ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทสุดท้ายของการจากลา
              “ซีบิล  ตานายแล้วนะ”เฟรินผลักซีบิลให้เดินมาหาฉัน  และเมื่อซีบิลหันไป  ก็เห็นแต่คาโลกับเฟรินเดินเข้าในงานพร้อมๆกัน......................................................................................................................ข้างนอก.................มีแต่เงียบ  เงียบและเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของคนรอบข้างอีกครั้ง  ด้วยตวามที่คิดว่า ‘มันเงียบมหาเงียบ’ ฝ่ายเราก็เลยเปิดปากพูดกับคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ตลอดตั้งแต่ตอนที่เฟรินเข้าไปแล้ว
    “อะ...เอ่อ...ซี...บิ...”ยังพูดไม่จบคนตรงหน้าก็รุกมาซะก่อนที่เธอจะพูด (Albatross : เปลี่ยนคนพากษ์เพราะปากเธอโดยคนฉวย) อะไรซักอย่าง  ซีบิลตรงเข้ามาประทับจุมพิตอย่างนุ่มนวลที่สุดกับเจ้าหล่อนที่พยามจะดิ้นให้คนตรงหน้าปล่อย  แต่ยิ่งดิ้นคนตรงหน้าก็ยิ่งกำฉับกอดให้แนบติดตัวยิ่งขึ้น  จูบที่จับตนชนปลายไม่ถูกมันได้มีความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายแต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีสำหรับเธอในตอนนี้  สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องตกอยู่ในท่วงทำนองแห่งความเงียบที่ได้บรรยากาศสุดๆและเธอก็ต้องยอมให้นักฆ่าคนนี้รุกฆาตเธอไปซะงั้น  เมื่อเจ้าหล่อนยอม  เขาจึงลืมตาขึ้นพร้อมค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างช้า  หล่อนก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้า
    “ร้องไห้ทำไมล่ะครับ”ซีบิลใช้นิ้วโป่งปาดน้ำตาของเธอ (ยูโดริ:เปลี่ยนคนพากษ์)
    “ไม่รู้เหมือนกัน” ‘คงเป็นเพราะเจอคนที่ใช้เลยแล้วล่ะมั่ง’ แต่นั่นก็เป็นคำที่อยู่ในใจไม่ได้พูดให้คนตรงหน้าได้รับรู้หรอก
    “เหรอครับ  งั้นอย่าร้องไห้เลยนะครับถ้ามีอะไรบอกผมได้ทุกเมื่อ  แต่ตอนนี้เราเข้าไปในงานด้วยกันนะครับ”ซีบิลถอยห่างออกมานิดๆแล้วส่งแขนให้ฉัน
    “อืม”ฉันยื่นมือไปคล้องแขนของซีบิลและเดินเข้าไปในงานอย่างช้าๆจนเห็นเฟรินวิ่งเข้ามาเป็นคนแรก
    “ Oh  yessssss! แผนหนึ่งเคลียร์”เฟรินกระโดดเข้ามากอดฉันเต็มๆ (จนจะล้มหงายหลัง)
    “ยู  ทำไมใส่ชุดนี้”เรนอนวิ่งเป็นคนต่อมาตามด้วยคนอื่นๆไม่ต้องสงสัยเลยเพราะชุดมันสะดุดตาคนมาก
    “ก็....ไม่ค่อยอยากใส่ชุดราตรี  กระโปรงยาวเหยียดแบบนั้นก็เลยใช้ชุดนี้มาแทน”
    “ชุดออกสวยน่าเสียดายไม่ใส่มา”
    “ไม่เป็นไรหรอกเรนอน  ถึงยูเขาจะไม่ใส่ชุดราตรีที่สวยๆนั้นแต่คืนนี้ยูจะต้องใส่ชุดที่สวยกว่านั้นแน่นอนและพวกเธอก็จะได้ใส่ด้วยจริงไหมโกโดม  พี่สาว”เฟรินส่งสายตาเจ้าเหล่มาทางฉัน
    “จริงกระหม่อม/ค่ะ”ทั้งสองตอบพร้อมกันและแอบยิ้มแบบมีเลศนัยใส่เฟริน
    “อืมๆ  ยูพร้อมจะเข้าเฝ้าคิงควีนหรือยัง”เฟรินถาม
    “เสมอ”ฉับตอบพร้อมเดินไปหาคิงและควีนกับเฟรินที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะลากฉันไปล่ะมากกว่า  เฟรินพา (ลาก) ฉันไปอยู่ต่อหน้าเอวิเดสแล้วเริ่มต้นบทสนทนา
    “ขอถวายบังคมกษัตริย์ทุกพระองค์เพค่ะ  หม่อมฉันอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเพื่อนของหม่อมฉัน  ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะไนท์  วิทช์แอนด์ปรินเซส  ออฟ  แอ็ดลาสเพค่ะ”เมื่อเฟรินพูดชื่อให้ทุกพระองค์ฟัง  ก็ต้องอึ้งเมื่อฉันมีถึง 3 ฉายาไม่ใช่แค่กษัตริย์กับคนอื่นๆนะที่อึ้ง  ฉันเองยังอึ้งเลย
    “อะ...เอ่อ...เฟริน”ฉันกระซิบเรียกเฟริน
    “หือ”เฟรินตอบรับแบบไม่มองหน้า
    “บอกความจริงไปเถอะ”
    “ก็นี่ไงความจริง”  ‘เหอๆฉันขอยอมแพ้หัวขโมยคนนี้ก็ได้’
    “....”ฉันจึงเงียบกลับไปพร้อมกับทำหน้าเบ้
    “ลูกรักของแม่  เป็นไงบ้างจ๊ะ  อยู่ที่โลกมนุษย์แล้วสนุกไหม”เสียงเนื่อยๆดังมาจากแม่ที่นั่งอยู่ข้างเฮลด้า
    “ก็.....สนุกดีค่ะ”ฉันแสร้งยิ้มกลับไป ‘แปลกจริงทำไมท่านดูเหนื่อยๆ’
    “นั้นก็ดีแล้วละลูก  พ่อกับแม่ได้จัดหาคู่หมั้นสำหรับลูกได้แล้วละ”สิ้นเสียงไฟทั้งห้องก็ดับลงท่ามกลางเสียงกรี้ดของผู้หญิงลูกคุณหนู
    “เฮ้ย! ใครก็ได้เรียกแฮรี่  พอตเตอร์มาท่องคาถา ‘ลูมอส’ ทีดิ”ขนาดไฟดับครี้ดก็ยังแซวได้อยู่แล้ว
    “เอ่อไม่ต้องเรียกฉันก็ทำได้  ลูมอส!”ฉันท่องคาถาออกไปแล้วทันใดนั้นไฟก็เปิดขึ้นแต่มีสิ่งหนึ่งที่มาอยู่ตรงหน้าฉัน....
    “หวัดดี”คำพูดหลุดออกมาจากปากของชายนิรนามที่มีดวงหน้าหล่อเหลาประมาณคาโลแต่น่ากวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนคิล  เรือนผมสีดำนั้นถูกปล่อยให้พลิ้วไปตามสายลมเอื้อยๆ  ส่วมชุดบอกถานะได้เลยว่ายศสูง ที่เห็นจะสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นดาบที่เหน็บไว้ข้างตัว แต่ที่แน่ๆไอ้ท่าที่เขาเอาแขนมารวบเอวของฉันกับการที่เอาหน้ามาใกล้ขนาดนี้  มันไม่สามารถจะให้ฉันสกัดแรงต่อยแอนด์เตะไปเต็มๆได้หรอกนะ
    “หนอย~แก...อย่าอยู่เลย”ฉันเอนตัวไปข้างหลังให้มือทั้งสองแตะถึงพื้นแล้วตวัดเท้าให้โดนคางของเขา เสร็จก็กับเข้ามานั่งในท่านั่งชั่นเข่าพร้อมสบัดผม
    “ชนะฉันไม่ได้หรอกนะ”และผลคือ  เขาไม่เป็นไรเหมือนกับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิด
    “เฮ้ย!”ฉันอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะเขาตรงหน้ารุกเข้ามาฉุดฉันขึ้นจากท่านั่งแล้วจุมพิตที่มือข้างซ้าย  โอ้ยน่าเอียนโว้ยยยยย
    “ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวผมชื่อ......”
    “ขอโทษงั้นเหรอ  ได้เดียวให้โทษตามปรารถนา”ฉันสะบัดมือออกก่อนจะยกขาข้างขวาไปบนหัวของเขาแล้วทุ่มลงมา
    หวับ
    เขาหายไปจากตรงนั้นไปอยู่ด้านหลังฉันพลางจับผมของฉันม้วนไปม้วนมา
              “ผมชื่อลิมบรา  โคมานเลฟ  เดอะปรินซ์ออฟลิบรา”เดอะปรินซ์!!!!!!!!!!!!!!
    “อะ....อะ......อะ.....”ฉันช็อคเพราะเสียมารยาทอย่างมากกับ....เจ้าชายที่น่ากวนอวัยวะเบื้องล่างกว่าคิลซะอีก -_-
    “......ยู.....ยู .”เฟรินเรียกและสะกิดที่ไหล่แต่เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จก็จับเขย่าแรงๆ  และมันก็ได้ผลฉันได้สติดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
    “หือ”ฉันหันไปหาเฟริน
    “เล่นแรงไปเปล่า”เฟรินถาม
    “อะไรเล่นแรง”ฉันถามแบบงงๆ
    “ไปเตะเอ่อ....”เฟรินชี้ไปทางลิมบรานั้นทำให้ฉันรื้อฟื้นความทรงจำต่างๆไว้แล้วก็ต้องถลึงตาเพราะว่ารู้แล้วว่าทำอะไรผิด......แต่เราก็เป็นเจ้าหญิงหนิต้องวางมาดไว้ก่อน อืมๆ  คิดอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆ
    “อาฮะ  ต้องขอโทษด้วยเพค่ะพระองค์  ที่หม่อมฉันทำไปก็เพราะเป็นสัญชาตญาณของหม่อมฉันเอง    พระองค์คงจะไม่ชอบกริยาแบบนี้สิเพค่ะ”ฉันยิ้มอย่างสะใจแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือรอยสรวลเบาๆจากคนที่ได้ฉายาว่าเจ้าชาย
    “เปล่าหรอก  ฉันว่าฉันชอบซะอีกนะ”คำตอบนั้นทำให้ฉันอยากจะกระโดดไปต่อยคนตรงหน้าเต็มๆหมัดแต่ต้องรักษามารยาท...อืมๆ....รักษามารยาท....อดทนเอาไว้ยูเอ๋ยอดทนเอาไว้
    “แล้วที่พระองค์มานี้เพื่อ......”ฉันพยายามเบี่ยงเบนแต่รู้สึกมันชักจะเลวร้ายขึ้น
    “มาหมั้นกับเธอนั้นแหละ”
    เพล้ง
    เสียงแก้วแตกดังขึ้นจากด้านข้างๆของฉันและเมื่อหันไป.....ซีบิล!
    “เอ่อ...ขอโทษครับพอดีผมเผลอบีบแรงไปหน่อยน่ะครับ  แฮะๆ”ซีบิลใช้เวทรักษารอยบาดแผลจนหายก่อนจะบรรจงใช้เวทเก็บเศษแก้ว  ฉันกำลังจะไปช่วยแต่ก็ถูกมือหนึ่งคว้าเอวเอาไว้  ฉันหันไป
    “จะไปไหนน่ะ”ลิมบราพูดอย่างเป็นห่วง ‘ไปให้พ้นๆหน้าแกไง  เกะกะลูกตา’
    “อ๋อ.....จะไปหาเพื่อนน่ะเพค่ะ”ฉันพยามผลักตัวออกไปแต่ทำไงได้แรงผู้หญิงมันแพ้แรงผู้ชายหนิ
    “เดี๋ยวค่อยไปก็ได้  มาอยู่คุยกับฉันก่อน”ลิมบราเริ่มทวีแรงกอดให้แนบชิดจนหน้าฉันแนบอกเขาโอ้ยใครก็ได้ช่วยด้วย  แต่แล้วเหมือนเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
    “ปล่อยยูเดี๋ยวนี้นะ”เสียงเฟรินดังขึ้น  ทำให้ฉันอยากเข้าไปกอดซักร้อยที (ยู:หวังว่าคาโลคงไม่ว่านะ) (คาโล:ใครบอก) (ยู:ง่า~)
    “หือ”ลิมบราเริ่มสนใจ
    “ก็ไอ้การที่นายมากอดยูเพื่อนฉันอย่างนี้มันกะทันหันเกินไปรู้ไหม  เขาเรียกว่าโรคจิตกันแล้วล่ะเจ้าชาย” (เฟริน:อยากได้บทแบบนี้มานานแล้ว ฮิฮิ) เฟรินวางมาดเจ้าชายซึ่งไม่ดูร่างของตัวเองเล้ยว่าเป็นชายหรือหญิง
    “เฟลิโอน่า  เกรเดเวล  เดอะปรินเซส  ออฟเดมอส  แต่รู้สึกว่าเธอกำลังจะกลายเป็นราชินีแห่งคาโนวาลแล้วไม่ใช่เหรอ”  ‘มันเอาจุดอ่อนมาล่อ’ฉันคิดอยู่ในใจ  เฟรินหน้าเริ่มขึ้นสีทันทีแต่ในทางกลับกันคาโลก็ได้แอบยิ้มอยู่คนเดียว  ฉันจึงแก้สถานการทันที
    “ขอโทษนะขอโทษ  ข่าวนายว่ามาผิดหรือเปล่า  มีแต่การที่เฟรินเป็นว่าที่ราชินีแห่งคาโนวาลนะมัวแล้วๆ”ฉันพูดพลางผลักตัวออกแต่ไม่สำเร็จ  ไอ้อายคนทั่วทั้งงานน่ะไม่อายหรอกแต่มันอยู่อย่างงี้มันอึดอัดโว้ยยยยยยย
    “อืมๆ ฉันคงฟังมาผิดจริงๆแต่อีกไม่นานข่าวของเราก็อาจจะดังด้วย”ลิมบราพูดพลางจุมพิตบนริมฝีปากของฉันเบาๆ  เฟรินทนดูไม่ได้เรียกผ่าปฐพีมาทันที
    “ผ่าปฐพี!”สิ้นเสียงดาบก็ออกมาตรงหน้าเจ้าของของมันทันที
    “นายมาสู้กันให้ร็แล้วรู้รอดกันเลยดีกว่า”เฟริน  เธอเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชาย  แต่ก็ดี...เธอรีบๆมาช่วยฉันออกจากไอ้บ้ากามนี้ที!!!!!!!!!!!
    “ชอบตัดสินกันด้วยกำลังจังนะ”ลิมบราพูด
    “ฉันเกลียดปัญญา  คาโล  คิล  ซีบิลแกสามคนก็มาสู้ด้วยสิ”อ้าว  ชวนเขาซะงั้นง่ะ
    “อืม/ก็ได้ครับ/...”และนี่คือเสียงตอบ  ที่เห็นจะไม่ตอบสงสัยคงจะเป็นเจ้าชายหอคอยงาช้าง
    “คาโล”...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้...
    “ถ้านายสู้  ฉันจะยอมนายทุกอย่างเลยเอาไง”โอ้เฟรินเพื่อนร้ากกกกกก  คาโลหน้าขึ้นสีนิดๆแต่ก็ยอมเอาคทาพิพากษาออกมา
    “ฉันขอสู้ด้วย  สตูเปฟาย”ฉันใช้คาถาผลักดันตัวออกมาจากลิมบราแล้วเดินไปอยู่ข้างเฟรินก่อนจะหยิบดาบ (ปากกา) ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
    “เหอ~ก็ได้ๆ  แต่ต้องมีข้อตกลงกันก่อน  ถ้าพวกนายชนะฉันจะยอมแต่โดยดี  แต่ถ้าฉันชนะฉันต้องแต่งงานกับยู”สรุปง่ายเนอะ
    “เฮ้ย!ฉันหมั้นกับนายตอน ไหนมิทราบ”ฉันเถียงทันควัน
    “ไม่รู้แต่นี้คือข้อตกลง  จะรับคำท้าไหม” ฉันนิ่งไปโดยทันที  ‘ถ้าเราชนะยูก็จะได้ไม่ต้องหมั้นกับมันแต่ถ้มันชนะยูก็ต้องแต่งงานกับมัน  เอาไงดีล่ะ’ เฟรินคิดแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสามที่ตอนนี้ก็คงวิตกพอๆกันแต่ที่หนักกว่าก็คือ  ซีบิล  ความตรึงเครียดจึงคลอบคลุมพื้นที่ทันที
    “จุ๊ๆ  ถ้าไม่รับคำก็ไม่ใช่ป้อมอัศวินแล้วล่ะสิ  ฉะนั้นศึกนี้เราขอรับคำท้า”ฉันพูดออกไปเองจนพวกเฟรินมองฉันแบบว่า ‘เฮ้ย  ชีวิตเธอนะเฟ้ย’
    “จะเป็นไรไปถ้าคนที่แต่งงานกับเราเป็นคนที่เราไม่รัก”ฉันพุดลอยๆให้ได้ยินแค่พวกเฟรินก่อนจะหันหน้ามามองงซีบิลแล้วยิ้ม
    “ส่วนสถานที่ประลองก็.....”ฉันกำลังจะบอกว่าลานตะวันแต่ลิมบราก็ส่วนขึ้น
    “ที่นี่แหละ”
    “อืม......ก็ได้แล้วแต่เจ้าชายนะเพค่ะ”ฉันพูดพลางแกว่งดาบ
    “พูดเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิง”
    “ถึงฉันจะเป็นเจ้าหญิงในสายตาของทุกคน  แต่ในสายตาของฉันเอง...ฉันเป็นไนท์และวิทช์”
    “ยู...เบื่อแล้วจะเริ่มยัง”คิลอ้าปากหาว
    “ก็ได้ๆกระหายการฆ่าจาง...1...2...สะ”
    “ยาประคองชีวิตกระหม่อม”
    เอี๊อด
    เสียงเบรคอาวุธดังทันทีก่อนที่จะลงมือต่อสู้กันเลโมธีก็ยกยาประคองชีวิตมาให้ถึงที่  คิล  เฟรินและฉันเรียบยกดื่มทันทีก่อนที่จะตามด้วย คาโล  ซีบิลและลิมบรา
    “...1...2...3เริ่ม”ฉันพูดเปิดพิธีทันทีแต่คนที่ลงมือก่อนเห็นจะเป็นลิมบรา
    “ฉันขอจัดการเธอเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน”ลิมบราพูดก่อนที่เขาจะชักดาบขึ้นมาพร้อมวาดไปรอบๆตัวของเขาให้โดนคนอื่นๆนอกจากฉัน  ถึงฉันจะไม่โดนแต่รัศมีของดาบนั้นแค่ไม่โดนก็ร้อนแล้ว
    ‘เอาไงล่ะ  มันเล่นจัดการรวดเดียวแล้วเหลือเศษห้ฆ่าอย่างสบายใจหรือไง’ ฉันคิดพลางมองไปที่แท่นของคิงและควีนแล้วคิดอีกครั้ง ‘โอ้ย  แล้วทำไมหน้าพวกท่านถึงได้ดูเฉยๆยังงั้นล่ะ  ลูกตนเดือดร้อนแว้ว~  ไม่ห่วงเลยเหรอ’
    ลิมบราเริ่มเดินเข้ามาใกล้ตัวของฉันเรื่อยๆจนแผ่นหลังของฉันไปชนกับน้ำแข็งแกะสลักที่เป็นรูปหงส์  โอ้ย  เย็น~ แต่ฉันก็เกิดไอเดีย
    ลิมบราเงื้อดาบขึ้นเหนือหัวและจังหวะนี้แหละ...
    “ในเมื่อดาบนายแกร่งเรื่องความร้อนนัก    ลองเจอดาบน้ำแข็งหน่อยเป็นไรไป!” ฉันใช้มือข้างซ้ายที่ว่างนั้นจับน้ำแข็งนั้น (เย็นโว้ย) แล้วใช้เวทรวมกันระหว่างเหล็ก (ดาบ) กับน้ำแข็ง (น้ำแข็งแกะสลัก) จนเปลี่ยนกันเป็นดาบน้ำแข็ง  ฉันจึงใช้ดาบนั้นยกขึ้นกันดาบของลิมบรา
    เพล้ง
    “เก่งนี่”เขาชมพลางเร่งความร้อนให้ดาบ  มันจึงส่งผลกับดาบของฉันด้วย
    “อึ้ย~”ฉันร้องเสียงหลง
    “โอะๆกลัวด้วยเหรอ  เจ็บหรือเปล่า  ฉันกลัวว่าเธออาจจะเข้าประตูวิวาห์กับฉันด้วยสิ”ดาบของฉันจึงเริ่มละลายและค่อยๆเป็นดาบเหล็กขึ้นทุกทีๆ
    ‘ไม่ต้องห่วงหรอก  ยังไงฉันก็ไม่มีทางเข้าประตูนั้นกับแกแน่’ ฉันคิดพร้อมคิดหาวิธีทาง..............เวท!
“ไม่ต้องห่วงหรอก    ยังไงฉันก็ไม่มีทางเข้าประตูนั้นกับแกแน่    เอกซ์เปลลิอาร์มัส!”ฉันร่ายคทาปลดอาวุธและมันก็ได้ผล  ดาบของลิมบรากระเดนไปพร้อมกับตัวเขาไปตกอยู่ที่กำแพงของอีกฟาก
    “หึ”ฉันทำท่าไม่สนใจแล้วรีบวิ่งไปดูอาการของคนอื่นๆ  และแน่นอนคนแรกที่ฉันไปหาคือ  ซีบิล
    “ซีบิลเป็นไรเปล่าเนี่ย”ฉันค่อยๆประคองซีบิลขึ้น
    “มะ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ”ซีบิลพูดพร้อมกระอักเลือด
    “โกหก”ฉันพูดกลับไป (ตะคอก) จนซีบิลสนะดุ้ง
    “อย่าทำให้ฉัน...เป็นห่วงนายสิ”ฉันพูดน้ำเสียงดุปนห่วง (หรือเปล่านะ) ใส่ซีบิลทันทีก่อนที่ซีบิลจะพูดอะไรขึ้น  แต่เขาก็เงียบแล้วยิ้ม
    “เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ” และในขณะนั้นซีบิลก็เบิกนัยต์ตากว้าง  ดันตัวขึ้นกอดฉันแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็ว
    ซึก!!!
    ดาบเล่มงามนั้นเทงเข้าที่กลางหลังของซีบิลและถ้าฉันไม่เอียงตัวหลบก็คงโดนไปแล้ว    มันทะลุผ่านท้องของเขาจนเกือบสัมผัสพื้น  แล้วดาบก็ถูกชักออกจากร่างอันไร้วิญญาณของซีบิล  ริมฝีปากของเขานั้นยิ้มให้ฉันก่อนที่มันจะค่อยมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา  ฉันจึงรีบประคองร่างนั้นทันทีก่อนที่จะสัมผัสพื้น
    “ซีบิล! นายทำอะไรน่ะ  โง่จริงๆ...”ฉันด่าเขาไปเป็นชุดๆแต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่ชวนทำให้อบอุ่น
    “ครับ...ผมมันโง่  อย่างที่คุณบอก  ถึงผมจะเอาตัวบังคุณจากดาบได้...แต่ผม...คงเอาตัวของผมบังความรักของคุณไม่ได้หรอกนะครับ...”ซีบิลพูดพลางกระอักเลือดที่ละนิด  เหมือนกับเป็นสัญญาณของการที่จะลาจากกันจริงๆ
    “....ไม่....ไม่....ไม่นะ...ไม่....นายอย่าทิ้งฉันสิ....อย่าทิ้งฉัน...”ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง
    ซีบิลยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดคำที่ฉันไม่อยากจะได้ยินจากจากปากของเขา
    “....ลาก่อนครับ.....”แล้วเสียงของเขาก็ขาดหายไป 
    เสียงของเขาดังอยู่ในโสตประสาทของฉันอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด  เหมือนกับจะละลึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาทำ  ไม่ว่าจะยิ้ม จะร้องไห้ จะหัวเราะ จะทุกข์ จะสุข...ก็ยังเห็น  ภาพความทรงจำต่างได้ค่อยๆทยอยเข้ามาในหัวสมองของฉันเต็ม  จนรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดาบปะทะกัน.....เฟริน!!!!!!!!!!
    “โอ้ย  นายนี่มันตายยากตายเย็นจริงๆ”เฟรินพูดพลางชักดาบกลับหลังจากฟันไปที่บ่าของลิมบรา  แต่มันฟันไม่เข้า  จนประโยคหลังของเฟรินดังขึ้น  ทำให้ฉันถึงกลับนึกอะไรบางอย่างที่เป็นไปได้ออก “นายนี่มันเป็นวิญญาณหรือไรกันแน่”
    เมื่อพูดเสร็จเฟรินก็ตวัดดาบไปอีกครั้ง  แต่คราวนี้เธอก็โดนรัศมีของดาบไปต็มๆจนกระเด็นไปทันที  คาโลรู้อยู่แล้วจึงเข้าไปรับอย่างเหมาะเจาะ  ทั้งสองจึงล่มลงไปด้วยเหตุว่าแรงของรัศมียังไม่หมด
    ก่อนที่ลิมบราจะจัดการเหยื่อรายต่อไปนั้นคือ  คิล  ฉันก็ตะโกนดังก้อง
    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”ไม่พูดเปล่าฉันเงื้อดาบพุ่งตรงไปที่ร่างของลิมบราด้วยความเร็วของเวทมนต์
    เพล้ง
    เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นทันทีเมื่อลิมบราเอาดาบของตัวเองกันดาบของฉันเอาไว้  ด้วยแรงอันมหาศาลของเขา (ก็แน่นอนล่ะ  ผู้หญิงย่อมแพ้แรงผู้ชาย  เหอ~เบื่อคตินี้จริงๆ) เขาได้ผลักตัวฉันออกอย่างแรง
    “เหอ~เธอนี้แข็งแรงชะมัด  สมแล้วที่คู่ควรกับตำแหน่งราชินีของลิบรา”  ‘มันเกี่ยวกันตรงไหน-_-’
    “ฉันว่านะนายน่ะ...............”ฉันเว้นเอาไว้ให้ลุ้นละทึกกันเอง ..
    “ไม่ใช่เจ้าชายแห่งลิบราหรอกใช่ไหม”แล้งเสียงหือฮาก็ดังขึ้นเมื่อฉันพูดจบ  ลิมบราก็ดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่แสดงท่าทีออกมา (เพราะเวทมนต์ถึงรู้ว่าตกใจ)
    “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”เขาถาม  โดยที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบคาโลที่กอดเฟรินอยู่ก็พูดขึ้นแทน
    “เพราะลิบรา  ไม่มีเจ้าชายไงล่ะ”  ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบบ.............
    “ทำไมนายถึงรู้”ลิมบราพูดเหมือนกับจะยอมรับกับความจริงที่ถูกเปิดเผย
    “ประวัติเจ้าชายเจ้าหญิงรัชทายาททุกพระองค์”คาโลชูหนังสือที่ตอนนั้นก็เกือบเก็บความลับของฉันไว้ไม่รอด -_-^
    “ยังเก็บไว้อีกเหรอนั้นน่ะ”เฟรินพูดทันทีเมื่อเห็นหนังสือที่ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน (คือว่าคาโลอ่านทุกคืนจนเฟรินนอนไม่หลับอ่ะนะ ^ ^) แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับเป็นสายตาดุๆของเจ้าชายน้ำแข็ง  เฟรินจึงเงียบไป -  -
    “เหอ~ในเมื่อความลับแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้  ใช่  ข้าไม่ใช่เจ้าชายแห่งลิบราแต่ข้าเป็น...”มันพูดแต่ฉันขัดก่อน
    “วิญญาณ”ฉันตอบเสียงเรียบ
    “เจ้ารู้  แม่มดน้อย”มันยิ้ม (โปรดสังเกตดูคำที่ใช่เป็นสรรพนามของฉัน)
    “แล้วทำไมนายถึง....”คิลถามบ้างเพราะกลัวไม่ได้บท  เอ้ย....เพราะสงสัยมาเหมือนกัน
    “เพราะคำสาป  ที่ว่า ‘หากเจ้าหญิงแห่งเอ็ดลาส  กลับมาจากโลกมนุษย์เมื่อไหร่  เจ้าก็ต้องจะกลายเป็นวิญญาณทันที’ ต๊าย....ตาย....คำสาป เห่ย ชะมัด -_-
    “แล้วที่นายสะกดจิตพ่อแม่ฉัน.....”
    “มันเป็นส่วนหนึ่งของคำสาป”
    “แล้วที่มาเป็นคู่หมั้นฉัน....”
    “มันเป็นส่วนหนึ่งของคำสาป”
    “แล้วที่นายฆ่าซีบิล....”
    “มัน........เป็นเรื่องบังเอิญ”คำตอบที่ทำให้ฉันหมดความอดทนวิ่งเข้าไปต่อยคนตรงหน้าเต็มๆ (ทั้งๆที่มันไม่ผิด)  มันลอยติ้วไปนู้นนนเลยครับท่านผู้ชม  และดูเหมือนมันจะถูกเลโมธีใช่เวทมนต์กุมตัวไว้
    “นายฆ่าคนบริสุทธิ์...หือๆ...หือๆ..”ฉันพูดพลางร้องไห้ออกมาใหญ่  เรนอนจึงวิ่งเข้ามากอด (คิล:อิจฉาโว้ยยยยยยย แต่งบทให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงห่ะ!!!)  (ไม่ได้อ่ะ) (คิล: ......)
    “ยู....สงบสติหน่อยสิ  ยู...”เรนอนพูด
    “หือๆ....มันฆ่า....ซีบิล....หือๆ....”ฉันพยามพูดให้เป็นประโยคแต่ก็ต้องสะอื้นด้วยน้ำตา
    “....จ๊ะ....แต่ก็ลองคิดดูสิ  ซีบิล  เขาก็ไปสบายแล้วนะ  ถ้าเธอยิ่งร้องไห้หนักขนาดนี้  เขาคงเสียใจแย่”
    “.....”ฉันเงียบแต่ไม่ได้หมายถึงว่าหยุดร้องไห้นะ  แล้วเรนอนก็ใช่ไม้เด็ด
    “ไนท์ที่ไหนเขาร้องไห้กัน”
    “อืมใช่  ไนท์ที่ไหนเขาร้องไห้กัน”เฟรินเสริม
    “...เฟริน....”ฉันเงยหน้ามองเฟริน
    “และเจ้าหญิงที่กล้าหาญอย่างเธอ  เขาร้องไห้กันที่ไหนห่ะ”ดอร์มินิค พูดขึ้นบาง 
    “...พี่...”นี่เป็ฯครั้งแรกที่ฉันเรียกเขาว่า ‘พี่’ ซึ่งมันก็สามารถทำให้ฉันอบอุ่นไปอีกแบบ
    “อืมฉันจะไม่ร้องไห้แล้วก็ได้  แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องทำ....”ฉันค่อยผลักเรนอนออกจากการกอด  แล้วจึงค่อยๆเดินไปที่ที่นั่งของคิงและควีนแห่งเอ็ดลาส    เมื่อไปถึงตรงหน้าของกษัตริย์ทั้งสอง  ฉันก็จ้องหน้าเขาเขม่งก่อนที่จะหยิบกระดาษ 2 แผ่น (ลัษณะเหมือนยัณฑ์) ขึ้นมาและ.......
    “วิญญาณร้าย  จงออกไป!!!!!!!!”เมื่อพูดเสร็จ  ฉันก็เอาแผ่นกระดาษนั้นแปะไปที่หน้าผากของ 2 กษัตริย์ทันที 
    หวึบ
    “อะ...โอ้ย...นี่ข้า...”คิงพูดขึ้นอย่างงงงวย    พลางเอามือกุมขมับ
    “เสด็จพ่อ”ฉันเรียกสติทันทีเพราะกลัวว่าจิตจะละลายหายไป
    “..ยู...”ควีนพูดขึ้นบ้าง     
    “เพค่ะ  เสด็จแม่”เมื่อเรียกอีกคนเสร็จก็เรียกอีกคนทันที
    “ลูกจะทูลว่า  ท่านทั้งสองได้โดยวิญญาณเข้าสิงเพค่ะ  แต่ไม่ต้องห่วงลูกไล่ไปแล้ว  เดี๋ยวลูกจะกลับมาหาท่านใหม่นะเพค่ะ  ตอนนี้ลูกมีธุระต้องทำ”พูดเสร็จฉันก็รีบวิ่งไปที่ร่างของซีบิลที่มีพวกเฟรินล้อมทันทีเหมือนกับว่ากลัวมันจะหายไปซะงั้น
    “ซีบะ....”ฉันรีบปิดปากตัวเองทันทีเมื่อเหมือนกับมีอะไรจะทำให้ร่างกายของฉันแตกสลายหายไป
    ‘ไม่ได้การแล้ว  ทำไมร่างกายเราถึงกำลังจะหมดแรงล่ะ    แต่เราต้องรีบ  นี่เป็นทางเดียวเท่านั้น’
    “ฉันขอโทษนะทุกคน”ฉันค่อยประคองร่างนั้นขึ้นมาแล้วตัดสินใจ.....
    ‘ร่างกายของฉันนั้นมันกำลังจะสลายไป  ฉะนั้นฉันขอทำอะไรบ้างอย่างที่เป็นประโยคให้แล้วกันนะ...ขอโทษนะทุกคน....ซีบิล....’
    ก้มลงจุมพิตเบาๆกับริมฝีปากของร่างอันไร้วิญญาณนั้นทันที
    “ทรง...ทรงทำอย่างนั้นทำไม    ทรงจะสลายไปนะ  กระหม่อม”เลโมธีรีบพูดขึ้น
    ฉันค่อยถอนริมฝีปากนั้นอย่างอ่อน  โยนแล้วหันมามองทุกคนให้เต็มตา ‘นี่แหละคือภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายของฉันละ’
    “ร่างกายของฉันนั้นกำลังจะสลายไปตั้งแต่แรกแล้วละ  เลโมธี”ฉันค่อยลุกขึ้นเมื่อวางร่างของซีบิลเสร็จ “เพราะฉะนั้นฉันจึงทำแบบนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์บางอย่าง  แล้วมันก็เป็นประโยคจริงๆ  ดังตำนานที่เล่าให้ฟังนะ    ตอนแรกฉัรก็ไม่เชื่อ  แต่ตอนนี้ฉัน...”ฉันหยุดนิดหนึ่งก่อนจะมองหน้าของซีบิลแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มอีกครั้ง “เชื่อแล้วว่ามันเป็นจริง  ลาก่อน...”ร่างของฉันจึงค่อยๆสลายไปเป็นผงเรืองแสงที่ละน้อยทีละน้อยแต่....
    “เดี๋ยว  ยู”เฟรินเรียกฉันทันที
    “ถ้าเธอไม่ใส่ชุดนี้  แผนการของฉันจะไม่สำเร็จ  จัดการเลยพี่สาว  โกโดม”
    “รับทราบ”แล้วทั้งสองก็พุ่งตรงมาที่ฉัน  ฉันหลับตาทันทีเพราะกลัวมันจะชน
    วาบ
    แล้วชุดที่เฟรินให้ฉันก็มาอยู่บนตัวฉันทันที  ชุดแต่งงาน  ไม่ใช่แค่ฉันนะ  ซีบิลสามสาวป้อมอัศวินครี้ดโรคิล  และคาโลล้วนอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันทั้งนั้น
    ฉันมองเฟรินอย่างงงๆ  แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับเป็นรอยยิ้มอันกวนประสาท
    “หิหิ  แผนสองเคลียร์”แต่เมื่อเธอหันมามองตัวของเธอเอง “อ้ากกกก!!!!!นี่มันอะไรเนี่ย”เพราะเธอเองก็อยู่ในชุดเจ้าสาวเหมือนกัน  นั้นจึงทำให้ฉันยิ้มได้ หรือไม่ก็หัวเราะทันที  ร่างกายของฉันเริ่มสลายไปอย่างช้าๆจนถึงเข่า  ถือว่าเป้นอะไรที่ช้าม้ากมาก
    “เดี๋ยวครับ”และเสียงที่ฉันนึกไม่ถึงก็ดังขึ้น  ฉันหันไปทางตันทางของเสียงทันที
    “ซีบิล”ฉันเรียกชื่อคนๆนั้น  เพราะเขาทำสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงนั้นคือ  การนั่งชั่นเข่าต่อหน้าฉัน
    “แต่งงานกับผมนะครับ” ซีบิลพูดพลางจับมือของฉันขึ้นจุมพิต  ฉันอึงนิดก่อนที่จะตอบไป
    “อืม”แล้วแหวนที่ฉันคาดไม่ถึงก็ถูกบรรจงใส่มาที่นิ้วนางข้างซ้ายทันที  แต่ที่สำคัญกว่านั้น  แหวนนั้นถูกประดับด้วยไข่มุกแสงจันทร์!
    “ผมรักคุณ”และนั้นคือคำสุดท้ายที่ฉันได้ยินเพราะร่างของฉัน  ได้สลายไปหมดแล้ว (แล้วที่ตอนนี้มันทำเป็นสลายเร็ว) 
คำๆนั้น  คำที่อยากได้ยินมานานจากคนที่เราให้ความสำคัญ  มันจะเก็บไว้เป็นอย่างดีในหัวใจของเราเสมอไป
    วาบ
    “เอ๊ะ”ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างงงงวย  ฉันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วมองดูรอบๆ
‘นี่มัน.....’
“ห้องของฉันนี่!!!!!”ฉันจึงรีบมองไปยังบนโต๊ะอีกครั้ง  แล้วแลเห็นปากกาที่เมื่อดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า...
“หมึกหมด  แล้วฉันใช่มันไปตอนไหนเนี่ย”แล้วพอมานึกถึงแหวนอีกครั้งปรากฏก็คือนิ้วนางของเธอไม่มีร่งรอยการใส่แหวนแต่อย่าไงใด
“ทั้งหมดคงเป็นแค่ความฝันสินะ”นั้นคือบทสรุปของฉัน  สั้นๆง่ายๆได้ใจความ
    “โอ้ย  คิดมากหน่า  ยู  แต่ความฝันอะไรคลายความเป็นจริงชะมัด  ไปเดินเล่นดีกว่า”ฉันเดินออกจากห้องแล้วลงบันไดไปหน้าบ้านพลางนึกถึงตำนานที่เลโมธีเล่าให้ฟัง
    ‘มีตำนานเล่ามาถึงการจุมพิตของเจ้าหญิงที่เป็นแม่มดน่ะกระหม่อม  เขาเล่ากันมาว่าหากจุมพิตให้แก่คนที่เพิ่งเสียไปหมาดๆ จะสามารถทำให้พื้นขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง    แต่ก็ต้องแลกกับตัวของเราเองนะกระหม่อม  ฉะนั้นอย่าทำถ้าไม่จำเป็น  ทางที่ดีอย่าทำเลยดีกว่า  แล้วพวกนี้ก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้นไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่า...’
    ‘เชื่อเลยแหละ  เลโมธี’(เปลี่ยนคนพากษ์)
แล้วร่างบางของเธอก็หายออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที    เมื่อเสียงประตูนั้นปิดลงบางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นบนโต๊ะทำงานของเธอ 
วาบ
มีของบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอหลังจากลำแสงนั้นหมดไป  ขวดหมึกอันใหม่นั้นวางอยู่บนกลางโต๊ะของเธอกับสิ่งของบางอย่างเป็นลักษณะวงกลม  บางนิดๆ  มีแสงสะท้อนของตัวที่ถูกประดับอย่างแวววาว  เพราะมันนั้นสะท้อนแสงกับพระจันทร์ตอนกลางคืนเป็นอย่างดี  อ่ะลืมบอกไปว่าแม่มดของเราจะไม่ค่อยออกไปเดินเล่นตอนกลางวันแต่ส่วนใหญ่จะออกไปขี่ไม้กวาดทามกลางแสงจันทร์มากกว่า (การะเดินเล่น- ขี่ไม้กวาด)  แล้วกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่งก็หล่นลงมาข้างๆสิ่งของทั้งสองสิ่ง.....
                              แด่  เจ้าหญิงแห่งเอ็ดลาส
                                    จาก....ผู้ที่ไม่ออกนามให้ทราบเพราะท่านรู้ดี
    “อะ...เอ่อ...ซี...บิ...”ยังพูดไม่จบคนตรงหน้าก็รุกมาซะก่อนที่เธอจะพูด (Albatross : เปลี่ยนคนพากษ์เพราะปากเธอโดยคนฉวย) อะไรซักอย่าง  ซีบิลตรงเข้ามาประทับจุมพิตอย่างนุ่มนวลที่สุดกับเจ้าหล่อนที่พยามจะดิ้นให้คนตรงหน้าปล่อย  แต่ยิ่งดิ้นคนตรงหน้าก็ยิ่งกำฉับกอดให้แนบติดตัวยิ่งขึ้น  จูบที่จับตนชนปลายไม่ถูกมันได้มีความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายแต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีสำหรับเธอในตอนนี้  สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องตกอยู่ในท่วงทำนองแห่งความเงียบที่ได้บรรยากาศสุดๆและเธอก็ต้องยอมให้นักฆ่าคนนี้รุกฆาตเธอไปซะงั้น  เมื่อเจ้าหล่อนยอม  เขาจึงลืมตาขึ้นพร้อมค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างช้า  หล่อนก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้า
    “ร้องไห้ทำไมล่ะครับ”ซีบิลใช้นิ้วโป่งปาดน้ำตาของเธอ (ยูโดริ:เปลี่ยนคนพากษ์)
    “ไม่รู้เหมือนกัน” ‘คงเป็นเพราะเจอคนที่ใช้เลยแล้วล่ะมั่ง’ แต่นั่นก็เป็นคำที่อยู่ในใจไม่ได้พูดให้คนตรงหน้าได้รับรู้หรอก
    “เหรอครับ  งั้นอย่าร้องไห้เลยนะครับถ้ามีอะไรบอกผมได้ทุกเมื่อ  แต่ตอนนี้เราเข้าไปในงานด้วยกันนะครับ”ซีบิลถอยห่างออกมานิดๆแล้วส่งแขนให้ฉัน
    “อืม”ฉันยื่นมือไปคล้องแขนของซีบิลและเดินเข้าไปในงานอย่างช้าๆจนเห็นเฟรินวิ่งเข้ามาเป็นคนแรก
    “ Oh  yessssss! แผนหนึ่งเคลียร์”เฟรินกระโดดเข้ามากอดฉันเต็มๆ (จนจะล้มหงายหลัง)
    “ยู  ทำไมใส่ชุดนี้”เรนอนวิ่งเป็นคนต่อมาตามด้วยคนอื่นๆไม่ต้องสงสัยเลยเพราะชุดมันสะดุดตาคนมาก
    “ก็....ไม่ค่อยอยากใส่ชุดราตรี  กระโปรงยาวเหยียดแบบนั้นก็เลยใช้ชุดนี้มาแทน”
    “ชุดออกสวยน่าเสียดายไม่ใส่มา”
    “ไม่เป็นไรหรอกเรนอน  ถึงยูเขาจะไม่ใส่ชุดราตรีที่สวยๆนั้นแต่คืนนี้ยูจะต้องใส่ชุดที่สวยกว่านั้นแน่นอนและพวกเธอก็จะได้ใส่ด้วยจริงไหมโกโดม  พี่สาว”เฟรินส่งสายตาเจ้าเหล่มาทางฉัน
    “จริงกระหม่อม/ค่ะ”ทั้งสองตอบพร้อมกันและแอบยิ้มแบบมีเลศนัยใส่เฟริน
    “อืมๆ  ยูพร้อมจะเข้าเฝ้าคิงควีนหรือยัง”เฟรินถาม
    “เสมอ”ฉับตอบพร้อมเดินไปหาคิงและควีนกับเฟรินที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะลากฉันไปล่ะมากกว่า  เฟรินพา (ลาก) ฉันไปอยู่ต่อหน้าเอวิเดสแล้วเริ่มต้นบทสนทนา
    “ขอถวายบังคมกษัตริย์ทุกพระองค์เพค่ะ  หม่อมฉันอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเพื่อนของหม่อมฉัน  ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะไนท์  วิทช์แอนด์ปรินเซส  ออฟ  แอ็ดลาสเพค่ะ”เมื่อเฟรินพูดชื่อให้ทุกพระองค์ฟัง  ก็ต้องอึ้งเมื่อฉันมีถึง 3 ฉายาไม่ใช่แค่กษัตริย์กับคนอื่นๆนะที่อึ้ง  ฉันเองยังอึ้งเลย
    “อะ...เอ่อ...เฟริน”ฉันกระซิบเรียกเฟริน
    “หือ”เฟรินตอบรับแบบไม่มองหน้า
    “บอกความจริงไปเถอะ”
    “ก็นี่ไงความจริง”  ‘เหอๆฉันขอยอมแพ้หัวขโมยคนนี้ก็ได้’
    “....”ฉันจึงเงียบกลับไปพร้อมกับทำหน้าเบ้
    “ลูกรักของแม่  เป็นไงบ้างจ๊ะ  อยู่ที่โลกมนุษย์แล้วสนุกไหม”เสียงเนื่อยๆดังมาจากแม่ที่นั่งอยู่ข้างเฮลด้า
    “ก็.....สนุกดีค่ะ”ฉันแสร้งยิ้มกลับไป ‘แปลกจริงทำไมท่านดูเหนื่อยๆ’
    “นั้นก็ดีแล้วละลูก  พ่อกับแม่ได้จัดหาคู่หมั้นสำหรับลูกได้แล้วละ”สิ้นเสียงไฟทั้งห้องก็ดับลงท่ามกลางเสียงกรี้ดของผู้หญิงลูกคุณหนู
    “เฮ้ย! ใครก็ได้เรียกแฮรี่  พอตเตอร์มาท่องคาถา ‘ลูมอส’ ทีดิ”ขนาดไฟดับครี้ดก็ยังแซวได้อยู่แล้ว
    “เอ่อไม่ต้องเรียกฉันก็ทำได้  ลูมอส!”ฉันท่องคาถาออกไปแล้วทันใดนั้นไฟก็เปิดขึ้นแต่มีสิ่งหนึ่งที่มาอยู่ตรงหน้าฉัน....
    “หวัดดี”คำพูดหลุดออกมาจากปากของชายนิรนามที่มีดวงหน้าหล่อเหลาประมาณคาโลแต่น่ากวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนคิล  เรือนผมสีดำนั้นถูกปล่อยให้พลิ้วไปตามสายลมเอื้อยๆ  ส่วมชุดบอกถานะได้เลยว่ายศสูง ที่เห็นจะสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นดาบที่เหน็บไว้ข้างตัว แต่ที่แน่ๆไอ้ท่าที่เขาเอาแขนมารวบเอวของฉันกับการที่เอาหน้ามาใกล้ขนาดนี้  มันไม่สามารถจะให้ฉันสกัดแรงต่อยแอนด์เตะไปเต็มๆได้หรอกนะ
    “หนอย~แก...อย่าอยู่เลย”ฉันเอนตัวไปข้างหลังให้มือทั้งสองแตะถึงพื้นแล้วตวัดเท้าให้โดนคางของเขา เสร็จก็กับเข้ามานั่งในท่านั่งชั่นเข่าพร้อมสบัดผม
    “ชนะฉันไม่ได้หรอกนะ”และผลคือ  เขาไม่เป็นไรเหมือนกับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิด
    “เฮ้ย!”ฉันอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะเขาตรงหน้ารุกเข้ามาฉุดฉันขึ้นจากท่านั่งแล้วจุมพิตที่มือข้างซ้าย  โอ้ยน่าเอียนโว้ยยยยย
    “ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวผมชื่อ......”
    “ขอโทษงั้นเหรอ  ได้เดียวให้โทษตามปรารถนา”ฉันสะบัดมือออกก่อนจะยกขาข้างขวาไปบนหัวของเขาแล้วทุ่มลงมา
    หวับ
    เขาหายไปจากตรงนั้นไปอยู่ด้านหลังฉันพลางจับผมของฉันม้วนไปม้วนมา
              “ผมชื่อลิมบรา  โคมานเลฟ  เดอะปรินซ์ออฟลิบรา”เดอะปรินซ์!!!!!!!!!!!!!!
    “อะ....อะ......อะ.....”ฉันช็อคเพราะเสียมารยาทอย่างมากกับ....เจ้าชายที่น่ากวนอวัยวะเบื้องล่างกว่าคิลซะอีก -_-
    “......ยู.....ยู .”เฟรินเรียกและสะกิดที่ไหล่แต่เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จก็จับเขย่าแรงๆ  และมันก็ได้ผลฉันได้สติดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
    “หือ”ฉันหันไปหาเฟริน
    “เล่นแรงไปเปล่า”เฟรินถาม
    “อะไรเล่นแรง”ฉันถามแบบงงๆ
    “ไปเตะเอ่อ....”เฟรินชี้ไปทางลิมบรานั้นทำให้ฉันรื้อฟื้นความทรงจำต่างๆไว้แล้วก็ต้องถลึงตาเพราะว่ารู้แล้วว่าทำอะไรผิด......แต่เราก็เป็นเจ้าหญิงหนิต้องวางมาดไว้ก่อน อืมๆ  คิดอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆ
    “อาฮะ  ต้องขอโทษด้วยเพค่ะพระองค์  ที่หม่อมฉันทำไปก็เพราะเป็นสัญชาตญาณของหม่อมฉันเอง    พระองค์คงจะไม่ชอบกริยาแบบนี้สิเพค่ะ”ฉันยิ้มอย่างสะใจแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือรอยสรวลเบาๆจากคนที่ได้ฉายาว่าเจ้าชาย
    “เปล่าหรอก  ฉันว่าฉันชอบซะอีกนะ”คำตอบนั้นทำให้ฉันอยากจะกระโดดไปต่อยคนตรงหน้าเต็มๆหมัดแต่ต้องรักษามารยาท...อืมๆ....รักษามารยาท....อดทนเอาไว้ยูเอ๋ยอดทนเอาไว้
    “แล้วที่พระองค์มานี้เพื่อ......”ฉันพยายามเบี่ยงเบนแต่รู้สึกมันชักจะเลวร้ายขึ้น
    “มาหมั้นกับเธอนั้นแหละ”
    เพล้ง
    เสียงแก้วแตกดังขึ้นจากด้านข้างๆของฉันและเมื่อหันไป.....ซีบิล!
    “เอ่อ...ขอโทษครับพอดีผมเผลอบีบแรงไปหน่อยน่ะครับ  แฮะๆ”ซีบิลใช้เวทรักษารอยบาดแผลจนหายก่อนจะบรรจงใช้เวทเก็บเศษแก้ว  ฉันกำลังจะไปช่วยแต่ก็ถูกมือหนึ่งคว้าเอวเอาไว้  ฉันหันไป
    “จะไปไหนน่ะ”ลิมบราพูดอย่างเป็นห่วง ‘ไปให้พ้นๆหน้าแกไง  เกะกะลูกตา’
    “อ๋อ.....จะไปหาเพื่อนน่ะเพค่ะ”ฉันพยามผลักตัวออกไปแต่ทำไงได้แรงผู้หญิงมันแพ้แรงผู้ชายหนิ
    “เดี๋ยวค่อยไปก็ได้  มาอยู่คุยกับฉันก่อน”ลิมบราเริ่มทวีแรงกอดให้แนบชิดจนหน้าฉันแนบอกเขาโอ้ยใครก็ได้ช่วยด้วย  แต่แล้วเหมือนเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
    “ปล่อยยูเดี๋ยวนี้นะ”เสียงเฟรินดังขึ้น  ทำให้ฉันอยากเข้าไปกอดซักร้อยที (ยู:หวังว่าคาโลคงไม่ว่านะ) (คาโล:ใครบอก) (ยู:ง่า~)
    “หือ”ลิมบราเริ่มสนใจ
    “ก็ไอ้การที่นายมากอดยูเพื่อนฉันอย่างนี้มันกะทันหันเกินไปรู้ไหม  เขาเรียกว่าโรคจิตกันแล้วล่ะเจ้าชาย” (เฟริน:อยากได้บทแบบนี้มานานแล้ว ฮิฮิ) เฟรินวางมาดเจ้าชายซึ่งไม่ดูร่างของตัวเองเล้ยว่าเป็นชายหรือหญิง
    “เฟลิโอน่า  เกรเดเวล  เดอะปรินเซส  ออฟเดมอส  แต่รู้สึกว่าเธอกำลังจะกลายเป็นราชินีแห่งคาโนวาลแล้วไม่ใช่เหรอ”  ‘มันเอาจุดอ่อนมาล่อ’ฉันคิดอยู่ในใจ  เฟรินหน้าเริ่มขึ้นสีทันทีแต่ในทางกลับกันคาโลก็ได้แอบยิ้มอยู่คนเดียว  ฉันจึงแก้สถานการทันที
    “ขอโทษนะขอโทษ  ข่าวนายว่ามาผิดหรือเปล่า  มีแต่การที่เฟรินเป็นว่าที่ราชินีแห่งคาโนวาลนะมัวแล้วๆ”ฉันพูดพลางผลักตัวออกแต่ไม่สำเร็จ  ไอ้อายคนทั่วทั้งงานน่ะไม่อายหรอกแต่มันอยู่อย่างงี้มันอึดอัดโว้ยยยยยยย
    “อืมๆ ฉันคงฟังมาผิดจริงๆแต่อีกไม่นานข่าวของเราก็อาจจะดังด้วย”ลิมบราพูดพลางจุมพิตบนริมฝีปากของฉันเบาๆ  เฟรินทนดูไม่ได้เรียกผ่าปฐพีมาทันที
    “ผ่าปฐพี!”สิ้นเสียงดาบก็ออกมาตรงหน้าเจ้าของของมันทันที
    “นายมาสู้กันให้ร็แล้วรู้รอดกันเลยดีกว่า”เฟริน  เธอเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชาย  แต่ก็ดี...เธอรีบๆมาช่วยฉันออกจากไอ้บ้ากามนี้ที!!!!!!!!!!!
    “ชอบตัดสินกันด้วยกำลังจังนะ”ลิมบราพูด
    “ฉันเกลียดปัญญา  คาโล  คิล  ซีบิลแกสามคนก็มาสู้ด้วยสิ”อ้าว  ชวนเขาซะงั้นง่ะ
    “อืม/ก็ได้ครับ/...”และนี่คือเสียงตอบ  ที่เห็นจะไม่ตอบสงสัยคงจะเป็นเจ้าชายหอคอยงาช้าง
    “คาโล”...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้...
    “ถ้านายสู้  ฉันจะยอมนายทุกอย่างเลยเอาไง”โอ้เฟรินเพื่อนร้ากกกกกก  คาโลหน้าขึ้นสีนิดๆแต่ก็ยอมเอาคทาพิพากษาออกมา
    “ฉันขอสู้ด้วย  สตูเปฟาย”ฉันใช้คาถาผลักดันตัวออกมาจากลิมบราแล้วเดินไปอยู่ข้างเฟรินก่อนจะหยิบดาบ (ปากกา) ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
    “เหอ~ก็ได้ๆ  แต่ต้องมีข้อตกลงกันก่อน  ถ้าพวกนายชนะฉันจะยอมแต่โดยดี  แต่ถ้าฉันชนะฉันต้องแต่งงานกับยู”สรุปง่ายเนอะ
    “เฮ้ย!ฉันหมั้นกับนายตอน ไหนมิทราบ”ฉันเถียงทันควัน
    “ไม่รู้แต่นี้คือข้อตกลง  จะรับคำท้าไหม” ฉันนิ่งไปโดยทันที  ‘ถ้าเราชนะยูก็จะได้ไม่ต้องหมั้นกับมันแต่ถ้มันชนะยูก็ต้องแต่งงานกับมัน  เอาไงดีล่ะ’ เฟรินคิดแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสามที่ตอนนี้ก็คงวิตกพอๆกันแต่ที่หนักกว่าก็คือ  ซีบิล  ความตรึงเครียดจึงคลอบคลุมพื้นที่ทันที
    “จุ๊ๆ  ถ้าไม่รับคำก็ไม่ใช่ป้อมอัศวินแล้วล่ะสิ  ฉะนั้นศึกนี้เราขอรับคำท้า”ฉันพูดออกไปเองจนพวกเฟรินมองฉันแบบว่า ‘เฮ้ย  ชีวิตเธอนะเฟ้ย’
    “จะเป็นไรไปถ้าคนที่แต่งงานกับเราเป็นคนที่เราไม่รัก”ฉันพุดลอยๆให้ได้ยินแค่พวกเฟรินก่อนจะหันหน้ามามองงซีบิลแล้วยิ้ม
    “ส่วนสถานที่ประลองก็.....”ฉันกำลังจะบอกว่าลานตะวันแต่ลิมบราก็ส่วนขึ้น
    “ที่นี่แหละ”
    “อืม......ก็ได้แล้วแต่เจ้าชายนะเพค่ะ”ฉันพูดพลางแกว่งดาบ
    “พูดเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิง”
    “ถึงฉันจะเป็นเจ้าหญิงในสายตาของทุกคน  แต่ในสายตาของฉันเอง...ฉันเป็นไนท์และวิทช์”
    “ยู...เบื่อแล้วจะเริ่มยัง”คิลอ้าปากหาว
    “ก็ได้ๆกระหายการฆ่าจาง...1...2...สะ”
    “ยาประคองชีวิตกระหม่อม”
    เอี๊อด
    เสียงเบรคอาวุธดังทันทีก่อนที่จะลงมือต่อสู้กันเลโมธีก็ยกยาประคองชีวิตมาให้ถึงที่  คิล  เฟรินและฉันเรียบยกดื่มทันทีก่อนที่จะตามด้วย คาโล  ซีบิลและลิมบรา
    “...1...2...3เริ่ม”ฉันพูดเปิดพิธีทันทีแต่คนที่ลงมือก่อนเห็นจะเป็นลิมบรา
    “ฉันขอจัดการเธอเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน”ลิมบราพูดก่อนที่เขาจะชักดาบขึ้นมาพร้อมวาดไปรอบๆตัวของเขาให้โดนคนอื่นๆนอกจากฉัน  ถึงฉันจะไม่โดนแต่รัศมีของดาบนั้นแค่ไม่โดนก็ร้อนแล้ว
    ‘เอาไงล่ะ  มันเล่นจัดการรวดเดียวแล้วเหลือเศษห้ฆ่าอย่างสบายใจหรือไง’ ฉันคิดพลางมองไปที่แท่นของคิงและควีนแล้วคิดอีกครั้ง ‘โอ้ย  แล้วทำไมหน้าพวกท่านถึงได้ดูเฉยๆยังงั้นล่ะ  ลูกตนเดือดร้อนแว้ว~  ไม่ห่วงเลยเหรอ’
    ลิมบราเริ่มเดินเข้ามาใกล้ตัวของฉันเรื่อยๆจนแผ่นหลังของฉันไปชนกับน้ำแข็งแกะสลักที่เป็นรูปหงส์  โอ้ย  เย็น~ แต่ฉันก็เกิดไอเดีย
    ลิมบราเงื้อดาบขึ้นเหนือหัวและจังหวะนี้แหละ...
    “ในเมื่อดาบนายแกร่งเรื่องความร้อนนัก    ลองเจอดาบน้ำแข็งหน่อยเป็นไรไป!” ฉันใช้มือข้างซ้ายที่ว่างนั้นจับน้ำแข็งนั้น (เย็นโว้ย) แล้วใช้เวทรวมกันระหว่างเหล็ก (ดาบ) กับน้ำแข็ง (น้ำแข็งแกะสลัก) จนเปลี่ยนกันเป็นดาบน้ำแข็ง  ฉันจึงใช้ดาบนั้นยกขึ้นกันดาบของลิมบรา
    เพล้ง
    “เก่งนี่”เขาชมพลางเร่งความร้อนให้ดาบ  มันจึงส่งผลกับดาบของฉันด้วย
    “อึ้ย~”ฉันร้องเสียงหลง
    “โอะๆกลัวด้วยเหรอ  เจ็บหรือเปล่า  ฉันกลัวว่าเธออาจจะเข้าประตูวิวาห์กับฉันด้วยสิ”ดาบของฉันจึงเริ่มละลายและค่อยๆเป็นดาบเหล็กขึ้นทุกทีๆ
    ‘ไม่ต้องห่วงหรอก  ยังไงฉันก็ไม่มีทางเข้าประตูนั้นกับแกแน่’ ฉันคิดพร้อมคิดหาวิธีทาง..............เวท!
“ไม่ต้องห่วงหรอก    ยังไงฉันก็ไม่มีทางเข้าประตูนั้นกับแกแน่    เอกซ์เปลลิอาร์มัส!”ฉันร่ายคทาปลดอาวุธและมันก็ได้ผล  ดาบของลิมบรากระเดนไปพร้อมกับตัวเขาไปตกอยู่ที่กำแพงของอีกฟาก
    “หึ”ฉันทำท่าไม่สนใจแล้วรีบวิ่งไปดูอาการของคนอื่นๆ  และแน่นอนคนแรกที่ฉันไปหาคือ  ซีบิล
    “ซีบิลเป็นไรเปล่าเนี่ย”ฉันค่อยๆประคองซีบิลขึ้น
    “มะ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ”ซีบิลพูดพร้อมกระอักเลือด
    “โกหก”ฉันพูดกลับไป (ตะคอก) จนซีบิลสนะดุ้ง
    “อย่าทำให้ฉัน...เป็นห่วงนายสิ”ฉันพูดน้ำเสียงดุปนห่วง (หรือเปล่านะ) ใส่ซีบิลทันทีก่อนที่ซีบิลจะพูดอะไรขึ้น  แต่เขาก็เงียบแล้วยิ้ม
    “เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ” และในขณะนั้นซีบิลก็เบิกนัยต์ตากว้าง  ดันตัวขึ้นกอดฉันแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็ว
    ซึก!!!
    ดาบเล่มงามนั้นเทงเข้าที่กลางหลังของซีบิลและถ้าฉันไม่เอียงตัวหลบก็คงโดนไปแล้ว    มันทะลุผ่านท้องของเขาจนเกือบสัมผัสพื้น  แล้วดาบก็ถูกชักออกจากร่างอันไร้วิญญาณของซีบิล  ริมฝีปากของเขานั้นยิ้มให้ฉันก่อนที่มันจะค่อยมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา  ฉันจึงรีบประคองร่างนั้นทันทีก่อนที่จะสัมผัสพื้น
    “ซีบิล! นายทำอะไรน่ะ  โง่จริงๆ...”ฉันด่าเขาไปเป็นชุดๆแต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่ชวนทำให้อบอุ่น
    “ครับ...ผมมันโง่  อย่างที่คุณบอก  ถึงผมจะเอาตัวบังคุณจากดาบได้...แต่ผม...คงเอาตัวของผมบังความรักของคุณไม่ได้หรอกนะครับ...”ซีบิลพูดพลางกระอักเลือดที่ละนิด  เหมือนกับเป็นสัญญาณของการที่จะลาจากกันจริงๆ
    “....ไม่....ไม่....ไม่นะ...ไม่....นายอย่าทิ้งฉันสิ....อย่าทิ้งฉัน...”ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง
    ซีบิลยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดคำที่ฉันไม่อยากจะได้ยินจากจากปากของเขา
    “....ลาก่อนครับ.....”แล้วเสียงของเขาก็ขาดหายไป 
    เสียงของเขาดังอยู่ในโสตประสาทของฉันอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด  เหมือนกับจะละลึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาทำ  ไม่ว่าจะยิ้ม จะร้องไห้ จะหัวเราะ จะทุกข์ จะสุข...ก็ยังเห็น  ภาพความทรงจำต่างได้ค่อยๆทยอยเข้ามาในหัวสมองของฉันเต็ม  จนรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดาบปะทะกัน.....เฟริน!!!!!!!!!!
    “โอ้ย  นายนี่มันตายยากตายเย็นจริงๆ”เฟรินพูดพลางชักดาบกลับหลังจากฟันไปที่บ่าของลิมบรา  แต่มันฟันไม่เข้า  จนประโยคหลังของเฟรินดังขึ้น  ทำให้ฉันถึงกลับนึกอะไรบางอย่างที่เป็นไปได้ออก “นายนี่มันเป็นวิญญาณหรือไรกันแน่”
    เมื่อพูดเสร็จเฟรินก็ตวัดดาบไปอีกครั้ง  แต่คราวนี้เธอก็โดนรัศมีของดาบไปต็มๆจนกระเด็นไปทันที  คาโลรู้อยู่แล้วจึงเข้าไปรับอย่างเหมาะเจาะ  ทั้งสองจึงล่มลงไปด้วยเหตุว่าแรงของรัศมียังไม่หมด
    ก่อนที่ลิมบราจะจัดการเหยื่อรายต่อไปนั้นคือ  คิล  ฉันก็ตะโกนดังก้อง
    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”ไม่พูดเปล่าฉันเงื้อดาบพุ่งตรงไปที่ร่างของลิมบราด้วยความเร็วของเวทมนต์
    เพล้ง
    เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นทันทีเมื่อลิมบราเอาดาบของตัวเองกันดาบของฉันเอาไว้  ด้วยแรงอันมหาศาลของเขา (ก็แน่นอนล่ะ  ผู้หญิงย่อมแพ้แรงผู้ชาย  เหอ~เบื่อคตินี้จริงๆ) เขาได้ผลักตัวฉันออกอย่างแรง
    “เหอ~เธอนี้แข็งแรงชะมัด  สมแล้วที่คู่ควรกับตำแหน่งราชินีของลิบรา”  ‘มันเกี่ยวกันตรงไหน-_-’
    “ฉันว่านะนายน่ะ...............”ฉันเว้นเอาไว้ให้ลุ้นละทึกกันเอง ..
    “ไม่ใช่เจ้าชายแห่งลิบราหรอกใช่ไหม”แล้งเสียงหือฮาก็ดังขึ้นเมื่อฉันพูดจบ  ลิมบราก็ดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่แสดงท่าทีออกมา (เพราะเวทมนต์ถึงรู้ว่าตกใจ)
    “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”เขาถาม  โดยที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบคาโลที่กอดเฟรินอยู่ก็พูดขึ้นแทน
    “เพราะลิบรา  ไม่มีเจ้าชายไงล่ะ”  ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบบ.............
    “ทำไมนายถึงรู้”ลิมบราพูดเหมือนกับจะยอมรับกับความจริงที่ถูกเปิดเผย
    “ประวัติเจ้าชายเจ้าหญิงรัชทายาททุกพระองค์”คาโลชูหนังสือที่ตอนนั้นก็เกือบเก็บความลับของฉันไว้ไม่รอด -_-^
    “ยังเก็บไว้อีกเหรอนั้นน่ะ”เฟรินพูดทันทีเมื่อเห็นหนังสือที่ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน (คือว่าคาโลอ่านทุกคืนจนเฟรินนอนไม่หลับอ่ะนะ ^ ^) แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับเป็นสายตาดุๆของเจ้าชายน้ำแข็ง  เฟรินจึงเงียบไป -  -
    “เหอ~ในเมื่อความลับแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้  ใช่  ข้าไม่ใช่เจ้าชายแห่งลิบราแต่ข้าเป็น...”มันพูดแต่ฉันขัดก่อน
    “วิญญาณ”ฉันตอบเสียงเรียบ
    “เจ้ารู้  แม่มดน้อย”มันยิ้ม (โปรดสังเกตดูคำที่ใช่เป็นสรรพนามของฉัน)
    “แล้วทำไมนายถึง....”คิลถามบ้างเพราะกลัวไม่ได้บท  เอ้ย....เพราะสงสัยมาเหมือนกัน
    “เพราะคำสาป  ที่ว่า ‘หากเจ้าหญิงแห่งเอ็ดลาส  กลับมาจากโลกมนุษย์เมื่อไหร่  เจ้าก็ต้องจะกลายเป็นวิญญาณทันที’ ต๊าย....ตาย....คำสาป เห่ย ชะมัด -_-
    “แล้วที่นายสะกดจิตพ่อแม่ฉัน.....”
    “มันเป็นส่วนหนึ่งของคำสาป”
    “แล้วที่มาเป็นคู่หมั้นฉัน....”
    “มันเป็นส่วนหนึ่งของคำสาป”
    “แล้วที่นายฆ่าซีบิล....”
    “มัน........เป็นเรื่องบังเอิญ”คำตอบที่ทำให้ฉันหมดความอดทนวิ่งเข้าไปต่อยคนตรงหน้าเต็มๆ (ทั้งๆที่มันไม่ผิด)  มันลอยติ้วไปนู้นนนเลยครับท่านผู้ชม  และดูเหมือนมันจะถูกเลโมธีใช่เวทมนต์กุมตัวไว้
    “นายฆ่าคนบริสุทธิ์...หือๆ...หือๆ..”ฉันพูดพลางร้องไห้ออกมาใหญ่  เรนอนจึงวิ่งเข้ามากอด (คิล:อิจฉาโว้ยยยยยยย แต่งบทให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงห่ะ!!!)  (ไม่ได้อ่ะ) (คิล: ......)
    “ยู....สงบสติหน่อยสิ  ยู...”เรนอนพูด
    “หือๆ....มันฆ่า....ซีบิล....หือๆ....”ฉันพยามพูดให้เป็นประโยคแต่ก็ต้องสะอื้นด้วยน้ำตา
    “....จ๊ะ....แต่ก็ลองคิดดูสิ  ซีบิล  เขาก็ไปสบายแล้วนะ  ถ้าเธอยิ่งร้องไห้หนักขนาดนี้  เขาคงเสียใจแย่”
    “.....”ฉันเงียบแต่ไม่ได้หมายถึงว่าหยุดร้องไห้นะ  แล้วเรนอนก็ใช่ไม้เด็ด
    “ไนท์ที่ไหนเขาร้องไห้กัน”
    “อืมใช่  ไนท์ที่ไหนเขาร้องไห้กัน”เฟรินเสริม
    “...เฟริน....”ฉันเงยหน้ามองเฟริน
    “และเจ้าหญิงที่กล้าหาญอย่างเธอ  เขาร้องไห้กันที่ไหนห่ะ”ดอร์มินิค พูดขึ้นบาง 
    “...พี่...”นี่เป็ฯครั้งแรกที่ฉันเรียกเขาว่า ‘พี่’ ซึ่งมันก็สามารถทำให้ฉันอบอุ่นไปอีกแบบ
    “อืมฉันจะไม่ร้องไห้แล้วก็ได้  แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องทำ....”ฉันค่อยผลักเรนอนออกจากการกอด  แล้วจึงค่อยๆเดินไปที่ที่นั่งของคิงและควีนแห่งเอ็ดลาส    เมื่อไปถึงตรงหน้าของกษัตริย์ทั้งสอง  ฉันก็จ้องหน้าเขาเขม่งก่อนที่จะหยิบกระดาษ 2 แผ่น (ลัษณะเหมือนยัณฑ์) ขึ้นมาและ.......
    “วิญญาณร้าย  จงออกไป!!!!!!!!”เมื่อพูดเสร็จ  ฉันก็เอาแผ่นกระดาษนั้นแปะไปที่หน้าผากของ 2 กษัตริย์ทันที 
    หวึบ
    “อะ...โอ้ย...นี่ข้า...”คิงพูดขึ้นอย่างงงงวย    พลางเอามือกุมขมับ
    “เสด็จพ่อ”ฉันเรียกสติทันทีเพราะกลัวว่าจิตจะละลายหายไป
    “..ยู...”ควีนพูดขึ้นบ้าง     
    “เพค่ะ  เสด็จแม่”เมื่อเรียกอีกคนเสร็จก็เรียกอีกคนทันที
    “ลูกจะทูลว่า  ท่านทั้งสองได้โดยวิญญาณเข้าสิงเพค่ะ  แต่ไม่ต้องห่วงลูกไล่ไปแล้ว  เดี๋ยวลูกจะกลับมาหาท่านใหม่นะเพค่ะ  ตอนนี้ลูกมีธุระต้องทำ”พูดเสร็จฉันก็รีบวิ่งไปที่ร่างของซีบิลที่มีพวกเฟรินล้อมทันทีเหมือนกับว่ากลัวมันจะหายไปซะงั้น
    “ซีบะ....”ฉันรีบปิดปากตัวเองทันทีเมื่อเหมือนกับมีอะไรจะทำให้ร่างกายของฉันแตกสลายหายไป
    ‘ไม่ได้การแล้ว  ทำไมร่างกายเราถึงกำลังจะหมดแรงล่ะ    แต่เราต้องรีบ  นี่เป็นทางเดียวเท่านั้น’
    “ฉันขอโทษนะทุกคน”ฉันค่อยประคองร่างนั้นขึ้นมาแล้วตัดสินใจ.....
    ‘ร่างกายของฉันนั้นมันกำลังจะสลายไป  ฉะนั้นฉันขอทำอะไรบ้างอย่างที่เป็นประโยคให้แล้วกันนะ...ขอโทษนะทุกคน....ซีบิล....’
    ก้มลงจุมพิตเบาๆกับริมฝีปากของร่างอันไร้วิญญาณนั้นทันที
    “ทรง...ทรงทำอย่างนั้นทำไม    ทรงจะสลายไปนะ  กระหม่อม”เลโมธีรีบพูดขึ้น
    ฉันค่อยถอนริมฝีปากนั้นอย่างอ่อน  โยนแล้วหันมามองทุกคนให้เต็มตา ‘นี่แหละคือภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายของฉันละ’
    “ร่างกายของฉันนั้นกำลังจะสลายไปตั้งแต่แรกแล้วละ  เลโมธี”ฉันค่อยลุกขึ้นเมื่อวางร่างของซีบิลเสร็จ “เพราะฉะนั้นฉันจึงทำแบบนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์บางอย่าง  แล้วมันก็เป็นประโยคจริงๆ  ดังตำนานที่เล่าให้ฟังนะ    ตอนแรกฉัรก็ไม่เชื่อ  แต่ตอนนี้ฉัน...”ฉันหยุดนิดหนึ่งก่อนจะมองหน้าของซีบิลแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มอีกครั้ง “เชื่อแล้วว่ามันเป็นจริง  ลาก่อน...”ร่างของฉันจึงค่อยๆสลายไปเป็นผงเรืองแสงที่ละน้อยทีละน้อยแต่....
    “เดี๋ยว  ยู”เฟรินเรียกฉันทันที
    “ถ้าเธอไม่ใส่ชุดนี้  แผนการของฉันจะไม่สำเร็จ  จัดการเลยพี่สาว  โกโดม”
    “รับทราบ”แล้วทั้งสองก็พุ่งตรงมาที่ฉัน  ฉันหลับตาทันทีเพราะกลัวมันจะชน
    วาบ
    แล้วชุดที่เฟรินให้ฉันก็มาอยู่บนตัวฉันทันที  ชุดแต่งงาน  ไม่ใช่แค่ฉันนะ  ซีบิลสามสาวป้อมอัศวินครี้ดโรคิล  และคาโลล้วนอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันทั้งนั้น
    ฉันมองเฟรินอย่างงงๆ  แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับเป็นรอยยิ้มอันกวนประสาท
    “หิหิ  แผนสองเคลียร์”แต่เมื่อเธอหันมามองตัวของเธอเอง “อ้ากกกก!!!!!นี่มันอะไรเนี่ย”เพราะเธอเองก็อยู่ในชุดเจ้าสาวเหมือนกัน  นั้นจึงทำให้ฉันยิ้มได้ หรือไม่ก็หัวเราะทันที  ร่างกายของฉันเริ่มสลายไปอย่างช้าๆจนถึงเข่า  ถือว่าเป้นอะไรที่ช้าม้ากมาก
    “เดี๋ยวครับ”และเสียงที่ฉันนึกไม่ถึงก็ดังขึ้น  ฉันหันไปทางตันทางของเสียงทันที
    “ซีบิล”ฉันเรียกชื่อคนๆนั้น  เพราะเขาทำสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงนั้นคือ  การนั่งชั่นเข่าต่อหน้าฉัน
    “แต่งงานกับผมนะครับ” ซีบิลพูดพลางจับมือของฉันขึ้นจุมพิต  ฉันอึงนิดก่อนที่จะตอบไป
    “อืม”แล้วแหวนที่ฉันคาดไม่ถึงก็ถูกบรรจงใส่มาที่นิ้วนางข้างซ้ายทันที  แต่ที่สำคัญกว่านั้น  แหวนนั้นถูกประดับด้วยไข่มุกแสงจันทร์!
    “ผมรักคุณ”และนั้นคือคำสุดท้ายที่ฉันได้ยินเพราะร่างของฉัน  ได้สลายไปหมดแล้ว (แล้วที่ตอนนี้มันทำเป็นสลายเร็ว) 
คำๆนั้น  คำที่อยากได้ยินมานานจากคนที่เราให้ความสำคัญ  มันจะเก็บไว้เป็นอย่างดีในหัวใจของเราเสมอไป
    วาบ
    “เอ๊ะ”ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างงงงวย  ฉันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วมองดูรอบๆ
‘นี่มัน.....’
“ห้องของฉันนี่!!!!!”ฉันจึงรีบมองไปยังบนโต๊ะอีกครั้ง  แล้วแลเห็นปากกาที่เมื่อดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า...
“หมึกหมด  แล้วฉันใช่มันไปตอนไหนเนี่ย”แล้วพอมานึกถึงแหวนอีกครั้งปรากฏก็คือนิ้วนางของเธอไม่มีร่งรอยการใส่แหวนแต่อย่าไงใด
“ทั้งหมดคงเป็นแค่ความฝันสินะ”นั้นคือบทสรุปของฉัน  สั้นๆง่ายๆได้ใจความ
    “โอ้ย  คิดมากหน่า  ยู  แต่ความฝันอะไรคลายความเป็นจริงชะมัด  ไปเดินเล่นดีกว่า”ฉันเดินออกจากห้องแล้วลงบันไดไปหน้าบ้านพลางนึกถึงตำนานที่เลโมธีเล่าให้ฟัง
    ‘มีตำนานเล่ามาถึงการจุมพิตของเจ้าหญิงที่เป็นแม่มดน่ะกระหม่อม  เขาเล่ากันมาว่าหากจุมพิตให้แก่คนที่เพิ่งเสียไปหมาดๆ จะสามารถทำให้พื้นขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง    แต่ก็ต้องแลกกับตัวของเราเองนะกระหม่อม  ฉะนั้นอย่าทำถ้าไม่จำเป็น  ทางที่ดีอย่าทำเลยดีกว่า  แล้วพวกนี้ก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้นไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่า...’
    ‘เชื่อเลยแหละ  เลโมธี’(เปลี่ยนคนพากษ์)
แล้วร่างบางของเธอก็หายออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที    เมื่อเสียงประตูนั้นปิดลงบางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นบนโต๊ะทำงานของเธอ 
วาบ
มีของบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอหลังจากลำแสงนั้นหมดไป  ขวดหมึกอันใหม่นั้นวางอยู่บนกลางโต๊ะของเธอกับสิ่งของบางอย่างเป็นลักษณะวงกลม  บางนิดๆ  มีแสงสะท้อนของตัวที่ถูกประดับอย่างแวววาว  เพราะมันนั้นสะท้อนแสงกับพระจันทร์ตอนกลางคืนเป็นอย่างดี  อ่ะลืมบอกไปว่าแม่มดของเราจะไม่ค่อยออกไปเดินเล่นตอนกลางวันแต่ส่วนใหญ่จะออกไปขี่ไม้กวาดทามกลางแสงจันทร์มากกว่า (การะเดินเล่น- ขี่ไม้กวาด)  แล้วกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่งก็หล่นลงมาข้างๆสิ่งของทั้งสองสิ่ง.....
                              แด่  เจ้าหญิงแห่งเอ็ดลาส
                                    จาก....ผู้ที่ไม่ออกนามให้ทราบเพราะท่านรู้ดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น