ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The magic pen of Edlas(ฟิคบารามอส)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทสุดท้ายของการจากลา

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 48


                   “ซีบิล   ตานายแล้วนะ”เฟรินผลักซีบิลให้เดินมาหาฉัน   และเมื่อซีบิลหันไป   ก็เห็นแต่คาโลกับเฟรินเดินเข้าในงานพร้อมๆกัน......................................................................................................................ข้างนอก.................มีแต่เงียบ   เงียบและเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของคนรอบข้างอีกครั้ง   ด้วยตวามที่คิดว่า ‘มันเงียบมหาเงียบ’ ฝ่ายเราก็เลยเปิดปากพูดกับคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ตลอดตั้งแต่ตอนที่เฟรินเข้าไปแล้ว

        “อะ...เอ่อ...ซี...บิ...”ยังพูดไม่จบคนตรงหน้าก็รุกมาซะก่อนที่เธอจะพูด (Albatross : เปลี่ยนคนพากษ์เพราะปากเธอโดยคนฉวย) อะไรซักอย่าง   ซีบิลตรงเข้ามาประทับจุมพิตอย่างนุ่มนวลที่สุดกับเจ้าหล่อนที่พยามจะดิ้นให้คนตรงหน้าปล่อย   แต่ยิ่งดิ้นคนตรงหน้าก็ยิ่งกำฉับกอดให้แนบติดตัวยิ่งขึ้น   จูบที่จับตนชนปลายไม่ถูกมันได้มีความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายแต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีสำหรับเธอในตอนนี้   สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องตกอยู่ในท่วงทำนองแห่งความเงียบที่ได้บรรยากาศสุดๆและเธอก็ต้องยอมให้นักฆ่าคนนี้รุกฆาตเธอไปซะงั้น   เมื่อเจ้าหล่อนยอม   เขาจึงลืมตาขึ้นพร้อมค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างช้า   หล่อนก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้า

        “ร้องไห้ทำไมล่ะครับ”ซีบิลใช้นิ้วโป่งปาดน้ำตาของเธอ (ยูโดริ:เปลี่ยนคนพากษ์)

        “ไม่รู้เหมือนกัน” ‘คงเป็นเพราะเจอคนที่ใช้เลยแล้วล่ะมั่ง’ แต่นั่นก็เป็นคำที่อยู่ในใจไม่ได้พูดให้คนตรงหน้าได้รับรู้หรอก

        “เหรอครับ   งั้นอย่าร้องไห้เลยนะครับถ้ามีอะไรบอกผมได้ทุกเมื่อ   แต่ตอนนี้เราเข้าไปในงานด้วยกันนะครับ”ซีบิลถอยห่างออกมานิดๆแล้วส่งแขนให้ฉัน

        “อืม”ฉันยื่นมือไปคล้องแขนของซีบิลและเดินเข้าไปในงานอย่างช้าๆจนเห็นเฟรินวิ่งเข้ามาเป็นคนแรก

        “ Oh  yessssss! แผนหนึ่งเคลียร์”เฟรินกระโดดเข้ามากอดฉันเต็มๆ (จนจะล้มหงายหลัง)

        “ยู   ทำไมใส่ชุดนี้”เรนอนวิ่งเป็นคนต่อมาตามด้วยคนอื่นๆไม่ต้องสงสัยเลยเพราะชุดมันสะดุดตาคนมาก

        “ก็....ไม่ค่อยอยากใส่ชุดราตรี   กระโปรงยาวเหยียดแบบนั้นก็เลยใช้ชุดนี้มาแทน”

        “ชุดออกสวยน่าเสียดายไม่ใส่มา”

        “ไม่เป็นไรหรอกเรนอน   ถึงยูเขาจะไม่ใส่ชุดราตรีที่สวยๆนั้นแต่คืนนี้ยูจะต้องใส่ชุดที่สวยกว่านั้นแน่นอนและพวกเธอก็จะได้ใส่ด้วยจริงไหมโกโดม   พี่สาว”เฟรินส่งสายตาเจ้าเหล่มาทางฉัน

        “จริงกระหม่อม/ค่ะ”ทั้งสองตอบพร้อมกันและแอบยิ้มแบบมีเลศนัยใส่เฟริน

        “อืมๆ   ยูพร้อมจะเข้าเฝ้าคิงควีนหรือยัง”เฟรินถาม

        “เสมอ”ฉับตอบพร้อมเดินไปหาคิงและควีนกับเฟรินที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะลากฉันไปล่ะมากกว่า   เฟรินพา (ลาก) ฉันไปอยู่ต่อหน้าเอวิเดสแล้วเริ่มต้นบทสนทนา

        “ขอถวายบังคมกษัตริย์ทุกพระองค์เพค่ะ   หม่อมฉันอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเพื่อนของหม่อมฉัน   ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะไนท์  วิทช์แอนด์ปรินเซส  ออฟ  แอ็ดลาสเพค่ะ”เมื่อเฟรินพูดชื่อให้ทุกพระองค์ฟัง   ก็ต้องอึ้งเมื่อฉันมีถึง 3 ฉายาไม่ใช่แค่กษัตริย์กับคนอื่นๆนะที่อึ้ง   ฉันเองยังอึ้งเลย

        “อะ...เอ่อ...เฟริน”ฉันกระซิบเรียกเฟริน

        “หือ”เฟรินตอบรับแบบไม่มองหน้า

        “บอกความจริงไปเถอะ”

        “ก็นี่ไงความจริง”   ‘เหอๆฉันขอยอมแพ้หัวขโมยคนนี้ก็ได้’

        “....”ฉันจึงเงียบกลับไปพร้อมกับทำหน้าเบ้

        “ลูกรักของแม่   เป็นไงบ้างจ๊ะ   อยู่ที่โลกมนุษย์แล้วสนุกไหม”เสียงเนื่อยๆดังมาจากแม่ที่นั่งอยู่ข้างเฮลด้า

        “ก็.....สนุกดีค่ะ”ฉันแสร้งยิ้มกลับไป ‘แปลกจริงทำไมท่านดูเหนื่อยๆ’

        “นั้นก็ดีแล้วละลูก   พ่อกับแม่ได้จัดหาคู่หมั้นสำหรับลูกได้แล้วละ”สิ้นเสียงไฟทั้งห้องก็ดับลงท่ามกลางเสียงกรี้ดของผู้หญิงลูกคุณหนู

        “เฮ้ย! ใครก็ได้เรียกแฮรี่  พอตเตอร์มาท่องคาถา ‘ลูมอส’ ทีดิ”ขนาดไฟดับครี้ดก็ยังแซวได้อยู่แล้ว

        “เอ่อไม่ต้องเรียกฉันก็ทำได้   ลูมอส!”ฉันท่องคาถาออกไปแล้วทันใดนั้นไฟก็เปิดขึ้นแต่มีสิ่งหนึ่งที่มาอยู่ตรงหน้าฉัน....

        “หวัดดี”คำพูดหลุดออกมาจากปากของชายนิรนามที่มีดวงหน้าหล่อเหลาประมาณคาโลแต่น่ากวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนคิล   เรือนผมสีดำนั้นถูกปล่อยให้พลิ้วไปตามสายลมเอื้อยๆ   ส่วมชุดบอกถานะได้เลยว่ายศสูง ที่เห็นจะสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นดาบที่เหน็บไว้ข้างตัว แต่ที่แน่ๆไอ้ท่าที่เขาเอาแขนมารวบเอวของฉันกับการที่เอาหน้ามาใกล้ขนาดนี้   มันไม่สามารถจะให้ฉันสกัดแรงต่อยแอนด์เตะไปเต็มๆได้หรอกนะ

        “หนอย~แก...อย่าอยู่เลย”ฉันเอนตัวไปข้างหลังให้มือทั้งสองแตะถึงพื้นแล้วตวัดเท้าให้โดนคางของเขา เสร็จก็กับเข้ามานั่งในท่านั่งชั่นเข่าพร้อมสบัดผม

        “ชนะฉันไม่ได้หรอกนะ”และผลคือ   เขาไม่เป็นไรเหมือนกับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิด

        “เฮ้ย!”ฉันอุทานอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะเขาตรงหน้ารุกเข้ามาฉุดฉันขึ้นจากท่านั่งแล้วจุมพิตที่มือข้างซ้าย  โอ้ยน่าเอียนโว้ยยยยย

        “ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวผมชื่อ......”

        “ขอโทษงั้นเหรอ   ได้เดียวให้โทษตามปรารถนา”ฉันสะบัดมือออกก่อนจะยกขาข้างขวาไปบนหัวของเขาแล้วทุ่มลงมา

        หวับ

        เขาหายไปจากตรงนั้นไปอยู่ด้านหลังฉันพลางจับผมของฉันม้วนไปม้วนมา

                  “ผมชื่อลิมบรา  โคมานเลฟ   เดอะปรินซ์ออฟลิบรา”เดอะปรินซ์!!!!!!!!!!!!!!

        “อะ....อะ......อะ.....”ฉันช็อคเพราะเสียมารยาทอย่างมากกับ....เจ้าชายที่น่ากวนอวัยวะเบื้องล่างกว่าคิลซะอีก -_-

        “......ยู.....ยู….”เฟรินเรียกและสะกิดที่ไหล่แต่เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จก็จับเขย่าแรงๆ   และมันก็ได้ผลฉันได้สติดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ

        “หือ”ฉันหันไปหาเฟริน

        “เล่นแรงไปเปล่า”เฟรินถาม

        “อะไรเล่นแรง”ฉันถามแบบงงๆ

        “ไปเตะเอ่อ....”เฟรินชี้ไปทางลิมบรานั้นทำให้ฉันรื้อฟื้นความทรงจำต่างๆไว้แล้วก็ต้องถลึงตาเพราะว่ารู้แล้วว่าทำอะไรผิด......แต่เราก็เป็นเจ้าหญิงหนิต้องวางมาดไว้ก่อน อืมๆ   คิดอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะเบาๆ

        “อาฮะ   ต้องขอโทษด้วยเพค่ะพระองค์   ที่หม่อมฉันทำไปก็เพราะเป็นสัญชาตญาณของหม่อมฉันเอง     พระองค์คงจะไม่ชอบกริยาแบบนี้สิเพค่ะ”ฉันยิ้มอย่างสะใจแต่คำตอบที่ได้กลับมาคือรอยสรวลเบาๆจากคนที่ได้ฉายาว่าเจ้าชาย

        “เปล่าหรอก   ฉันว่าฉันชอบซะอีกนะ”คำตอบนั้นทำให้ฉันอยากจะกระโดดไปต่อยคนตรงหน้าเต็มๆหมัดแต่ต้องรักษามารยาท...อืมๆ....รักษามารยาท....อดทนเอาไว้ยูเอ๋ยอดทนเอาไว้

        “แล้วที่พระองค์มานี้เพื่อ......”ฉันพยายามเบี่ยงเบนแต่รู้สึกมันชักจะเลวร้ายขึ้น

        “มาหมั้นกับเธอนั้นแหละ”

        เพล้ง

        เสียงแก้วแตกดังขึ้นจากด้านข้างๆของฉันและเมื่อหันไป.....ซีบิล!

        “เอ่อ...ขอโทษครับพอดีผมเผลอบีบแรงไปหน่อยน่ะครับ   แฮะๆ”ซีบิลใช้เวทรักษารอยบาดแผลจนหายก่อนจะบรรจงใช้เวทเก็บเศษแก้ว   ฉันกำลังจะไปช่วยแต่ก็ถูกมือหนึ่งคว้าเอวเอาไว้   ฉันหันไป

        “จะไปไหนน่ะ”ลิมบราพูดอย่างเป็นห่วง ‘ไปให้พ้นๆหน้าแกไง   เกะกะลูกตา’

        “อ๋อ.....จะไปหาเพื่อนน่ะเพค่ะ”ฉันพยามผลักตัวออกไปแต่ทำไงได้แรงผู้หญิงมันแพ้แรงผู้ชายหนิ

        “เดี๋ยวค่อยไปก็ได้   มาอยู่คุยกับฉันก่อน”ลิมบราเริ่มทวีแรงกอดให้แนบชิดจนหน้าฉันแนบอกเขาโอ้ยใครก็ได้ช่วยด้วย   แต่แล้วเหมือนเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น

        “ปล่อยยูเดี๋ยวนี้นะ”เสียงเฟรินดังขึ้น   ทำให้ฉันอยากเข้าไปกอดซักร้อยที (ยู:หวังว่าคาโลคงไม่ว่านะ) (คาโล:ใครบอก) (ยู:ง่า~)

        “หือ”ลิมบราเริ่มสนใจ

        “ก็ไอ้การที่นายมากอดยูเพื่อนฉันอย่างนี้มันกะทันหันเกินไปรู้ไหม   เขาเรียกว่าโรคจิตกันแล้วล่ะเจ้าชาย” (เฟริน:อยากได้บทแบบนี้มานานแล้ว ฮิฮิ) เฟรินวางมาดเจ้าชายซึ่งไม่ดูร่างของตัวเองเล้ยว่าเป็นชายหรือหญิง

        “เฟลิโอน่า  เกรเดเวล  เดอะปรินเซส  ออฟเดมอส   แต่รู้สึกว่าเธอกำลังจะกลายเป็นราชินีแห่งคาโนวาลแล้วไม่ใช่เหรอ”  ‘มันเอาจุดอ่อนมาล่อ’ฉันคิดอยู่ในใจ  เฟรินหน้าเริ่มขึ้นสีทันทีแต่ในทางกลับกันคาโลก็ได้แอบยิ้มอยู่คนเดียว   ฉันจึงแก้สถานการทันที

        “ขอโทษนะขอโทษ   ข่าวนายว่ามาผิดหรือเปล่า   มีแต่การที่เฟรินเป็นว่าที่ราชินีแห่งคาโนวาลนะมัวแล้วๆ”ฉันพูดพลางผลักตัวออกแต่ไม่สำเร็จ   ไอ้อายคนทั่วทั้งงานน่ะไม่อายหรอกแต่มันอยู่อย่างงี้มันอึดอัดโว้ยยยยยยย

        “อืมๆ ฉันคงฟังมาผิดจริงๆแต่อีกไม่นานข่าวของเราก็อาจจะดังด้วย”ลิมบราพูดพลางจุมพิตบนริมฝีปากของฉันเบาๆ   เฟรินทนดูไม่ได้เรียกผ่าปฐพีมาทันที

        “ผ่าปฐพี!”สิ้นเสียงดาบก็ออกมาตรงหน้าเจ้าของของมันทันที

        “นายมาสู้กันให้ร็แล้วรู้รอดกันเลยดีกว่า”เฟริน   เธอเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชาย   แต่ก็ดี...เธอรีบๆมาช่วยฉันออกจากไอ้บ้ากามนี้ที!!!!!!!!!!!

        “ชอบตัดสินกันด้วยกำลังจังนะ”ลิมบราพูด

        “ฉันเกลียดปัญญา   คาโล   คิล   ซีบิลแกสามคนก็มาสู้ด้วยสิ”อ้าว   ชวนเขาซะงั้นง่ะ

        “อืม/ก็ได้ครับ/...”และนี่คือเสียงตอบ   ที่เห็นจะไม่ตอบสงสัยคงจะเป็นเจ้าชายหอคอยงาช้าง

        “คาโล”...ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้...

        “ถ้านายสู้   ฉันจะยอมนายทุกอย่างเลยเอาไง”โอ้เฟรินเพื่อนร้ากกกกกก   คาโลหน้าขึ้นสีนิดๆแต่ก็ยอมเอาคทาพิพากษาออกมา

        “ฉันขอสู้ด้วย   สตูเปฟาย”ฉันใช้คาถาผลักดันตัวออกมาจากลิมบราแล้วเดินไปอยู่ข้างเฟรินก่อนจะหยิบดาบ (ปากกา) ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

        “เหอ~ก็ได้ๆ   แต่ต้องมีข้อตกลงกันก่อน   ถ้าพวกนายชนะฉันจะยอมแต่โดยดี   แต่ถ้าฉันชนะฉันต้องแต่งงานกับยู”สรุปง่ายเนอะ

        “เฮ้ย!ฉันหมั้นกับนายตอน ไหนมิทราบ”ฉันเถียงทันควัน

        “ไม่รู้แต่นี้คือข้อตกลง   จะรับคำท้าไหม” ฉันนิ่งไปโดยทันที   ‘ถ้าเราชนะยูก็จะได้ไม่ต้องหมั้นกับมันแต่ถ้มันชนะยูก็ต้องแต่งงานกับมัน   เอาไงดีล่ะ’ เฟรินคิดแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสามที่ตอนนี้ก็คงวิตกพอๆกันแต่ที่หนักกว่าก็คือ   ซีบิล   ความตรึงเครียดจึงคลอบคลุมพื้นที่ทันที

        “จุ๊ๆ   ถ้าไม่รับคำก็ไม่ใช่ป้อมอัศวินแล้วล่ะสิ   ฉะนั้นศึกนี้เราขอรับคำท้า”ฉันพูดออกไปเองจนพวกเฟรินมองฉันแบบว่า ‘เฮ้ย   ชีวิตเธอนะเฟ้ย’

        “จะเป็นไรไปถ้าคนที่แต่งงานกับเราเป็นคนที่เราไม่รัก”ฉันพุดลอยๆให้ได้ยินแค่พวกเฟรินก่อนจะหันหน้ามามองงซีบิลแล้วยิ้ม

        “ส่วนสถานที่ประลองก็.....”ฉันกำลังจะบอกว่าลานตะวันแต่ลิมบราก็ส่วนขึ้น

        “ที่นี่แหละ”

        “อืม......ก็ได้แล้วแต่เจ้าชายนะเพค่ะ”ฉันพูดพลางแกว่งดาบ

        “พูดเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิง”

        “ถึงฉันจะเป็นเจ้าหญิงในสายตาของทุกคน   แต่ในสายตาของฉันเอง...ฉันเป็นไนท์และวิทช์”

        “ยู...เบื่อแล้วจะเริ่มยัง”คิลอ้าปากหาว

        “ก็ได้ๆกระหายการฆ่าจาง...1...2...สะ”

        “ยาประคองชีวิตกระหม่อม”

        เอี๊อด

        เสียงเบรคอาวุธดังทันทีก่อนที่จะลงมือต่อสู้กันเลโมธีก็ยกยาประคองชีวิตมาให้ถึงที่   คิล   เฟรินและฉันเรียบยกดื่มทันทีก่อนที่จะตามด้วย คาโล  ซีบิลและลิมบรา

        “...1...2...3เริ่ม”ฉันพูดเปิดพิธีทันทีแต่คนที่ลงมือก่อนเห็นจะเป็นลิมบรา

        “ฉันขอจัดการเธอเป็นคนสุดท้ายแล้วกัน”ลิมบราพูดก่อนที่เขาจะชักดาบขึ้นมาพร้อมวาดไปรอบๆตัวของเขาให้โดนคนอื่นๆนอกจากฉัน   ถึงฉันจะไม่โดนแต่รัศมีของดาบนั้นแค่ไม่โดนก็ร้อนแล้ว

        ‘เอาไงล่ะ   มันเล่นจัดการรวดเดียวแล้วเหลือเศษห้ฆ่าอย่างสบายใจหรือไง’ ฉันคิดพลางมองไปที่แท่นของคิงและควีนแล้วคิดอีกครั้ง ‘โอ้ย   แล้วทำไมหน้าพวกท่านถึงได้ดูเฉยๆยังงั้นล่ะ   ลูกตนเดือดร้อนแว้ว~   ไม่ห่วงเลยเหรอ’

        ลิมบราเริ่มเดินเข้ามาใกล้ตัวของฉันเรื่อยๆจนแผ่นหลังของฉันไปชนกับน้ำแข็งแกะสลักที่เป็นรูปหงส์   โอ้ย   เย็น~ แต่ฉันก็เกิดไอเดีย

        ลิมบราเงื้อดาบขึ้นเหนือหัวและจังหวะนี้แหละ...

        “ในเมื่อดาบนายแกร่งเรื่องความร้อนนัก    ลองเจอดาบน้ำแข็งหน่อยเป็นไรไป!” ฉันใช้มือข้างซ้ายที่ว่างนั้นจับน้ำแข็งนั้น (เย็นโว้ย) แล้วใช้เวทรวมกันระหว่างเหล็ก (ดาบ) กับน้ำแข็ง (น้ำแข็งแกะสลัก) จนเปลี่ยนกันเป็นดาบน้ำแข็ง   ฉันจึงใช้ดาบนั้นยกขึ้นกันดาบของลิมบรา

        เพล้ง

        “เก่งนี่”เขาชมพลางเร่งความร้อนให้ดาบ   มันจึงส่งผลกับดาบของฉันด้วย

        “อึ้ย~”ฉันร้องเสียงหลง

        “โอะๆกลัวด้วยเหรอ   เจ็บหรือเปล่า   ฉันกลัวว่าเธออาจจะเข้าประตูวิวาห์กับฉันด้วยสิ”ดาบของฉันจึงเริ่มละลายและค่อยๆเป็นดาบเหล็กขึ้นทุกทีๆ

        ‘ไม่ต้องห่วงหรอก   ยังไงฉันก็ไม่มีทางเข้าประตูนั้นกับแกแน่’ ฉันคิดพร้อมคิดหาวิธีทาง..............เวท!

    “ไม่ต้องห่วงหรอก    ยังไงฉันก็ไม่มีทางเข้าประตูนั้นกับแกแน่    เอกซ์เปลลิอาร์มัส!”ฉันร่ายคทาปลดอาวุธและมันก็ได้ผล   ดาบของลิมบรากระเดนไปพร้อมกับตัวเขาไปตกอยู่ที่กำแพงของอีกฟาก

        “หึ”ฉันทำท่าไม่สนใจแล้วรีบวิ่งไปดูอาการของคนอื่นๆ   และแน่นอนคนแรกที่ฉันไปหาคือ   ซีบิล

        “ซีบิลเป็นไรเปล่าเนี่ย”ฉันค่อยๆประคองซีบิลขึ้น

        “มะ...ไม่...ไม่เป็นไรครับ”ซีบิลพูดพร้อมกระอักเลือด

        “โกหก”ฉันพูดกลับไป (ตะคอก) จนซีบิลสนะดุ้ง

        “อย่าทำให้ฉัน...เป็นห่วงนายสิ”ฉันพูดน้ำเสียงดุปนห่วง (หรือเปล่านะ) ใส่ซีบิลทันทีก่อนที่ซีบิลจะพูดอะไรขึ้น   แต่เขาก็เงียบแล้วยิ้ม

        “เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ” และในขณะนั้นซีบิลก็เบิกนัยต์ตากว้าง   ดันตัวขึ้นกอดฉันแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็ว

        ซึก!!!

        ดาบเล่มงามนั้นเทงเข้าที่กลางหลังของซีบิลและถ้าฉันไม่เอียงตัวหลบก็คงโดนไปแล้ว    มันทะลุผ่านท้องของเขาจนเกือบสัมผัสพื้น   แล้วดาบก็ถูกชักออกจากร่างอันไร้วิญญาณของซีบิล   ริมฝีปากของเขานั้นยิ้มให้ฉันก่อนที่มันจะค่อยมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา   ฉันจึงรีบประคองร่างนั้นทันทีก่อนที่จะสัมผัสพื้น

        “ซีบิล! นายทำอะไรน่ะ   โง่จริงๆ...”ฉันด่าเขาไปเป็นชุดๆแต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่ชวนทำให้อบอุ่น

        “ครับ...ผมมันโง่   อย่างที่คุณบอก   ถึงผมจะเอาตัวบังคุณจากดาบได้...แต่ผม...คงเอาตัวของผมบังความรักของคุณไม่ได้หรอกนะครับ...”ซีบิลพูดพลางกระอักเลือดที่ละนิด   เหมือนกับเป็นสัญญาณของการที่จะลาจากกันจริงๆ

        “....ไม่....ไม่....ไม่นะ...ไม่....นายอย่าทิ้งฉันสิ....อย่าทิ้งฉัน...”ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นทาง

        ซีบิลยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดคำที่ฉันไม่อยากจะได้ยินจากจากปากของเขา

        “....ลาก่อนครับ.....”แล้วเสียงของเขาก็ขาดหายไป  

        เสียงของเขาดังอยู่ในโสตประสาทของฉันอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด   เหมือนกับจะละลึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาทำ  ไม่ว่าจะยิ้ม จะร้องไห้ จะหัวเราะ จะทุกข์ จะสุข...ก็ยังเห็น  ภาพความทรงจำต่างได้ค่อยๆทยอยเข้ามาในหัวสมองของฉันเต็ม   จนรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดาบปะทะกัน.....เฟริน!!!!!!!!!!

        “โอ้ย   นายนี่มันตายยากตายเย็นจริงๆ”เฟรินพูดพลางชักดาบกลับหลังจากฟันไปที่บ่าของลิมบรา   แต่มันฟันไม่เข้า   จนประโยคหลังของเฟรินดังขึ้น   ทำให้ฉันถึงกลับนึกอะไรบางอย่างที่เป็นไปได้ออก “นายนี่มันเป็นวิญญาณหรือไรกันแน่”

        เมื่อพูดเสร็จเฟรินก็ตวัดดาบไปอีกครั้ง   แต่คราวนี้เธอก็โดนรัศมีของดาบไปต็มๆจนกระเด็นไปทันที   คาโลรู้อยู่แล้วจึงเข้าไปรับอย่างเหมาะเจาะ   ทั้งสองจึงล่มลงไปด้วยเหตุว่าแรงของรัศมียังไม่หมด

        ก่อนที่ลิมบราจะจัดการเหยื่อรายต่อไปนั้นคือ   คิล   ฉันก็ตะโกนดังก้อง

        “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”ไม่พูดเปล่าฉันเงื้อดาบพุ่งตรงไปที่ร่างของลิมบราด้วยความเร็วของเวทมนต์

        เพล้ง

        เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นทันทีเมื่อลิมบราเอาดาบของตัวเองกันดาบของฉันเอาไว้   ด้วยแรงอันมหาศาลของเขา (ก็แน่นอนล่ะ   ผู้หญิงย่อมแพ้แรงผู้ชาย  เหอ~เบื่อคตินี้จริงๆ) เขาได้ผลักตัวฉันออกอย่างแรง

        “เหอ~เธอนี้แข็งแรงชะมัด   สมแล้วที่คู่ควรกับตำแหน่งราชินีของลิบรา”  ‘มันเกี่ยวกันตรงไหน-_-’

        “ฉันว่านะนายน่ะ...............”ฉันเว้นเอาไว้ให้ลุ้นละทึกกันเอง…..

        “ไม่ใช่เจ้าชายแห่งลิบราหรอกใช่ไหม”แล้งเสียงหือฮาก็ดังขึ้นเมื่อฉันพูดจบ   ลิมบราก็ดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่แสดงท่าทีออกมา (เพราะเวทมนต์ถึงรู้ว่าตกใจ)

        “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”เขาถาม   โดยที่ฉันกำลังจะอ้าปากตอบคาโลที่กอดเฟรินอยู่ก็พูดขึ้นแทน

        “เพราะลิบรา   ไม่มีเจ้าชายไงล่ะ”  ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบบ.............

        “ทำไมนายถึงรู้”ลิมบราพูดเหมือนกับจะยอมรับกับความจริงที่ถูกเปิดเผย

        “ประวัติเจ้าชายเจ้าหญิงรัชทายาททุกพระองค์”คาโลชูหนังสือที่ตอนนั้นก็เกือบเก็บความลับของฉันไว้ไม่รอด -_-^

        “ยังเก็บไว้อีกเหรอนั้นน่ะ”เฟรินพูดทันทีเมื่อเห็นหนังสือที่ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน (คือว่าคาโลอ่านทุกคืนจนเฟรินนอนไม่หลับอ่ะนะ ^ ^) แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับเป็นสายตาดุๆของเจ้าชายน้ำแข็ง   เฟรินจึงเงียบไป -  -

        “เหอ~ในเมื่อความลับแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้   ใช่   ข้าไม่ใช่เจ้าชายแห่งลิบราแต่ข้าเป็น...”มันพูดแต่ฉันขัดก่อน

        “วิญญาณ”ฉันตอบเสียงเรียบ

        “เจ้ารู้   แม่มดน้อย”มันยิ้ม (โปรดสังเกตดูคำที่ใช่เป็นสรรพนามของฉัน)

        “แล้วทำไมนายถึง....”คิลถามบ้างเพราะกลัวไม่ได้บท   เอ้ย....เพราะสงสัยมาเหมือนกัน

        “เพราะคำสาป   ที่ว่า ‘หากเจ้าหญิงแห่งเอ็ดลาส   กลับมาจากโลกมนุษย์เมื่อไหร่   เจ้าก็ต้องจะกลายเป็นวิญญาณทันที’ ต๊าย....ตาย....คำสาป เห่ย ชะมัด -_-

        “แล้วที่นายสะกดจิตพ่อแม่ฉัน.....”

        “มันเป็นส่วนหนึ่งของคำสาป”

        “แล้วที่มาเป็นคู่หมั้นฉัน....”

        “มันเป็นส่วนหนึ่งของคำสาป”

        “แล้วที่นายฆ่าซีบิล....”

        “มัน........เป็นเรื่องบังเอิญ”คำตอบที่ทำให้ฉันหมดความอดทนวิ่งเข้าไปต่อยคนตรงหน้าเต็มๆ (ทั้งๆที่มันไม่ผิด)   มันลอยติ้วไปนู้นนนเลยครับท่านผู้ชม   และดูเหมือนมันจะถูกเลโมธีใช่เวทมนต์กุมตัวไว้

        “นายฆ่าคนบริสุทธิ์...หือๆ...หือๆ..”ฉันพูดพลางร้องไห้ออกมาใหญ่   เรนอนจึงวิ่งเข้ามากอด (คิล:อิจฉาโว้ยยยยยยย แต่งบทให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงห่ะ!!!)  (ไม่ได้อ่ะ) (คิล: ......)

        “ยู....สงบสติหน่อยสิ   ยู...”เรนอนพูด

        “หือๆ....มันฆ่า....ซีบิล....หือๆ....”ฉันพยามพูดให้เป็นประโยคแต่ก็ต้องสะอื้นด้วยน้ำตา

        “....จ๊ะ....แต่ก็ลองคิดดูสิ   ซีบิล   เขาก็ไปสบายแล้วนะ   ถ้าเธอยิ่งร้องไห้หนักขนาดนี้   เขาคงเสียใจแย่”

        “.....”ฉันเงียบแต่ไม่ได้หมายถึงว่าหยุดร้องไห้นะ   แล้วเรนอนก็ใช่ไม้เด็ด

        “ไนท์ที่ไหนเขาร้องไห้กัน”

        “อืมใช่   ไนท์ที่ไหนเขาร้องไห้กัน”เฟรินเสริม

        “...เฟริน....”ฉันเงยหน้ามองเฟริน

        “และเจ้าหญิงที่กล้าหาญอย่างเธอ   เขาร้องไห้กันที่ไหนห่ะ”ดอร์มินิค พูดขึ้นบาง  

        “...พี่...”นี่เป็ฯครั้งแรกที่ฉันเรียกเขาว่า ‘พี่’ ซึ่งมันก็สามารถทำให้ฉันอบอุ่นไปอีกแบบ

        “อืมฉันจะไม่ร้องไห้แล้วก็ได้   แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันต้องทำ....”ฉันค่อยผลักเรนอนออกจากการกอด   แล้วจึงค่อยๆเดินไปที่ที่นั่งของคิงและควีนแห่งเอ็ดลาส     เมื่อไปถึงตรงหน้าของกษัตริย์ทั้งสอง   ฉันก็จ้องหน้าเขาเขม่งก่อนที่จะหยิบกระดาษ 2 แผ่น (ลัษณะเหมือนยัณฑ์) ขึ้นมาและ.......

        “วิญญาณร้าย   จงออกไป!!!!!!!!”เมื่อพูดเสร็จ  ฉันก็เอาแผ่นกระดาษนั้นแปะไปที่หน้าผากของ 2 กษัตริย์ทันที  

        หวึบ

        “อะ...โอ้ย...นี่ข้า...”คิงพูดขึ้นอย่างงงงวย    พลางเอามือกุมขมับ

        “เสด็จพ่อ”ฉันเรียกสติทันทีเพราะกลัวว่าจิตจะละลายหายไป

        “..ยู...”ควีนพูดขึ้นบ้าง       

        “เพค่ะ   เสด็จแม่”เมื่อเรียกอีกคนเสร็จก็เรียกอีกคนทันที

        “ลูกจะทูลว่า   ท่านทั้งสองได้โดยวิญญาณเข้าสิงเพค่ะ   แต่ไม่ต้องห่วงลูกไล่ไปแล้ว   เดี๋ยวลูกจะกลับมาหาท่านใหม่นะเพค่ะ   ตอนนี้ลูกมีธุระต้องทำ”พูดเสร็จฉันก็รีบวิ่งไปที่ร่างของซีบิลที่มีพวกเฟรินล้อมทันทีเหมือนกับว่ากลัวมันจะหายไปซะงั้น

        “ซีบะ....”ฉันรีบปิดปากตัวเองทันทีเมื่อเหมือนกับมีอะไรจะทำให้ร่างกายของฉันแตกสลายหายไป

        ‘ไม่ได้การแล้ว   ทำไมร่างกายเราถึงกำลังจะหมดแรงล่ะ    แต่เราต้องรีบ   นี่เป็นทางเดียวเท่านั้น’

        “ฉันขอโทษนะทุกคน”ฉันค่อยประคองร่างนั้นขึ้นมาแล้วตัดสินใจ.....

        ‘ร่างกายของฉันนั้นมันกำลังจะสลายไป   ฉะนั้นฉันขอทำอะไรบ้างอย่างที่เป็นประโยคให้แล้วกันนะ...ขอโทษนะทุกคน....ซีบิล....’

        ก้มลงจุมพิตเบาๆกับริมฝีปากของร่างอันไร้วิญญาณนั้นทันที

        “ทรง...ทรงทำอย่างนั้นทำไม    ทรงจะสลายไปนะ   กระหม่อม”เลโมธีรีบพูดขึ้น

        ฉันค่อยถอนริมฝีปากนั้นอย่างอ่อน  โยนแล้วหันมามองทุกคนให้เต็มตา ‘นี่แหละคือภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายของฉันละ’

        “ร่างกายของฉันนั้นกำลังจะสลายไปตั้งแต่แรกแล้วละ   เลโมธี”ฉันค่อยลุกขึ้นเมื่อวางร่างของซีบิลเสร็จ “เพราะฉะนั้นฉันจึงทำแบบนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์บางอย่าง   แล้วมันก็เป็นประโยคจริงๆ   ดังตำนานที่เล่าให้ฟังนะ    ตอนแรกฉัรก็ไม่เชื่อ   แต่ตอนนี้ฉัน...”ฉันหยุดนิดหนึ่งก่อนจะมองหน้าของซีบิลแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มอีกครั้ง “เชื่อแล้วว่ามันเป็นจริง   ลาก่อน...”ร่างของฉันจึงค่อยๆสลายไปเป็นผงเรืองแสงที่ละน้อยทีละน้อยแต่....

        “เดี๋ยว   ยู”เฟรินเรียกฉันทันที

        “ถ้าเธอไม่ใส่ชุดนี้   แผนการของฉันจะไม่สำเร็จ   จัดการเลยพี่สาว   โกโดม”

        “รับทราบ”แล้วทั้งสองก็พุ่งตรงมาที่ฉัน   ฉันหลับตาทันทีเพราะกลัวมันจะชน

        วาบ

        แล้วชุดที่เฟรินให้ฉันก็มาอยู่บนตัวฉันทันที   ชุดแต่งงาน   ไม่ใช่แค่ฉันนะ   ซีบิลสามสาวป้อมอัศวินครี้ดโรคิล   และคาโลล้วนอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันทั้งนั้น

        ฉันมองเฟรินอย่างงงๆ   แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นกลับเป็นรอยยิ้มอันกวนประสาท

        “หิหิ   แผนสองเคลียร์”แต่เมื่อเธอหันมามองตัวของเธอเอง “อ้ากกกก!!!!!นี่มันอะไรเนี่ย”เพราะเธอเองก็อยู่ในชุดเจ้าสาวเหมือนกัน   นั้นจึงทำให้ฉันยิ้มได้ หรือไม่ก็หัวเราะทันที   ร่างกายของฉันเริ่มสลายไปอย่างช้าๆจนถึงเข่า   ถือว่าเป้นอะไรที่ช้าม้ากมาก

        “เดี๋ยวครับ”และเสียงที่ฉันนึกไม่ถึงก็ดังขึ้น   ฉันหันไปทางตันทางของเสียงทันที

        “ซีบิล”ฉันเรียกชื่อคนๆนั้น   เพราะเขาทำสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงนั้นคือ   การนั่งชั่นเข่าต่อหน้าฉัน

        “แต่งงานกับผมนะครับ” ซีบิลพูดพลางจับมือของฉันขึ้นจุมพิต   ฉันอึงนิดก่อนที่จะตอบไป

        “อืม”แล้วแหวนที่ฉันคาดไม่ถึงก็ถูกบรรจงใส่มาที่นิ้วนางข้างซ้ายทันที   แต่ที่สำคัญกว่านั้น   แหวนนั้นถูกประดับด้วยไข่มุกแสงจันทร์!

        “ผมรักคุณ”และนั้นคือคำสุดท้ายที่ฉันได้ยินเพราะร่างของฉัน   ได้สลายไปหมดแล้ว (แล้วที่ตอนนี้มันทำเป็นสลายเร็ว)  

    คำๆนั้น   คำที่อยากได้ยินมานานจากคนที่เราให้ความสำคัญ   มันจะเก็บไว้เป็นอย่างดีในหัวใจของเราเสมอไป

        วาบ

        “เอ๊ะ”ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างงงงวย   ฉันลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วมองดูรอบๆ

    ‘นี่มัน.....’

    “ห้องของฉันนี่!!!!!”ฉันจึงรีบมองไปยังบนโต๊ะอีกครั้ง   แล้วแลเห็นปากกาที่เมื่อดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า...

    “หมึกหมด   แล้วฉันใช่มันไปตอนไหนเนี่ย”แล้วพอมานึกถึงแหวนอีกครั้งปรากฏก็คือนิ้วนางของเธอไม่มีร่งรอยการใส่แหวนแต่อย่าไงใด

    “ทั้งหมดคงเป็นแค่ความฝันสินะ”นั้นคือบทสรุปของฉัน   สั้นๆง่ายๆได้ใจความ

        “โอ้ย   คิดมากหน่า   ยู   แต่ความฝันอะไรคลายความเป็นจริงชะมัด  ไปเดินเล่นดีกว่า”ฉันเดินออกจากห้องแล้วลงบันไดไปหน้าบ้านพลางนึกถึงตำนานที่เลโมธีเล่าให้ฟัง

        ‘มีตำนานเล่ามาถึงการจุมพิตของเจ้าหญิงที่เป็นแม่มดน่ะกระหม่อม   เขาเล่ากันมาว่าหากจุมพิตให้แก่คนที่เพิ่งเสียไปหมาดๆ จะสามารถทำให้พื้นขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง    แต่ก็ต้องแลกกับตัวของเราเองนะกระหม่อม  ฉะนั้นอย่าทำถ้าไม่จำเป็น   ทางที่ดีอย่าทำเลยดีกว่า   แล้วพวกนี้ก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้นไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่า...’

        ‘เชื่อเลยแหละ   เลโมธี’(เปลี่ยนคนพากษ์)

    แล้วร่างบางของเธอก็หายออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที    เมื่อเสียงประตูนั้นปิดลงบางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นบนโต๊ะทำงานของเธอ  

    วาบ

    มีของบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะของเธอหลังจากลำแสงนั้นหมดไป   ขวดหมึกอันใหม่นั้นวางอยู่บนกลางโต๊ะของเธอกับสิ่งของบางอย่างเป็นลักษณะวงกลม   บางนิดๆ  มีแสงสะท้อนของตัวที่ถูกประดับอย่างแวววาว   เพราะมันนั้นสะท้อนแสงกับพระจันทร์ตอนกลางคืนเป็นอย่างดี   อ่ะลืมบอกไปว่าแม่มดของเราจะไม่ค่อยออกไปเดินเล่นตอนกลางวันแต่ส่วนใหญ่จะออกไปขี่ไม้กวาดทามกลางแสงจันทร์มากกว่า (การะเดินเล่น- ขี่ไม้กวาด)   แล้วกระดาษเก่าๆแผ่นหนึ่งก็หล่นลงมาข้างๆสิ่งของทั้งสองสิ่ง.....



                                   แด่   เจ้าหญิงแห่งเอ็ดลาส



                                        จาก....ผู้ที่ไม่ออกนามให้ทราบเพราะท่านรู้ดี



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×