ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Basilisk Eye' : เสน่หา ทาส นาคิน (Yaoi) (จบแล้วจร้า)

    ลำดับตอนที่ #23 : ค่ำคืนสุดท้าย : ชายาคู่บัลลังก์...100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.06K
      18
      12 ต.ค. 58

    ค่ำคืนสุดท้าย

     

                เกิดอะไรขึ้นที่สถานีวิจัยกันแน่คะ

              “รัฐบาลไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำของศาสตราจารย์ค็อตเลอร์จริงหรือเปล่าครับ

              “โครงการเซรุ่มนี้ยังดำเนินต่อไปอีกไหมคะ

              “อนาคานเป็นประเทศที่มีอยู่จริงๆ ใช่ไหมครับ

              “แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นไปอยูที่ไหนแล้ว

     

                คำถามมากมายถูกระดมยิงจากสื่อมวลชนทุกแขนงราวกระสุนปืน หลังจากที่โครงการวิจัยเซรุ่มดอกเพเซียรั่วไหลออกมาด้วยฝีมือของใครบางคน รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด หากแต่เปิดแถลงข่าว และให้คำตอบเฉพาะในเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ แต่เรื่องนี้กลับปิดได้ไม่ง่ายนัก เมื่อนักข่าวกลับสืบคุ้ยข้อมูลต่างๆ ออกมาจนกลายเป็นข่าวครึกโครมในสังคม พร้อมกับข้อสงสัยที่ว่า

     

    อนาคาน เป็นประเทศที่มีอยู่บนโลกจริงหรือ?

     

    หลายคำถามถูกตอบโดยรัฐบาลอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลไปมากกว่านี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ศูนย์วิจัยลับกลางป่าของประเทศ กลับสร้างคำถามมากมายให้นักข่าว ยิ่งพอพบซากเฮลิคอปเตอร์พร้อมกับศพไหม้เกรียมของศาสตราจารย์ค็อตเลอร์หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่ควบคุมโครงการเซรุ่มดอกเพเซียนี้ต่อจากศาสตราจารย์โลเกีย ก็เหมือนรัฐบาลกำลังปิดบังความจริงไว้บางอย่าง ถึงฉากบังหน้าที่ประชาชนพบจะรับรู้ว่าเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ แต่นักข่าวกลับเชื่อมเหตุการณ์ระเบิดที่ศูนย์วิจัยทะเลทรายฮาซานจนกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาว่าเซรุ่มจากดอกเพเซีย จะช่วยรักษาโรคให้ประชาชนหรือช่วยรักษาผลประโยชน์ของใครบางคนกันแน่ อีกทั้งผลชันสูตรกลับพบสารพิษอยู่ในศพของศาสตราจารย์ค็อตเลอร์ ถึงจะไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าพิษจากสิ่งใด หรืออาจเป็นแผนฆาตกรรม แต่ทั้งหมดก็ทำได้เพียงคาดเดาไปต่างๆ นานา

     

    รัฐบาลยอมรับว่ามีการวิจัยเซรุ่มดอกเพเซียจริง แต่กลับมิอาจตอบเต็มปากเต็มคำในเรื่องของศาสตราจารย์ค็อตเลอร์ได้ว่า เขาฆ่าเพื่อนร่วมงานของตัวเองรวมทั้งจับเด็กหนุ่ม ซึ่งเป็นผู้ช่วยงานวิจัยของศาสตราจารย์โลเกียมาทดลองด้วย ถึงจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าข่าวนี้ใครเป็นคนแพร่ออกมา ซึ่งทำให้พวกเขาหัวหมุนอยู่ไม่น้อย สุดท้ายจึงได้แต่ตอบตามบทที่คุ้นกันดีว่า เราจะทำการสืบเรื่องนี้ต่อไป

     

    เรื่องจบแบบนี้ จะดีกับอนาคานจริงเหรอ

    ดวงตาสีครามมองภาพฝูงชนเบื้องล่างจากบนดาดฟ้าสูง ที่ตึกแห่งหนึ่ง คนถามหันหน้ามา มองชายหนุ่มผิวเข้มที่ยืนอยู่ข้างกาย สายลมโบกพัดเส้นผมสีดำให้ปลิวสยาย ดวงตาคมหรี่ลง ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นราวกับสบายใจที่ได้กล่าวคำตอบ

     

    ฝ่าบาทประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น” สิ่งที่ได้ยินทำเอาคนถามแอบจะอมยิ้มเป็นไม่ได้ บางทีสัตว์ร้ายที่เห็นว่านิ่งก็ควรจะขู่คำรามเสียบ้างจะได้ไม่มีใครกล้ามาข่มเหง แต่สำหรับคนที่ปฏิเสธการมีตัวตนมาแสนนาน พอออกสู่โลกกว้างจะปรับตัวได้ไหมนะ?

     

    คำถามจากผู้คนจะรุมล้อมไปที่อนาคาน ฝ่าบาทอาจต้องทรงรับมือกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น

     

    อย่าห่วงไป...ฝ่าบาทมีทุกสิ่งทุกอย่างในมือแล้ว” คำตอบนั้นทำเอาขมวดคิ้ว ใบหน้าคมเข้มหันกลับมา ดวงตาสีดำขลับมองมาที่เขา พลันทำเอาใจเต้นระส่ำ กายสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ขึ้น มือใหญ่ค่อยๆ ช้อนคางของคนตัวเล็กกว่าให้เงยขึ้น

     

    แม้แต่วิญญาณที่คิดจากไป ก็ยังดึงกลับมาได้ เขาจะต้องกลัวอะไรอีก” รอยยิ้มมุมปากยกขึ้น แววตาหวานซึ้งอย่างแปลกประหลาดจนเขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เช่นท่านใช่หรือไม่”    

     

    เปล่า...” มือเปลี่ยนเป็นโอบไหล่คนข้างกายเอาไว้ ก่อนจะผินหน้าออกไปมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบนแต่เป็นคนคนนั้นต่างหาก

     

                                                                             

    ระฆังวิวาห์ดังกังวาลไปทั่วอาณานครที่ยิ่งใหญ่ กลีบบุปผาขาวถูกโปรยปรายลงมาจากหอคอยสูง ก่อนจะล่องลอยออกไปไกลแสนไกลตามลมทะทรายที่พัดพาไป

     

    ประตูราชวังอันยิ่งใหญ่ถูกเปิดต้อนรับ พื้นทรายสีทองและหินอ่อนด้านอกถูกโอบล้อมด้วยเหล่าพสกนิกรที่ร่วมแสดงความปลาบปลื้มปิติที่อัดล้นอยู่เต็มหัวใจ น้ำพุรูปร่างเทพธิดามีอสรพิษเกี่ยวพันรอบลำตัวปล่อยน้ำมาจากปากที่อ้าค้าง หากมองรอดผ่านแสงอาทิตย์จะเห็นเหมือนเป็นม่านน้ำสีรุ้งประกายงดงาม รวมทั้งดอกกระบองเพชรสีชมพูสวยที่ไม่เคยมีวี่แววว่าจะผลิดอก กลับบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ขจรขจราย พาให้สวนทรายที่แห้งแล้งมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

     

    ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่ธรรมชาติ เหมือนต่างกำลังอวยพรให้ทวยเทพที่กำลังจุติลงมายังราชวังเบื้องหน้าให้พานพบแต่ความสุขตลอดไป

     

    สายตาของผู้คน ต่างทอดมองออกไปที่ทางเดินบันไดสูงชันที่ทวยเทพของพวกเขาจะเสด็จลงมาเยือนในไม่ช้านี้

     

    กริ๊ง..

     

    เสียงกระดิ่งจากชายผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์ขลิบทองดังรอดออกจากหลังประตูวังบานใหญ่ พลันทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัดลงราวกับลืมหายใจ เพียงไม่กี่อึดใจ บุคคลที่พวกเขารอคอยก็ประจักษ์สู่สายตา

     

    ราชาในชุดราชพิธีสีขาวบริสุทธ์ ผู้เป็นดั่งเทพปกรนัมของชาวนาคิน ก้าวเดินลงมา ดวงตาสีอำพันส่องเป็นประกายงดงามราวกับเพชรล้ำค่ากวาดมองเหล่าพสกนิกรนิ่งงัน ทว่าหากสังเกตทีริมโอษฐ์จะเห็นว่าแย้มพระสรวงขึ้นบางๆ ภาพที่เห็นทำเอาชาวนาคินน้ำตารื้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยได้รับแม้แต่ปรายพระเนตรที่จะสนใจ ทว่าธิดาจุติองค์ใดกันเล่า ที่สามารถเปลี่ยนพระทัยที่เยือกเย็นขององค์เทพเราให้กลายเป็นประกายไฟที่ให้ความอบอุ่นได้ หากไม่ใช่..

     

    กริ๊ง..

     

    พระหัตถ์อบอุ่นยื่นมา..

    ดวงเนตรอ่อนโยนทอดมอง..

    ทาสหัวใจ..

     

    ข้ามขั้นตอนมาแบบนี้จะดีเหรอ ฝ่าบาท” เสียงหวานนุ่มกังวาลดังระฆังแก้วจนใจสั่น ใบหน้าหมดจดสวยงามหันมาคลี่รอยยิ้มสดใส ความกังวลเมื่อคราก่อนบัดนี้หายไปจนสิ้นเหลือแต่ความตื้นตันที่เต็มล้นอยู่ในหัวใจ และไม่มีคิดว่าชีวิตนี้จะกลายเป็นเช่นนี้ได้

     

    ความรักที่ไม่เคยสุดทางเลยสักครั้ง ทำให้เขาตัดสินใจเลิกเชื่อในสิ่งๆ นั้นไปในที่สุด

    ทุกคนจากไปหมดแล้ว เหลือตัวเขาเพียงลำพัง

     

    กระทั่งมาเจอกับชายผู้นี้ที่มาพร้อมกับความโหดร้ายอย่างที่ชีวิตไม่เคยพบว่าเจอแต่ไฉนเลย สวรรค์ถึงได้เล่นตลกกับหัวใจของเขาให้หลงรักอสูรร้ายไปได้

     

    รู้สึกตัวอีกที ก็อยากจะถูกอ้อมแขนนี้รัดไว้ตราบสิ้นลมหายใจ...เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างแล้วคนคนนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งเขาไป และเหตุใดเขาถึงจะต้องยอมเสียมันไปด้วยเล่า

     

                พอกระสุนปืนฝังเข้าที่กลางอก เขาจำได้ว่าร่วงลงไปจากดาดฟ้า และจากนั้นทุกอย่างก็ดำมืดไปหมด วินาทีที่มีเพียงแค่ภาพสีดำตรงหน้าโดยรู้ตัวว่าจะไม่มีวันได้ตื่นขึ้นมาพบกับแสงสว่างอีก ความรู้สึกนั้นมันช่างน่ากลัวจนยากจะทานทน

     

                เขาเหงา เขาโดดเดี่ยว

                อยากจะร้องไห้ เพราะอยากเจอใครคนนั้นแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

                ราวกับความรู้สึกของเขามันสูญเปล่า

                เขาไม่เคยกลัวความตาย

     

                แต่สิ่งที่เขากลัวคือการถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง แม้จะคอยโกหกตัวเองอยู่เสมอว่าชีวิตนี้ต้องการแค่อิสระภาพ แต่พอเจอกับคนคนนั้น คนที่มาปลดล็อกความรู้สึกทุกอย่าง เขาก็ได้มอบหัวใจไปให้โดยไม่รู้ตัว ก่อนแสงสว่างจะทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมา และพบกับความจริงทุกอย่างว่า บาซิกค์ยังคงอยู่ข้างกายเขาไม่ไปไหน

     

                เขาตื่นขึ้นมา พบรอยยิ้ม และสีหน้าที่ไม่เคยได้เห็นมอบให้ ดวงเนตรที่มันแสดงแต่ความโหดร้ายเย็นชากลับคลอด้วยหยาดน้ำใสๆ ที่ปรากฏเป็นภาพตัวเขา

     

                เวลาที่อ้อมแขนนั้นโอบกอดช่างอบอุ่นจริงๆ

                หรือเพราะเขาเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการคำปลอบโยนกันถึงได้รู้สึกแบบนี้

     

                ทีแรกก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงยังได้มีชีวิตอยู่ แต่พอทราบความจริงว่า ในตอนที่เขาถูกจับ งูหางกระดิ่งตัวนั้นได้มอบเลือดของบาซิกค์มาให้เขาดื่ม ซึ่งบาซิกค์บอกกับเขาว่ามันจะช่วยให้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้น ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างว่าดื่มเลือดงูแล้วจะอยู่ยงคงกระพัน แต่ในกรณีถ้าเป็นเลือดของเทพนาคิน คงมิวายพ้นคำว่า อมตะ(ชั่วคราว)กระมัง ฟังดูเหมือนกับปาฏิหาริย์ไม่มีผิด แต่เขาคิดว่าคงไม่ใช่ และคิดว่าบาซิกค์คงวางแผนทุกอย่างไว้ก่อนหน้าที่จะช่วยตัวเขาออกมาแล้ว นึกแล้วก็ใจหายอยู่เหมือนกันที่จู่ๆ เรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยดี

     

    เจ้าควรดีใจ ที่คนส่งตัวเจ้าเป็นข้าเองมิใช้ผู้อาวุโสแบบครั้งก่อน” บาซิกค์ยื่นมือมาพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด มิกิจึงหลุดออกจากความคิดตนเอง

     

    ตรัสเช่นนี้ ทรงกังวลเรื่องอันใดอยู่อีก” เอื้อมมือไปรับมือของอีกฝ่าย พระหัตถ์กุมมือคนรักเอาไว้ ก่อนทั้งสองที่ดั่งสมมุติเทพจะค่อยๆ เดินจูงมือกันเอื่อยเฉี่ยยไปยังลานแท่นพิธีกลางแจ้ง

     

    ก็กลัวว่า...จะมีใครมาแย่งเจ้าไปอีก น้ำเสียงนั้นกึ่งจริงจังแต่ก็กึ่งหยอกเย้า มิกิคลี่ยิ้มออกมาแต่กลับชวนมองจนคนข้างๆ ลอบยิ้มตาม

     

    นั่นก็ขึ้นอยู่กับตัวพระองค์เอง ว่าทรงอยากทิ้งหม่อมฉันหรือเปล่า กล่าวประชดไปเล่นๆ เพื่อหวังให้คนที่จูงมือใจเสีย แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมา มิกิขมวดคิ้วย่น

     

    ทรงขำอะไร แกล้งทำเป็นไม่พอใจ บาซิกค์หันมากล่าวด้วยรอยยิ้มละมุน

     

    พอเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ชิน เวลาเจ้าพูดราชาศัพท์กับข้า” กล่าวจบ คนที่เดินข้างกายถึงกับผงะฝีเท้า ใบหน้าหวานจู่ๆ ก็เริ่มแดงซ่านขึ้นมาจนถึงใบหู

     

    กะ..ก็ใครมันเป็นคนสั่งให้คนมาสอนเขากันเล่า!

     

    กำลังจะโต้เถียง แต่ก็ถูกคนตรงหน้าปรามไว้ด้วยรอยยิ้มเรียบๆ

     

    พูดอย่างที่เจ้าถนัดเถอะ...มิกิ” ร่างเล็กถอนหายใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบาซิกค์จะเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้ขนาดนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องดี

     

    ไว้หลังจากเสร็จพิธีแล้วกัน” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือไปจนถึงแท่นพิธีกลางแจ้งเช่นครั้งก่อน

     

    มิกิก้าวไปตามพรหมสีแดงที่ทอดยาวไปถึงแท่นพิธีที่อยู่เบื้องบน ตลอดทางเป็นด้วยเสาหินสลักลายอสนพิษที่น่าองอาจ กระทั่งมาถึงบันไดเตี้ยๆจะก้าวไปสู่แท่นพิธี ดวงตาคู่สวยกวาดมองประชาชน และเหล่าบรรดาคนในวังที่ต่างมาร่วมเป็นสักขีพยานกันยกใหญ่ ถึงแม้จะมีเพียงแค่คนใน แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกประหม่าขึ้นมาไม่ได้เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่

     

    บาซิกค์กุมมือเขาไว้แน่น เหมือนต้องการจะบ่งบอกว่า มีเขาอยู่ไม่ต้องกลัวอะไร พอได้รับกำลังใจจากคนข้างกายแล้วมิกิก็สูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด เพื่อบรรเทาความตื่นเต้นที่อยู่ในใจ เมื่อบาซิกค์เห็นว่าเจ้าตัวพร้อมแล้ว จึงได้จำยอมปล่อยมือคู่นั้น แล้วก้าวไปราชพิธีสำคัญ

     

                เมื่อมาถึงด้านบนสุด เสียงทุกอย่างก็เงียบสงบลบ มีเพียงเปลวไฟจากคบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ระนาบเยื้องอยู่ทั้งสองข้างที่โบกสะบัดไปตามแรงลม ส่วนตรงหน้าคือเครื่องเสวย และถ้วยปฏิญาณขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงเข้มอยู่ด้านใน

     

    มิกิรู้สึกใจสั่นแปลกๆ พิธีเลิกผ้าคลุมถูกเอาออกไปแล้วตามคำสั่งของราชา โดยให้ความเห็นว่า เขาต้องการจะเริ่มพิธีถัดจากนั้นเลยไม่อยากเสียเวลามาไล่ทุกอย่างใหม่ แต่กระนั้นพิธีกรีดเลือดให้หยดลงบนถ้วยปฏิญาณของทั้งสองก็ยังคงทำอยู่เช่นเดิม

     

    ทันทีที่ดื่มน้ำสีแดงเฝื่อนลิ้นในถ้วยของตัวเองจนหมด ผู้อาวุโสที่ทำพิธีก็อัญเชิญคำสัตย์สาบานต่อเทพนาคินในทันใด เสียงกลอง และสายลมโหมพัดรุนแรงขึ้นราวกับล่วงรู้ถึงพิธีการสำคัญในวันนี้

     

    โอม...เสียงกลองจงสะท้อนก้อง...อัญเชิญองค์มหาเทพนาคินพันเศียร

    โปรดเสด็จเป็นประจักษ์พยาน แด่โอรสของพระองค์
    ด้วยสัจวาจาจะมิหมายมองใครอื่นใดจากคู่หทัย

    ด้วยหยดเลือดจักพันผูกด้วยกายดุจงูรัด

    แม้วิญญาณสูญสลาย รักพิสุทธิ์มิอาจพังทลาย

    จงสาบานด้วยหยาดเลือดนี้ ต่อดวงเนตรเทพนาคิน.. ” สิ้นคำขาน สายลมวูบหนึ่งก็พัดเข้ามา ทำให้เปลวไฟในคบเพลิงโหมลุกขึ้นโชติช่วง ราวกับเป็นคำตอบที่เทพยดาขานรับ ผู้อาวุโสที่ทำพิธีหันมามองพระพักตร์พระชายาแห่งอนาคาน

     

                “คิโนมุระ มิกิ เจ้าสาบานว่าจะมอบทั้งกาย ใจ และวิญญาณนี้ต่อองค์เทพนาคินหรือไม่” หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบไม่ได้ยินคำปฏิญาณนั้น ฟังไม่ออกด้วยซ้ำว่าพูดว่าอะไร แต่เพียงได้เห็นดวงเนตรคมกริบสวยงามนั้น ก็เหมือนกับสะกดให้ริมฝีปากของเขาพูดออกไปทั้งหัวใจ

     

                “ข้าสาบาน” เขาตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น มั่นคง แต่ร่างกายกลับสั่นไหวน้อยๆ ราวกับหัวใจมันจะหลุดออกมา

     

                “องค์ราชาบาซิกค์ พระองค์ทรงยอมรับคำสาบานนี้จากพระชายาหรือไม่

     

                “ข้ายอมรับ” น้ำเสียงนั้นเรียบเย็น ฟังดูไม่หวานหูเลยสักนิด แต่น่าแปลกที่มันกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นประหลาดๆ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็น มิกิแอบเม้มริมฝีปากลง แกล้งเบี่ยงสายตาไม่มองออกไป เพราะตอนนี้เขารู้สึกสั่น จนแทบจะยืนตรงๆ ไม่ได้ แถมยังร้อนๆ แถวใบหน้าขึ้นมาจนถึงหู ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหรืออะไรกันแน่

     

                “เชิญพระองค์ทั้งสอง จุมพิตปฏิญาณพะย่ะค่ะ” พูดให้สัญญาณเสร็จสรรพถึงพิธีสุดท้าย ร่างสูงศักดิ์ก้าวมาใกล้ ไออุ่นจากคนตรงหน้าประชิดตัวเขาแล้ว แต่เด็กหนุ่มกลับยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นหิน ท้ายสุดก็ถูกพระหัตถ์ใหญ่เชยขึ้นมาสบ ดวงตาเทพนาคินจ้องมองอย่างละเมียดละไมอยู่นานสองนาน และลอบยิ้ม นิ้วเรียวสวยเกลี่ยลงบนแก้มขาวนุ่มจนรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ

     

                “ทรงมองนานเช่นนี้ เกิดลังเลขึ้นมาหรืออย่างไร” แกล้งถามออกไป พลางเริ่มทำใจให้เป็นปกติหันมองคนสูงกว่า

     

                “เปล่า...ข้าแค่อยากมองหน้าเจ้าให้ชัดๆ ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน” ดวงเนตรทอดมองภาพเจ้าหัวใจเพียงคนเดียวนิ่ง ประกายของความบริสุทธิ์ใจที่ไม่มีวันผันแปรปรากฏขึ้นในแววตา ขณะที่แววตาของตัวเองก็จะไม่แปรเปลี่ยนเช่นเดียวกัน

     

    ทรงจูบเถิด คนอื่น...เขารอฉลองกันอยู่” พูดด้วยความเขินอาย บาซิกค์หัวเราะเบาๆ

     

    ปากเจ้ามันน่าโดนกัดไม่เปลี่ยน

     

    หึ...งั้นก็กัดเลย

    สัมผัสอ่อนนุ่มครอบครองทั้งหัวใจ จุมพิตสาบานร้อนแทบหลอมละลายทุกสรรพสิ่ง แม้ความร้อนของทะเลทรายสีทองกว้างใหญ่ก็มิอาจเทียบเท่า ความรักนี้ บทเรียนนี้ ทำให้เรารู้จักหัวใจตัวเองมากขึ้น บางทีคนที่สามารถทำลายกำแพงสูงกั้นในจิตใจตัวเองได้ อาจมิใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเอง ขอเพียงเปิดใจ แล้วปล่อยหัวใจให้นำพาไป แล้วจะพบว่าอ้อมแขนที่เราโหยหาจะอยู่ใกล้เพียงเอื้อม ความสุขของหัวใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาจนล้นเอ่อ แม้พันธนาการรักนี้จะไม่ได้สวยหรูมาตั้วแต่ต้น แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้..แม้จะต้องพันผูกโซ่ด้วยทาสใจ ก็จะอยู่เช่นนี้ไป นิจนิรันดร์..


    สายลมดุจเป็นพยานรัก..

    จุมพิตจักกัดกลืนถึงใจหมาย..

    ขอเพียงรัก เจ้านี้ ไม่เสื่อมคลาย..

    แม้ชีวาย มิพรากรัก สิ้นมรณา..

     

    ดวงตาคู่นี้จักปรากฏแค่ภาพเขา..
    และจักเป็นเช่นนั้นตลอดไป..

     

    +++++++++++++++ เสน่หาทาสนาคิน (จบบริบูรณ์) +++++++++++++++

     

    ทักทายทิ้งทายกันสักนิด

     

              กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  ในที่สุดพี่งูของหมู่เฮาก็แล่นมาถึงตอนสุดท้ายจน ได้ โฮกกกกกกก  รู้สึกใจหายมากมาย ( เหลือบมองต้นฉบับ 200 นิดๆ ) เป็นเรื่องที่ทำดี้ร้องโอดครวญที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาฮืออ พยายามทำออกมาให้สมเหตุสมผลที่สุดแง้ และแล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนี้  (แก้เยอะมากก แก้บ่อยมาก) แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจ รีเดอร์ ทุกท่านกันไหม T^T 
                      ขอบคุณนะคะ  ขอบคุณทุกคนจริงๆที่คอยเป็นกำลังใจให้ดี้มาตลอดทั้งจากเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ และยังไม่หนีไปไหน ดี้ยอมรับผิดแต่โดยดีค่ะว่าเรื่องนี้ เบี้ยวบ่อยมาก แล้วก็อัพช้ามาก แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าแต่ล่ะงาน ดี้ตั้งใจทำเขียนนะ ตั้งใจจริงๆ(ดูหน้า *^*) จนถึงหน้าสุดท้ายอิอิ

           มาถึงพาร์ทสำคัญกันบ้าง  หลายคนอาจสงสัยว่าว่า เฮ้ย!!! ขุ่นพระขุ่นเจ้า บาฮษลกับ ซาอิดมา โผล่ญี่ปุ่นได้ยังไง เฮ้ยแล้วเรื่องราว รอดออกมาได้ยังไง ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง!

     

    อย่าเพิ่งโวยวายค่ะ..

    คำตอบทั้งหมดอยู่ในตอนพิเศษ สำหรับคู่ น้ำพริกปลา(งู)เค็ม? ของนิยายเรื่องนี้ค่ะ ซึ่งจะจัดให้ อาเฮียหลีบาฮาล กับ อาเจ้ซาอิด โดยเฉพาะ รวมถึงเฉลย ปมใน บางอย่างด้วย..ฮิ้วววว  ใครอยากรู้ช่วยอุดหนุนดี้กันนเร๊อะ (ถ่อวววว งานขายตรง)

            พอพูดถึงตอนพิเศษ แล้ว บอกเลยแล้วกันเนร๊อะว่ามีทั้ง 3 ตอน ด้วยกัน เป็น คู่หลัก 2 ตอน แล้ว คู่ บาฮาลกับซาอิด อีก 1 ตอนค่ะ 

         บอกใบ้ให้ว่า ใครอยากเห็น ลูกงู ตัวน้อยๆ วิ่งไปวิ่งมา?  ห้ามพลาดเชียว! ><y (ขายอีกล่ะ)       

     อ่า ถึงย่อหน้าสุดท้ายแล้ว ไม่มีไรมาก แค่อยากจิบอกว่า รักทุกคนนะคะ และคิสถึงมากด้วยย จุ๊ฟ >3
    ใครรอเรื่องตำนานรักเพลงราชันภาค 2 อยู่ อาจมีข่าวดีเร็วๆนี้  

     

    ส่วยนิยายเรื่องนี้เปิดเจอเมื่อไรดี้จะอัพเดทให้ทราบโดยด่วนค่ะ คาดว่า สิ้นเดือนนี้ น่าจะรู้กัน ><

    ปล. สนพ หนึ่งเดียว นะคะ  บลายยยยยยยยยย >3 

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×