คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น
ปักษาออกหากิน พระอาทิตย์ฉายแสงในยามรุ่งสางเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ เสียงเหล่าไม้ไผ่ลู่โอนเอนตามลม กลิ่นสมุนไพรลอยมาจากเรือนไม้ไผ่โดดเดี่ยวหลังหนึ่งบนยอดเขาสูง ปรากฏให้เห็นหนึ่งเซียนหนึ่งศิษย์กำลังปรุงยาเหมือนทุกวัน
"ซือจุนรากบัวหมดข้าจะลงเขาไปเก็บสักหน่อย ท่านจะเอาอะไรหรือไม่" เสียงผู้เป็นศิษย์ถามอาจารย์
"ข้าไม่ต้องการอันใด เจ้าไปเถอะระวังตัวด้วยอาหนิง"
"ข้าจะรีบกลับมา" เขาหันไปยิ้มให้อาจารย์ผู้เปรียบเป็นดั่งพ่อของเขาก่อนจะใช้วิชาลงมาจากบนยอดเขา
พอใกล้ถึงตีนเขาก็เลิกใช้วิชาแล้วเดินแบบปกติพลางใช้สายตาตรวจหาสมุนไพร แต่สายตานั้นพลันปรากฏให้เห็นเต่าสีดำมีงูพันอยู่รอบตัวหันมองมาทางเขา
"ท่านเสวี่ยนอู่นั่นท่านจะไปไหน เหตุใดตัวท่านเหลือแค่นั้น" เขาสงสัยจึงพลันเอ่ยปากถามไป ท่านเสวี่ยนอู่คือเต่าดำสัตว์เทพแห่งทิศเหนือที่ขนาดตัวเท่ากับเกาะเล็กๆ เกาะนึงโดยปกติไม่ค่อยจะออกจากถ้ำสักเท่าไร เขาก็เคยเจอท่านเสวี่ยนอู่อยู่เมื่อตอนสิบสองหนาว ตอนนั้นซือจุนของเขาพามาพบแล้วเล่นกับท่าน
"เจ้าเป็นใคร" เต่าดำตอบกลับ
"..."
"ฮ่าห่ะ ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิหนิงเฟิ่ง ข้าเพียงแค่ล้อเจ้าเล่นอย่าตกใจไปเลย"
"โธ่ ข้าตกใจหมดแล้วมาทำอะไรท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลย"
"ข้าเพียงรู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกอยู่แถวแม่น้ำจ้านหลิว แล้วข้าก็แค่ย่อขนาดตัวเอง เจ้าจะให้ข้าเดินออกมาแบบสบายใจในร่างที่ตัวเท่าเกาะหรือ" สัตว์เทพกล่าว
"เป็นเช่นนั้นเอง แล้วหนักถึงขั้นท่านต้องลงมาเองเลย ไม่กลัวผู้คนเห็นหรือ"
"ข้าแค่ไม่เคยพบมาก่อนเลยลงมาดูด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องผู้คนก็เจ้าไงที่เห็นข้า" หนิงเฟิ่งทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ "เหตุใดทำหน้าเช่นนั้นใส่ข้า"
"เหอ ไม่มีอะไรหรอกข้าเพียงแค่จะไปกับท่านด้วย"
"เป็นห่วงข้าหรือ"
"หึ ข้าจะไปเก็บรากบัว" หนิงเฟิ่งตอบแล้วเดินนำออกไปทันที
"จริงๆ เลยเจ้าเด็กนี่" เสวี่ยนอู่พูดแล้วเดินหนิงเฟิ่งไป
หนิงเฟิ่งและเสวี่ยนอู่เดินเล่นพูดคุยถึงเรื่องราว18ปีที่ผ่านมาว่าพวกเขาเจออะไรกันมาบ้าง
"ที่จริงถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนี่ขึ้นมาข้าก็คงจำศีลเหมือนเดิมไม่มาเดินคุยกับเจ้าเช่นนี้หรอก" เสวี่ยนอู่บอก
"ข้าต้องขอบคุณเหตุการณ์ประหลาดนั่นหรือ" หนิ่งเฟิ่งพูด "ท่านน่ะไม่รู้อะไร พอท่านจำศีลไปข้าเหงามากจะพูดเล่นกับชงหยวนซือจุนก็ไม่ได้อีก ข้าน่ะเบื่อมากเลย"
"เดี๋ยวเถอะข้าจะฟ้องชงหยวน"
"โธ่ ก็ข้าเบื่อนี่"
"เจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่เข้าถึงง่ายไม่ใช่ซะที่ไหน กว่าเจ้าจะคุยกับข้าก็หลายวันเจ้านั่นแหละที่ไม่ค่อยเปิดใจให้ผู้อื่น"
"แล้วท่านจะให้คุยกับคนแปลกหน้าได้แบบสบายๆ งั้นหรือ ข้าทำไม่ได้" หนิงเฟิ่งส่ายหน้า
"เจ้าแค่ขี้อาย"
"ไม่จริง ข้าแค่ไม่กล้า" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็เดินดิ่งไปที่แม่น้ำจ้านหลิวทันที
"มันต่างกันตรงไหน" เสวี่ยนอู่นิ่วหน้า
หนิงเฟิ่งเดินลงไปที่กอสัตตบงกชเพื่อจะไปเก็บรากของมันมาทำยาแล้วปรุงอาหาร เมื่อเก็บได้พอสมควรก็ได้ยินเสียงเรียกของท่านเสวี่ยนอู่ จึงเดินไปหาเสวี่ยนอู่พลันพยักหน้าให้มองไปทางที่มีสัตว์อสูรตัวเล็กยืนดมอะไรกันอยู่ หลัวหนิงเฟิ่งสงสัยเลยเดินไปดูอย่างระมัดระวัง
เมื่อเหล่าอสูรตัวน้อยเห็นเขาก็หลีกตัวให้เขาเข้าไปดูโดยมีเสวี่ยนอู่เดินตามมา หนิงเฟิ่งตัวชาวาบใบหน้านิ่งเรียบปรากฏขึ้น ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปีที่พี่ของตายไปเขาไม่เคยลืมใบหน้าของอีกคนแต่เหตุใดคนตรงหน้าเขากลับมีใบหน้าเหมือนพี่เขาทุกส่วนแม้แต่จุดไฝเล็กๆ ใต้ขอบตาซ้าย
แต่เขาไม่น่าใช่คนของแดนนี้เหตุใดจึงใส่ชุดประหลาดนัก เมื่อเก็บอารมณ์ได้เขาก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายนอนอยู่ในน้ำจึงลากเขาขึ้นมาพิงต้นไม้พลางสำรวจร่างกายว่ามีบาดแผลหรือไม่
"ท่านว่าเขาเป็นคนจากแดนใดกัน" หลัวหนิงเฟิ่งหันไปถามเสวี่ยนอู่
"เรื่องนี้ข้าว่าเจ้าไปถามซือจุนของเจ้าดีกว่านะ เขาน่าจะรู้ดีกว่าข้า" เสวี่ยนอู่ตอบ
"ท่านแก่กว่าเขาไม่ใช่หรือ"
"เอ้ะ เจ้าหลอกด่าข้าหรือ"
"หามิได้" หนิงเฟิ่งยิ้มใส่
"ถึงข้าจะแก่แต่ก็ใช่ว่าข้าจะรู้เรื่องเกี่ยวมนุษย์เยอะนี่วันๆ ข้าก็จำศีลอย่างเดียว"
"งั้นหรือ" เขาพยักหน้าเข้าใจ
"อือ" เสียงที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนตรงหน้าเขาเริ่มรู้สึกตัวแล้ว หนิงเฟิ่งยืนขึ้นแล้วโดยถอยหากจากอีกคนพลันบอกให้เสวี่ยนอู่เดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้
หลี่เฟิ่งที่พิงต้นไม้อยู่ดีๆ ก็ไหลมานอนกองอยู่ที่พื้นดิน เขาลืมตาขึ้นแล้วนึกถึงเรื่องที่เขาโดนไล่จนตกน้ำ นึกแล้วก็ขำที่ตัวเองรอดมาได้ทั้งที่คิดว่าจะตายแล้วแท้ๆ
"ห่ะ รอดมาได้ด้วย" เขามองรอบที่ๆ มีแต่ภูเขาล้อมรอบเสียงธรรมชาติโอบล้อมในแบบที่หาไม่ได้ในที่ๆ เคยอยู่ และเขาก็เจอกับคนหนึ่งใส่ชุดจีนโบราณสีม่วงอ่อนบางเหมือนที่เขาเคยดูซีรีส์เซียนแต่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน ยืนจ้องหน้าเขาอยู่นานแล้ว
"เอ่อ..." นี่เขาคงไม่ได้ทะลุมาในร่างคนอื่นเหมือนในซีรีส์หรอกใช่ไหม พอนึกขึ้นได้ก็ก้มหน้ามองชุดตัวเอง ก็ยังเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวบางสำหรับที่เขาใส่นอนกับกางเกงขาวยาวสีดำที่เขาใส่ก่อนออกมาข้างนอก ก็ปกติดีนี่วะ หลัวหลี่เฟิ่งคิดในใจ
"ท่านมาจากที่ใดกันเหตุใดจึงใส่ชุดประหลาดเช่นนี้" คำถามนั้นมันเป็นทางนี้ไม่ใช่หรอที่ต้องถามน่ะ ว่าทำไมถึงใส่ชุดโบราณแล้วพูดคำโบราณแบบนั้น
"..." หลี่เฟิ่งนั่งเงียบ
"เหตุใดจึงไม่ตอบ"
"นี่กูอยู่ไหนวะเนี่ย"
"ท่านพูดอันใดกัน ข้าขอโทษก่อนแล้วกัน" เมื่อไม่สามารถพูดคุยกันให้รู้เรื่องได้ หลัว หนิงเฟิ่ง ก็เดินเข้าไปสกัดจุดหลี่เฟิ่งทันที "ไปพบซือจุนคงจะคุยรู้เรื่องมากกว่านี้" พูดพลางโอบหลี่เฟิ่งไว้ แล้วใช้วิชาตัวเบาดีดตัวขึ้นไปตามต้นไม้เพื่อมุ่งสู่ยอดหุบเขาสัตว์อสูร แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นไปเขานึกขึ้นได้ว่าลืมท่านเสวี่ยนอู่กับรากบัวไว้ เลยกลับมาเอา
"รีบอะไรขนาดนั้นเหล่าหนิงเฟิ่ง เจ้าลืมข้าไว้กับรากบัวเนี่ยหรือ" เสวี่ยนอู่บ่น
"ข้าแค่ร้อนใจแปลกๆ เกี่ยวกับคนผู้นี้" หนิงเฟิ่งคิ้วขมวด "ท่านจะกลับถ้ำเลยหรือไม่"
"ข้าว่าจะไปหาชงหยวนสักหน่อย"
"ดีเลย ข้าขอฝากรากบัวไปด้วยนะเขาหนักมากเลยจะให้แบกรากบัวไปอีก ข้ากลัวจะไม่ไว้" เขายิ้ม "ฝากด้วยนะไป๋" พลางหันไปบอกไป๋งูสีขาวที่พันอยู่รอบเสวี่ยนอู่ ไป๋รับตะกร้าที่เต็มไปด้วยรากบัวไว้อย่างเต็มใจ โดยไม่ถามเสวี่ยนอู่สักนิด พอฝากเสร็จหนิงเฟิ่งก็ไม่อยู่รอให้เสวี่ยนอู่บ่นเขาจึงดีดตัวตรงไปยังเรือนทันทีื
"นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นลารับใช้เจ้าไง ข้าเป็นถึงสัตว์เทพผู้ดูแลทิศเหนือนะ!!! " พร้อมกับเสียงตะโกนของเสวี่ยนอู่ที่ไล่หลังมา "เจ้าก็เหมือนกันไป๋จะรับมาทำไม"
"ก็เขาเป็นหลานข้าไยข้าจะช่วยเขาไม่ได้" ไป๋ตอบ
"แล้วเหตุใดไม่ลงเดินเองบ้าง ข้าก็หนักนะรู้มั้ย"
"ข้าเดินไม่ได้" ไป๋ตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ "ข้าเลื้อย" พูดเสร็จก็เลื้อยหนีเสวี่ยนอู่อีกคน (ตัว) โดยที่ใช้หางรัดตะกร้ารากบัวไว้
"ไอ้พวกลูกเต่า!!!!! " เสียงตะโกนลั่นป่าจนแผ่นดินสะเทือนทำให้สัตว์ทั้งหลายพากันวิ่งหนีกระเจิง ได้แต่คิดว่าใครกันที่กล้าทำให้ท่านเทพเสวี่ยนอู่โกรธเกรี้ยวถึงปานนั้น
หลัวหนิงเฟิ่งที่มาถึงก็พาอีกฝ่ายเข้าไปในเรือนไม้ไผ่ ก็รู้สึกได้แผ่นดินที่สั่นสะเทือนข้างล่างก็นึกขำท่านเสวี่ยนอู่ยังขี้โมโหเหมือนเดิม
"อาหนิงเจ้าไปทำอันใดให้เสวี่ยนอู่โมโหอีกแล้วหรือ แล้วเขาออกจากจำศีลเมื่อใดกัน"
"โอ๊ะซือจุนข้ากำลังจะไปตามท่านมาพอดีเลย"
"เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามซือจุนอาหนิง" หวงชงหยวนพูดพลางมองหน้าลูกศิษย์ที่เอาแต่ยิ้มแห้งออกมา
"ข้าแค่ฝากรากบัวไว้ที่ไป๋เพียงเท่านั้นข้ายังไม่ได้ทำอันใดเขาเลยนะ" หนิงเฟิ่งตอบ
"เหตุใดจึงไม่เอามาเองเหล่า"
"ก็ข้ากำลังจะพาท่านมาดูเหตุผลอยู่พอดี" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็เดินนำซือจุนเข้าไปในเรือน
"นั่นใช่เขา...หลี่เฟิ่ง" หวงชงหยวนพูดเสียงเบา
"ข้าก็คิดเหมือนท่านแต่เขาตายไปแล้ว" หนิงเฟิ่งก้มหน้าในใจของเขาเต็มไปด้วยความห่วงหาพี่ชายของตน
"เอาเถอะ รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนระหว่างนี้เจ้าก็ไปหายามาต้มให้เขาดื่ม"
"ขอรับ"
"หรือว่า..." ชงหยวนพูดน้ำเสียงเรียบหันไปมองพู่หยกสีม่วงประจำตระกูลหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปจากเรือน
ยามตะวันใกล้ลับขอบฟ้าในเรือนไม้ไผ่มีร่างคนที่ยังนอนแน่นิ่งไม่ยอมตื่น
"ข้าสกัดจุดเขาแรงไปหรอ เหตุใดจึงยังไม่รู้สึกตัวอีก" หนิงเฟิ่งถามขึ้น
"แล้วไยเจ้าจึงต้องสกัดจุดเขาล่ะ" เสวี่ยนอู่พูด
"นี่ท่านยังไม่กลับอีกหรือ" หนิงเฟิ่งหันไปมองนอกหน้าต่างที่มีหนึ่งเต่าดำหนึ่งงูโผล่มา
"เจ้าเด็กนี่..."
"มายาา*!! โอ๊ยคอ.." หลี่เฟิ่งที่พึ่งรู้สึกตัวเพราะเขาได้ยินเสียงคนคุยกัน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาเห็นเต่าพูดได้กับงูก็ตกใจรีบลุกขึ้นมาตามด้วยอาการปวดคอมาติดๆ ชงหยวนที่เห็นว่าหลี่เฟิ่งลุกขึ้นมาแล้วก็จับเขาพิงกับหัวเตียง
"..."
"..."
"พวกคุณเป็นใคร/เจ้าเป็นใคร" สุดท้ายก็เป็นหลี่เฟิ่งกับหนิงเฟิ่งพูดออกมา
"เอาเถอะ พวกข้าควรแนะนำตัวก่อน" ชงหยวนซือจุนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเมื่อเห็นลูกศิษย์ของเขากับบุรุษปริศนานั่งจ้องหน้ากัน "ข้าเหอ ชงหยวน เป็นซือจุนของเขา" พลางชี้ไปที่หนิงเฟิ่ง
หลี่เฟิ่งทำหน้างงซือจุนนี่เหมือนเหล่าซือใช่มั้ย เขาคิดในใจ
"ข้าหลัว หนิงเฟิ่ง"
"ข้าเสวี่ยนอู่งูนั่นชื่อไป๋เป็นสัตว์เทพแห่งทิศเหนือ"
"มายาา ทำไมถึงพูดได้" หลี่เฟิ่งที่ตอนแรกลืมเรื่องของเต่าดำไปแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นเขาอีกครั้ง
"เจ้าล่ะชื่ออะไร"
"หลัว หลี่เฟิ่ง"
"..." ทั้งเรือนเงียบกริบ
"ข้าว่าข้ากับไป๋กลับก่อนดีกว่า" เสวี่ยนอู่พูดพร้อมย่อตัวแล้วเดินออกไปทันที
"เอ่อ..." ตอนนี้หลี่เฟิ่งกำลังอึดอัดเมื่อสองคนตรงหน้าเขาเอาแต่นั่งนิ่งพร้อมขมวดคิ้วจนจะผูกกันอยู่แล้ว เมื่อชงหยวนเริ่มรู้สึกตัวก็เริ่มถามคำถามเขาอีก
"เจ้ามาจากที่ใดกันหรือ"
"กุ้ยหลิน*" สองคนทำหน้างง เขาก็พอจะเดาออกว่าคนตรงหน้าไม่รู้จักและเขาก็คิดว่าเขาไม่น่าจะได้อยู่บนโลกใบเก่าของเขาแล้ว เพราะดูจากอะไรๆ ที่เขาได้เจอมา "ที่นี่ที่ไหนหรอ"
"หุบเขาสัตว์อสูรติดเขตแคว้นเสวี่ย ข้าพอจะเดาได้ว่าเจ้าไม่ใช่คนโลกนี้" หวงชงหยวนพูดพลางถอนหายใจเมื่อเห็นหน้างงของอีกฝ่าย
"ท่านรู้จักประเทศอเมริกาหรือเปล่า ถ้าท่านไม่รู้จักข้าก็ไม่ใช่คนบนโลกนี้" หลี่เฟิ่งพูดพร้อมเปลี่ยนสรรพนาม
"อ่า แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร" หนิงเฟิ่งที่นั่งนิ่งอยู่นานถามขึ้น
"ข้าตกน้ำแล้วข้าก็โผล่มาที่นี่" เขาพยักหน้า
"เจ้าอายุเท่าใด" หนิงเฟิ่งถามต่อ
"28"
"...เจ้ามีปานดอกจื่อเถิงหลัว*ตรงหลังใช่หรือไม่"
"ใช่ เอ๊ะคุณรู้ได้ไง" หนิงเฟิ่งหันไปมองชงหยวนซือจุน
"ข้าขอดูได้หรือไม่"
"นี่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามข้าละ..." พูดยังไม่ทันเสร็จหลี่เฟิ่งถูกพลิกตัว ด้วยความที่เสื้อเขาบางอยู่แล้วนั่นทำให้เห็นปานได้ง่าย
"นี่เจ้า"
"..."
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนนั่งจับเขาคุยกันไปมาหลี่เฟิ่งก็สรุปได้ว่าเขาหน้าเหมือนพี่ชายของหนิงเฟิ่งเขามีปานรูปดอกจื่อเถิงหลัวมีจุดไฝใต้ตาเช่นเดียวกับพี่ชายของอีกฝ่ายแม้แต่ชื่อและสกุล ยกเว้นอายุที่ตอนนี้เขา28และหนิงเฟิ่ง30พี่ของหนิงเฟิ่งก็น่าจะประมาณ36
ถึงจะเป็นแบบแต่หลี่เฟิ่งก็ยังคงคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญถ้าผู้ที่เป็นอาจารย์ของหนิงเฟิ่งจับมือเขาแล้วใช้เข็มเจาะนิ้วแบบเร็วจนไม่รู้สึกตัวแล้วเอาเลือดเขาไปหยดกับปกหนังสือที่ชื่อว่า 'วิชาลับตระกูลหลัว' พลันปรากฏแสงวาบขึ้นมาแล้วหนังสือก็เปิดออก
"ว้าว ระบบตรวจดีเอ็นเอ" หลี่เฟิ่งอดที่จะพูดไม่ได้
"ตำรานี่ถ้าไม่ใช่เลือดลูกหลานตระกูลหลัวก็เปิดไม่ได้" หวงชงหยวนพูดพลางปิดตำราเล่มนั้นแล้วเจาะนิ้วตัวเองเอาเลือดหยดลงไปเช่นกัน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
"ว้าว" หลี่เฟิ่งยังคงอึ้งอยู่แบบนั้น
"เจ้าหยุดพูดจาประหลาดสักทีได้หรือไม่" หนิงเฟิ่งหันไปดุอีกคน "ถ้าเจ้าออกไปข้างนอกผู้คนคงหาว่าเจ้าบ้ากันหมด"
"ก็ข้าไม่คุ้นชินกับภาษาพวกเจ้าตอนนี้ ภาษาที่เจ้าพูดตอนนี้มันโบราณ" หลัวหลี่เฟิ่งตอบพร้อมทำตาใส
"งั้นก็เรียนซะข้ากับซือจุนจะสอนเจ้าเอง เอาหรือไม่"
"..." เขาควรทำตามอีกฝ่ายดีมั้ยคำที่พูดออกมานั่นเหมือนเป็นคำสั่งมากกว่าคำถาม
"รวมทั้งวิทยายุทธแล้วทุกเรื่องบนโลกใบนี้"
"ก็ได้"
"แต่เจ้าทำพิธีฝากตัวเป็นศิษย์กับข้าด้วย" หนิงเฟิ่งพูด แต่ก็กลับคำเมื่อหันไปทางซือจุน "ข้าหลอกเจ้าเล่น"
หวงชงหยวนส่ายหน้าพร้อมยิ้มเมื่อเห็นลูกศิษย์ตัวดีทำกิริยาแบบนั้น ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเขาไม่ได้เห็นอาหนิงมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว นัยต์ตาที่เขาไม่เคยมองออกเลยว่าลูกศิษย์เขาคิดและรู้สึกอันใดอยู่แต่ตอนนี้ถึงภายนอกจะไม่แสดงออกชัดเจนว่ามีความสุขแต่นัยต์ตาของหนิงเฟิ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว...
"ข้าว่าเจ้าพาหลี่เฟิ่งไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าจะไปทำสำรับมาให้"
"ขอบคุณขอรับซือจุน" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็ลากพี่ชายไปที่ห้องของเขาทันที "ข้าว่าข้าตัดชุดให้เจ้าใหม่ดีกว่า"
.
.
.
มายาา* māya คำอุทานของคนจีนค่ะ แปลว่า แม่เจ้า ตอนแรกจะแปลไปเลยแต่คิดว่ามันแปลกๆ
กุ้ยหลิน* ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง อยู่ทางตอนใต้ของจีน (ที่เอาเมืองนี้เพราะว่าสวยแค่นั้นเลยค่ะ555555)
ดอกจื่อเถิงหลัว* คือดอกวิสทีเรียค่ะ แปะภาพ
Talk: ตอนนี้งงมั้ยไรท์งงมากแต่ถ้างงถามได้เลยนะคะ55555 ได้กลับมาเจอกับหลี่เฟิ่งที่เป็นพี่ชายอีกอาหนิงก็จะดีใจหน่อยๆ ตัดภาพไปที่หลี่นั่งงง
ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่านเจอกันตอนหน้าค่ะ
ความคิดเห็น