คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๔ : ไม้พยศ และเบาะแสจากคุณโอลิแวนเดอร์
บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๔
ไม้พยศ และเบาะแสจากคุณโอลิแวนเดอร์
ฉันปิดหีบเหล็กลงและเก็บมันไว้ที่ใต้เตียงตามเดิม --- ในหัวยังคงคิดเรื่องของคุณโอลิแวนเดอร์ ฉันยังคงจำคำพูดของเขาได้เป็นอย่างดี หลังจากเก็บกล่องเหล็กเรียบร้อยแล้ว ฉันล้วงมือหยิบไม้กายสิทธิ์ออจากใต้ผ้าคลุม ฉันมักจะซ่อนมันเอาไว้อย่างมิดชิด และไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ทั้งยามกินยามนอน จะยามไหนๆ ฉันจะพกไม้กายสิทธิ์ทั้งสองอันติดตัวเสมอ --- ใช่แล้ว มันอาจจะแปลกที่พ่อมดหรือแม่มดจะมีไม้กายสิทธิ์ทีละหลายๆ อัน โดยทั่วไปพวกเขาจะมีเพียงอันเดียว และใช้งานไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว
ทำนองว่า ไม่ไม้ที่พังไปก่อน ก็เจ้าของตายจากไปก่อน
แต่สำหรับฉัน --- มันต่างออกไป
ฉันจ้องมองไม้กายสิทธิ์ทั้งสองในมือ ขนาด 9" และอีกอันขนาด 9" 2/3 สีไม้เกือบดำด้วยการขัดน้ำมันแบบพิเศษทั้งสองอันแทบหาข้อแตกต่างกันไม่ได้ แม้แต่เพื่อนสนิทของฉัน นัตตี้ หรือซีน ก็ไม่เคยรู้ว่าฉันมีไม้ 2 อัน เว้นแต่ณองเท่านั้นที่รู้ เพราะว่าฉันเป็นคนบอกเขาเอง และ คุณโอลิแวนเดอร์ ที่ขายไม้อันที่สองให้กับฉัน
เดิมทีแล้ว ฉันก็มีไม้เพียงแค่อันเดียวเท่านั้น แต่ว่า มันก็มีปัญหานิดหน่อย.... ฉันจ้องมองไม้ขนาด
9" 2/3 ในมือพลางคิดถึงครั้งแรกที่ฉันก้าวเท้าเข้าสู้ร้านของคุณโอลิแวนเดอร์
กริ้ง
เสียงกระดิ่งบนบานประตูดังขึ้นเมื่อฉันผลักบานประตูเข้าสู่ร้านของคุณโอลิแวนเดอร์ กลิ่นไม้และกระดาษเก่าเตะจมูกฉันอย่างจัง ฉันเดินตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์พร้อมทั้งกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาพนักงานขาย ครู่หนึ่งเสียงคล้ายไม้ถูกลากบนพื้นดังขึ้น ฉันเห็นชายแก่เกาะราวบันใดไม้กำลังเลื่อนออกมาจากชั้นวางของ ชายแก่คนนั้นหันมองมาทางฉัน
“สวัสดีแม่หนู” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
ชายผู้นั้นคือคุณโอลิแวนเดอร์ เขาปีนลงจากบันใดไม้สู่พื้นและเดินตรงมายังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร ฉันจึงยิ้มรับ
“ต้องการอะไรหรือ” เขาถาม
“คือ หนูอยากได้ไม้กายสิทธิ์น่ะค่ะ” ฉันตอบ
“อ้า อันเก่าพังหรือ”
“เอ่อ --- ก็คงทำนองนั้นค่ะ” หลังจากฉันตอบ คุณโอลิแวนเดอร์จ้องมองหน้าฉันอยู่พักใหญ่ๆ คล้ายกำลังจะนึกอะไรบางอย่าง ฉันคิดว่าบางทีฉันอาจทำอะไรผิดไป หรือบางทีอาจมีอะไรติดอยู่บนหน้าฉัน ไม่กี่นาทีหลังจากที่เขาเอาแต่จ้องหน้าฉัน คุณโอลิแวนเดอร์ก็เดินหายเข้าไปในซอกหลืบของชั้นวางของ
ฉันมองตามไปจนลับสายตา จากนั้นฉันรีบหันมองหาสิ่งที่จะใช้สะท้อนเงาของฉันได้เพื่อตรวจดูว่าหน้าของฉันไม่ได้มีอะไรติดอยู่ ฉันมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองจากโหลใส่เหรียญบนเคาน์เตอร์ ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรติด หรือผิดปกติแต่อย่างใด
“ลองอันนี้ซิ” เสียงคุณโอลิแวนเดอร์ดังอยู่ใกล้ๆ ฉันสะดุ้งสุดตัวและผงะถอยออกไปราวครึ่งก้าว คุณโอลิแวนเดอร์ส่งไม้ให้กับฉัน มันเป็นสีแดงคล้ำ ความยาวพอดีมือสำหรับฉัน และรูปทรงของมันก็สวยทีเดียว ฉันรับเอาไว้
“ลองสิ” เขาพูดพลางพยักหน้า ฉันโบกไม้และเล็งไปยังโหลใส่เหรียญที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ ไร้ซึ่งเสียงเปร่งคาถา โหลแก้วลอยขึ้นจากพื้นโต๊ะอย่างนุ่มนวล ฉันจ้องมอง
“ใช้ดีกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ” ฉันกล่าว แต่ยังคงรู้สึกขัดใจแปลกๆ
“น้ำเสียงของเธอไม่ได้ว่าอย่างนั้น” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าว ฉันจึงกดปลายไม้ลง และโหลแก้วถูกวางกลับลงตามเดิมอย่างง่ายดาย
“ก็ --- ไม่รู้สิ่คะ มันรู้สึกแปลกๆ อาจจะยังไม่ชินก็ได้มังคะ” ฉันตอบ
“งั้นรอสักครู่นะ” คุณโอลิแวนเดอร์หายไปในซอกหลืบของชั้นวางของอีกครั้ง ฉันจ้องมองไม้ในมืออย่างครุ่นคิด คงจริงแล้วที่ว่าไม้อันเก่าของฉันนั้นใช้การไม่ได้ เพราะไม้ที่คุณโอลิแวนเดอร์เอามาให้ฉันลองนั้น ใช้งานง่ายกว่ามาก เบากว่า ความผิดพลาดน้อยกว่า นิ่งกว่า ---- แต่ ช่างบางเบาเหลือเกิน ราวกับว่า คาถาของฉันเป็นเพียงปุยนุ่นเท่านั้น
“ลองอันนี้หน่อยเป็นไง” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าวพลางส่งไม้อีกอันให้ฉัน คราวนี้เป็นไม้ที่มีขนาดยาวไปหน่อยสำหรับฉัน สีของมันออกไปทางสีทองอ่อนๆ ฉันไม่ชอบมันตั้งแต่แรกเห็น ถึงอย่างนั้นก็ยังรับมันมาและส่งไม้อันแรกกลับคืนไป ฉันลองสะบัดปลายไม้อันใหม่ไปยังโหลใส่เหรียญอีกครั้ง --- มันไม่ขยับ --- ฉันจึงลองอีกครั้ง
“วิงการ์เดี้ยมเลวิโอซา” ฉันเปล่งเสียงออกมาในคราวนี้ โดยปกติแล้วฉันไม่จำเป็นต้องเปร่งเสียงก็ได้ หรือว่าบางทีไม้อันนี้จะเสียแล้ว --- คราวนี้โหลค่อยๆ ลอยขึ้น แต่ฉันรู้สึกว่ามันยากกว่าทุกครั้ง คล้ายกับว่าไม้มันขัดขืนฉัน มันไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่ง และวูบหนึ่ง ฉันรู้สึก ว่าไม้มันเกลียดฉัน
“พอๆ พอได้แล้วล่ะ” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าว
ฉันถอนคาถาและโหลถูกวางลงบนโต๊ะตามเดิม อย่างไม่นุ่มนวล
“ไม้อันนี้เหมือนจะเสียแล้วนะคะ” ฉันกล่าวพร้อมส่งไม้คืน
“เสียหรือ แม่หนู --- มันไม่เสียหรอก ! เพียงแค่มันไม่ชอบเธอเท่านั้น --- ให้ตายสิ นี่เธออายุเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยหรือ” เขากล่าวพลางรับไม้คืนจากฉัน
“ฉันชักจะสังหรใจ --- เธอจะว่าอะไรไหมถ้าหากว่าฉันจะขอดูไม้อันเก่าที่เธอบอกว่ามันเสียสักหน่อย” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าวพลางมองหน้าฉันด้วยสายตาคล้ายคนแก่กำลังเบื่อหน่าย ฉันไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายสีหน้าหรืออารมณ์ของเขาได้เลย ฉันล้วงมือหยิบไม้อันเก่าออกจากกระเป๋ากางเกงและส่งให้กับคุณโอลิแวนเดอร์ เพราะคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าหากว่าเขาจะตรวจดู บางทีเขาอาจจะซ่อมมันได้
“เธอ --- เธอไปได้มันมาจากไหน” คุณโอลิเวอร์กล่าว เขาจ้องหน้าฉันราวกับว่ามีเรื่องบางอย่าง เป็นเรื่องทีใหญ่มากๆ เรื่องร้ายแรงเสียด้วย มือของเขาประคองไม้กายสิทธิ์ของฉัน และมือคู่นั้นเริ่มสั่นเทา
“ทำไมหรือคะ” ฉันรู้สึก .... มีบางอย่างบอกฉันว่า อย่าพูดความจริง....
“ฉัน --- ฉันจำไม้ทุกอันที่ฉันขายได้ นี่น่ะ --- เป็นไม้อาเคเซีย และคนที่เป็นเจ้าของมันก็คือ คริสต้าร์ --- ดรีดส์ --- ถึงอย่างนั้น ---- นี่ก็ไม่ใช่ไม้จากร้านของฉัน ---” เสียงตัวสะกดของนามสกุลเบาลงจนฉันแทบไม่ได้ยิน แต่ริมฝีปากของเขาชัดเจน คริสต้าร์ ครีดส์ --- ฉันจ้องมองนัยน์ตาประหวั่นของคุณโอลิแวนเดอร์ ในขณะที่เข้าจ้องฉันกลับมา ทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบและฉันเลื่อนสายตาลงไปที่ไม้ของฉัน ตอนนี้ฉันอยากได้มันคืน ไม่สนว่ามันจะเสียหรือไม่ ฉันแค่ต้องการมันคืนมาเท่านั้น
คุณโอลิแวนเดอร์เริ่มส่งเสียงอึกอัก และเขารีบส่งมันคืนให้กับฉันราวกับว่ามันเป็นวัตถุต้องสาบ ฉันรับไว้โดยไม่ลังเลและไม่ถามไถ่ เมื่อมันกลับเข้าสู่มือของฉัน ความรู้สึกกดดันและหวาดละแวงก็ลดลง
“แต่ตอนนี้ --- ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเป็นของเธอ” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าว
“ฉันไม่เข้าใจค่ะ มันเป็นของฉันสิคะ ทำไมถึงต้อง กำลังจะ ?” ฉันถาม
“แม่หนู --- ไม้กายสิทธิ์นั้นเลือกนายผู้ใช้ ล้วนแล้วแต่ว่ามันจะเลือกภัคดีกับใคร ต่อให้เธอแกร่งกล้าสามารถที่จะบังคับจิตวิญญาณของไม้แพร์นี้ได้ ก็ใช่ว่ามันจะยอมสวามิภักดิ์กับเธอ” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าวด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร พร้อมทั้งชูไม้กายสิทธิ์สีทองที่ฉันเพิ่งได้ลองเมื่อครู่ให้ฉันดู ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจในท่าทีของเขา แต่เรื่องที่ว่าไม้ถูกบังคับมันอาจจริง เพราะในตอนที่ฉันใช้ไม้แพร์สีทองอันนั้น ราวกับว่ามันกำลังต่อต้านฉันอยู่ข้างใน
“และแม่หนู ไม้ที่พยศที่สุดในบรรดาไม้ทั้งหลายคือไม้อาเคเซีย มันหยิ่งยโสและแปลกประหลาด หากผู้ใดไม่ใช่นายที่แท้จริงของมัน มันจะไม่ตอบสนองและหนำซ้ำ อาจจะนำพาสู่หายนะ” ดวงตาของคุณโอลิแวนเดอร์เบิกกว้าง และจับจ้องมายังฉัน เขาค่อยๆ ถอยห่างจากเคาน์เตอร์และผายมือให้ฉัน
“ลองโบกไม้ดูซิ” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าว
ฉันกำไม้ของฉันไว้ในมือ ไม้อาเคเซีย ตามคำบอกเล่าของคุณโอลิแวนเดอร์ ฉันจ้องมองมันจากนั้นชูไม้ขึ้น ท่องคาถาง่ายๆ ในใจครู่หนึ่งไฟก็ส่องสว่างที่ปลายไม้ ในคราวแรกมันสว่างเกินไปฉันจึงค่อยๆ ลดไฟลงที่ละน้อย
“โอ้ --- มหัศจรรย์” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าว
ฉันดับไฟ
“ทำไมหรือคะ”
หลังจากนั้นคุณโอลิแวนเดอร์ก็เริ่มเล่า
“ไม้กายสิทธิ์นั้นจะเลือกพ่อมดแม่มด ไม่ใช่พ่อมดแม่มดเลือกใช้มันเพียงอย่างเดียว และถึงแม้ว่าไม้บางอันจะง่ายต่อการควบคุม ไม้บางอันยาก หรือบางอันก็ช่างอ่อนไหวเสียเหลือเกิน แต่ไม้จะให้พลังที่ดีและเหมาะสมกับผู้ที่เหมาะสมจะถือครองมันเช่นกัน เธอคงรู้สึกกับไม้แพร์ว่ามันช่างดื้อรั้นกับเธอ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงทำตามเธอ มันยอมรับในความสามารถของเธอแต่มันก็เกลียดเธอด้วยเช่นกัน ถ้าเธอยังดึงดันใช้มันต่อไปก็รังแต่จะเป็นการบังคับจิตวิญญาณของมันเท่านั้น แต่กับไม้แอปเปิ้ล มันว่านอนสอนง่ายกับเธอ อ่อนโยนกับเธอเพราะว่าเธอมีความสามารถที่มันยอมรับได้ แต่ก็อีกเช่นกัน พ่อมดแม่มดก็เป็นฝ่ายเลือกไม้ เช่นเดียวกับที่ไม้เลือกเธอ --- และไม้อาเคเซีย --- ช่างเป็นไม้เจ้าปัญหาที่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน มันทั้งเกเรและเอาแต่ใจ ไม่ใช่แค่คนที่มีความสามารถ แต่มันยังเลือกผู้ถือครองด้วยอารมณ์และความต้องการที่สุดจะคาดเดาได้ด้วยตัวของมันเอง ---- ไม่มีใครขโมยไม้อาเคเซียไปจากเจ้าของของมันได้ --- เพราะมันจะทำให้ผู้ถือครองตัวปลอมต้องพบกับความพินาศ”
“แล้ว --- คริสต้าร์ ครีดส์ เคยนำมันมาซ่อมที่คุณหรือคะ” ฉันถาม
“ใช่แล้ว --- มันเลือกเธอ ช่างน่าประหลาดใจ เธอเป็นเด็กสาวที่สวยและมีสเน่ห์ แต่กระนั้นก็ลึกลับ คล้ายว่าเธอเก็บงำบางอย่างเอาไว้ บางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว ---” หลังคุณโอลิแวนเดอร์พูดจบ ฉันก็เงียบไปพักหนึ่ง ความจริงแล้วยังมีคำถามอีกมากมายที่ฉันอยากจะถาม เพียงแต่ว่าฉันเริ่มหวาดกลัวในสิ่งที่จะได้ยินต่อจากนี้ คุณโอลิแวนเดอร์เก็บไม้ที่ฉันลองไปเมื่อครู่ใส่กล่องและเดินหายไปในหลืบของชั้นวางของอีกครั้ง
คริสต้าร์ ครีดส์ เป็นผู้หญิงที่มีสเน่ห์นั้นไม่ผิดแน่ และเธอยังดูลึกลับนั่นก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากความจริงเลย ในรอยยิ้มอ่อนหวานคล้ายซ่อนบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว นั่นเป็นสิ่งที่ฉันได้แต่คิดในห้วงที่ลึกที่สุดของจิตใจ ฉันได้แต่สงสัยอยู่ในความพิศวง หวาดกลัวและกระหายที่จะรู้ แต่กระนั้นก็ยังหวาดกลัว
นั่นอาจเป็นเหตุผล ที่ไม้อาเคเซียยังไม่ฆ่าฉันในตอนนี้
ฉันจ้องมองมันที่ยังคงแน่นิ่งอยู่ในมือ ในใจตั้งคำถาม ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันใช้มันเสกคาถามาสารพัด ฉันล้มเหลวหลายครั้ง บางครั้งฉันถึงกับเลือดตกยางออกในความใช้ไม่ได้เรื่องของมัน ฉันเคยทุบมันเพราะมันตีคาถาใส่ฉัน หรือวันดีคืนดีมันก็เสกไฟใส่ข้าวของๆ ฉันเสียดื้อๆ --- แต่ในยามคับขันฉันกลับพบว่ามันช่วยฉันได้เสมอ ช่วยให้ฉันปลอดภัย ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้น และครั้งหนึ่ง มันช่วยชีวิตฉัน
“อย่างไรเสีย ไม่อาเคเซียก็ยากที่จะใช้งานได้อย่างใจปรารถนา และเธอก็ยังเด็กนัก ฉันคิดว่าเธอควรมีไม้ที่ใช้งานง่ายๆ เอาไว้เผื่อในยามฉุกเฉิน และเพื่อการเรียนรู้อย่างทันทีทันใด --- หรือ ในยามที่เจ้าตัวแสบมันเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา” เสียงคุณโอลิแวนเดอร์ดังขึ้นทำให้ฉันหลุดออกจากความคิดที่หลุดลอย ฉันเงยหน้ามองไปยังเขาก็เห็นเขาถือกล่องไม้กายสิทธิ์ออกมาอีกสามอัน มันค่อยๆ ถูกแกะอย่างบรรจงและวางเรียงรายลงบนเคาน์เตอร์
“เลือกสักอัน ตามที่เธอชอบ” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าวพลางผายมือออก
ฉันมองดูบรรดาไม้ที่เรียงราย มันก็ดูคล้ายๆ กันเพียงแต่ว่ามีหนึ่งอันทีสะดุดตาของฉันเป็นพิเศษ ไม้ขนาด 9" พอดิบพอดี สีดำเงาดูลึกลับและสงบเงียบ ในยามที่สายตาจับจ้อง คล้ายว่าฉันได้ถูกบางอย่างต้องใจ ดังนั้นฉันจึงเลือกหยิบมัน
“--- น่าสงสัยเป็นที่สุด” คุณโอลิแวนเดอร์กล่าว
ฉันไม่ได้ตอบหรือถามอะไร ฉันเพียงแค่กล่าวคาถาในใจและแสงไฟนวลๆ ก็จุดติดที่ปลายไม้อย่างใจต้องการ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทุกอย่างพอดิบพอดี ราวกับว่ามันรู้ใจของฉัน
“เธอชื่ออะไรหรือแม่หนู”
“อัลฟาห์เบ็ธ แม็ค เบรเวอร์ ค่ะ” ฉันตอบ ดวงตาจับจ้องที่แสงนวล
“อัลฟาห์เบ็ธ แม็ค เบรเวอร์ --- ไม้ของเธอคือไม้ยูว์” หลังได้ยินคำของคุณโอลิแวนเดอร์ ฉันดับไฟและมองไปยังเขา แววตานั้นประหวั่นยิ่งกว่าในคราวแรก ฉันเก็บไม้ใส่กระเป๋ากางเกงคู่กับไม้อาเคเซียอันเก่าก่อนจะพยายามล้วงเงินในกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าไม้ให้แก่คุณโอลิแวนเดอร์ ทว่าสายตาของเขานั้นสร้างความอึดอัดให้แก่ฉันไม่น้อย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณโอลิแวนเดอร์” ฉันถามด้วยความสงสัย และคุณโอลิแวนเดอร์ยังคงจับจ้องฉันด้วยสายตาที่ไม่อาจอธิบาย ...
ความคิดเห็น