ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คอร์สเรียนวิทยายุทธในยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #1 : โศกนาฏกรรมของหลี่เฟิ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 63


     

                หลัว หลี่เฟิ่ง เป็นเด็กกำพร้าเขาเติบโตมาในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ยากจนที่ไม่มีใครเคยเหลียวแล มีพี่เลี้ยงอยู่เพียงสองคนเท่านั้นและมีเด็กกำพร้าทั้งหมดสิบคน แต่ถึงอย่างค่าใช้จ่ายก็ยังคงไม่พอที่จะเลี้ยงเด็กทั้งหมดได้ เพราะพี่เลี้ยงแทบจะไม่ทำอะไรเลย แถมยังให้เด็กที่สามารถทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้วต้องช่วยกันทำงานเล็กๆน้อยๆเพื่อหาเงินมาช่วยทั้งสองคนอีก ถึงนี่มันจะเข้าข่ายใช้แรงงานเด็ก

               จนมีวันหนึ่งในบ้านเด็กกำพร้าอันแสนทรุดโทรมที่ไม่มีใครเคยเหลียวแลก็มีแขกเป็นผู้หญิงต่างชาติวัยประมาณ40ปลายๆ เข้ามาพูดคุยกับพี่เลี้ยงด้วยท่าทางน่าเชื่อถือว่าจะมาขอตัวหลัวหลี่เฟิ่งไปเลี้ยง แต่พี่เลี้ยงมีท่าทีไม่พอใจและปฏิเสธไปเพราะเขาเป็นตัวหาเงินสำหรับพี่เลี้ยง

               เพราะหลัวหลี่เฟิ่งสามารถควบคุมหรือเคลื่อนที่วัตถุสิ่งของได้โดยไม่ใช้ร่างกายแตะต้องหรือสัมผัสตั้งแต่เขา5ขวบและเขาทำลงไปแบบรู้ตัวเพราะเวลาอย่างหยิบอะไรมันมักจะลอยมาหาเขาเอง ง่ายๆก็คือพลังจิตในการควบคุมวัตถุให้ลอยได้นั่นแหละพอพี่เลี้ยงมาเห็นเข้าก็จับไปทำการแสดงมายากลต่างนานาซึ่งก็หาเงินได้มากพอสมควร

                พูดคุยไกล่เกลี่ยไปได้ สักพักจู่ๆ หญิงปริศนาคนนั้นก็ยกกระเป๋าหนังสีดำใบใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับเปิดให้ดู แน่นอนว่าสองคนนั้นต้องตาลุกวาวกับจำนวนเงินที่สามารถใช้ได้ยันจากโลกนี้ไป

                ใช่แล้ว หลี่เฟิ่งในวัย10ขวบถูกขายให้กับคนแปลกหน้าโดยที่ใบหน้าของพี่เลี้ยงทั้งสองคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาก็พอจะรู้ว่าเรื่องตรงหน้ามันเกิดอะไรขึ้นอยู่หรอก ถึงจะไม่อยากไปยังไงแต่เขาก็ไม่มีสิทธิจะคัดค้านอะไรอยู่แล้ว

                 ในหัวของหลี่เฟิ่งตอนนี้เป็นสีขาวโพลนคิดอะไรไม่ถูก เขาถูกจูงมือไปขึ้นรถ โดยมีพี่เลี้ยงสองคนและเด็กคนอื่นๆยืนโบกมืออยู่ข้างหลัง งง เป็นความคิดเดียวที่แล่นขึ้นมาในหัว จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงพูดปลอบประโลมจากคนที่ซื้อตัวเขามา

         "ที่ผ่านมาลำบากมั้ย ต่อไปนี้พวกจะดูแลเธอเองขอโทษด้วยนะถ้าทำให้เธอตกใจ" เธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจถ้าเป็นเด็กๆ คงคิดว่าเธอเหมือนนางฟ้ามาโปรดแต่ใครจะรู้ล่ะว่าจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นตามแบบที่เห็น

    "ครับ" หลี่เฟิ่งยิ้มตอบ

    .

    .

    .

                ตลอด17ปีที่ผ่านมาปัจจุบันหลี่เฟิ่งอายุ27แล้ว เขาอยู่ที่องค์กรสายลับของอเมริกาผ่านการฝึกต่างๆ การทดลองและการทำงานตามคำบัญชาการของผู้ที่อยู่สูงสุดอย่างขัดไม่ได้มา17ปีแล้ว และเขาเบื่อชีวิตที่วนลูปอยู่แบบนี้เต็มที

               จากการที่อยู่มานานเขาพบว่าที่นี่ก็เหมือนศูนย์วิจัยมนุษย์มากกว่าการที่รับเด็กมาเลี้ยงและฝึกฝนโดยให้พวกเขาทำงานตอบแทน ในกลางดึกของวันหนึ่งเขากับเพื่อนเคยเห็นหมอเข็นเตียงนอนคนไข้ออกมาปิดผ้าขาวไว้และแน่นอนว่าบนนั้นคือร่างไร้วิญญาณของเด็ก จนเพื่อนคนนั้นทนไม่ไว้ก็พยายามไปสืบมาว่าคืออะไรกันแน่ แล้วเพื่อนคนนั้นก็ได้รู้ว่าพวกเขาเอาเด็กไปทดลองแต่เด็กคนนั้นทนไม่ไว้จนตาย แล้วยังบอกอีกว่าจริงๆ แล้วเด็กในองค์กรแห่งนี้เคยโดนทดลองมาแล้วทั้งนั้น...

              แล้วไม่นานเพื่อนคนนั่นก็หายไป เขาเคยไปถามผู้บัญชาการแล้ว เธอบอกเขาแค่ลาออกไป หลัวหลี่เฟิ่งก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่าน1ปีแล้ว หลี่เฟิ่งคิดแค่ว่าจะมาลาออกบ้างโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรตามมาบ้าง

     

    หลี่เฟิ่งกำลังเดินตรงไปห้องที่เขาค่อนข้างจะเข้าไปบ่อยเลยทีเดียวจะบอกว่าเป็นคนโปรดของผู้บัญชาการองค์กรนี้เลยก็ได้

    "ขออนุญาตนะครับ"

    "เข้ามาได้"

    "อรุณสวัสดิ์ครับควีน" ควีนเป็นโค้ดเนมของผู้บัญชาการทุกคนที่อยู่ที่นี่จะใช้โค้ดเนมแทนชื่อจริง

    "วันนี้ฉันไม่ได้ให้งานนายไปนะเอส มีอะไรหรือเปล่า" เอสโค้ดเนมของหลี่เฟิ่ง เอสที่เอามาจากตัวหน้าของคำว่าswan

    "ครับ คือว่า"

    "..."

    "ผมอยากลาออกน่ะครับ แหะ" หลี่เฟิ่งพูดพลางยิ้มแก้เก้อ แต่ถ้าสังเกตดีๆสายตาของคนข้างหน้าเขาพลันกระตุกวูบแล้วแปลเปลี่ยนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

    "ฉันของถามได้มั้ยว่าเพราะอะไร"

    "เอ่อ...ผมอยากลองกลับไปชีวิตแบบปกติที่จีนบ้างน่ะครับ" เขาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแต่ในใจเขาแทบจะล้มไปกองอยู่ข้างล่างแล้ว

    "อืม ดูแลตัวเองดีๆ ระวังตัวด้วย" เธอพูดพลางโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาออกไปได้ เมื่อเขาออกไปกลับมีเสียงผู้ชายพูดมาว่า "จัดการซะ"

    "ฉันขอสามเดือน ให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบปกติ สามเดือนได้มั้ยคะ"

    "เหะ คุณควีนคนเย็นชาเป็นอะไรไปครับเนี่ย ก็ได้ถึงสามเดือนเมื่อไรผมจะจัดการเอง"

    ติ้ด

               เสียงสัญญาณบ่งบอกว่าคนติดต่อได้ตัดสายไปแล้ว ควีนกัดปากเพื่อกลั้นหยดน้ำตาไม่ให้ไหล เขารักเอสเหมือนลูกเขาถึงตอนแรกจะไม่เท่าไรแต่พอเด็กคนนั้นดูถ้าจะติดเขาเป็นพิเศษ เขาสอนอะไรให้ได้คนนั้นตลอดจนเกิดความผูกพัน แท้จริงเขาอยากบอกว่าถ้าออกไปแล้วจะเจออะไรบ้างแต่ กฎคือกฎ ถ้ามีคนมาขอลาออกเท่ากับต้องตาย ควีนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบอกไว้ให้พวกเขารับรู้ได้ชัดเจน

     

    สามเดือนต่อมา...

    ตื้ดๆ

    เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นพลันปรากฏข้อความบนหน้าจอ

    23:20

    [Q.]

    ฉันอยู่จีนนะ มาหาฉันหน่อยที่...

    [TheSwan]

    คุณควีน เดี๋ยวผมจะรีบไปครับ

    (ส่งสติกเกอร์)

    23:25

    [Q.]

    อย่าไปนะมันเป็นกับดัก!

     

               หลังจากที่หลี่เฟิ่งตอบข้อความเสร็จก็ไม่ได้สนใจข้อความที่ส่งมาที่หลังเลย

    หลี่เฟิ่งมาถึงที่สวนสาธารณะที่ติดป่าเขาภายในเวลา20นาที โดยที่ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติอะไรเลย ว่าทำไมถึงนัดมาในที่แบบนี้

    "คืนนี้พระจันทร์สวยจัง"

    ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหลังจากคำพูดนั้นจบไป

    แน่นอนว่าลูกกระสุนไม่สามารถทำอะไรเขาได้เพราะเขาต้องป้องกันตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ในหัวของหลี่เฟิ่งมีคำเดียวที่ปรากฏขึ้นในหัว

    "วิ่งหลี่เฟิ่งวิ่ง" หลัวหลี่เฟิ่งพูดกับตัวเอง เขาก็ทำงานสายลับมามากทางเดียวที่ดีที่สุดคือวิ่งแล้วก็วิ่งเท่านั้น ถึงเขาจะต่อสู้เป็นแต่เขาก็เป็นสายแอสซาซินลอบฆ่าแต่ฝั่งนั้นมันมีปืนเขาที่ไม่อะไรเลยจะไปสู้มันได้ไงแม่ง มาเป็นฝูง จะหาว่าเขาป๊อดก็ได้แต่เจอแบบนี้ก็คงไม่ไหว

    "นี่กูโดนลอบฆ่าหรอวะเนี่ยยย เห้ย" มีคนกระโดดเขามาทางด้านข้าง หลี่เฟิ่งใช้พลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กปัดออกไปเหมือนเป็นแมลงวันตัวนึง

    "นี่!! จะมาไล่ฆ่ากันทำไมห๊าาา" หลี่เฟิ่งที่พยายามวิ่งสุดแรงจนจะเหมือนจะบินได้อยู่แล้ว ก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลเพราะเจอวัดกลางป่ากลางเขา หลี่เฟิ่งพึ่งรู้ว่าเขาหนีจากชายป่าจนตอนหนีมาอยู่บนเขาแทนแล้วเขาหนีมาได้10นาทีแล้ว เขาไม่รอให้ใครมาตัดริบบิ้นก็วิ่งเข้าวัดด้วยความเร็วแสงหวังไว้ว่าเพื่อพระจะช่วยเขาได้บ้าง

             เขาวิ่งเข้ามาแล้วตะโกนให้คนช่วยมาจะ5นาทีแล้วแต่ไม่ใครจะหืออือ "ฮืออ อะไรเนี่ยแม่เจ้าาา ทำไมไม่มีใครอยู่เลยวะ" เมื่อแน่ใจว่าหากจากพวกที่มาตามล่าพอสมควรหลี่เฟิ่งตัดสินใจจะใช้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วแต่ก็ชะงักไปเมื่อเห็นข้อความเตือนก่อนหน้านี้บนหน้าจอ แต่ยังไม่อึ้งเท่าไม่มีสัญญาณ

    "แม่มึงเส้!!!! " เขาปาโทรศัพท์ออกไปอย่างหัวเสีย แต่พอนึกได้ว่านั่นเป็นของที่แสนแพงและแสนสำคัญ เขาก็วิ่งไปเก็บทันที แต่

    ตู้ม!!!

           ไม่ใช่เสียงระเบิดแต่อย่างใดแต่เขาตกน้ำ หลี่เฟิ่งคิดว่าเขาเป็นคนที่โชคร้ายเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากที่สุดในคืนนี้ เขาอยากจะว่ายน้ำขึ้นไปแต่ตอนนี้กระแสเย็นที่พาดผ่านตัวเขาทำให้เขาชาไปทั้งตัวและขยับตัวไม่ได้

            ได้แต่หวังว่าถ้าตายจริงๆ ก็ขอให้ชาติหน้าเขามีชีวิตที่ดีครอบครัวที่อบอุ่นอยากทำไรก็ทำน่ะนะและหลี่เฟิ่งหมดสติไปในที่สุด...โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่โลกเดิมอีกต่อไปแล้ว

     

     

    ​​​​​

    Talk ; ตอนนี้เป็นบทนำนะคะไม่สั้นไปใช่มั้ยมาแบบรวบรัดที่สุด5555 ภาษาแข็งก็ขอโทษนะค้าจะพยายามปรับและพัฒนามากกว่านี้ น้องหลี่เฟิ่งเขาชอบพูดคนเดียวเหมือนไรท์55555

    ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ

    ปล.ไรท์ใช้โทรศัพท์พิมพ์อาจจะจัดหน้าไม่ค่อยดี เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่อยๆไม่เครียดจริงๆนะคะ(มั้ง)และพระเอกค่าตัวค่อนข้างแพงพอสมควรเลยค่ะ แหะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×