ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] The Witchcraft Alphabet

    ลำดับตอนที่ #5 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๕ : หัวขโมย และ ข้อสงสัยของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 66


     

    บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๕

    หัวขโมย และ ข้อสงสัยของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น


     

      

    “นักเรียนฟังทางนี้ ”

    เสียงศาสตราจารย์มักกัลนากัลดังจากโพเดี้ยม ฉันวางแก้วน้ำสัปประรดลงบนโต๊ะและพยายามทำให้ใบหน้าของตัวเองกลับมาเป็นปกติ --- ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆ ถึงดื่มมันได้โดยไม่รู้สึกถึงความเปรี้ยวที่มากเกินไป

    “นักเรียนตั้งแต่ชั้นปีที่ 4 เป็นต้นไป วิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดจะถูกย้ายไปเรียนกับคุณพ็อตเตอร์ และสำหรับนักเรียน --- ” ยังไม่ทันที่ศาสตราจารย์มักกัลนากัลจะพูดจบดี พวกเด็กตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 3 ก็ส่งเสี่ยงโห่ร้องกันระงม ครู่หนึ่งเสียงเคาะที่โพเดี้ยมก็ดังขึ้น

    “ เงียบ --- ” ศาสตราจารย์มักกัลนากัลออกคำสั่ง พวกเด็กๆ จึงเบาเสียงลง

    “สำหรับนักเรียนตั้งแต่ปี 1 ถึง ชั้นปีที่ 3 ให้ยึดตามตารางเรียนเดิม” หลังศาสตราจารย์มักกัลนากัลกล่าวจบ เสียงพึมพรำของพวกเด็กก็ยังดังไม่ขาดสาย ฉันขยับตัวมองไปยังโพเดี้ยมด้านหน้า คุณพ็อตเตอร์กำลังนั่งมองไปที่ศาสตราจารย์มักกัลนากัลด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ถึงฉันจะอยู่ห่างจากเขาจนแทบมองไม่เห็นสีหน้าแล้วก็ตามที

    “ยังไงซะพวกปี 3 ก็คงต้องเหวี่ยงเป็นธรรมดา” รอยส์บ่นอย่างเสียมิได้

    “ยังไงซะนายก็ไม่ได้อยู่ปี 3 แล้วน่า” อัลเลย์กล่าวสมทบ

    “เธออยากได้น้ำเปล่าไหมอัล” นัตตี้เอ่ยถาม ฉันพยักหน้ารับและเธอลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อเอื้อมมือไปหยิบเหยือกน้ำเปล่าที่อยู่ห่างจากเธอไปนิดหน่อย ฉันคิดว่านัตตี้คงเห็นหน้าฉันตอนที่จิบเอาน้ำสัปประรสนี่เข้าไป

    “และเมื่อเร็วๆ นี้ เราได้รับคำแจ้งเตือนจากทางกระทรวง เรื่องที่พักนี้มียาต้องห้ามถูกจำหน่าย --- อย่างไรเสีย ในฉันก็อยากจะพูดได้เต็มปากว่า ฮอกวอตส์ปราศจากสิ่งเหล่านั้นอย่างแน่นอน --- แต่ก็ --- เกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น --- เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นแจ้งมาว่ามีวัตถุดิบปรุงยาบางตัวหายไป และเป็นวัตถุดิบที่ต้องสงสัยเสียด้วย --- ถึงอย่างนั้นมันอาจเป็นเพียงการเล่นซนของเด็กๆ หรือมันอาจถูกนำไปปรุงยาขับลมก็ได้ ---”

    ทั้งที่ศาสตราจารย์มักกัลนากัลยังพูดไม่จบดี พวกนักเรียนต่างพากันส่งเสียงหัวเราะ

    “แต่ถึงอย่างนั้น --- การขโมยก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง” ฉันได้ยินประกาศชัดทุกถ้อยคำ --- พักนี้เรื่องยาที่มีโทษผิดกฎหมายร้ายแรงเริ่มระบาดขึ้นเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำทางกระทรวงก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อหาตัวเดอะไวเปอร์ ทั้งร้านขายวัตถุดิบปรุงยาก็เริ่มมีพวกคนจากกระทรวงเข้าไปสอดส่องดูแล  และนั่นทำให้บางครั้งฉันต้องลักลอบนำวัตถุดิปออกจากห้องเก็บของของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น --- ถึงฉันจะชอบเขามาก แต่มันก็มีความจำเป็น

    “อยากจับให้ได้ชะมัดเลย ไอ้เดอะไวเปอร์อะไรนั่นน่ะ” รอยส์กล่าว

    ฉันหันไปมองพร้อมกับรอยยิ้ม ฉันรู้ตัวว่ากำลังยิ้ม แต่ภายในนั้นอาจเป็นการหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ก็ได้ --- ทั้งนัตตี้ รอยส์ อัลเลย์ หรือแม้แต่ซีน ทุกคนต่างมีทางเดินเป็นของตัวเอง พวกเขาเก่ง ฉลาด โดดเด่นกันไปคนละรูปแบบ ถ้าเทียบกับฉันที่มองเผินๆ ก็หาจุดเด่นอะไรไม่ได้ พวกเราก็เหมือนอยู่กันคนละโลก

    “ถ้าได้ 50,000 เกลเลี่ยนนายจะเอาไปทำอะไร” รอยส์หันไปถามอัลเลย์

    “ไม่รู้สิ ไม่เคยคิดเรื่องลมๆ แล้งๆ พรรนั้นเลย” อัลเลย์ตอบ และนัตตี้ส่งเสียงหัวเราะขึ้นในขณะเดียวกันนั้นเธอกำลังรินน้ำเปล่าใส่แก้วใบใหม่ให้แก่ฉันด้วย ฉันจ้องมองสายน้ำที่ไหลรินลงในแก้วทองเหลือง และพยายามที่จะเก็บรักษารอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า

    “แล้วถ้าเป็นเธอล่ะอัลลี่ เธอจะเอาไปซื้ออะไร” รอยส์ถาม

    ฉันฟังคำถามและนิ่งเงียบ ครู่หนึ่งละสายตาจากแก้วน้ำทองเหลืองไปยังเขา --- ทำไมคำถามมันถึงถูกเปลี่ยนจาก เอาไปทำอะไร กลายเป็น เอาไปซื้ออะไรเสียได้ --- เพราะถ้าถามแค่ว่าเอาไปทำอะไรฉันคงยังพอตอบได้ แต่ถ้าถามว่าเอาไปซื้ออะไร ---
     

    “ฉันไม่คิดว่าของที่ฉันอยากได้จริงๆ --- มันจะซื้อได้ในราคา 50,000 เกลเลี่ยนหรอกนะ ---” ฉันตอบ

    หลังการประกาศเรื่องตารางเรียนจบลง การประกาศเรื่องการขอความร่วมมือของกระทรวงก็เข้ามาแทนที่ ในเวลานี้แม้แต่ฮอกวอตส์ก็ยังถูกจับตามอง ในขณะที่อาหารค่ำดำเนินไป ฉันกลืนอาหารลงคอได้ยากเย็นกว่าทุกที --- ในบรรยากาศที่อบอุ่นและครื้นเครง ฉันรู้สึกเหมือนเหยีบอยู่ในกรงขังไปแล้วครึ่งหนึ่ง

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันอยู่ในเงามืด ไร้ตัวตน ไม่โดดเด่นแม้แต่สักน้อย และสิ่งเหล่านั้นถูกเรียกว่าความปกติ และเชื่อเถิดว่า ความปกติคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ...


     
     

     

     


     

    “โดยปกติแล้ว เราจะได้เรียนเรื่องกรินดี้โลว์ตั้งแต่ตอนปีสาม แต่คงด้วยเหตุผลบางอย่างถึงต้องสลับเอามาเรียนเสียป่านนี้” เสียงศาสตราจารย์พ็อตเตอร์กล่าว

    ภายในห้องเรียนมืดทึม มีเพียงแสงไฟสีเขียวอ่อนกำลังส่องสะท้อนจากแท้งตู้กระจกทรงกระบอกที่ถูกตั้งเอาไว้ตรงกลางห้องเรียน เด็กนักเรียนยืนมุงดูสิ่งที่เคลื่นอไหวอย่างเชื่องช้าอยู่ด้านใน

    “พวกมันอาจเป็นอันตรายได้ ถ้าหาว่าไม่ระมัดระวังให้ดี” ศาสตราจารย์พ็อตเตอร์ยังคงอธิบาย และฉันจ้องมองตู้กระจกทรงกระบอกขนาด เมตร X 2เมตร ภายในมีเจ้าตัวกรินดี้โรว์ลอยเคว้งคว้างอยู่ในน้ำสีเขียวโปร่งใส ใบหน้าของมันคล้ายกำลังหงุดหงิด บางครั้งมันทำเหมือนกระฟัดกระเฟียดใส่เหล่านักเรียนที่กำลังจ้องมันตาไม่หระพริบ

    “อย่างกับปลาหมึกเลยเนอะว่าไหม” รอยส์กล่าว

    “แต่ฉันไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่กินได้หรอกนะ” ฉันตอบโดยไม่หันไปมอง เจ้ากรินดี้โลว์หมุนตัวลอยเคว้ง สะบัดหนวดของมันไปมา ครู่หนึ่งมันพุ่งเอาหน้าชนเข้ากับกระจกตู้จนเสียงดังป้อก ฉันสะดุ้งสุดตัว และมันยังคงสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่ฉันไม่หยุดหย่อน

    “สงสัยมันจะถูกใจเธอเข้าแล้วนะ” เสียงคุณพ็อตเตอร์ดังขึ้นที่ด้านหลัง ฉันจึงหันไปมอง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันมองเห็นเขาในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ใบหน้าคุ้นชินทั้งที่ไม่เคยได้พบเจอกันมาก่อน แต่กลับคุ้นชินเสียยิ่งกว่าญาติสนิท ฉันมองเห็นรอยแผลเป็นที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้เส้นผมของเขา และแววตาเบื้องหลังกระจกแว่นเป็นสีฟ้าสุกใส --- 

    “เอ่อ ---- ”

    “เธอรู้ไหมเราจะหาตัวมันได้จากที่ไหน” คุณพ็อตเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงแบบศาสตราจารย์

    “---- เอ่อ ---- ทะเลสาบค่ะ ----” ฉันรู้คำตอบดี เพียงแต่ว่าการเอ่ยคำตอบอย่างทันทีทันใดต่อหน้าเขาก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากอยู่ไม่น้อย

    “ถูกต้อง” เขากล่าว จากนั้นเดินวนไปยังอีกฝั่งของตู้กระจก เสียงของเขายังคงดังอย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงของศาสตราจารย์ผู้พร่ำสอน ฉันมองเห็นเขาผ่านตู้กระจกสีเขียวโปร่งแสง ภาพนั้นทำให้ฉันรู้สึกคล้ายกับว่า อีกฟากหนึ่ง ณ จุดที่เขายืนอยู่นั้น ถูกชโลมไปด้วยคำสาปพิฆาต

    “สุดยอดไปเลยเนอะว่าไหม !~” เสียงทักดังที่ข้างหูฉันสะดุ้งอีกครั้ง

    “ฉันรู้สึกดีใจที่ได้โตก็วันนี้แหละ” เมื่อหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นคือ ฌอง ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง และรอยส์ส่งสายตายเชิงรำคาญใส่ฌองเสียเต็มประดา เพราะเจ้าหนุ่มณองแทรกตัวเข้ามาระหว่างช่องว่างของฉันกับรอยส์พอดิบพอดี เขามักทำอย่างนี้เสมอ ซึ่งบางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันค่อนข้างน่ารำคาญ

    “อาหะ” ฉันตอบแบบส่งๆ

    “เธอดูไม่ค่อยดีเลยนะ --- ตั้งแต่มื้อค่ำเมื่อวานแล้ว” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา น่าแปลกที่เขาดูจะสังเกตเห็นและรู้มากไปเสียทุกเรื่อง และฉันไม่ชอบใจเลย ไม่ใช่ไม่ชอบใจเขา แต่เป็นเพราะคนที่รู้มากเกินไปมักจะน่ารำคาญ และนำความเดือดร้อนมาให้เสมอ

    ในขณะที่จ้องนัยน์ตาของฌอง เสียงตู้กระจกก็ดังลั่นอีกครั้ง ฉันและฌองสะดุ้งพร้อมๆ กันนั้นก็หันไปมอง เจ้ากรินดี้โลว์อาละวาดใช้หัวพุ่งชนกระจกเสียยกใหญ่

    “เจ้าตัวนี้แสบเอาเรื่องเลยนะ” ณองว่า

    “ฉันว่ามันคงหงุดหงิดอยู่นะ มันถูกขังในนั้น แต่พวกเราเดินไปเดินมาอยู่ข้างนอกนี่” ฉันกล่าว มองไปที่เจ้ากรินดี้โลว์ตัวน้อย มันยังคงแสดงทีท่ากระฟัดกระเฟียดไม่หยุด

    “นั่นสินะ” ณองกล่าว จากนั้นหันกลับไปมองที่เขา ผิวขาวและผมสีทองถูกแสงของตู้กระจกสาดสะท้อนจนกลายเป็นสีเขียว ราวต้องคำสาป และฉันไม่ชอบเอาเสียเลย สีเขียวที่ทำให้ทุกอย่างราวกับถูกต้องคำสาป ครู่หนึ่งในขณะที่จ้องมองนัยน์ตาคู่นั้น ฉันคล้ายมองเห็นเขาเป็นซากศพที่หยุดนิ่งไร้ลมหายใจ จนกระทั่งเขากระพริบตา ฉันจึงหลุบสายตาลงมองที่พื้นเพื่อหยุดความคิดอันหาที่มาที่ไปไม่ได้ ครู่หนึ่งฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวฉันก็ยังไม่อาจเข้าใจ

    “ทำไมอ่ะ --- มีอะไรติดหน้าฉันเหรอ” ฌองถามพร้อมยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าตัวเอง

    ฉันมองท่าทีของเขา และเริ่มหัวเราะ

     


     

     

     

    เมื่อคาบเรียนสุดท้ายจบลง ฉันแยกทางกับพวกเพื่อนๆ พวกเขาไม่รู้ว่าฉันหายไปที่ไหน และไม่รู้แม้กระทั่งว่าฉันหายไปเมื่อไหร่ ในระหว่างทางเดินออกจากห้องเรียนเพื่อกลับไปยังห้องนั่งเล่นบ้านสิริธีริน ฉันก็แอบแยกตัวออกมาอย่างเงียบๆ

    ที่โถงทางเดินใต้ดินมืดทึม ฉันมองทางซ้ายทีหนึ่งและหันไปที่ด้านขวา มองจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองป้ายหน้าห้องเก็บวัตถุดิบปรุงยาฉันก็ผลักบานประตูเข้าไปด้านในด้วยความเร่งรีบ สายตาของฉันมองหาส่วนผสมที่ต้องการและรีบคว้ามันออกมาจำนวนหนึ่ง ฉันซุกมันเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุม และด้วยความรวดเร็วฉันผลักประตูออกมา กลับสู่ทางเดินราวกับว่าฉันไม่เคยย่ำเท้าเข้าไปด้านในมาก่อน

    เสียงก้องของพื้นรองเท้าที่กระทบระงมไปทั่วโถงทางเดิน ฉันเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นอีกเพื่อจะหลุดพ้นจากบริเวณที่น่าสงสัย ด้านหน้าอีกราวๆ 20 เมตร มีกลุ่มนักเรียนบ้านเรเวนคลอเดินออกมาจากหัวมุมทางแยก ฉันยิ่งเร่งฝีเท้า 

    “คุณเบรเวอร์” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง

    เสียงของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น --- ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกถีบลงจากหน้าผาที่สูงชัน และอีกไม่กี่วินาทีจากนี้ ฉันจะตกกระทบลงบนพื้นหินโสโครกที่หวาดกลัวมาโดยตลอด ---

    --- ฉันจะเจ็บปวด ---- และตายอย่าน่าเวทนา ในที่สุด

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×