ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทฤษฎีพระจันทร์ยิ้ม และเรื่องสั้นอื่นๆ :)

    ลำดับตอนที่ #6 : VI : การฆ่าตัวตายครั้งที่ 8 ของแมวดำนำโชค

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 66


     



    VI
    การฆ่าตัวตายครั้งที่ 8 ของแมวดำนำโชค

     

     

     

    “ทำไมสภาพเป็นงั้นอะ ?” ฉันเอ่ยถามไซค์ที่นั่งสัปหงกอยู่ในห้องเรียนทั้งที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ที่หน้าชั้นเรียน เขาก็ยังคงหลับได้หน้าตาเฉย ฉันสะกิดเขาหลายครั้งกว่าจะยอมตื่นขึ้น...ให้ตายสิ

    “คุโระคุงนะสิ มันพยายามฆ่าตัวตายอีกแล้วอะ” ไซค์ตอบ คุโระคุงเป็นแมวเลี้ยงของไซค์ นั่นมันประหลาดใช่ไหมแมวจะฆ่าตัวตายได้อย่างไร แต่ฉันเห็นเขาพูดถึงเรื่องนี้มาราว ๆ สามเดือนได้แล้ว มันเป็นมุขตลกที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ฉันคิดว่าเขาเป็นคนแปลก ทุกคนคิดแบบนั้น ไซค์มักจะพูดอะไรที่คนอื่นไม่เข้าใจ มีอารมณ์ขันแบบเข้าไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ‘ปีเตอร์มีสมองขนาด 8 BIT’ หรือไม่ก็ ‘โมนาลิซ่าอาจมีปานที่ตูดก็ได้’ อะไรทำนองนั้น เขามักจะนั่งเงียบ ๆ แล้วจดบางอย่างลงในสมุดของเขา ไม่ก็เล่น PSP วินนิ่งเป็นส่วนใหญ่กิจกรรมก็เหมือนผู้ชายทั่วไปแต่ไม่สุงสิงกับใคร เหมือนจะเนิร์ด แต่ดูแปลกกว่าเนิร์ด

    “เอาอีกละ... แล้วมันพยายามฆ่าตัวตายยังไงล่ะ ?” ฉันถาม ในขณะเดียวกันไซค์ก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งจากการฟุบหลับของเขา

    “มันขังตัวเองในถังซักผ้าเมื่อคืน แต่โชคดีที่มันเปิดเครื่องซักผ้าไม่เป็น” พระเจ้าไซค์ แฟนตาซี !~ แมวจะฆ่าตัวตายด้วยการซักตัวเองในถังซักผ้าเนี่ยนะ คิดไปได้ เขามีมุขตลกเยอะแยะเกี่ยวกับแมว บางทีฉันก็สงสัยว่าเขาติดกัญชาหรือแอบพี้อะไรมาหรือเปล่า ถึงได้คิดอะไรเพ้อเจ้อเบอร์นั้น

    “มันอาจจะอยากอาบน้ำก็ได้นะ” ฉันตอบ อย่างไซค์ต้องเจออย่างฉันนี่แหละเหมาะ

    “มิสเฮอร์ลีน ยกตัวอย่างผลงานของเชกสเปียร์ที่คุณชอบให้ผมสักเรื่อง

    ได้ไหม” เสียงอาจารย์ดุ๊กปักกลางกบาลฉัน  ฉึก เลือดอาบไปถึงตาตุ่ม...

    “เอ่อ...” ฉันอ้ำอึ้งจะตอบ รู้สึกร้อนวูบวาบมองไปที่หน้าชั้นเรียน อาจารย์กำลังมองลอดแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมมาด้วยสายตาคาดหวังกึ่งบีบคั้นทางอารมณ์ ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยอ่านงานเช็กสเปียร์เลย แต่ว่าทำไมต้องถามฉันด้วย แต่ไหนแต่ไรฉันไม่ถนัดพูดอะไรทำนองนี้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ

    “แม็คเบ็ธค่ะ” ทำไมถึงเป็นฉัน ไม่ ทุกคนหยุดมองมาที่ฉันได้แล้ว !!

    “แล้วคุณล่ะ ? คุณเดนเวิร์ช” คราวนี้อาจารย์ดุ๊กเปลี่ยนเป้าหมายไปหาไซค์แทน ไซค์มองไปยังหน้าชั้นเรียนด้วยตาที่ยังไม่ตื่น เขายกมือขึ้นขยี้ตามิหนำซ้ำยังหาวหวอดออกมาแบบโจ่งแจ้งโคตร ๆ

    “เมื่อกี้คุณถามว่าอะไรนะครับ ?” ไซค์ถาม โอ้ พระเจ้าไซค์ !! นายเบรฟมาก !!

    “ผมบอกว่า ยกตัวอย่างผลงานของเชกสเปียร์ที่คุณชอบมาให้ผมสักเรื่องหนึ่ง” อาจารย์แทบจะกัดฟันถาม

    “แม็คเบ็ธครับ”

    “ทำไมถึงชอบล่ะ อธิบายซิ”

    “งั้นเปลี่ยนเป็นโอเทโลก็ได้”

    “งั้นก็อธิบายมาสักเรื่อง”

    “เอาเรื่องไหนดีครับ... ฮัดเช่ย !!!” ไซค์จามแตกออกมาเสียงดังอลังการ เล่นเอาฉันตกใจ ครู่หนึ่งเขาก็ยกหลังมือขึ้นถูจมูกไปมา เขาดูไม่มีกระจิตกระใจจะตอบคำถามของอาจารย์ดุ๊กเลยสักนิด

    “สักเรื่องเถอะคุณเดนเวิร์ช”

    “งั้นแม็คเบ็ธแล้วกัน ชอบเพราะว่าอะไรดี... ผมไม่ได้ชอบเช็กสเปียร์เท่าไหร่ครับ ถ้าตอบตามจริงคือผมเฉย ๆ กับทุกเรื่องของเชกสเปียร์ แต่ถ้าต้องเลือกเฉพาะเชกสเปียร์ก็คงเลือกแม็คเบ็ธ แค่นั้นแหละครับ” ไซค์ตอบ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากัน นิ่ง ๆ นาน ๆ ฉันหมายถึงอาจารย์ดุ๊กกับไซค์ใครกระพริบตาก่อนแพ้

    หลังหมดคาบเรียนฉันเดินตามหลังไซค์ไปเพราะเห็นว่าเขาลืมรูดซิปเป้ของเขา ไซค์ถูกสั่งให้เขียนเรียงความเรื่องวรรณกรรมของเช็กสเปียร์ เขาคงจะหงุดหงิดน่าดู

    “จะรีบไปไหนล่ะนั่น” ฉันตามไปจนทันก็รูปซิปกระเป๋าปิดคืนให้กับไซค์ เขาหันมองหน้าฉันครู่หนึ่งก็กลับไปจ้องจอ PSP ของเขาต่อ ไซค์สามารถเดินไปด้วยเล่นเกมไปด้วย ข้ามถนน กินข้าว ดูหนัง นั่งขี้ อ่านหนังสือสอบ ไปพร้อม ๆ กับเล่นเกมได้เชื่อไหม ? และเขาจะได้ยินทุกอย่างที่เป็นเรื่องสำคัญ ย้ำว่าเฉพาะเรื่องสำคัญ ถึงแม้ว่าเขาจะใส่หูฟังตลอดเวลาก็ตาม

    “นายพูดขอบคุณเป็นไหมเนี่ย ?” ฉันว่าเพราะเขาเอาแต่เล่นเกมอยู่นั่น

    “เออ ขอบคุณ” ไซค์ตอบห้วน ๆ ฉันรำคาญกับพฤติกรรมแบบนี้ของเขามาก บางทีฉันคิดว่าเขาแปลก และน่าสนใจ เขาเป็นคนหน้าตาดีพอใช้ จัดว่าหล่อเลยก็ยังได้ หล่อแต่สติไม่ค่อยจะดีนึกออกไหม ? และเพราะความไม่ใส่ใจโลกขั้นนี้ เขาถึงไม่มีเพื่อนไม่มีผู้หญิง ไม่มีอะไรสักอย่าง ขนาดตัวฉันเองยังรับไม่ไหวกับความไม่ใยดีโลกของเขา ฉันนึกเสียดายความหล่อของผู้ชายคนนี้เสียจริง

    ฉันหยุดเดินตามเขา และเขาก็ยังคงเดินต่อไปโดยไม่ใส่ใจ ดังนั้นฉันจึงแยกกับเขาตรงนั้นเพื่อจะไปขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ถ้ากลับไปถึงบ้านแล้ว ฉันคิดว่าจะไปรื้อหนังสือของเช็กสเปียร์ดูสักหน่อยเผื่อว่ามันจะช่วยอะไรไซค์ได้บ้าง ที่จริงก็ไม่ค่อยน่าช่วยเหลือเท่าไหร่เลยนะคน ๆ นี้


     

    02 : 40 (ตีสองสี่สิบนาที)
     

    เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ข้าง ๆ หู ใครมันช่างโทรมาปลุกในเวลาอย่างนี้ เมื่อคลำหาโทรศัพท์และเห็นสายที่โทรเข้ามาฉันก็ตื่นเต้นนิดหน่อย ยอมรับเลยว่าฉันสนใจไซค์อยู่นิด ๆ แบบว่าเขาน่ารักดี แต่ก็น่ารำคาญด้วยเหมือนกัน นึกออกไหม ฉันกดรับสายถึงจะโมโหที่เห็นเวลาตีสองสี่สิบบนโทรศัพท์ก็ตาม

    “ฮัลโหลเคท !! เธอตื่นอยู่รึเปล่า !?” ไซค์ตะโกนอัดจนหูแทบแตก กระเดือกหลุดออกมาหรือยังถามจริงพ่อคุณ ดังนั้นฉันจึงหันไมโครโฟนจ่อปากแบบระยะประชิดหายใจเข้าลึก ๆ จนแน่นปอดจากนั้น...

    “แล้วนายจะตะโกนทำมายยย !!!?” เขาเรียกว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เอาให้ขี้หูผลุดกลับเข้าไปในสมองเลย ดี สมน้ำหน้า

    “คุโระคุงมันฆ่าตัวตายอีกแล้ว ! นี่ครั้งที่ 7 แล้วนะ !!” ใช่ นี่ครั้งที่ 7 แล้วที่นายโทรมาปลุกฉันด้วยด้วยเรื่องแมวจะฆ่าตัวตาย ถ้าจำไม่ผิดครั้งล่าสุดนายโทรมาตอนตี 4 และบอกว่าแมวของนายพยายามกระโดดลงจากต้นสนจูนิเปอร์เพื่อฆ่าตัวตาย... สนจูนิเปอร์บ้าบอคอแตกอะไรวะ ! กระถางบอนไซหลังบ้านนายเองหรือเปล่า ! นี่พี้กัญชามาใช่ไหม !!?

    “นายควรจะนอนได้แล้วนะ นี่มันจะตี 3 อยู่แล้ว” ฉันต้องใช้ความใจเย็นเบอร์ไหนถึงพูดแบบนี้ได้ คิดดู ?

    “ฉันควรทำยังไงดีเคท ! มันตายอีกแล้ว มันตายครั้งที่ 7 แล้วนะ ... เธอ ! เธอมาช่วยหน่อยได้ไหมฉันดูคนเดียวไม่ไหวแล้ว คืนนี้มันต้องฆ่าตัวตายครั้งที่ 8 แน่ๆ !!” เขาตะโกนเสียงดัง

    “ห๊า !?” เดี๋ยวนะ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดไซค์กำลังโทรมาปลุกฉันเพื่อบอกให้ฉันไปหาเขาที่บ้านในเวลาตีสอง สี่สิบนาที ใช่ไหม ด้วยเรื่องแมวพยายามจะฆ่าตัวตาย เท่าที่จำได้คือไซค์บอกว่าเขาอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นแปลว่าถ้าฉันออกไปหาเขาก็จะมีแค่ฉันกับเขางั้นสิ ? ช่างเป็นข้อเสนอที่สุ่มเสี่ยงและล่อแหลมอะไรอย่างนี้ !

    “ฉันไม่รู้จะโทรหาใครแล้วนอกจากเธอ” เสียงเขาเบาลงแต่ฟังแล้วรู้สึกใจเต้นแรงดีแท้

    “ฉันรู้ว่ามันแปลก แต่เธอช่วยออกมาหน่อยได้ไหม ?” เอายังไงดี ได้ หรือ ไม่ได้ ถึงฉันจะแอบชอบเขาอยู่หน่อย ๆ แต่ให้ออกไปหาที่บ้านตอนดึก ๆ นี่มันจะไม่ล่อแหลมไปหน่อยเหรอ ? เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วฉันยังหลับสบาย ฝันว่าหย่อนเท้าจุ่มน้ำที่ฟลอริดาอยู่เลย แล้วตอนนี้ฉันตื่นมาเจอเรื่องอะไรเนี่ย ?

    “ถนน 6 นะ บ้านเลขที่ 144 เยลโลวกรีนปาร์ควิลเลจ ฉันจะรอฟังกริ่ง” นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ไซค์จะตัดสายไปแล้วทิ้งบรรยากาศหนักขนาด 1,000 ตันทับฉันจนแทบดิ้นตาย


     

    03 : 50 (ตีสามห้าสิบนาที)

    ฉันเข็นรถจักรยานไปตามถนนของหมู่บ้าน จนกระทั่งถึงบ้านเลขที่ 144 ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าฉันจะมาถึงที่นี่จนได้ บนถนนมืดสลัวมีไฟทางของหมู่บ้านอยู่เป็นบางจุดแต่ก็ยังมืดอยู่ดี ฉันกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้นอีกนิดเพื่อหลบหลีกความหนาว ก่อนที่จะกดกริ่ง ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ราวหนึ่งนาทีทุกอย่างเงียบ ฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว ฉันจึงกดกริ่งอีกครั้ง ให้ตายเถอะพระเจ้าไซค์ !

    “ขอโทษทีนะ” ประตูเปิดทันควัน ไซค์หอบแฮกเนื้อตัวมอมแมมหน้าของเขาเปราะฝุ่นดำ ๆ เต็มไปหมด และดูเหมือนว่าจะเหงื่อท่วมตัวด้วยทั้งที่อากาศหนาวขนาดนี้

    “นายทำอะไรอยู่น่ะ” ฉันละสงสัยจริงจัง

    “จับคุโระคุงน่ะสิ เข้ามาก่อนสิ” เขาพูดพลางเปิดประตูบ้านให้กับฉัน โอ้พระเจ้าไซค์ หัวใจฉันเต้นแรงนี่มันเหมือนกับชอยส์ในเกมระหว่าง Yes กับ No เลยไม่ใช่เหรอ ไซค์ยังคงหอบแฮกอยู่ที่ประตู เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงนอนขายาว เป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเท่าไหร่ ปกติเขามักจะสวมเสื้อมีฮูดทับเสื้อยืดเสมอ ฉันเดินผ่านเขาเข้าไปในบ้าน ข้างในนี้อุ่นกว่ามาก

    “ฉันยังจับคุโระคุงไม่ได้เลย” เขาพูดจากนั้นก็ปิดประตูแล้วเดินจ้ำอ้าวโดยไม่สนใจว่าฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ จะตอนไหนหรือเมื่อไหร่นายก็เป็นแบบนี้เสมอเลยไซค์ นายไม่เคยสนใจเลยว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้...

    ฉันเดินตามหลังเข้าไปในห้องใหญ่ของบ้าน และ โอ้พระเจ้าไซค์ !! เขากำลังมุดหัวเข้าไปในเตาผิง และดูเหมือนพยายามจะปีนเข้าไปในปล่องไฟ ! ฟืนในเตาผิงยังมีควันระอุ ฉันเดาว่ามันถูกสาดด้วยน้ำเพราะมีกระแป๋งน้ำกลิ้งอยู่บนพื้นห้อง และพรมลายเถามะกอกก็เปียกชุ่ม ฉันตะโกนลั่น จ้ำไปลากเขาออกมาจากปล่องไฟ ฉันคิดว่าเขาควรต้องไปหาหมอ บำบัดเลิกยา หรือไม่เขาอาจเป็นโรคประสาทก็ได้ หรือฉันควรโทรแจ้งตำรวจดีถ้าเขาเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไง ?

    “เธอทำอะไรเนี่ย !?” เสียงไซค์ตะโกนอื้ออึงอยู่ในปล่องไฟ ในขณะเดียวกันฉันก็พยายามดึงเสื้อของเขาเพื่อลากเขากลับออกมาจากปล่องไฟนั้นที่แขนของเขามีรอยถลอก และรอยไหม้ ที่เท้าของเข้าแม้จะสวมรองเท้าผ้าใบแต่ขากางเกงยังมีรอยไหม้ทะลุไปถึงผิวหนัง ตอนแรกฉันไม่ทันสังเกตุเห็นเลย แต่ตอนนี้ชัดเจนเต็มสองตา

    ป้อก !

    “โอ๊ย !.. อะไรของเธอเนี่ย !?” ไซค์ตวาดลั่นเพราะฉันลากเขาออกมา และบังเอิญไปหน่อยที่หัวเขาโขกกับขอบของช่องเตาผิง อะไรจะพอดีปานนั้น... เขายืนเกาหัวปอย ๆ มองมายังฉัน หน้าเขาก็ดูไม่เหมือนคนเมาเท่าไหร่เลย

    “แล้วนายทำอะไร มันอันตรายนะรู้ไหม !?”

    “ก็บอกไปแล้วไงว่าตามจับคุโระคุงอยู่ เธอได้ฟังบ้างไหมเนี่ย ?” คุโระคุง อีกแล้ว แมวที่ไหนมันจะไปฆ่าตัวตายกัน แล้วมันจะเข้าไปอยู่ในปล่องไฟทำไม ! ถึงจะเป็นนายแต่นี่มันก็แปลกเกินไปแล้วนะ !

    “นายไม่ได้เสพอะไรใช่ไหม ?” ฉันตัดสินใจถามไปตรง ๆ

    “.......”  เขากลับเงียบไป สายตาที่มองมานิ่งงันจนฉันหนาววาบ...และนี่คือเดธแอร์... หลังจากที่เขาไม่ตอบอะไรสักอย่าง เขาก็หันกลับไปยังปล่องไฟ และมุดหัวเข้าไปในเตาผิงอีกครั้ง พระเจ้าไซค์ ฉันควรทำยังไงดี ไซค์ไม่เคยมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อน ไม่ว่าเขาจะเมินโลกยังไงแต่สายตาเมื่อครู่มันเหมือนโดนมีดเก่าคร่ำสนิมเขรอะเสียบทะลุหัวใจ ไซค์กำลังคิดอะไรอยู่ฉันได้แต่เดา ฉันไม่กล้าแม้จะเข้าไปจับตัวเขาอีกแล้ว ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

    เกิดอะไรขึ้นกับไซค์ ... แล้ว... เกิดอะไรขึ้นกับฉัน

    เสียงก๊อบแก๊บของไม้ฟืนแตกอยู่ในเตาผิง ไซค์ยืนเหยียบอยู่บนไม้ร้อนระอุ ฉันกลัว ไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่กลัวมาก นี่มันไม่เหมือนกับที่ฉันคิดเอาไว้เลยสักนิด ในขณะที่จ้องมองฉันได้ยินเสียง 


     

    เสียงแมว !

    อีกครู่หนึ่งเขาขยับตัวก้มหัวออกมาจากปล่องไฟของเตาผิง ในอ้อมแขนอุ้มแมวดำตัวใหญ่ท่าทางมอมแมม ฉันตะลึงงันอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พูดโกหกเรื่องแมวในเตาผิง แต่ฉันสงสัยว่ามันฆ่าตัวตายจริงเหรอ !

    “นายจะบอกว่ามัน...”

    “ช่างมันเถอะ” เขาพูดห้วน ๆ อีกแล้ว แต่ทำไมคราวนี้ฉันรู้สึกหนักเหมือนแบกอะไรสักอย่าง มันหนักมาก ๆ ฉันมองตามเขาที่เดินกะเผลกไปนั่งยังโซฟาแมวดำตัวอ้วนนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา มันส่งเสียงครางงึมอยู่ในคอ ที่ข้อเท้าของไซค์มีเลือดไหลซิบ ไม่แน่ใจว่าถูกไม้ตำหรือว่าเป็นแผลไฟลวก

    “เกิดอะไรขึ้น ?” ฉันถามพลางมองไปที่เขา

    “นี่ครั้งที่ 8 แล้ว...” ไซค์กล่าว ในขณะที่มองไปยังเขา ฉันพยายามหาช่องว่างในสมองของตัวเอง และขยายมันออกเพื่อที่จะรับข้อมูลของไซค์ บางทีคนที่มีสมอง 8 BIT อาจไม่ใช่ปีเตอร์ แต่เป็นฉันเอง

    “เธอหมายถึงที่คุโระคุงฆ่าตัวตายเหรอ” ฉันถาม นี่ฉันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ ....

    “ฉันไม่ได้เมาหรืออะไรทั้งนั้น ถ้าเธอไม่เข้าใจก็ไม่แปลกหรอก เพราะฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เขาบอก มันเริ่มจะไม่ตลกแล้ว ฉันแยกไม่ออกแล้วว่าเขากำลังอำด้วยมุขแมว ๆ เหมือนทุกทีหรือว่าเขากำลังพูดจริงจัง ฉันมองไม่เห็นหน้าของเขา เพราะเขาก้มหน้าลงและเอาแต่ลูบหัวคุโระคุง ในใจฉันได้แต่ร้องตะโกนบอกว่า หยุดเถอะไซค์ได้โปรดเลิกเล่นตลกเสียที

    “คุโระคุง...หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย” เสียงของไซค์เบามาก ๆ เบาจนเหมือนเขากำลังร้องไห้... ฉันยืนมองเขาจากตรงนี้ ผู้ชายคนนั้นกำลังกอดแมวสีดำและเริ่มร้องไห้อยู่ข้างใน ไม่มีน้ำตา แต่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะขาดใจ ฉันเดินเข้าไปใกล้ ๆ ย่อตัวนั่งลงที่พื้นตรงหน้าของเขา สีหน้าไซค์ดูไม่ดีเลย มันบีบหัวใจฉัน ณ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาเศร้าด้วยเรื่องอะไร เจ้าแมวอ้วนตัวดำนอนนิ่ง มันดูไม่ได้บาดเจ็บเท่าไหร่ ฉันวางมือลงบนเข่าของเขาเบา ๆ โดยที่ไม่พูดจา ตอนนี้เหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่มากติดอยู่ข้างในคอ มันเจ็บจนฉันพูดอะไรไม่ออก

    “มันเกิดอะไรขึ้นไซค์... ฉัน... ฉันไม่เข้าใจ เธอบอกว่าคุโระคุงพยายามฆ่าตัวตาย แต่ว่า...” แต่ว่าแมวจะฆ่าตัวตายได้ยังไง มันเป็นสัตว์นะ

    “เธอเชื่อเรื่องคำสาปไหม...” ไซค์กล่าว


     

    05 : 00 (ตีห้า)
     

    ฉันนั่งอยู่บนพื้นห้อง ที่ตักมีเท้าของไซค์วางอยู่ มันถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด เขายังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาและกอดคุโระคุงเอาไว้ไซค์บอกกับฉันว่าเขาได้รับคุโระคุงมาจากนักบวชชาวญี่ปุ่นผู้หนึ่งสมัยที่เขายังเป็นเด็ก มันเป็นแมวสีดำนำโชค นักบวชบอกกับเขาว่าคุโระคุงจะนำโชคมาให้เมื่อหมดวาระในชีวิตทั้ง 9 นั่นหมายความว่าคุโระคุงจะสามารถตายได้ 9 ครั้ง และเมื่อครั้งที่ 9 มันจะตายอย่างถาวรดังนั้นการตายครั้งที่ 8 ของคุโระคุง จะเป็นการฟื้นขึ้นมาจากความตายครั้งสุดท้ายของมัน

    “แต่ฉันไม่เข้าใจ แล้วทำไมมันต้องพยายามฆ่าตัวตายด้วย ?” ฉันถาม เรื่องเล่าของไซค์ทำให้ฉันสับสนเหมือนถูกทุบหัวด้วยไม้เบสบอลทุกอย่างปนกันจนฉันแยกไม่ออกว่าฉันเป็นบ้า หรือว่าเขาพูดเรื่องจริง เรื่องเล่าของเขามันฟังดูเหมือนตำนานกลวง ๆ จากเว็บครีพปี้พาสต้า ไร้สาระเชื่อถือไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นท่าทีที่เขาแสดงออกมา ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง ฉันกำลังเป็นบ้าเหมือนกับไซค์ ฉันเป็นบ้า อย่างไม่ต้องสงสัยเลย 

    “เพราะมันเป็นแมวนำโชค”  เขาตอบ

    “หมายความว่ายังไง ?”

    “หลวงพ่อโคมุระบอกว่า มันจะนำโชคมาให้เมื่อหมดอายุขัย มันเป็นแมวนำโชคที่อายุยืนมาก มันไม่เคยป่วยเลยตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีแมวที่ไหนจะอายุยืนยาวขนาดนี้หรอก มันเป็นแมวหนุ่มมา 17 ปีเต็มแต่พักหลัง ๆ มานี้มันเริ่มพยายามที่จะฆ่าตัวตาย... ใช่ เพื่อจะนำโชคมาให้ฉัน” ไซค์พูดและขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา เขาเดินกะเผลกออกจากห้องโดยที่ยังอุ้มคุโระคุงเอาไว้ ฉันจึงลุกขึ้นเดินตามเขาไป ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเดินตามเขา ไม่ได้มีสัญญาณอะไรบอก และเขาไม่ได้เอ่ยปากเรียกด้วยซ้ำไป เมื่อเดินตามไซค์ออกจากห้องนั่งเล่นแล้ว เขาเดินต่อไปตามทางแคบ ๆ และเลี้ยวตรงหัวมุมติดกับห้องน้ำ ฉันเห็นเขาหยุดยืนมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ฉันจึงเดินตามเขาไปภายนอกหน้าต่างนั้น ฉันจับจ้อง... ต้นสนจูนิเปอร์สูงราว ๆ 10 เมตรตั้งตระหง่านอยู่ในสวนรกชัฏของหมูบ้านเยลโล่วกรีนปาร์ค นั่นทำให้ฉันนึกถึงคืนหนึ่งที่เขาโทรมาบอกกับฉันว่าคุโระคุงพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงจากสนจูนิเปอร์...มันมีอยู่จริง ๆ 

    ...ฉันไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนโกหก หรืออะไรเป็นมุขตลก

    “แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีถ้าอย่างนั้น โชคอะไรที่มันจะนำมาให้ในเมื่อนายก็ต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้” ฉันถามและมองออกไปยังสนจูนิเปอร์ที่นิ่งสงบ พยายามจินตนาการภาพที่คุโระคุงทะยานตัวลงมาจากยอดไม้ ดิ่งลงสู่พื้นดิน... ฟ้าเริ่มมีสีชมพูราง ๆ พระอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า

    “เธอไงล่ะ” ฉันหันกลับไปมองที่เขา และเขาก็หันกลับมามองที่ฉันเช่นกัน

    คุโระคุงฆ่าตัวตายครั้งที่ 8 ด้วยการโยนตัวเองเข้าไปในปล่องไฟ ฉันยืนอยู่ตรงหน้าของผู้ชายที่บ้าที่สุดในโลก ณ ตอนนี้เป็นเวลาตีห้า สิบเก้านาที คุโระคุงสิ้นใจ... มันเพียงแค่หลับไปในอ้อมแขนของเขาและไม่ตื่นขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 9 หรือ 10 ไซค์บอกกับฉันว่ามันพยายามกลั้นใจตาย เขารู้ดีตลอดเวลาที่เขาอุ้มมันอยู่ในอ้อมแขน มันพยายามฆ่าตัวตายครั้งที่ 9 ดังนั้นเขาจึงพูดว่า ‘คุโระคุง.. หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย’

    เราสองคนออกมายังสวนของหมู่บ้านเยลโล่วกรีนปาร์ค เวลาตีห้าสามสิบเก้านาที ร่างของคุโระคุงถูกผืนดินโอบอุ้มเอาไว้ เราช่วยกันฝังมันที่ใต้ต้นสนจูนิเปอร์ แสงสีชมพูทาทับท้องฟ้า อากาศหนาวเหน็บจนร่างกายของเราเจ็บปวด ฉันแตะที่ไหล่ของไซค์เบา ๆ เพียงแค่อยากให้เขารู้ว่าฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ ใบหน้าของเขาปราศจากน้ำตา แต่ฉันรู้ดีว่ามันไหลเป็นทางอยู่ข้างใน

    ตีห้าห้าสิบเก้านาที ทุกอย่างเงียบงัน โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่และว่างเปล่าเหลือเกิน เราเป็นเพียงเม็ดฝุ่นในลานกว้างไร้ที่สิ้นสุด... แสงรำไรสาดส่องทั่วพื้นที่ ดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่ภายใต้หมอกเมฆทุกอย่างกลายเป็นสีฟ้านวล อบอวลและอมชมพู ไซค์จับแขนของฉันเอาไว้เบา ๆ เรายืนมองหน้ากันโดยไม่พูดจา เขาใช้สายตาเศร้า ๆ คู่นั้นตั้งคำถามบางอย่างกับฉันและฉันตอบว่า ได้ โดยไม่ปริปากใด ๆ เราปล่อยให้ร่างกายของเราได้พูดคุยกัน ภายใต้ความเงียบงัน ความโศก เศร้า และเหน็บหนาว... ไออุ่นของเขาขยับเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากอบอุ่นแนบชิดกัน ฉันล่องลอยไปไกลแสนไกล


     

    คุโระคุง...

    เธอคือแมวนำโชคอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่เธอนำโชคมาให้ฉันหรือไซค์ ข้อนี้ไม่มีใครรู้ได้เลย 


     

    คุโระคุง...

    จากนี้ไปฉันจะมาเยี่ยมเธอที่นี่ บ่อยเท่าที่ฉันจะทำได้เลยนะ...





     แด่่
    แมวนำโชคผู้เสียสละเพื่อความรัก
    - แ ม ว จ ร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×