ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำรัก คนรัก เคยรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : ไม่อาจลืมเลือน 5

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 65


    คำรักอันหวานซึ้งที่แดนบอกกับฉัน ทำฉันอ่อนไหว ล่องลอยอยู่ในภวังค์แห่งความรักจนยากจะถอนตัว จิตนาการแห่งความรักอันหวานชื่น ตัวแทนความดีและความเลว ผุดขึ้นมาตีกันในสมอง

     

    ที่ออฟฟิศ บริษิทฯ หลายวันนับจากที่แดนย้ายมาทำงาน ส่วนกันต์กลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติ และทักแชทไปหาปราย

    กันต์ : ปราย ถ้ามีเวลา อย่าลืมเวะมาที่ห้องทำงานผมนะ

    กันต์ : ผมมีของซื้อมาฝาก ผมไปหาคุณที่ห้องทำงานหลายทีแต่ไม่เจอ

    ปราย : ค่ะ ขอบคุณนะ

    ปราย : ปรายมีคุยงานหลายงาน มีประชุมต่อด้วยที่เราจะขยายโรงงานผลิต แถมจะออกแบบเครื่องจักรตัวใหม่ด้วย

    กันต์ : ครับ

     

    ในบ่ายวันนั้น ระหว่างที่กันต์กำลังทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ป๊อบปอัพข้อความจากบอมก็ผุกขึ้นจากมุมขวาล่างของหน้าจอ

    บอม : กันต์ นายยุ่งอยู่ไหม

    กันต์ : ว่าไง ไม่ยุ่งเท่าไหร่ คุยได้

    กันต์ : มีอะไรเหรอ

    กันต์ : ถ้าจะถามถึงของฝากอะ มีให้อยู่แล้วหละนะ

    บอม : 55+

    บอม : ของฟรีใครจะไม่อยากได้หละ

    บอม : เอ่อ ว่าแต่

    กันต์ : แต่? แต่อะไร?

    กันต์ : ได้ข่าว พนักงานใหม่ที่บริษัทเราไหม

    กันต์ : ไม่อะ ยังไม่รู้ ฉันพลาดอะไรไป

    กันต์ : สวยอะดิ?

    บอม : สวยบ้านแกสิ ผู้ชายหล่อด้วย

    บอม : ที่สำคัญ ขอย้ายมาจากสำนักงานใหญ่เองเลยนะ

    บอม : ได้ข่าวมาว่า เป็นลูกรักบอสใหญ่ด้วย

    กันต์ : เฮ้อ.... เด็กเส้นหละสิ

    บอม : จะมาดูแลเรื่องขยายโรงงานผลิต แถมจะออกแบบเครื่องจักรตัวใหม่กับยื่นขอซื้อที่ดินติดเขต สปก. ด้วยนะ ฉันเลยอลม่านกันเลย

    บอม : เห็นว่า ชื่อแดน

    บอม : แดนดนัย บดินทร์.... ซักอย่างอะ จำได้ละ

    กันต์ : !

    กันต์ : แน่ใจนะว่าจำชื่อ นามสกุลถูก

    บอม : จำได้แค่นั้นแแหละ ทำไมอะ

    กันต์ : ก็นั่น มันชื่อเพื่อนเก่า สมัยเรียน

    กันต์ : ตั้งแต่มัธยม ก็ไปมาหาสู่กันตลอด

    กันต์ : ไม่น่าใช่คนเดียววกันหรอก

    บอม : เอ่อ นั่นดิ ถ้าใช่ปรายคงบอกนายไปแล้วหล่ะ

    กันต์ : อืม........

     

     

    “คลิก คลิก” เสียงคลิกเมาส์อย่างเร็ว ดังอยู่ที่โต๊ะทำงานของฉัน

    สองมือขยับกดปุ่มคีย์บอร์ดอย่างชำนาญแม้ไม่ได้มอง เพราะสายตากวาดไปตามลายเส้นแบบโครงร่างฟันเฟืองที่กำลับประกอบเข้ากับเครื่องจักรขนาดใหญ่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

    “ปราย” กันต์มาถึงโต๊ะทำงานฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    “กันต์ ตกใจหมดเลย” ฉันขมวดคิ้วใส่ แล้วหันกับมาที่หน้าจอ

    “ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ไปกินข้าวเย็นกันไหม” กันต์ยิ้มแห้งๆ

    “วันนี้งานยังไม่เสร็จเลย” ฉันตอบทั้งที่สายตาไม่ได้ละจากจอ “เจ้านายจะรีบดูแบบ ไว้วันหลังนะ พรุ่งนี้ดีไหม ที่ร้านเดิมเนอะ”

    “ก็ได้ๆ” เขาตอบเสียงอ่อยๆ “ได้ข่าว พนักงานใหม่ที่บริษัทเราไหม ผมเพิ่งรู้ข่าววันนี้เอง ใช่คนที่เขาโทรมาตามงานปรายบ่อยๆ ไหม

    “อ่อ ใช่ๆ”

    “ได้ยินว่าชื่อเหมือน ไอ้แดนเพื่อนเราเลยอะ” เขาขยับมานั่งพิงที่โต๊ะ

    “เอ่อ...”

    มือและนิ้วที่กำลังเคลื่อนไปมาอย่างชำนาญถึงกับหยุดชะงักไปในทันที

    “เขาคือ แดน เพื่อนเราจริงๆ”

    “ว่าไงนะ!” เขาพูดด้วยความประหลาดใจ ผละออกจากโต๊ะในทันที

    “ทำไมปรายไม่บอกผม”

    “กลัวนายจะคิดมาก ตอนนี้ก็มีแค่เรื่องงาน” ฉันหยุดทุกอย่างที่ทำแล้วหันมาพูดคุยอย่างตั้งใจ

    “ปราย...จะให้ผมคิดยังไง ในเมื่อคนที่ปรายเคยแอบชอบ และก็ชอบมาจนถึงทุกวันนี้ มาทำงานด้วย”

    “นายรู้...”

    “ใช่ เราสามคนเป็นเพื่อนกันมา รู้จักกันมานานแค่ไหน ทำไมกันต์จะไม่รู้ สิ่งที่ผมเสียใจ คือ ปรายไม่บอกผม”

    “อย่าคิดมากเลย เรื่องมันนานมาแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอก แค่ไม่รู้ว่าจะบอกยังไง”

    “ปราย... รู้ใช่ไหมว่า” เขาหยุดพูดและนิ่งไปเฉยๆ

    “รู้ว่าอะไรคะ?

    “ไม่มีอะไรหรอก ขอตัวกลับก่อนนะ”

    แล้วเขาก็เดินจากไป ทิ้งความให้ฉันจมอยู่กับความรู้สึกที่หาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้

     

     

    ทุกวันอาทิตย์ ฉันและพลอยเพื่อนสนิทนักการตลาดจะนัดกันไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ก่อนกลับจึงพากันไปนั่งในร้านอาหารชาบูบุพเฟ่ต์

    “ปราย ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยเล่าเรื่องกันต์ให้ฟังบ้างเลยอะ” พลอยถามหลังจากที่เพิ่งลงได้ไม่ถึงนาที ก่อนจะรี่ตาลง จ้องมองมาที่ฉัน

    “พวกเธอ.. มีอะไรกันรึเปล่า”

    ฉันหลับตาปริบๆ ใส่พลอะ แล้วนึกขึ้นได้ว่าต้องรียตอบคำถามนี้ “ยังๆ ไม่ๆ ยังไม่มีอะไรกัน!”

    “โอ้ยยย” พลอยพูดราวกับพ้นควันออกจากปาก “เปล่าๆ ฉันหมายถึง มีปัญหาอะไรกันไหม”

    “อ่าวเหรอ” ฉันยิ้มเขินๆ “เราห่างๆกันมาซักพักแล้วหละ กันต์เขาขี้น้อยใจ โกรธที่ฉันไม่ยอมบอก เรื่องที่แดนย้ายมาทำงานด้วย แถมแดนยังมาเป็นคนคุมโปรเจก ฉันก็ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำงานด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวัน”

    “อ่าว แล้วกันต์หละ” พลอยอุทาน พร้อมเอื้อมไปหยิบจากของสดและผักตามสายพานลงมาวางที่โต๊ะอย่างต่อเนื่อง

    “จะเหลือเหรอ ทั้งหึงทั้งน้อยใจไปตามเรื่องสิ” ฉันพูดพลางโยกตัวหลบให้พนักงานวางหม้อน้ำซุป “แดนก็ก็เอาเรื่องงานมาคุยตลอด พอฉันปฏิเสธ งานไม่เดิน บอสก็จะเล่นงานฉัน”

    “ฉันว่า มันคงไม่ใช่แค่เรื่องงานใช่ไหม” พลอยตั้งหน้าตั้งตาโกยหมูสามชั้นสไลด์และผักลงจนเก็บเต็มหม้อ แล้วหันมาจ้องหน้าฉันอีกครั้ง “เธอเองก็ชอบนายนั่นใช่เปล่า ถ้าฉันจำไม่ผิด”

    “เออ... ใช่ ก็คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ” ฉันกุมขมับ “โอยยยย ฉันจะทำยังไงดี สับสนเป็นบ้าเลย”

    “แล้วตกลงแกรักใครกันแน่ ฉันเริ่มไม่เข้าใจแกแล้วนะ”

    “ก็คงจะ...คนนึงก็รัก คนนึงบอกรัก คนนึงเคยรัก” ฉันตอบแบบงงๆ

    “เอ่อ เอาเข้าไปสิ ฉันฟังแล้วจะบ้าตายแทนยัยปรายเอ้ย” ว่าแล้วพลอยก็คีบหมูสามชั้นขึ้นจากหม้อน้ำซุบใส่จานให้ฉัน

    “ขอบใจนะ” ฉันมองชิ้นหมูในจานแต่กลับเห็นเป็นหน้าผู้ชายสองคน “พลอย ฉันควรทำไงดีอะ”

    “เอางี้ กินไป” พลอยก็ยิ้มเหมือนคิดอะไรออกบางอย่าง แล้ววางตะเกียบลง หันไปค้นอะไรบางอย่างจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่

    “อะนี่” พลอยหยิบหนังสือนิยายแฟนตาซีเล่มหนึ่งให้ฉัน บนหน้าปกมีรูปตัวละครหญิงที่ครึ่งหนึ่งเป็นเทพมีปีกสีขาวบนพื้นหลังสว่างสวยงามอีกครึ่งคนปกติบนพื้นหลังเป็นความมืดดำ “เอาไปอ่านซะ”

    “พิสซิน่ากับมายาแห่งความมืด” ฉันอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นถาม “หนังสือนิยาย? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของฉันละยัยพลอย”

    “ลองอ่านดู ฉันว่าเวลาที่คนเราเจอกับปัญหา เรามัวแต่หาทางออกจนลืมคิดไปว่าสาเหตุของปัญหานั้นคืออะไร ฉันว่าแกน่าจะได้มุมมองและแง่คิดดีๆจากหนังสือเล่มนี้นะ แถมมีฉาพต่อสู้เวอร์ๆ แบบที่แกชอบด้วย”

    “อืม ขอบใจนะ” ฉันวางหนังสือไว้โต๊ะ แล้วหันไปตั้งหน้าตั้งตากินอีกครั้ง

    “เล่าให้ฟังหน่อย ว่ากันต์ดีกับเธอยังไง”

    “กันต์เขา...อบอุ่น สุภาพบุรุษมากๆๆๆๆๆ ขนาดมือฉันยังไม่ค่อยกล้าจับเลย กันต์ นิสัยดี ชอบช่วยเหลือทุกอย่าง เทคแคร์ดีมากๆ”

    “ปานนั้นเชียว แล้วเขาทำอย่างนี้กับคนอื่นไหมอะ”

    “เอ่อ...” คำถามนี้ทำให้ฉันนิ่งไป  “ก็...เป็นอย่างนี้กับ...ทุกคนนะ เท่าที่ฉันจำได้”

    “อ่ะ เขาบอกรักเธอไหมอะ” พลอยถามแล้วประโคมหมูสามชั้นลงอีกครั้ง

    “แค่ครั้งเดียว ตอนที่อยู่ โรงพยาบาล...”

    “ปรายฉันจำได้ลางๆ เธอเคยบอกว่า สมัยเรียน รักๆเลิกๆกันไปกี่ครั้งแล้วนะ แล้วใครบอกเลิกก่อน”

    “ฉันว่าน่าจะ 3-4 ครั้งมั้ง คนที่บอกเลิก ก็...ฉันเอง”

    พลอยมองค้อนราวกับเป็นคนผู้บอกเลิกเสียเอง “อ้าววววววววว  เธอนิ เพื่อนฉัน ทำไม...ขนาดนี้” พลอยถอนหายใจยาว “ไหน เล่าความรู้สึกที่มีต่อแดนมาหน่อย”

    “แดน เขาเป็นคนที่ฉันแอบชอบ แอบปลื้มมากๆ มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม เขาเก่งหลายอย่าง นอกจากเรื่องเรียน กับเวลาทำงานแล้ว เราก็ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ด้วยกันหรอก แต่ฉันรู้สึกได้ทุกครั้งเวลาที่เรามองตากัน เหมือนเราคิดตรงกัน แต่เราต่างคนต่างไม่ได้พูดออกมา”

    พลอยมองหน้าฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ ตลอดเวลาที่ฉันพูดถึงแดน เหมือนกับเธอกำลังประมวลข้อมูลอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะยิงคำถามใส่ฉันแบบรัวๆ

    “เธอใจเต้นแรงเวลาอยู่กับใคร? เธอหน้าแดง เวลาเจอใคร?

    “แดน และ แดน” ฉันตอบอย่างไม่ต้องคิด

    พลอยตั้งคำถามอีก “ถ้าคิดถึงผู้ชายในฝันใคร แกคิดถึงใคร?

    “คีอานู รีฟ!” ฉันตอบตาใส่ พร้อมกับม้วนผักกาดต้มคำใหญ่ลงถ้วยน้ำจิ้ม

    “เฮ้ย ยัยบ้า!” พลอยพูดเสียงดังจนโต๊ะข้างๆหันมา แถมทำตาเขียวใส่ฉัน “ฉันหมายถึงแค่ 2 คนนั้นหย่ะ”

    ฉันถอนหายใจ "แดน อีกนั่นแหละ ฉันตอบแล้ว แล้วจะยังไงต่ออะ”

    “ใครทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย?” พลอยยังคงถามต่อ

    ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยที่จะตอบคำถาม เพราะมันเป็นคำถามที่แทงใจดำ ยังมีคำถามอีกเหรอ เยอะจัง ฉันคิดก่อนตอบออกไปว่า “กันต์”

    “เอาตรงๆนะ ตอบแบบไม่ต้องคิดนะ ถามจบแล้วตอบเลยนะ ผู้ชายคนแรกที่เธอคิดถึง และมองเวลาหลับตา คือใคร”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×