คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปรับพื้นฐาน
ตอนนี้หลี่เฟิ่งนอนไม่หลับเขาก็พอจะเดาได้ว่าอาการนี้มันน่าจะมาจากการที่เขามาอยู่แปลกที่แปลกทาง หลังจากที่นอนพลิกไปพลิกมา หลี่เฟิ่งจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่นในยามไฮ่ (21.00-22.59) โชคดีที่แสงจันทราสาดทอสว่างจนมองเห็นทางเดินโดยไม่ต้องจุดตะเกียงเขาเดินเลาะไปตามป่าไผ่ออกมาพบเนินผา หลัวหลี่เฟิ่งเดินขึ้นไปบนเนินผานั้น มองลงมาจากที่ที่เขายืนอยู่เป็นภาพเมืองเมืองหนึ่งยังคงไม่หลับใหลแม้จะดึกแล้วก็ตาม
"เจ้านอนไม่หลับหรือ" หลี่เฟิ่งสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ดีๆ ก็มีเสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้น
"หนิงเฟิ่ง! มาไม่ให้สุ้มให้เสียง" หลี่เฟิงพูดพลางเดินไปหาอีกคน
"เจ้านั่นแหละมัวแต่คิดอันใดอยู่กัน ข้าเดินมาเจ้าถึงไม่รู้ตัว"
"ข้าแค่นอนไม่หลับเลยออกมาดูอะไรสักหน่อย เจ้าล่ะ"
"ข้าเดินตามเจ้ามา" หนิงเฟิ่งตอบแล้วเดินไปนั่งลงที่เนินผาสูง
"เจ้าไม่กลัวมันหักลงไปเหรอ"
"เหรอ? " คนตรงหน้างง
"คำเดียวกับหรือน่ะ" หนิงเฟิ่งพยักหน้าเข้าใจแล้วเอามือตีพื้นที่ข้างๆ พลางบอกว่า "เจ้าก็มานั่งด้วยกันสิไม่ร่วงหรอก ถ้าร่วงลงไปยังไงก็ไม่ตายอยู่ดี"
"เจ้าน่ะสิที่ไม่ตาย ข้าจะไปเหลืออะไร" หลี่เฟิ่งพูด
"มานั่งเถิดน่า" สุดท้ายเขาก็ต้องจำใจไปนั่งห้อยขาตรงเนินผากับอีกคน "ในยามที่ข้านอนไม่หลับข้าก็ชอบมานั่งมองดวงจันทร์ตรงนี้เช่นกัน"
"เจ้านอนไม่หลับบ่อยหรือ" หลี่เฟิ่งถาม
"ข้าชอบฝันร้ายอยู่บ่อยๆ เลยชอบออกมานั่งให้จิตใจสงบตรงนี้น่ะ"
"ข้าถามได้หรือไม่ว่าเจ้าฝันถึงเรื่องอะไร" นัยต์ตาหนิงเฟิ่งพลันกระตุก ก่อนที่เขาจะพยายามเบี่ยงประเด็น
"ราตรีในยามนี้สวยที่สุดเลยนะ"
"ไม่ได้สินะ" หลี่เฟิ่งพูด
"เหอ..." เสียงถอนหายใจยาวของหนิงเฟิ่งดังขึ้น "เกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเรา โชคดีที่เจ้าลืมไปหมดแล้ว" หนิงเฟิ่งลุบตาขึ้นมองดวงจันทร์ "แต่ตอนนี้ข้าคงดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน"
"ทำไมหรือ"
"เพราะเจ้ากลับมาแล้ว" หลัวหนิงเฟิ่งหันมายิ้มให้อีกฝ่าย
"ถ้าข้าจำเรื่องเมื่อก่อนได้ก็คงดี..." หลี่เฟิ่งพูดเสียงเบา
"ดีแล้วที่จำไม่ได้น่ะ ข้าว่าตอนนี้พวกเราควรไปนอนกันได้แล้วเรานั่งคุยกันมา2เค่อ*แล้ว" หนิงเฟิ่งลุกแล้วยืนมือไปหลี่เฟิ่ง
"อ่า" เขาจับมือหนิงเฟิ่งไว้แล้วลุกเดินตามอีกฝ่าย "จะว่าไปข้าเป็นพี่เจ้านี่ ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าว่าพี่บ้างล่ะ"
"เหตุใด" หนิงเฟิ่งที่เริ่มจับทางคำพูดของหลี่เฟิ่งได้ก็พูดเตือน
"อ่อ เหตุใดเจ้าไม่เรียกข้าว่าพี่บ้างล่ะ" หลี่เฟิ่งเปลี่ยนคำตามที่อีกคนบอก
"ไม่ตอนนี้ข้าอายุเยอะกว่าเจ้า เจ้านั่นแหละต้องเรียกข้าว่าพี่"
"แต่อายุจิตวิญญาณข้าเยอะกว่าเจ้าอยู่ดี เจ้าสิต้องเรียกข้าว่าพี่"
"ไม่" จากนั้นสองพี่น้องก็เดินเถียงกันไปมาจนถึงเรือน และแยกย้ายกันเข้านอน
ในยามเหม่า (05.00-06.59) หลัวหนิงเฟิ่งเดินไปปลุกหลี่เฟิ่งให้ไปล้างหน้าล้างตาให้เสร็จแล้วก็จะให้ชงหยวนซือจุนทำการปลุกลมปราณของเขา
"ทำไมต้องเช้าขนาดนี้" หลี่เฟิ่งบ่น
"เหตุใด" หนิงเฟิ่งพูดกำกับ
"เหมือนกันนั่นแหละ"
"ไม่เหมือน" พูดเสร็จก็ลากหลี่เฟิ่งไปหาซือจุนทันที
"มาแล้วหรือ" เมื่อได้ยินเสียงของศิษย์ชงหยวนจึงหันมาทักทาย
"คารวะซือจุน"
"เอาล่ะๆ หลี่เฟิ่งเจ้าไปนอนบนนั้น" ชงหยวนชี้ไปที่หินอ่อนสีขาว หลี่เฟิ่งก็ขึ้นไปนอนตามที่สั่งอย่างว่าง่าย เสร็จแล้วก็เอาให้หนิงเฟิ่งเอายาไปให้หลี่เฟิ่งดื่ม "ยานั้นจะทำให้เลือดลมเจ้าเดินง่ายขึ้นเป็นผลดีต่อการปลุกลมปราณ" เมื่อหลี่เฟิ่งดื่มเสร็จก็ทำหน้าเหยเกเพราะด้วยฤทธิ์ขมของยา จากนั้นชงหยวนก็สอนหลี่เฟิ่งเรื่องการทำสมาธิกำหนดการปลุกลมปราณ เมื่อเห็นว่าเขาทำได้แล้วจึงบอกให้เขานอนทำต่อไปอย่างนั้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันชงหยวนใช้ฉินดีดบทเพลงปลุกพลังปราณหนิงเฟิ่งใช้ขลุ่ยเซียว*ที่ทำจากหยกสีม่วงอ่อนเป่าบทเพลงกล่อมปราณไม่ให้พลังปราณยุ่งเหยิง
ตอนนี้หลี่เฟิ่งแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ร่างกายของเขาร้อนเหมือนรอบตัวเขามีแต่เปลวไฟล้อมรอบ
ผ่านมาหนึ่งชั่วยามก็เสร็จพิธีและหลี่เฟิ่งสลบไปแล้ว หนิงเฟิ่งจึงพยุงหลี่เฟิ่งไปเช็ดตัวให้พร้อมกับตรวจลมปราณให้อีกฝ่าย
พิธีปลุกลมปราณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้เพราะโดยปกติผู้คนที่นี่เกิดมาก็มีลมปราณอยู่แล้วส่วนใหญ่ แล้วคนคนเดียวที่สามารถปลุกลมปราณได้ก็คือ เซียนด้านการรักษาและพิษ หวงชงหยวน ซือจุนของหนิงเฟิ่งเป็นหนึ่งให้ห้าเซียนปกติแล้วการที่จะหาตัวพวกห้าเซียนเป็นเรื่องยากมากและแทบจะไม่มีใครรู้จักหน้าค่าตาของห้าเซียนเลย ที่หนิงเฟิ่งมาเป็นศิษย์ทุกวันนี้ก็เพราะซือจุนกับเขารู้จักกันอยู่แล้วก็เก็บเขามาเลี้ยงและโชคดีมากด้วยที่เขาเป็นศิษย์ของท่านเซียนหวงชงหยวน
"อือ...ข้าขอน้ำหน่อย" เสียงของหลี่เฟิ่งที่พึ่งได้สติพยายามจะลุกขึ้นมา
"เจ้าจะลุกขึ้นมาเพื่ออันใดกัน นอนลงไปเถอะ"
"แล้วข้าจะดื่มน้ำอย่างไร"
"อ่อ ข้าลืม" พูดเสร็จหลัวหนิงเฟิ่งก็ช่วยพยุงหลี่เฟิ่งขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง แล้วหยิบน้ำให้ดื่ม "เป็นอย่างไรบ้าง"
"ตอนนี้สบายดี แต่ตอนทำพิธียิ่งกว่าอบซาวน่า" หลี่เฟิ่งตอบ
"ซาวอะไรของเจ้าข้าจะรู้จักไหมล่ะ" หนิงเฟิ่งถลึงตาใส่
"ข้าก็แค่พูดตามที่อยากพูด"
"ข้าจะไปตามซือจุนมาดูเจ้า"
"อืมไปเถอะ" หลังจากไปตามซือจุนมาดูอาการว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าพวกเขาทั้งสามก็คุยกันถึงเรื่องของหลี่เฟิ่งว่าจะเรียนวิชาอันใดดี แน่นอนว่าหวงชงหยวนถนัดแค่เรื่องการรักษาและพิษซึ่งหนิงเฟิ่งก็เรียนรู้ไปหมดแล้วส่วนเรื่องการต่อสู้ในสายของพวกเขาก็คงสู้จากระยะไกลหรือลอบกัดเท่านั้น และหนิงเฟิ่งทำเรื่องพวกนี้ได้ดีทีเดียว
"ข้าไม่ถนัดรักษาซะด้วยสิ" หลี่เฟิ่งพูด "แต่ข้าขอเรียนเรื่องพิษได้หรือไม่"
"ได้สิจากนี้ไปเจ้าก็เป็นศิษย์ข้าส่วนเรื่องบู๊เจ้าก็ให้หนิงเฟิ่งสอนเขาทำได้ดีกว่าข้า" เมื่อหนิงเฟิ่งได้ยินดังนั้นแววตาก็เต็มไปด้วยความภูมิใจที่ซือจุนของเขาชม "หรือไม่เจ้าก็เอาตำราตระกูลเจ้าไปอ่านดูอย่าลืมล่ะว่าต้องใช้เลือดในการเปิดผนึก"
"ขอรับ" หลี่เฟิ่งพยักหน้า
"พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มสอนเจ้าเรื่องพิษ อ่อยามเย็นนี้ข้าจะไม่อยู่อาหนิงเข้าก็พาอาหลี่ไปตลาด ข้าน่าจะกลับประมาณยามจื่อ (23.00-24.59) " ชงหยวนบอกศิษย์ของตนเอง
"โธ่ ไยท่านไปนานถึงเพียงนั้น"
"ข้ามีประชุมเซียนและที่นั่นก็ไกลไปนานก็ไม่แปลก"
"ประชุมเซียนหรือ" หนิงเฟิ่งถาม "งั้นท่านก็ต้องไปที่หุบเขาเซียน ข้าอยากไปจัง" หุบเขาเซียนไม่ใช่ว่าใครจะขึ้นไปได้ง่ายๆ เนื่องจากมีค่ายกลลับมากมายไปด่านทดสอบเพื่อเข้าสำนักหวงหลง ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาเซียนที่ขึ้นชื่อเรื่องความยากในการทดสอบปีหนึ่งเข้าได้ไม่ถึงยี่สิบคน "แล้วท่านจะไปที่สำนักหวงหลงหรือเปล่า"
"ถามเยอะแยะ" ชงหยวนเอานิ้วดีดไปที่หน้าผากของหนิงเฟิ่ง "ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสข้าจะพาเจ้าทั้งสองคนไป"
"จริงนะขอรับ"
"อืม พวกเจ้าพักผ่อนกันไปเถอะ" ชงหยวนรับปากก็ที่จะเดินออกจากห้องไป
เมื่อถึงยามโหย่ว (17.00-18.59) หลี่เฟิ่งและหนิงเฟิ่งออกมาส่งชงหยวนก่อนไป
"อาหนิงดูแลอาหลี่ดีๆ ล่ะ"
"ขอรับซือจุน" ชงหยวนพยักหน้าให้ก่อนจะขี่กระบี่ออกไป
"โห ในนิยายว่าเท่แล้วเจอของจริงยิ่งกว่า" หลี่เฟิ่งพูดเสียงเบา "ข้าอยากขี่กระบี่บ้าง"
"ใช้วิชาตัวเบาให้เป็นก่อนเถอะเจ้าน่ะ"
"เหอะ เจ้าก็สอนข้าสิ"
"ข้าก็กำลังจะสอนเจ้าอยู่" หนิงเฟิ่งเดินไปจับบริเวณท้องน้อยของหลี่เฟิ่ง "เจ้าต้องทำสมาธิหมุนเวียนลมปราณตรงบริเวณที่ข้าแตะ"
"แล้วทำเช่นใดต่อ" ที่ตอนนี้เขาหมุนเวียนลมปราณเป็นก็เพราะเมื่อช่วงบ่ายหนิงเฟิ่งได้สอนเขาแล้ว
"ทีนี้เจ้าลองกระโดดดู"
"โอ๊ะ กระโดดสูงกว่าปกติตั้งเยอะ" หลี่เฟิ่งทำหน้าระรื่น
"ลองกระโดดขึ้นบนต้นไม้ ทีนี้ก็อยู่ที่เจ้าจะทรงตัวและคุมลมปราณได้ดีหรือไม่" หนิงเฟิ่งพูดพลางกระโดดขึ้นไปให้ดู
"ถ้าเกิดตกลงมา.." หลี่เฟิ่งพูดยังไม่ทันเสร็จหนิงเฟิ่งก็ทำการเอนตัวทิ้งลงพื้นแต่ยังไม่ทันถึงพื้นร่างบางก็พลิกตัวกลับมายืนเหมือนเดิมภายในพริบตา
"นี่เจ้าเป็นแมวหรือ"
"แมวอะไรของเจ้าข้าเป็นคน อันนี้พื้นใครที่ฝึกก็ทำได้ทั้งนั้นเจ้าก็ลองทำดูสิ" หลี่เฟิ่งมองหน้าหนิงเฟิ่งก่อนกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้แล้วทิ้งตัวลงมา แล้วนึกถึงสิ่งที่หนิงเฟิ่งทำหมุนตัวและลงมายืนได้อย่างสวยงาม
.
"อั่ก" แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดเขาบิดตัวไม่ไหวเท่าหนิงเฟิ่งโชคดีที่ข้างล่างยังมีกองใบไม้รองอยู่บ้าง เมื่อเขาลุกขึ้นกับพบว่าอีกคนยืนขำตัวสั่นไม่คิดจะมาช่วย "น้องเวร" เขาพูดเบาๆ
"เจ้ายังต้องฝึกอีกเยอะนะ" หนิงเฟิ่งเดินเอามือข้างหนึ่งมาแตะไหล่เขาอีกข้างเช็ดน้ำตาที่มาจากการขำ
"..."
"โธ่ เจ้าโกรธข้างหรือ"
//กุ๊งกิ๊งๆ เสียงกระดิ่งที่มาจากหยกประจำตัวของคนที่เป็นลูกศิษย์ของหวงชงหยวน หนิงเฟิ่งเอามาเขย่ากวนคนตรงหน้าเหมือนกับคนตรงหน้าเป็นเด็ก
เพี๊ยะ หลี่เฟิ่งฟาดไปที่ไหล่ของอีกคนเต็มแรง "เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กหรือ"
"คิกคิก ข้าว่าเราไปตลาดกันเถอะ ข้าเลี้ยงเจ้าเอง" หนิงเฟิ่งหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน
"มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่สิ แล้วทุกวันนี้เจ้าหาเงินมาจากไหนกัน"
"เก็บสมุนไพรแพงๆ ไปขายโรงหมอ บนเขานี้ผู้คนส่วนมากเข้าไม่ค่อยถึงน่ะ ข้าเลยใช้โอกาสนี้หาเงิน"
"ดีจัง"
"ไปกันเถอะ" หนิงเฟิ่งใช้วิชากระโดดนำออกไป
"เอ้ะ ข้าพึ่งหัดเจ้าไม่คิดจะรอข้าหน่อยหรือ" หลี่เฟิ่งพุ่งตัวตามหนิงเฟิ่งออกไป
"ข้าจะไปรอข้างล่างล่ะถ้าเจ้าช้า"
"ไม่มีวันซะหรอก" จากนั้นหลี่เฟิ่งก็พยายามจะเร่งให้ทันอีกคน
.
.
.
.
.
"แฮ่กๆ " เสียงหอบหายใจของผู้ที่พึ่งใช้วิชาตัวเบาได้มาดๆ ดังขึ้นเมื่อมาถึงที่หมาย เขาทั้งสองอยู่ที่หน้าประตูเข้าเมืองแล้ว
"เจ้ายังต้องฝึกอีกเยอะจริงๆ ฮ่าฮ่าๆ " หนิงเฟิ่งขำเมื่อเห็นสภาพของหลี่เฟิ่ง พูดเสร็จก็หยิบพัดขึ้นมาพัดให้ "ไปหาอันใดกินกันเถอะ"
"ข้าขอยืมพัดหน่อย" หลี่เฟิ่งยืนมือออกไป
"ไม่ได้" หนิงเฟิ่งปฏิเสธ
"ขี้หวง"
"ขืนเจ้าหยิบไปพัดเองหน้าเจ้าจะเต็มไปด้วยเข็มพิษน่ะสิ" หนิงเฟิ่งอธิบาย "ถ้าเจ้าพัดผิดจังหวะหรือจับผิดที่จะมีเข็มพิษออกมา เดี๋ยวข้าพัดให้เจ้าเอง"
"ไม่ต้องแล้ว" หลี่เฟิ่งพูดแล้วเดินนำออกไป
"รอข้าด้วย" ร่างของบุรุษสองคนในชุดสีม่วงอ่อนตัดขาวเหมือนกันทั้งคู่ใบหน้าที่ดูอบอุ่นดุจดังเซียนเดินคู่กันมาก็ทำให้ผู้คนหันมองเป็นแถบ "เจ้าอยากกินอะไร" หนิงเฟิ่งถาม
"ข้าไม่รู้" หลี่เฟิ่งที่กำลังตื่นตากับตลาดอยู่ เขาไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีเพราะมีแต่ของที่น่ากินไปหมด
"งั้นไปกินอาหารที่โรงเตี๊ยมก่อนแล้วค่อยออกมาซื้อขนม"
"อืม" หลี่เฟิ่งพยักหน้า หนิงเฟิ่งพาหลี่เฟิ่งที่เดินตามต้อยๆ เข้าไปในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มีเสี่ยวเอ้อเชิญพวกเขาไปนั่งด้านใน จากนั้นหนิงเฟิ่งก็ทำการสั่งอาหารเองทั้งหมด "เสร็จแล้วเจ้าจะไปที่ใดต่อ" หลี่เฟิ่งถาม
"เจ้าจะไปที่ใดล่ะข้าจะไปเองแต่ข้าจะแวะไปซื้อผ้าสักหน่อย"
"เจ้าจะซื้อไปทำอะไร"
"ตัดชุดให้เจ้า"
"เจ้าตัดเป็นด้วยหรือ" หลี่เฟิ่งตาโต
"ยามที่ข้าว่างข้าก็ลองเรียนทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย" หนิงเฟิ่งยักไหล่
"เหอะ พ่อคนเก่ง"
"อะไรของเจ้า"
"ขอโทษที่ให้รอนะขอรับคุณชายทั้งสอง" เสี่ยวเอ้อที่ยกอาหารเข้ามาให้เสร็จก็ออกไปทันทีอย่างรู้งาน
"เชิญ" หนิงเฟิ่งพูด
"เจ้าเป็นผู้ใหญ่หรือถึงพูดเชิญข้า"
"อย่างน้อยข้าก็เป็นศิษย์พี่เจ้า"
"..." หลี่เฟิ่งที่ไปต่อไม่ถูกก็หันไปสนใจอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจคนเป็นน้องอีกเลย
เมื่อกินกันจนหมดแล้วทั้งสองคนก็ยังคงนั่งดื่มชาอยู่ที่เดิม
"เจ้ายังชอบกินหมูตุ๋นสาหร่ายเหมือนเดิมสินะ" หนิงเฟิ่งตั้งใจสั่งหมูตุ๋นสาหร่ายอาหารโปรดของพี่เขาเพื่อดูว่าพี่เขาจะเหมือนเดิมหรือไม่ สรุปคือเขายังไม่ได้แตะอาหารโปรดของอีกฝ่ายสักนิดแต่มันหมดอย่างรวดเร็ว
"เมื่อก่อนข้าชอบกินหมูตุ๋นสาหร่ายเหรอ"
"อืม เราไปกันเถอะ" หนิงเฟิ่งเรียกเสี่ยงเอ้อมาเก็บเงินจากนั้นก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม "ข้าขอไปซื้อผ้าก่อนนะ" หลี่เฟิ่งพยักหน้า เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านขายผ้าเขาก็ต้อนรับเป็นอย่างดี "รับชุดแบบใดดีเจ้าคะคุณชาย" สตรีเจ้าของร้านถามอย่างเป็นมิตร
"ข้ามาซื้อผ้าน่ะแต่เดี๋ยวข้าขอเลือกเอง" หนิงเฟิ่งตอบอย่างเป็นมิตรเช่นกัน
"ทางนี้ค่ะคุณชาย เชิญเลือกตามสบายนะเจ้าคะ" สตรีเจ้าของร้านนำทางมาตรงที่ขายผ้าเปล่าแล้วเดินออกไป
"เจ้าชอบสีอะไร" หนิงเฟิ่งถาม
"ดำ" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็เดินไปดูเนื้อผ้าสีดำทันทีเมื่อได้แล้วก็เดินไปหยิบผ้าสีม่วงเข้มมาอีกม้วนหนึ่ง
"แล้วเจ้าเอาสีม่วงมาทำอะไร" หลี่เฟิ่งถาม
"สีประจำตระกูล" หนิงเฟิ่งตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินออกไปจ่ายเงินทันที
"เอ่อ..." แล้วหลี่เฟิ่งก็รีบเดินตามออกไปทันที ในใจจริงหลี่เฟิ่งอยากจะถามไปตรงๆ ว่าตระกูลของเขาและหนิงเฟิ่งจริงๆ แล้วเรื่องเป็นยังไงแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจรอให้ถึงเวลาที่เจ้าตัวอยากบอกดีกว่า
"เจ้าจะกินอะไรอีกหรือไม่"
"ข้าอยากลองกินถังหูลู่แบบออริจินอล" หนิงเฟิ่งขมวดคิ้ว
"เจ้าช่วยเลิกพูดคำที่ข้าไม่เข้าใจสักที"
"ก็ได้" แล้วหนิงเฟิ่งก็เดินไปซื้อมาให้ "ขอบใจ"
"เพราะเหตุใดข้าต้องมาเลี้ยงเจ้า เจ้าสิต้องเป็นคนเลี้ยงข้า" คนน้องตัดพ้อ
"เจ้ายอมรับข้าเป็นพี่แล้วเหรอ งั้นรอข้าชินกับโลกนี้ก่อนแล้วกัน"
หลี่เฟิ่งเดินไปตบไหล่หนิงเฟิ่ง
"ให้มันจริงเถอะ" หนิงเฟิ่งมองตาขวาง "เหอ กลับกันเถอะพรุ่งนี้เจ้าต้องเรียนกับชงหยวนซือจุนอีก เจ้าต้องเอาตัวให้รอดให้ได้นะ"
"หนักขนาดนั้นเลยหรือ"
"ถึงภายนอกเขาจะดูเป็นคนใจเย็นคนหนึ่งแต่จริงๆ เป็นคนเข้มงวดปนโหดร้ายเลยแหละ" หนิงเฟิ่งหันไปกระซิบข้างหูอีกคน
"แล้วตอนเจ้าฝึกเหล่าเป็นไงบ้าง"
"แทบตายตอนเรียนเรื่องพิษเพราะซือจุนชอบเอาพิษไปวางในอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารจนไปถึงสิ่งของ" หลี่เฟิ่งอึ้ง
"แล้วข้าก็ต้องไปทำยาแก้พิษเองจนทุกวันนี้ร่างกายข้าแทบจะต้านพิษได้ทุกชนิดแล้วกระมัง"
"แล้วข้าต้องไปทำยาแก้พิษด้วยตัวเองไหมเนี่ย"
"ข้าก็ไม่รู้ อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวเจ้าก็เดาทางซือจุนออกเองนั่นแหละ..."
*2เค่อ = 30นาที
*ขลุ่ยเซียว = ขลุ่ยที่ใช้เป่าแนวตั้ง
Talk; สวัสดีค้าบทุกคนขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
♡เจอกันตอนหน้าคร้าบ♡
ความคิดเห็น