พวกเรา พ่อมด แม่มด ต่างก็อยู่อย่างสงบ เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งการพัฒนาได้อย่างเต็มรูปแบบ หลังการล่มสลายของหลอดมืด คิงสลีย์ ซัคเคิลโบลต์ ก็ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ตลอดมา เรียกได้ว่าเป็นรัฐมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ---

    จากโพลสำรวจของเดลีย์พลอเฟ็ต ----'

     

    ปึ้บ~

    ฉันปิดหน้าหนังสือลง มองออกไปยังพื้นเบื้องหน้า อีกราวๆ 1 ฟุตจากปลายเท้าของฉันพื้นกลายเป็นสีเข้มมองดูเหมือนเส้นขนานที่ตัดระหว่างสองสี เพราะฝั่งหนึ่งชื้นจากห่าบฝน และอีกฝั่งยังคงแห้งสนิท ไอเย็นซัดปะทะใบหน้าพร้อมกลิ่นปูนเปียกน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้รู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าลงไปทุกที ฉันถดปลายเท้าขยับเข้าหาตัวอีกราวครึ่งฟุต จากนั้นโน้มตัวกอดเข่าเอาไว้

    เสียงเม็ดฝนยังคงกระหน่ำ พื้นที่อีกฟุตครึ่ง ฉันจะเปียก ...

     

    “เฮ้ --- นั่งทำอะไรตรงนั้น”

    เสียงทักทายจากอัลเลย์ ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แววตาคู่นั้นหยั่งแววลึกลับเสมอ อาจเป็นเพราะนัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิทมืดมิดเหมือนฟ้ากลางคืน

    “อ่านหนังสือน่ะ” ฉันตอบพลางชูหนังสือที่กอดเอวไว้ให้ดู อัลเลย์ขยับตัวออกจากประตูมายังระเบียง เขามองดูหนังสือในมือของฉันอย่างพิจราณา อีกครู่หนึ่งก็มองหน้าฉัน --- อย่างพิจารณา

    “เข้ามาข้างในได้แล้ว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” เมื่ออัลเลย์บอก ฉันจึงดันตัวลุกขึ้น และเดินกลับเข้าไปในห้องสมุด ภายในอบอุ่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นกระดาษเก่า หนังสือเป็นร้อยๆ เล่มกำลังลอยอยู่เหนือหัวของพวกเรา

    “อัล~” เสียงหวานทักทาย

    “มีอะไรหรือ”

    “จะเข้าคาบ 4 แล้ว รีบไปกันเถอะ” นัตตี้บอกพร้อมทั้งลุกขึ้นจากโต๊ะ รอบๆ ตัวเราเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนสวมเครื่องแบบคุ้นตา ผ้าคลุมสีดำ คาดแถบสีน้ำเงิน --- บางครั้งฉันก็แปลกใจว่า ห้องสมุดผูกสิทธ์ขาดกับเด็กบ้านเรเวนคลอหรือเปล่า เพราะโดยมาก ฉันคิดว่าคงสัก 80% ของคนที่เข้ามาใช้บริการห้องสมุด จะเป็นเด็กนักเรียนบ้านเรเวนคลอ

    “เคราเมอร์ลิน... ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นนี่สั่งการบ้านโหดชะมัดเลย” เสียงบนพรำของอัลเลย์ดังอยู่ใกล้ๆ เขากำลังยัดหนังสือปกหนังเล่มใหญ่ลงในกระเป๋าผ้าของเขาอย่างแรง ดูท่าทางเขาจะอารมณ์ไม่ดี --- คิดว่าคงเป็นเพราะการบ้านนั่นแหละ --- พวกเราทุกคนต่างก็ร้องโหยหวนหลังจากได้รับการบ้านมหาโหดจากศาสตราจารย์ซลักฮอร์น แม้แต่ฉันเอง --- ถึงฉันจะชอบวิชาปรุงยาของเขาก็เถอะ ---

    “นั่นสินะ...” แม้แต่นัตตี้ก็บ่นออกมาอย่างเสียมิได้

     

    ‘นัตตี้’ ชื่อเต็มๆ ของเธอคือ ‘นัตติเซีย บี ออร์ทิส’ เธอเป็นเพื่อนนักเรียนคนแรกของฉันที่ฮอกวอตส์ และเป็นรูมเมทของฉันด้วย สำหรับฉัน เธอเป็นผู้หญิงแสนดี อบอุ่นเหมือนแดดอ่อนๆ ตอน 7 โมงเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ฉันแปลกใจเหลือเกินว่าหมวกคัดสรรอาจผิดพลาดก็ได้ที่ส่งเธอมาอยู่สลิธีริน ฉันคิดว่าเธอน่าจะเหมาะกับกริฟฟินดอร์ หรือ เรเวนคลอ อะไรทำนองนั้นมากกว่า

    “เอาหนังสือไปเก็บได้แล้ว” เสียงอัลเลย์ดังแทรก เขาพูดพลางเหวี่ยงกระเป๋าพาดบ่าเตรียมพร้อมที่จะไปยังห้องเรียนคาบ 4

    ‘อัลเลย์’ ชื่อเต็มคือ ‘อัลเลย์ อัสทิสม์’ เขาเป็นนักเรียนบ้านสลิธีรินเหมือนกัน โดยรวมๆ แล้ว เขาเป็นหนุ่มเอเชียผมสีดำ ผิวสองสี นัยตาลึกลับ... แถมยังมีนิสัยก็ยังแปลกๆ --- ดูจะเจ้าอารมณ์แต่บางทีก็ดูเงียบขรึม ฉันไม่ค่อยแน่ใจ --- ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันกว่าปีแล้ว แต่ฉันก็ยังคาดเดาอารมณ์ของเขาไม่ค่อยได้ --- แต่ถึงอย่างนั้น เรา 3 คนก็สนิทกันมาก ไม่สิ --- ต้อง 5 คนต่างหาก ---- 5 คน

    “ซีน กับ รอยส์ไปไหนล่ะ” ฉันถามเมื่อไม่เห็นพวกเขาอยู่แถวๆ นี้

    “ซีนน่าจะแวะไปที่ชมรมประสานเสียงนะ ส่วนรอยส์ ---” นัตตี้พูดยังไม่ทันจบดีเธอก็เงียบไป

    “โดนศาสตราจารย์มักกัลนากัลเรียกไปคุยน่ะสิ” อัลเลย์ตอบ และฉันพยักหน้ารับโดยไม่ถามอะไรต่อ เพราะมันเป็นเรื่องปกติเสียเหลือเกิน --- เราสามคนเดินออกจากห้องสมุดลัดเลาะไปตามทางเดิน เราเลี่ยงทางที่จะต้องผ่านระเบียงกลางแจ้งเพราะฝนยังคงตกไม่ขาดสาย ในระหว่างที่เดินเบียดเสียดกันอยู่ในโถงนั้นเอง

    “เฮ้ย นี่นาย!” ใครบางคนตะโกนลั่น ฉันเห็นนักเรียนบ้านฮัฟเฟอร์พัพสองคนโดนชนเสียกระเด็นและ ฌอง นักเรียนชายผมน้ำตาลทองหยักศก ผู้โด่งดังจากบ้านฮัฟเฟอร์พัพก็วิ่งฝ่าเข้ามาตะปบไหล่ของอัลเลย์ดังปั้บ เขาตัวเปียกมะล่อกมะแล่กเลยทีเดียว อัลเลย์มองไปยัง ฌอง หนุ่มขี้ตื่น และหยุดรอให้เจ้าตัวเลิกหอบเสียก่อน --- อย่างใจเย็น

    “น -- นายได้ยินรึยัง --- ร เรื่องรอยส์น่ะ เขาจะถูกไล่ออกล่ะ!” ฌองพูดพลางหอบแฮกไปด้วย

    ฉันได้ฟังก็อึ้ง ไม่ใช่แค่ฉัน เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังต่อๆ กันไป ‘ไล่ออก ---- ไล่ออกเหรอ --- รอยส์เหรอ’ ทั้งสูงและต่ำ ชายและหญิง เสียงเหล่านั้นเป็นคำถามวิ่งไปมาอยู่ในอากาศ อัลเลย์หันควับมามองที่ฉันและนัตตี้ หลังจากนั้นเราสามคนก็ย่ำเท้าฝ่าผู้คนมากมายตรงไปยังห้องพักของศาสตราจารย์มักกัลนากัลในทันที

    นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน รอยส์ถูกไล่ออก --- เป็นไปไม่ได้!

    เดิมทีแล้ว รอยส์ เป็นนักเรียนที่ชอบก่อเรื่องสารพัด เราต่างก็รู้ดี แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึงขนาดที่จะทำให้เขาถูกไล่ออก เราสามคนวิ่งไปตามทางโดยไม่พูดจา ไม่มีใครถามใครว่าเกิดอะไรขึ้น เราเพียงแค่วิ่งเท่านั้น เมื่อมาถึงห้องของศาสตราจารย์มักกัลนากัลแล้ว รูปปั้นนกหินตัวใหญ่ยืนนิ่งเป็นสง่า

    “ไอศกรีมเฌอเบธรสมะนาว”

    อัลเลย์กล่าวอย่างไม่ติดขัด และรูปปั้นนกก็เริ่มขยับ พวกเราก้าวขึ้นไปบนบันไดวนจนถึงห้องของศาสตราจารย์มักกัลนากัล ฉันก้าวเท้าตามหลังอัลเลย์ไป ในขณะที่นัตตี้ก้าวตามมาติดๆ ครู่หนึ่งพวกเราก็ชะงักเท้าเมื่อเห็นว่ารอยส์ไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว และศาสตราจารย์มักกัลนากัลกำลังลูบคางเจ้านกฮูกสีเทาแก่ๆ ตัวหนึ่ง

    “เดี๋ยวก่อนสิ่” นัตตี้สะกิดแขนฉันและกระซิบเรียก

    “เอาไงดีล่ะ” ฉันสะกิดแขนของอัลเลย์และถามต่อ

    “แล้วทำไมถึงมาถามฉันเล่า!” อัลเลย์ว่าอย่างเก็บเสียง

    “มีอะไรหรือ” เสียงแหบหวานของศาสตราจารย์มักกัลนากัลดังแทรก พวกเราสะดุ้งโหยงและมองไปยังเธอ รอยยิ้มที่ชลาอ้อยอิ่ง สายตาของเธอลอดผ่านกรอบแว่นมองมายังเรา ครู่หนึ่งเธอก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

    “คุณเมเกอร์น่าจะอยู่ที่กระท่อมของแฮกริดแล้วนะ” ศาสตราจารย์มักกัลนากัลบอก

    เราสามคนมองหน้ากันไปมา รอยส์จะไปทำอะไรที่กระท่อมของศาสตราจารย์แฮกริด แล้วเรื่องที่ว่าเขาถูกไล่ออกมันหมายความว่าอย่างไร?

    “เอ่อ... คือว่า” ฉันเกริ่น และเหลือบมองไปยังอัลเลย์ เขาค้อนใส่ฉันแรงๆ ทีหนึ่งคล้ายจะถามว่า ‘ฉันอีกแล้วเหรอ’ หรือไม่ก็ ‘ทำไมต้องฉันด้วย’ อะไรทำนองนั้น ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาศาสตราจารย์มักกัลนากัล

    “ผมได้ยินมาว่า --- รอยส์ถูกพิจารณาให้ --- เอ่อ... ถูกไล่ออก ...”

    “ไล่ออกหรือ --- โอ้ ตายจริง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว แต่น่าเสียดายที่การเสกคาถาเสียงดังในห้องเรียนมันไม่แรงพอให้ถูกไล่ออกหรอกนะ คุณฮัสทิสม์”

    เมื่อศาสตราจารย์มักกัลนากัลพูดจบ พวกเราก็หันมองหน้ากันอีกครั้ง --- อย่างมิได้นัดหมาย

    “... ฌอง!” และ เราเปลี่ยนตัวเองเป็นคณะประสานเสียงในทันที

     

     

     

     

     

    “ฮ่าๆๆ แล้วพวกนายก็ถามไปอย่างนั้นอ่ะนะ!?” รอยส์ถามพลางหัวเราะลั่น เขาตบที่หน้าตักตัวเองอยู่หลายที รอยส์มักเป็นอย่างนี้เสมอ เขามักหัวเราะได้ตลอดในแทบจะทุกสถานการณ์ ไม่ว่ามันจะหน้าสิ่วหน้าขวานขนาดไหน เขาก็มักจะเป็นคนสุดท้ายที่ยังยิ้มหรือไม่ก็หัวเราะเจื่อนๆ ออกมา --- รอยส์เป็นเด็กหนุ่มที่มาจากเยอรมัน นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้ แต่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นชาวเยอรมันแท้ๆ หรือเปล่า เพราะบางทีฉันก็คิดว่าเขาดูเหมือนลูกครึ่งละตินหรือออะไรทำนองนั้น อาจเป็นเพราะดวงตาสีเขียวกับผมสีน้ำตาลเข้ม ถึงทำให้เขาดูเหมือนคนละติน

    “มันไม่ตลกนะ!” อัลเลย์ตะคอกกลับ ฉันเห็นคิ้วคู่นั้นของเขากำลังกระตุก

    “โอ้ย! ฮ่าๆ ตลกเป็นบ้าเลย ฉันเนี่ยนะโดนไล่ออก แค่เสกคาถาเด็กเล่นจะไปโดนไล่ออกได้ไงเล่า ฮ่าๆๆ !” รอยส์ยังคงหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย --- ทั้งๆ ที่พวกเราตกใจกันจริงๆ

    พวกเรากำลังนั่งอยู่ที่หน้าบ้านของศาสตราจารย์แฮกริด สุดท้ายเราทั้ง 4 คน ก็ไม่ได้เข้าเรียนในคาบเรียนที่ 4 ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรอยส์ถูกทำโทษให้มาเก็บกะหล่ำ แล้วเราดันเข้าใจผิดว่าเขาโดนไล่ออก หรือเป็นเพราะ ฌอง ตีโพยตีพายข่าวมั่วว่ารอยส์ถูกไล่ออกกันแน่

    “แล้ว ฌอง มันไปฟังอีกท่าไหนล่ะ” รอยส์ถามต่อ

    “จะไปรู้ได้ไงเล่า” อัลเลย์ตอบสั้นๆ

    “ไม่โดนไล่ออกก็ดีแล้วน่า... รีบๆ ไปเก็บกะหล่ำกันเหอะ” นัตติเซียบอกพร้อมก้มลงหยิบตะกร้าขึ้นมาคล้องที่แขน ฉัน อันเลย์ และรอยส์ต่างก็มองไปที่เธอ ก่อนที่เธอจะส่งตะกล้าให้กับพวกเราคนละใบพร้อมรอยยิ้ม --- ในกลุ่มพวกเรา ถ้าขาดนัตตี้ไป เราคงเหมือนต้นไม้ที่ขาดแสงแดดอบอุ่นอย่างไรอย่างนั้น

    ฉันถือตะกร้าเดินออกจากกระท่อมของศาสตราจารย์แฮกริดพร้อมกับเพื่อนๆ เราโบกไม้กายศิทย์เพื่อเสกร่มก่อนที่เราจะทยอดเดินไปยังแปลงกะหล่ำ ตลอดทางบนพื้นดินเปียกแฉะ และฉันล้มลงหลายครั้ง --- น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงมีฉันคนเดียวที่ล้มคว่ำคะมำหงาย กว่าจะเก็บกะหล่ำกันเสร็จก็ปาไปชั่วโมงหนึ่งเห็นจะได้ เราเดินกลับไปที่กระท่อมของศาสตราจารย์แฮกริดเพื่อเอากะหล่ำไปส่ง --- ฝนก็ยังคงตก --- และฉันเปียกเละเทะ เลอะขี้โคลนไปทั้งตัวถึงแม้ว่าเราจะมีคาถาร่มก็ตาม

    “หนาวรึเปล่าอัลลี่” นัตตี้เอ่ยถาม --- ราวกับนางฟ้า --- ฉันหันไปมองหน้าเธอและส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่ความจริงแล้วมันก็หนาวนิดหน่อย ฉันไม่ค่อยถูกโรคกับฝน ถึงหิมะจะยังไม่ตกและฝนก็ยังไม่พ้นฤดู แต่มันก็หนาวได้ถึงใจจริงๆ

    “สภาพดูไม่ได้เลยนะเนี่ย” รอยส์พูดอย่างแซวๆ มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันไม่ได้สนใจที่จะตอบ เพราะคำพูดของเขา 60% เป็นเรื่องที่ไม่ต้องใส่ใจก็ได้ --- ตอนนี้ฉันคิดแต่อยากจะโดดเรียนคาบ 5 แล้วกลับไปนอนซุกผ้าห่มที่ห้องเสียจริงๆ

    “เอ้อ จริงด้วย --- อัลเลย์ นายได้ยินข่าวที่ว่า คุณพ็อตเตอร์จะเข้ามาสอนพิเศษชั่วคราว --- อืม --- วิชาป้องกันตัวจากศาสตรมืดรึยังอ่ะ” รอยส์พูด คราวนี้ฉันหันไปมองที่เขา --- ชื่อของคุณพ็อตเตอร์เรียกร้องความสนใจของพวกเราได้เป็นอย่างดี --- เขาเป็นบุคคลที่ใครๆ ก็รู้จัก เป็นดั่งวีรบุรุษผู้ต่อสู้กับลอร์ดมืด และได้รับชัยชนะเหนือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

    “--- ไม่เห็นรู้เรื่อง --- นายไปเอาข่าวมาจากไหนเนี่ย” อัลเลย์ถามพลางหรี่ตาลงมองไปยังรอยส์ รอยส์ตบไหล่ของเขาดังป้าบและขยับตัวเข้าไปเดินกอดบ่า --- ฉันคิดว่าสองคนนี้ดูสนิทกันดี อาจเพราะเขาเป็นรูมเมทกันด้วย --- ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ดูจะมีพลังงานที่ต่างสับกันเกินไปหน่อย --- อัลเลย์จะเป็นคนนิ่งๆ ส่วนรอยส์เป็นพวกอยู่เฉยๆ ไม่ได้ บางทีฉันก็สงสัยว่า อะไรทำให้พวกเขาสนิทกัน

    “เอามาจากไอ้โทรโข่งไง” รอยส์พูด ยักคิ้วไปมา

    “---- ฌอง” ฉัน นัตตี้และอัลเลย์ เราประสานเสียงชื่อของ ฌอง อย่างเหนื่อยหน่าย ... อีกครั้ง ....

     

     

     

     

     

     

     

    “---- นักเรียน ฟังทางนี้” เสียงศาสตราจารย์มักกัลนากัลดังก้อง นักเรียนต่างพากันหันมองไปยังโพเดี้ยมที่ด้านหน้า ถึงแม้ว่ากลิ่นของไก่งวงอบน้ำผึ้ง หรือเนื้อหมูย่างชั้นดีจะโชยอยู่ตรงหน้า ฉันได้ยินเสียงกระเพาะของรอยส์ร้องโครก และนัตตี้ก็กำลังหัวเราะคิกคักกับความซื่อตรงทางกายของรอยส์

    “ก็คนมันหิวนี่...” รอยส์ว่า แม้แต่ฉันยังอดที่จะขำไม่ได้ --- ที่ด้านหน้าโพเดี้ยมมีการเคลื่อนไหว ฉันต้องเอี้ยวตัวเพื่อมองว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนักเรียนนั่งเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะอาหาร และพวกเขาก็บังภาพเหตุการณ์ที่ฉันควรจะได้เห็นด้วยเช่นกัน

    “โรงเรียนของเรา ได้รับความกรุณา และโอกาสอันดีจากกระทรวงเวทมนตร์ --- เมื่อเร็วๆ นี้เราได้รับจดหมายที่น่ายินดี จากวันนี้ไป --- อื้ม ขอเชิญคุุณพ็อตเตอร์ ---” เสียงของศาสตราจารย์มักกัลนากัลเอ่ย ฉันได้ยินชัดเต็มสองหู เพียงแต่ว่ายังหามุมที่จะมองไปข้างหน้าชัดๆ ไม่ได้ ฉันขยับโยกตัวไปมาอยู่หลายทีก็เห็นแต่ผ้าคลุมสีดำของเพื่อนนักเรียน ไม่ก็หัวใครต่อใครบ้างก็ไม่รู้ เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้น มีใครบางคนเดินขึ้นบนโพเดี้ยมแทนศาสตราจารย์มักกัลนากัล

     

    “คุณพระช่วย!” นัตตี้ร้อง ยกสองมือขึ้นปิดปาก เธอดูตื่นเต้นเอามาๆ ฉันยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ ฉันจึงตัดสินใจยืนขึ้นครู่หนึ่งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น --- ที่ด้านหน้า คุณพ็อตเตอร์กำลังยืนอยู่บนโพเดี้ยม ถึงแม้ว่าฉันจะเห็นเขาจากระยะที่ไกล แต่ฉันก็จดจำเขาได้ในทันที ‘แฮรี่ พ็อตเตอร์’ วีรบุรุษ ผู้ปลดแอกเหล่าพ่อมดแม่มดจากยุคมืด

    “นี่ --- นั่งลงได้แล้วน่า” เสียงอัลเลย์เรียก และชายแขนเสื้อของฉันถูกเขากระตุกสองสามที ฉันจึงนั่งลงตามเดิม เมื่อมองไปรอบๆ มีบางคนมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ --- แต่อย่างน้อยๆ ที่โต๊ะของฮัฟเฟอร์พัพ ฌอง ก็เป็นคนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่ และจากที่นับๆ ดู ก็มีหลายคนที่ยืนขึ้นเหมือนฉันเมื่อครู่

    “ไม่อยากจะเชื่อว่าฌองจะพูดจริง” อัลเลย์พูด สายตายังจับจ้องไปที่โพเดี้ยม

    “นั่นสิ่! สุดยอดไปเลยเนอะ ว่ามั้ย !” นัตตี้ตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอยิ้มเสียจนแก้มอมสีชมพู

    “แม่เจ้าโว้ย --- พ็อตเตอร์ตัวจริงเสียงจริงเลยงานนี้” รอยส์สมทบ

    ฉันเลิกพยายามจะชะเง้อคอมองไปข้างหน้า เพราะถ้าคุณพ็อตเตอร์จะต้องมาเป็นศาสตราจารย์ที่นี่จริงๆ อย่างไรเสียเราก็จะได้พบเขาในห้องเรียนอยู่ดี ฉันนั่งเท้าคางมองไปยังจานมันฝรั่งทอดพลางคิด

    ผู้ชายที่เป็นวีรบุรุษ --- ผู้ชายที่มีจุดยืนโดดเด่น มีตัวตนในหน้าประวัติศาสตร์ --- ในขณะที่ฉันนั่งอยู่ในฝูงชนคนมากมาย สวมเครื่องแบบที่แยกกันแทบไม่ออก เป็นเหมือนเม็ดฝุ่นในสนามฟุตบอลที่แม้แต่จะตั้งใจมองก็ยังไม่เห็น เสียงฮือฮายังคงดัง แต่ความตื่นเต้นของฉันกลับสวนทางลงเรื่อยๆ

     

    “สวัสดียามเย็น --- ทุกคน ---” คุณพ็อตเตอร์เริ่มพูด

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×