ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The magic pen of Edlas(ฟิคบารามอส)

    ลำดับตอนที่ #4 : ชัยชนะที่สำเร็จกับงานเต้นรำที่ไม่คาดฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 48


    “ลอรี่   มีรุ่นน้องมาหาแน่ะ”

        “หุบปากแกไปเลยนะ   ลูคัส”ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ทั้งสองต้องเป็นแบบนี้เลยเตรียมแผนการมาสำหรับลอเรนซ์โดยฉเพราะ

        “หือ...หือ...”ฉันให้น้ำตาออกมาโดยเวทมนต์   ถึงจะไม่อยากทำก็เหอะ   แต่มันจำเป็น   ลอเรนซ์ก็เลยมาหาฉันแล้วเช็ดน้ำตาให้เพราะเห็นน้ำตาของหญิงสาวไม่ได้

        “ไม่เป็นไรนะ   โอ้...ไม่เป็นไรหรอก   พี่ก็แค่แกล้งมันไปงั้นๆแหละ ‘แต่ใจจริงคงไม่ได้อยากแกล้งล่ะสิท่า   แต่ก็สำเร็จ’ ไหนลองบอกสิว่ามีอะไรจะคุยกับพี่”

        “คือว่าหนูอยากขอยืมมีดบินของพี่หน่อยนะค่ะ”ฉันพูด

        “มีดเนี่ยเหรอ”ลอเรนซ์หยิบมีดบินขึ้นมาว่างบนมือฉัน

        “ค่ะ   ขอบคุณค่ะ   มีดบินอันนี้จะช่วยหนูในการประชันดาบได้แน่นอน”

        “เธอลงสมัครด้วยเหรอ”ลอเรนซ์ถามแล้วลูคัสก็โผล่ออกมาพร้อมกับน้ำชา 3 ถ้วย (แต่ยังมาม่ถึงโต๊ะ)

        “เปล่าหรอกค่ะ   แค่ไปทำอะไรนิดๆหน่อยๆกับรุ่นพี่ปราสาทขุนนางน่ะค่ะ   อย่างเช่น............หนูไปตบหน้ารุ่นพี่อาเธอร์...พี่เขาก็เลยท้าให้หนูประชันดาบกับพี่เค้า   และที่มานี่หนูก็รู้ว่าพวกพี่รู้กติกาทั้งหมดในการประชันก็เลยอยากให้อยากให้พวกพี่ช่วยบอกกติกาหน่อยน่ะค่ะ”ฉันพูดรวดเดียวจบ   ส่วนพี่ทั้งสองก็อึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่า ‘หนูไปตบหน้ารุ่นพี่อาเธอร์’ และก็ได้สติในอีก 6 วินาที

        “o.k.    งั้นเรามาฟังกันว่ากติกามีอะไรบ้างเนอะลอรี่”ลูคัสได้สติก่อนลอเรนซ์จึงยกน้ำชามาว่างไว้บนโต๊ะแล้วเริ่มบอกกติกา

        “1. สามารถใช้อาวุธเสริมได้แค่ 2 อย่างเท่านั้นห้ามเกินกว่านี้

                2.ใช้ความสามารถพิเศษที่มีอยู่ได้ เช่น ใช้เวท เตะ ต่อย ตบ ‘ตบ?’(ลอเรนซ์คิด)อะไรประมาณนี้

            3.ห้ามใช้เวทแบบส่งผู้เล่นไปที่อื่นถ้าเป็นแบบนั้นจะถูกปรับแพ้”ลูคัสจิบชา 1 อึกแสดงว่าเป็นอันจบ

        “น้อยจังนะค่ะ   แต่ก็...ขอบคุณมากค่ะ”ฉันพูด

        “ว่าแต่...ไปตบหน้าอาเธอร์อย่างนั้น...ไม่กลัวเหรอ”ลอเรนซ์ถามอย่างกุกๆกะๆ

        “จะกลัวทำไมเหรอค่ะ”ฉันถามกลับแบบงงๆ    ก็มันจริงนี่นาจะไปกลัวทำไม

        “งานนี้ไม่รู้เธอจะรอดไหมเนี่ย”

        “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ   งานนี้พกความแค้นมาเต็มที่”ตาฉันลุกเป็นไฟ

        “เหอ~ความแค้นน่ะ   ช่วยอะไรไม่ได้หรอกยูโดรี่”ลูคัสพูดขึ้น

        “เอ๋?”

        “เธอก็มีแค่ความมั่นใจในตัวเธอก็พอแล้วล่ะนะ”ลูคัสยิ้ม

        ฉันอึ้งไปอยู่สักพักแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างที่พี่ทั้งสองต้องหน้าขึ้นสี

        “ขอบคุณพี่ๆมากนะค่ะ   เพราะพวกพี่แท้เลยทำให้หนูมีความมั่นใจที่จะเอาชัยชนะมาฝากป้อมอัศวินให้ได้...”และพี่ๆก็ต้องหน้าขึ้นสีอีกครั้งเมื่อฉันเข้าไปหอมแก้มพี่แล้วออกไปจากห้องทั้งให้พี่ๆนั่งเอ๋อ

        “นายพูดแบบนี้ก็เป็นด้วยแหะ”ลอเรนซ์ได้สติก่อนลูคัสจะได้สติตาม

        “นายก็เหมือนกันลอรี่”หลังจากนั้น   ทุกคนคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อลอเรนซ์เจอมีดอีกอันในกระเป๋าเสื้อ.............

        ทุกวันก่อนที่จะถึงวันแข่งขันยูได้แต่ขอตัวไปซ่อมจนบางวันเธอก็ไม่ได้กินข้าวก็มี  เธอได้ขอให้อาจารย์เจ้าชายชามัลมาสอนดาบให้จนเก่งขึ้นเรื่อยๆ....และก็มาถึง

        ...วันที่ 11 ตุลาคม 10 โมงเช้า  ไวเหมือนโกหก(ก็โกหกเพื่อจะได้เร็วขึ้นไง) ห้องอาหารดราก้อน...



        “ยูโดริสู้เค้าน้า~”เสียงกองเชียร์ก็ดังตลอดเช้า

        “จ๋า”ฉันตอบกลับไป   และกำลังจะเดินออกจากประตูแต่ก็ต้องหยุดเมื่อเจอกับเฟริน คาโล คิลและโกโดม

        “เอ่อ...คือ...ยูโดริ...พอดีท่านพ่อส่งไอ้นี่มาให้น่ะ”เฟริยยื่นอะไรบ้างอย่างออกมาให้ฉัน   ฉันจึงยื่นมือไปรับ

        “นี่...”

        “เข็มกลัดนำแสงน่ะกระหม่อม”โกโดมพูดขึ้น

        “พ่อฉันน่ะเชียร์เต็มที่   เลยส่งมาให้   หวังว่านี่คงเป็นอาวุธเสริมให้เธอได้”

        “เฟริน.............ขอบใจมากนะ”แล้วฉันก็วิ่งไปกอดเฟริน “ฝากบอกพ่อของเธอด้วยนะว่าขอบใจมากๆเสร็จแล้วจะเอาไปคืน”

        “ไม่ต้องหรอก   พ่อฉันให้ไปเลยน่ะ”

        “อ่ะ......ขอบใจหลายๆ(และตอยนั้นเอง   ฉันก็เหลือบเห็นคาโล)..อุ้ย..คาโลหึงเหรอจ๋า”ฉันกอดเฟรินแน่นขึ้น   แต่คาโลก็ยังเหมือนเดิม

        “ยูโดริ   อยู่อย่างนี้นานๆก็ได้นะ   คาโลน่ะกอดไม่หวานเท่าเธอเลยรู้เปล่า”เฟรินก้ยกมือขึ้นมากอดฉัน   คาโลเลยถึงกับส่สายตาดุใส่ (หึงอ่ะแหละ) และเลโมธีก็เข้ามา

        “โอ๋...ทรงอยู่นี่เอง” ‘ซวย’ ฉันสบถในความคิด

        “อะไรนะ”ทุกคนพูดขึ้น

        “เปล่าหรอกมั่งเนอะท่านเลโมธีพูดอะไรก็ไม่รู้”ฉันส่งสายตาไปหาเลโมธีแบบว่า ‘เกือบซวยรู้ไหม’

        “อ่ะ..เอ่อ...ใช่ๆๆข้าคงมึนไปหน่อยเนอะโรเวน”

        “ใช่ครับ”  ‘อึ้ย   โผล่มาตอนไหน’

        “มีอะไรเหรอค่ะ”ฉันเริ่มถามเลยเพราะว่าต้องรีบ

        “เธอจะเข้าสนามได้ไง   ถ้ายังไม่มีป้ายอาญาสิทธิ์”

        “เอ๋?”

        “ไม่ต้องมาเอ๋   เอ้ารับ”โรเวนโยนป้ายอาญาสิทธิ์มาให้ฉัน   แต่ไม่รู้ว่าสายตาของพี่เขาเอียงหรือเปล่านะเพราะว่าป้ายมันเอียงไปทางซ้ายมือของฉันจนฉันต้องแสดงกลเม็ดเด็ดที่มาทิลด้าสอน  

    หวึบ   วิ้ว   วิ้ว(เสียงเอฟเฟค)

        “ว้าว”เสียงหือจากคนทั้งป้อมดังขึ้นเมื่อฉันกระโดดตีลังกา 2 ตลบรับป้ายที่ลอยอยู่บนฟ้าและค่อยๆตกลงมาแบบไม่ค่อยสวย (ไม่ค่อยดี) จนซีบิลพยุงตัวไว้ให้

        “ไม่เป็นไร   ใช่ไหมครับ”ซีบิลพูดแต่ก็ยังค้างท่านั้นอยู่อย่างเดิม   แถมใกล้ชิดกันซะจนได้ยินเสียงหัวใจของคนรอบข้าง

        “เอ่อ...อืม...o.k....ทุกคนฉะ..ฉันไปก่อนนะ”ฉันรีบผละตัวตัวออกและรีบวิ่งออกไปจาดประตู    ทิ้งความอึ้ง (การกระโดดตีลังกาของเมื่อตะกี้) ให้กับชาวป้อมอัศวิน   แม้แต่เลโมธีที่ตอนนี้กลายเป็นองค์รักษ์ของฉันไปซะแล้ว   แต่ทำไมใจมันเต้นแรงจนจะออกมาจากตัวเราละ.......





        ...11 โมง  ที่ลานตะวัน...

        เริ่มแรกฉันได้เดินออกไปอยู่กลางสนามรอคู้แข่งขันคนแรกที่จะต้องพบปะด้วยนั้นคืออาเธอร์......

        “ในการแข่ง (กัน) ขันครั้งนี้นะครับ   จะเป็นการแข่ง (กัน) ขันระหว่างป้อมอัศวินกับปราสาด (ปราสาท) ขุนนางครับไม่ทราบว่าคงเป็นคู่กรรม (ซะตากรรม) หรือเปล่านะครับที่เวลามีการแข่ง (กัน) ขันที่ไร 2 บ้านนี้จะแข่งขันด้วยกันสมอ (เสมอ)   ที่นี้เราจะมาดูกันว่าป้อมอัศวินจะล้างตาที่พึ่งแพ้ปราสาด (ปราสาท) ขุนนางตอนศึกกระดานหมากเกลียดติยศ (เกียรติยศ) ด้วย สาวน้อยปี 3 ที่อาเธอร์ขอจอง (แข่งด้วย) ไว้ก่อนนั้นคือ   ยูโดริ  อาร์ดาเลส  เดอะวิทช์  ออฟ  เอ็ดลาส   ปะทะกับอาเธอร์  เลโอนาท  บริสตัน  เดอะปรินซ์  ออฟ  ซาเรสสสสสส”เสียงกรรมการประจำสนามประกาศประกาศดังขึ้นแบบมั่วๆอยู่ข้างๆเวทีการแข่งขัน   เมื่อพูดจบเจ้าตัวดีก็ออกมาด้วยท่าทางที่สง่าที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้   แต่สำหรับฉันแล้วมันไม่ต่างอะไรกับจิ้งจอกยกหางเพราะพึ่งได้ยินเรื่องมาจากผีสาวมาหมาดๆ ‘ท่านอาเธอร์น่ะ   เขาเอาจริงเอาจังมาก   ที่ต้องการแข่งกับนายหญิงกลางจนต้องไปท้าสู้กับแผ่นดินประชาชนและปราการปราชญ์ด้วยตนเอง   และท่านก็ชนะทั้งสองบ้านได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับว่า แค่นี้สบายมาก แสดงว่าต้องมีความพร้อมมาเต็มที่   ระวังตัวด้วยนะค่ะนายหญิงกลาง”นั้คือข่าวที่พึ่งได้มาสดๆร้อนๆจากผีสาวที่คาโลได้ยอมเชื่อว่าใช้พลังจากผีสาวในการมีพลังของคทาพิพากษาและปล่อยออกมาให้เดินเล่นซะทั่วปราสาท

        “วันนี้แหละจะเป็นจุดจยของเธอ”อาเธอร์พูด

        “งั้นเหรอ   ไม่ยักจะรู้”ฉันตอบกลับ

        “ยาประคองชีวิตค่ะ”หญิงสาวคนหนึ่งถือถาดที่มีแก้ววายใส่ยาประคองชีวิตมาให้   อาเธอร์กับฉันหยิบขึ้นมาพร้อมกัน   อาเธอร์ยนิ้มให้ฉันก่อนยกดื่ม   ฉันมองลงไปที่แก้วยาแลว้โยนทิ้งไป   เพล้ง   จนอาเธอร์สำรัก

        “เอ่อ...คือ...”หญิงสาวพยามจะพูด

        “ไม่เป็นไรหรอก”ฉันยิ้มให้แบบว่า ‘แค่นี้สบายมาก’

        “จะไหวเหรอ~”อาเธอร์พูดลอยๆ

        “หึ   ไม่ลองก็ไม่รู้”ฉันหยิบปากกาขึ้นมา (ซึ่งตอนดึงก็กลายเป็นดาบไปแล้ว) จ่อหน้าอาเธอร์   จนหน้าซีด

        “นั้นสิ   ไม่ลองก็ไม่รู้”อาเธอร์เอาดาบมาจ่อหน้าฉัน   กรรมการจึงเริ่มพูดขึ้น

        “ครับ   แล้วจะนับเคาน์ดาว  (ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกหรือเปล่านะค่ะ) แล้วนะครับ   3..........2...........1เริ่มได้!”

        “.................................................”เงียบ.......ไม่มีการขยับตัวใดๆเกิดขึ้น

        “ทำไมถึงไม่เข้ามา”อาเธอร์พูดขึ้น

        “ขี้เกียจ”ฉันเน้นคำว่า ‘เกียจ’

        “งั้นก็ได้”อาเธอร์พุ่งเข้ามาที่ด้านขวาของฉัน   ฉันหลบลงตวัดดาบแนวล่างหวังว่าจะให้ล้ม   แต่อาเธอร์กลับกระโดดขึ้น   ใช้ดาบปักลงมาที่ท้องของฉัน    จนคิลต้องปิดตาเรนอน

        “ลงมาช้าไปหรือเปล่า”ที่จริงแล้วฉันไม่ได้โดนดาบปักเข้าที่ท้องแต่ฉันจับดาบเอาไว้จนเลือดชุ่มมือและนั้นก็เป็นภาพที่น่าสยองอีกภาพที่คิลต้องปิดตาเรนอน

        “ไม่เจ็บเลยใช้ไหม”อาเธอร์ให้ดาบนั้นคมขึ้น   เลืดที่มือเลยไหล่ไม่หยุด

        “สักนิกก็ไม่มี”ฉันใช้มือขวาจับเข็มกลัดที่เอวิเดสให้มาไปส่องที่แสงของดวงอาทิตย์ให้เข้าที่ตาของอาเธอร์   จนอาเธอร์ดึงดาบออกแล้วเอามือปิดตา   ฉันลุกขึ้นและกำลังจะเดินไปก้าวใหญ่   แต่ก็ต้องสะดุดกระโปรง   เมื่อฉันตั้งหลักได้อาเธอร์ก็วิ่งเข้ามา   ฉันก้มหน้าลงทางซ้ายแล้วสะบัดผมให้โดนหน้าของอาเธอร์จนเกิดรอยเหมือนโดนมีดบาดหลายด้าม

        “นั้นมันอะไรน่ะ”แองจี้ร้อง

        “รอยมีดบินของลอรี่”ลูคัสพูดขึ้น

        “หา~”ทุกคนร้องเสียงหลง

        “เมื่อตอนนั้นยูโดรี่ได้มาขอยืมมีดจากลอรี่ไปน่ะ   คงจะต้องเอาไปทำอะไรกับผมของเธอแน่ๆ”พี่เข้าบอกจนทุกคนในสนามกระจ่างไปด้วย

        “โอโห~ไม่เบานี่”อาเธอร์ปาดเลือดออกจากหน้า  (ตอนนี้ห่างกันสัก 2 กม.)

        “ขอบคุณ”ฉันโค้งคำนับ

        “แต่เกมมันยังไม่จบ”อาเธอร์วิ่งออกตัวก่อน   ฉันเลยจะวิ่งเข้าไปปะทะด้วย

        “โอ๊ะ”ฉันก้าวเท้าไม่ได้เพราะมันติดกระโปรง   วินาทีนั้นฉันก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้   แต่ไอเดียนี้ต้องใช้ความกล้าพอสมควร   อืม...... ‘เอ๊า   เอาไงเอากัน’ ฉันใช้มือจับที่ตะขอของกระโปรงแล้วปลดมันออกจนผู้ชายทุกคน (ยกเว้นคาโล) ต้อง “วู้ว”และต่อจากนั้นก็ต้อง “หวา”เมื่อฉันใส่กาวเกงปรามาณเข่าอยู่ข้างใน (เตรียมพร้องทุกเมื่อ)

        “คราวนี้แหละ”ฉันโยนกระโปรงทิ้งไปแล้วออกตัววิ่งอีกครั้ง (รู้สึกสบายกว่าแต่ก่อน) แต่ครั้งนี้ฉันใช้ด้ามของดาบหันไปที่อาเธอร์แทนปลายดาบ

        “รนหาที่ตายแท้ๆ”อาเธอร์พูดขณะกำลังวิ่ง

        “ใครกันแน่”ฉันพูดกลับไป  (ระยะห่างกัน 1 กม.)

        “ก็เธอนั้นแหละ   ถึงจะสวยนะแต่ก็ถ้าจะให้ดีต้องอบรมนิสัย”

        “ขอบคุณค่ะที่ชมว่าสวย” (ระยะห่างกัน 10 ซ.ม.) เมื่ออาเธอร์ถึงตัวฉันก็จับดาบตวัดมาที่ตัว   แต่แทนที่ฉันจะหลบ   ฉันกลับกระโดดขึ้นฟ้าแล้วหายตัวไปโผล่อยู่ข้างหลังอาเธอร์   ฉันแทงดาบเข้าไป   อาเธอร์หลบซ้ายแทงดาบเข้ามา   ฉันเวียงตัวหลบขวาใช้เท้าตวัดขึ้นไปแล้วลงมาที่ต้นคอ   อาเธอร์อ่านเกมออกเลยจับเท้าของฉันเอาไว้ได้

        “ไม่มีทางรอดแล้วล่ะสิ”อาเธอร์ยิ้มแบบมีเลศนัย

        “มันก็ยังไม่แน่หรอกนะ   ถึงฉันจะไม่เก่งดาบ   แต่เรื่องเวทฉันไม่เป็นรองใคร”ฉันใช้เวททำให้ตัวเบา   กระโดดขึ้นไปอยู่บนฝ่ามือที่อาเธอร์จับเท้าอยู่หนึ่งข้างแล้วใช้เวทให้แรงโน้มถ่วงไปอยู่ที่เท้าข้างนั้น

        ตูม (เสียงเอฟเฟค)    แวบ~ (เสียงรัศมี)

        “ชิ   หลบทัน”ฉันสบถเมื่อาเธอร์หลบไปก่อนที่จะโดนพระบาทของฉันเต็มๆและเมื่อฉันก้มลงไปมองที่พื้น

        “ใช้ได้นี่เรา   อิอิ”ฉันยิ้มร่าเมื่อเห็นผลงานของตัวเอง   หลุมขนาดใหญ่ที่ลามไปถึงขอบสนาม   ลึกสัก 4- 6 ซ.ม.  (อาเธอร์อยู่ห่างจากฉัน 3 ม.) ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดง

        “เธอนี่ถือว่าเก่ง   แต่ก็ไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของฉัน”อาเธอร์ยิ้มพร้อมเดินตรงมาที่ฉัน

        “อ๋อเหรอ   ขอบคุณนะที่บอก   แต่ฉันไม่ต้องการจะติดอันดับนั้นอู่แล้ว   ที่ฉันสู้กับนายก็เพราะเพื่อศักดิ์ศรีของป้อมอัศวินเราไม่ให้น้อยหน้าใครอื่น”ฉันพูดพลางตั้งดาบขึ้น

        “หึหึ   ศักดิ์ศรีของป้อมอัศวินกับเกียรติยศของปราสาทขุนนาง   ก็คงเหมือนกับเธอและฉันที่คล้ายคลึงกันระหว่าง   เจ้าชายแห่งซาเรสกับเจ้าหญิงแห่งแอ็ดลาส.............ใช่ไหม”ทันใดนั้นเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วทั้งสนาม   รวมไปถึงเลโมธีซึ่งวิ่งมาจากห้องทำงานอย่างกระหืดกระหอบ

        “ทำไมถึงทรงไม่เสวยยาประครองชีวิต”เลโมธีวิ่งเข้ามาบนขอบสนามแต่ก็ต้องล้มลงเพราะฉันสร้างกำแพงเวทมนต์เอาไว่ก่อนหน้านี้  

        ฉันยืนก้มหน้าเอาไว้แล้วคิดอะไรหลายๆอย่าง ‘ทำไมอาเธอร์ถึงรู้’ นั้นคือคำถามแรกที่ผลุดขึ้นมาในสมองของฉัน   แต่ก็ต้องตัดทิ้งไปเมื่อทุกคนรู้ความจริง   ก็ไม่มีประโยชน์   ฉันจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มไปให้

        “แล้วไงเหรอ”ฉันยังพูดต่อไม่สนใจคนข้างสนามที่อึ้งอ้าปากค้างกันไปตามๆกัน

        ‘มิน่าละถึงเคยเห็นที่ไหน’ คาโลคิดพร้อมพูดออกมา

        “ยูดอนร่า  เอดาร์ลาส  เดอะปรินเซส  ออฟ  แอ็ดลาส”

        “ยูดอนร่าเหรอ”ดอร์มินิคตกใจถึงกับยืนขึ้น   ฉันหันหน้าไปทางดอร์มินิคแล้วยิ้มกลับไปให้   จากนั้นก็หันมาทางอาเธอร์

        “ในเมื่อความจริงนั้นถูกเปิดเผย   ก็ไม่สมควรที่จะปิดเอาไว้”ฉันเริ่มร่ายมนต์ให้ดวงตาสีดากลายเป็นสีเขียวและสีฟ้า  

        “นัยต์ตาสีใสมรกต   มาบรรจบกับฟ้าสีครามงั้นเหรอ...”อาเธอร์พึมพำพร้อมจ้องมาที่ตาของฉัน

        “ฉันไม่สนเรื่องที่ฉันเป็นเจ้าหญิง   ที่สนใจน่ะคือการต่อสู้ของเรานั้นยังไม่จบ”ฉันตะคอก

        “นั้นสิ   การต่อสู้มันยังไม่จบ”อาเธอร์ยิ้มแล้วพุ่งเข้ามาที่ฉันอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดาบอัศวินดำได้แทงมาที่ท้องของฉันจนเลือดออกมาจากปาก   อาเธอร์ยิ้มแบบมีชัยอยู่กับพวกปราสาทขุนนางแตกต่างจากป้อมอัศวินที่ต่างพากันเศร้าใจหนักกว่าการพ่ายแพ้นั้นคือการที่ฉันได้จบชีวิตบนลานตะวันแห่งนี้   แต่นั้นก็แค่เริ่มต้น....

        “เฮ้ย!ซีบิลนั้น....ยูจะตายแล้ว...”ครี้ดร้องคนแรก

        “บ้าสิ!”ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวยกเว้นซีบิล

        “ใช่ครับ...ผมว่าเธอยังไม่ตายหรอกครับ”ซีบิพูดแต่ก็ยังจ้องไปที่การประลอง

        “อาเธอร์”ฉันพูดทั้งที่เลือดเต็มปาก   นั้ทำให้อาเธอร์สนใจมองได้

        “ฉันบอกแล้ว   ว่าถึงฉันจะไม่เก่งดาบ (มีแสงสว่างนิดๆอยู่ข้างหลังของอาเธอร์ที่เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างคน) แต่เรื่องเวท (เสียงมาจากข้างหลัง) ฉันนั้นไม่เป็นรองใคร”แสงสว่างก่อตัวขึ้นเป็นตัวฉันตัวจริงที่จับดาบแล้วแทงไปที่อาเธอร์

        ฉึก...............................................ฉึบ.......................

        ฉันค่อยๆดึงดาบออกจากร่างที่อีกไม่นานก็คงฟื้น



        กลอุบาย

        ฉันลอกล่ออาเธอร์เวทมนต์เหมือนปั่นเวทมนต์ให้เป็นตัว เอ๊ย ปั่นน้ำให้เป็นตัวแล้วใช้ร่างที่แท้จริงล่องหนไปข้างหลังของอาเธอร์เป็นอันจบ



        เมื่อการแข่งขันรู้ผลแพ้ขนะ     ฉันจึงค่อยๆลดกำแพงเวทมนต์ลงจนเลโมธีเข้ามาได้

        “ทำไมถึงทรงไม่เสวยยาประคองชีวิต”เลโมธีถามก่อน

        “ก็....อืม.... (ฉันเก็บปากกาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วทำม่าประสานมือที่ท้ายท้อย) ก็ฉันมีความมั่นใจในตัวเองล่ะมั่งแต่เกมมันจบไปแล้วนี่   คิดอะไรมากล่ะ”ฉันพูดแบบว่า ‘ชั่งมันเหอะ’ (Albatross:จะเอามันกี่หัว กี่กิโลค่ะพี่)

        “ยูดอนร่า”เสียวดอร์มินิคเรียกฉัน   ฉันจึงค่อยๆหันไปแต่ไม่ทันไรก็ถูกคนตรงหน้าสวมกอดเข้ามาโดยตรง (ต่อหน้าคนทั้งสนาม) ความรู้สึกที่ว่าคิดถึง   ไม่ได้เจอกันมานาน ฯลฯที่ขอบอกว่าเป็นพี่ชายที่รักน้องสาวมากๆเลย

        “ยู”เสียงสามสาวป้อมอัศวินวิ่งเข้ามาแล้วจับกอดหมับ (นึกภาพว่าเจ้าชายแห่งแอ็ดลาสกระเด็นไปไกลแสนไกลด้วยฝีมือของสามสาว)

        “โห~นึกว่าเธอจะไม่รอดซะแล้วนะเนี่ย”คิลเดินเข้ามาหาพร้อมกับคนอื่นๆ

        “ขอบใจยะที่คิดแบบนั้น”ฉันตอบกลับพร้อมส่งหน้าแบบ ‘อยากตายอีกคนหรือไง’

        “เวทดี   ใครสอน”คาโลถาม

        “อ๋อ   แองจี้กับผีสาวน่ะ”ทั้งผีสาวและแองจี้ยิ้มแฉ่งใส่คาโลจนคาโลร้อง “อึ้ย”

        “ 5555555555+ เป็นไงล่ะดูสิ   อาเธอร์แพ้พวกเราซะยับ55555+”เฟรินหัวเราะรื่นเมื่อเห็นสภาพอาเธอร์ถูกส่งไปที่ห้องพยาบาล

        “เฟริน   นายช่วยอยู่ในความสงบสักทีได้ไหม”คิลพูดขึ้นนั่นจึงทำให้ฉันหัวเราะกับคนอื่นๆ

        “อ๊ะ   พี่ลอเรนซ์”ฉันเหลือบไปเห็นลอเรนซ์เดินมากับลูคัสจึงเรียกพี่ทั้งสอง

        “อ้าว   ยูโดรี่”ลูคัสเรียก

        “ค่ะ   พี่ลอเรนซ์ค่ะขอบคุณสำหรับมีดบินนะค่ะ   อ่ะนี่ค่ะ”ฉันส่งมีดบินให้ลอเรนซ์   ลอเรนซ์รับมีดมาจากฉันพร้อมทำหน้าเอ๋อๆ

        “เธอทำอะไรกับมีดฉันน่ะยู”ลอเรนซ์ถามคำถามที่ทุกคนก็อยากรู้เหมือนกัน

        “อ๋อ   ก็แค่ใช้เวทมนต์นิดๆหน่อยๆกับผมเท่านั้นเองน่ะค่ะ”ฉันกระซิบให้ได้ยินฉพราะแอร์เรียนี้เท่านั้น

        “ดีมากพะย่ะค่ะ   พระองค์ทำได้ดีมากจริงๆ   กระหม่อมภูมิใจในตัวพระองค์มากหวังว่าคิงและควีนจากแอ็ดลาสที่จะมางานเลี้ยงในวันนี้ก็ต้องภูมิใจกับตัวพระองค์เช่นกัน”เลโมธียิ้ม

        “อืมๆคิงและควีนจากแอ็ดลาสที่จะมางานเลี้ยงใน.....หา~ อะไรนะ”ฉันตกใจจนในหัวมีแต่  ‘???????????????’

    “ก็พ่อแม่เราไงน้องรัก”ดอร์มินิคเอามือมาจับไหล่ของฉันพร้อมยิ้ม“แต่ไม่ได้มาอย่างเดี๋ยวนะ   แต่จะมา...”

        “มาแสดงควยามยินดีใช่ไหมล่ะไม่บอกก็รู้ข่าวการชนะนี่มันไปเร็วจริง”ฉันแย้งตอบก่อนเพราะว่าเหตุผลมันชัดแจ๋ว

        “นั้นก็แค่ส่วนหนึ่งนะ   แต่จะมาให้เธอเลือกคู่หมั้นด้วยละ....”

        “ไม่มีทางงงงงงงงงงงงง”ฉันตะโกนขึ้นจนดอร์มินิคและคนอื่นๆที่อยู่ในรัศมีที่ได้ยินต้องถึงกับแอ่นตัวด้วยความตกใจกับเสียงอันมหาศาลของฉัน   แต่ก็มีคนหนึ่งที่ได้สติก่อน...

        “ไม่มีทางไหนที่ทำให้ฉันค้นพบคนดีของหัวใจ   แต่งตะ...”นิคส์ร้องเพลง รักแท้ ของ Armchair แต่ก็ต้องหยุดแค่นั้นเมื่อฉันส่งสายตามาแบบว่า ‘ ร้องอีก   นายเตรียมตัวจารึกชื่อบนป้ายหลุมศพแน่’

        “ทำไมต้องเลือกคู่ด้วยเนี่ย”ฉันตะคอกใส่ใครก็ไม่รู้   แต่ก็ขอให้ได้ระบายออกมา

        “ก็พ่อแม่เราบอกหนิ   พี่ก็ต้องเลือกด้วยเหมือนกันแต่มีแล้วเหลือแต่เธอนี่แหละที่ต้องเลือก”ดอร์มินิคพูดพร้องตบหลังฉันป้าบ   ป้าบ

        “แล้วทำไงล่ะ   ไม่เลือกไม่ได้เหรอ”ฉันพูดแบบเศร้าๆแต่ทำให้ทุกคนยิ้ม

        “ไม่ได้”ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียว

        “แล้วทำไมเจ้าชายเจ้าหญิงคนอื่นถึงไม่ต้องเลือกเนี่ย”

        “แหม~นายหญิงกลางทุกคนน่ะเค้ามีกันหมดแล้วล่ะค่า~”ผีสาวพูดขึ้น   นั้นทำให้ทุกพระองศ์หน้าแข่งกันขึ้นสีกันใหญ่

        “โธ่~แล้วจะให้ฉันทำไงล่ะ   ฉันยังไม่เคยรักใครชอบใครเลยเนี่ย”และคำพูดนี้ก็ไม่สามารถทำให้นิคส์ อยู่นิ่งได้ละ   เจ้าตัวดีจับกีตาร์ขึ้นมาดีดซะงั้น

        “ถ้าหากรักนี้ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว   แล้วจะรู้ว่ารักหรือเปล่า   อาจจะไม่แน่ใจ..อยากให้เขารู้(นิคส์มองไปทางซีบิล)เธอคงต้องแสดงออก(นิคส์มองมาทางฉัน)ไม่ใช่ให้ฉันมาบอก(นิคส์ชี้มาที่ตัวเอง)หรือไว้ให้เข้าเดาเอง    ว่ารักเธอ....”

        “นิคส์!.....ขอถามอะไรหน่อยนะจ๊ะ   นายชอบระยะทางท่าไหร่เหรอ”ฉันถามนิคส์แล้วยิ้มแป้น

        “อืม   25   เมตรถามไปทำไม”

        “เดี๋ยวก็รู้”ฉันพูดพร้องดีดนิ้วดัง เปาะ

        “เฮ้ย!   ขยับไม่ได้”นิคส์ร้องแต่ฉันไม่สน   ออกเดินห่างออกไป 25 เมตรแล้วหันมายิ้ม   พลางดึงปากกาออกมาแต่ที่ดึงออกมา...มันเป็นธนู!

        “ระยะทางที่นายกำหนดมาน่ะ”ฉันค่อยๆง้างคันธนูออกมา   เล็งไปที่นิคส์ที่เริ่มหน้าซีดกับการกระทำของฉัน

        “มันยังน้อยไป!”ฉันปล่อยลูกธนูออกมาเหมือนกับมีรัศมีของลำแสงมาประจุกอยู่ที่หัวธนู   พุ่งตรงไปยังนิคส์   นิคส์หลับตาปี๋ว่า ‘เตรียมตัวตายได้เลยนิคส์’................................................ ‘อ้าว   นี่เรายังไม่ตายเหรอเนี่ย’นิคส์คิดพร้อมลืมตาขึ้น

        “เฮ้ย”........ 1 ซม. ........ 1 ซม.เท่านั้นที่ลูกธนูมันมาอยู่ตรงหน้า

        “ขืนพูดหรือร้องอีก   นายได้ร้องเพลงให้นางฟ้าเทวดาฟังแน่”ฉันใช้พลังจิตผ่านทางมือที่ตอนนี้ยื่นมาข้างหน้าตัวเองแล้วกำมือ   ลูกธนูนั้นก็พลอยหักไปด้วย   การกระทำในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ป้อมอัศวินเท่านั้นที่อึ้งแต่เป็นปราสาทขุนนาง   ปราการปราชญ์และแผ่นดินประชาชนที่กำลังจะทยอยออกจากอัศจรรย์   ต่อไปพวกนี้คงจะกลัวฉันแทนอาเธอร์ล่ะมั่ง

        “เหอ~ใครเป็นแฟนน้องสาวฉันนี้ต้องตายก่อนมีลูกแน่เลย”ดอร์มินิค

    พูดไม่ให้ฉันได้ยิน

        ป้าบบบบบบ

        “เมื้อตะกี้.....พูดว่าอะไรนะ”ฉันเดินเข้ามาตบหลังดอร์มินิคเต็มๆ

        “เปล่าๆ”ดอร์มินิครีบส่ายน่าเพราะกลัวจะเป็นศพด้วยฝีมือของน้องสาว

        “ดี   ตกลง....เลโมธี!บอกมาซิว่าทำไมแนต้องเลือกคู่ด้วย!”เลโมธีหน้าซีด   ไม่รู้จะทำยังไงให้องค์หญิงคนนี้เข้าใจว่าคิงควีนสั่งมาให้บอกว่าเตรียมตัวเลือกคู่แค่นี้แต่ขืนบอกไปก็ซวยเปล่า

        “น้องพี่   พี่คิดว่าน้องน่ะต้องพักบ้างแล้วนะ”ดอรืมินิคพูด

        “ใช่ๆนอนพักบ้างเถอะนะ”เปาะ   แองจี้ดีดนิ้วจนเสียงเข้าหูของฉันโดยตรง

        “อ่า   ทำไมมัน...”ฉันรู้สึกมึนหัวกับง่วงนอนเป็นอย่างมาก

        “หลับซะ”ดอร์มินิคเอานิ้วมาจิ้มหน้าผากของฉันจนหลายหลังนอนลงไปบนอากาศซะงั้น (Albatross:เปลี่ยนคนพากษ์จ๋า)

        “จัดการเรียบร้อย”แองจี้พูดพูด

        “อืม   ขอบใจมาก   แล้วตั้งเวลาตื่นเมื่อไหร่”ดอร์มินิคถาม

        “เปิดงาน....ไม่งั้นก็กลางๆงาน”แองจี้ตอบพร้อมใช้เวทให้ยูขึ้นไปนอนในห้อง

        “อืมดี   ทีนี้   พ่อแม่ฉันนี่ก็ยังไงก็ไม่รู้อยู่ดีๆก็ให้ยูเลือกคู้หมั้นซะงั้นท่านทั้งสองนี่แปลกนะท่าทางเหม่อลอยยังไงก็ไม่รู้   พ่อแม่บอกว่าจะหามาให้ปรากฏว่าเป็น......อะไรน้าจำไม่ดะ......”

        “พ่อแม่ถึงกับเลือกให้เองเลยเหรอครับ”ซีบิลถึงกับตาถลึงแต่ก็เรียกความสนใจให้ดอร์มินิคเป็นอย่างมาก

        “โป๊ะ   เช๊ะ”ดอร์มินิคดีดนิ้ว

        “ให้นายอ้างว่าเป็นคนรักของน้องฉันก็ได้นี่นาจะได้ไม่ต้องหมั้นกับ...เอ่อ...ชั่งมันเหอะแต่ไอเดียนี้แจ่ม”ดอร์มินิคชี้ไปที่ซีบิล

        “มะ...มะ...ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ครับ...”ซีบิลพยายามพูดแต่ถูกขัดด้วยเฟรินที่เงียบไปนาน

        “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ   ซีบิล   ดูฉันสิขนาดเป็นขโมยนะแต่ยังดันไปรักเจ้าก้อนน้ำแข็งยักเดินได้นั้น”เฟรินพูดโดยไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเธอที่ตอนนี้กำหนดโทษไว้เรียบร้อย

        “แต่นั่นก็ยังดีนี้ครับ   อย่างน้อยคุณเฟรินก็ยังเป็นเจ้าหญิงแห่งเดมอส (เฟรินพยายามจะขัดแต่ซีบิลก็พูดต่อ) ผมก็เป็นแค่ ซีบิล  สเวน  เดอะ  พรีช  ออฟ  ซาเรส   ไม่มีสิทธิ์ไปเป็นคู่หมั้นของเจ้าหญิงแห่งแอ็ดลาสได้แน่ครับ”นักฆ่าแห่งซาเรสพูดขึ้นด้วยความที่บ่งบอกว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน

        ‘เอ๊ะ   มันเริ่มเหมือนใครบางคนแล้วแหะ’ พลันความคิดของหัวขโมยก็เกิดขึ้น   พลางหันไปหาทายาทนักฆ่าตระกูลฟีลมัสกับหนึ่งในสามสาวป้อมอัศวินที่ตอนนี้ทั้งคู่หันหน้าไปคนละทาง (หน้าแดงเป็นลูกตำแย) โดยไม่รู้สาเหตุที่มาที่ไป

        “ผมว่าเอาเป็นกัสดีกว่ามั้ยครับ   กัสนี่หล่อกว่าผมอีกนะครับ”ซีบิลโยนเรื่องไปที่กัส

        “ไม่ได้   ซีบิล   กัสเป็นนักบวชนะอย่าลืมสิอย่าลืม”เฟรินทำนิ้วเกว่งไปแกว่งมา

        “ผมก็เป็นนักบวชนะครับคุณเฟริน”ซีบิลยังเถียงไม่เลิก

        “แต่ยังไม่ถึงขั้นกัสนี่นา สามารถแต่งงานได้อยู่แล้ว”เฟรินเถียงกลับ

        “นั้นเอาครี้ดก็ได้นี่ครับ”แล้วก็ไปที่ครี้ดที่เฟรินไม่ต้องหาข้ออ้างเลยเพราะเจ้าตัวชิงพูดก่อน

        “ไม่ได้ๆฉันคู่กับแองจี้อยู่นะนาย”ไม่พูดเปล่าดันดึงตัวสาวเจ้าเข้ามากอดต่อหน้าคนทั้งป้อม

        “อะไรนะ”แองจี้พูดเสียงแผวใส่ครี้ด

        “เอ่อน่ารับไปก่อนเพื่อยูo.k.?”ครี้ดตอบกลับด้วยเสียงที่แผวเช่นเดียว

        “เอ่อๆ”แองจี้เลยต้องทำตามเพื่อเพื่อนแต่อยู่แบบนี้มัน...เหอ~

        “แต่ถ้าเป็นจริงก็ดีสิเนอะ”ครี้ดไม่เลิก

        “บ้าหน่า”

        “งั้นเอาโรสิครับถึงจะเป็นขอทานแต่ก็เก่งนะครับ”เอาไปที่โรอีกเอ๊า

        “ม่ายด้ายๆโรเค้ามีคนรักเหมือนกัน    ใช่ไหมโร?”เฟรินกระพริบตาใส่โรว่าให้ตอบปฏิเสธตามนั้น

        “ใช่   ฉันมีคนรักอยู่แล้ว”โรตอบอย่างมั่นใจโดยไม่สนสัญญาณของเฟริน

        “งะ..”

        “พอเถอะซีบิลฉันว่าฉันซักสนุกแล้วล่ะสิ”เฟรินพึมพำแต่ก็ได้ยินกันแทบทุกคน

        “อะไรเหรอครับที่ว่าสนุก”  เฟรินหัน ควับ เมื่อซีบิลถาม

        “นายไม่มีสิทธิ์คัดค้านฉันแน่ซีบิล   อิอิอิ (เฟรินหัวเราะแบบเจ้าเหล่เพอุบาย)แองจี้   โอ๊ะไม่ได้สิเพราะว่าเธอก็ต้องช่วยด้วยบางส่วน   งั้นพี่สาวจ๋า”

        “มีอะไรค่ะนายหญิง”ผีสาวพูด

        “มานี่สิ”เฟรินเรียกให้ผีสาวเข้ามาใกล้ๆเพื่อจะได้กระซิบเรื่องอะไรบางอย่าง

        ....... 5 - 6 นาทีผ่านไป.........

        “ได้เลยค่ะ   นายหญิง”

        “ทั้งหมด 10 คนนะ”

        “12 มากกว่าค่ะ”

        “อ้าว   แล้วใครอีกล่ะ”

        “คู่พิเศษค่ะ   อิอิ”

        “เอ่อๆอยากทำอะไรก็ทำนะอีกคู่หนึ่งอ่ะ   เอา 10 คนนี้ก่อน”

        “แน่นอนค่ะ”

        “เอาล่ะทุกคน   ตอนนี้ฉันได้มีแผนสำหรับยูแล้วฉะนั้นไม่ต้องห่วง   แผนนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ คิง ควีนจากแอ็ดลาสยอมให้คนที่ยูเลือกที่จะเป็นคู่หมั้นแต่ถ้าคนที่ยูเลือกไม่ยอมก็ไม่เป็นไรมีแผนสำรองและถ้าคิง ควีนจากแอ็ดลาสเลือกคู่ให้ยูก็ไม่เป็นไรมีแผนซ้อนแผน   ขอตั้งชื่อแผนการนี้ว่า   ‘ปฏิบัติการรักแน่ชัวร์ขาดมิสามารถสยบได้   55555555555555+”เฟรินหัวเราะเหมือนคนบ้าซะยิ่งกว่าบ้า

        “นายเคยเห็นเฟรินมันเป็นแบบนี้ไหม”คิลกระซิบถามคาโล   คำตอบคือ........คาโลส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ‘พึ่งเห็นก็ตอนนี้แหละ’

        “พอๆๆ   รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องให้เฟรินจัดการแล้ว   ส่วนคนอื่นๆก็รีบไปหาชุดมาใส่ได้อีก 1 ชั่วโมงให้ลงไปที่ห้องโถงใหญ่   กรรมการนักเรียนทุกคนให้ตามฉันมาตอนรับคิงควีน   รู้สึกว่าฝ่ายเวนอลจะมาแล้วล่ะ”โรเวนพูดแล้วออกเดินไปรับกษัตริย์เวนอล.....วิเวียน.....ที่วันนี้ต้องรู้ความจริงได้แล้ว   ทุกคนจึงค่อยๆทยอยกันออกจากลานตะวัน   จนลานนั้นเงียบ.....กริด



        ......ห้องหัวหน้าป้อมอัศวิน......

        “โกโดมมมมมมมมมมมม”เฟรินตะโกนลั่นห้องเพื่อเรียกแค่องค์รักษ์เขากวางตัวน้อยที่นั่งรออยู่ในห้องอยู่แล้ว

        “กระหม่อม”โกโดมตอบ

        “อยู่ไหนล่ะ”เฟรินทำท่ามองหาอะไรซักอย่าง

        “ทั้งหมดก็ 12 ชุดสำหรับคู่บ่าวสาว 12 คู่   อยู่ในตู้แล้วกระหม่อม”

        “อะไรนะ!คู่บ่าวสาว!นี่นายจะทำอะไรเนี่ยเฟริน”คิลพูดอย่างจะหาคำตอบด้วยความตกใจสุดฤทธิ์กับหัวขโมยตัวแสบ   ถึงจะอยู่ในร่างผู้หญิงก็เถอะ

        “แผนซ้อนซะยิ่งกว่าซ้อน   อิอิ   แล้วนายคิล   อิอิ   นายต้องเป็นคนในแผนนี้ด้วย   พี่สาวเอาไปไว้ที่นั้นได้เลย”เฟรินเปิดตู้เสื้อผ้าของตนที่มีชุดแต่งงาน 12 ชุดอัดเต็มไปหมด

        “ได้เลยค่ะ”ผีสาวบินเข้าไปในตู้เสื้อผ้าพร้อมใช้เวทบางอย่างทำให้ทั้งชุดและตัวเองหายไป

        “โกโดมชุดที่บอกไว้”

        “ได้เลยกระหม่อม” เปาะ   โกโดมดีดนิ้วครั้งเดียวเท่านั้น....

        “เฮ้ยอะไรเนี่ย”คิลร้องตะโกนโว้กแว้กเป็นคนแรกเมื่อเห็นสภาพของตนเอง  

        เด็กหนุ่มทายาทนักฆ่าตระกูลฟีลมัสในชุดทักซิโดสีดำขนาดพอกับตัวของคนใส่ดูแล้วเท่ห์ไปอีกแบบ   น่ารักจังเย้ย

        เจ้าชายมาดน้ำแข็งอยู่ในชุดเจ้าชายเต็มยศเครื่องแบบครบเซ็ดแต่ออกเป็นทักซิโดนิดหน่อย..... ‘แล้วทั้งสองใส่ตอนไหนเนี่ย’

        “เวทมนต์น่ะ   พวกแกยังดีนะแต่ดูฉันสิ”เสียงของเฟรินที่ออกดูเศร้าๆนั้นเรียกความสนใจของเพื่อนทั้งสองให้หันไปดูสภาพของเธอ

        ภาพตรงหน้า   สาวน้อยร่างอรชรที่ริ้มฝีปากของหล่อนนั้นชวนน่าสัมผัสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   เธออยู่ในชุดเปิดไหล่สีครีมยาวถึงพื้น...แต่มันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง   พลันความคิดของเจ้าชายก็บังเกิดแล้วรีบเดินไปข้างหลังของหญิงสาว   พลางเรียกไข่มุกแสงจันทร์ออกมาส่วมที่คอของหญิงสาว   ยังไม่จบ   ฝ่ายชายจับฝ่ายหญิงแต่งให้ผมสีน้ำตาลนั้นตวัดไปตวัดมาจนขั้นสุดท้ายก็ปักปิ่นลงไป   เป็นอันจบ

        “ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย   โกโดมฉันสั่งทักซิโดไม่ใช้ราตรี   เปลี่ยนด่วน”เสียงของเจ้าหญิงที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงพูดแล้วทำหน้าเบ้

        “ไม่ได้กระหม่อม   ชุดที่พระองค์ใส่อยู่จะอยู่ถึงงานเลี้ยงเลิกเหมือนท่านคาโลกระหม่อม”โกโดมยิ้มแต่เฟรินกลับหน้าเบ้ลงเรื่อยๆ

        “แล้วแผน....”เฟรินนั่งลงที่เก้าอี้กลางห้อง

        “ไปได้งามกระหม่อม”

        “อืม   ไปได้แหละ   ขอทำใจกับชุดนี้ก่อน............เฮ้ยไม่ได้ๆต้องรีบไป   เดี๋ยวพวกนั้นมาก่อน”เฟรินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างว่ามีงานที่ต้องทำด่วนแต่ก็ต้องสะดุดกระโปรงของเธอ

        พลาง   เธอจับกบแล้ว

        “เฮ้ย”คิลกึ่งร้องกึ่งหัวเราะ

        “ไม่เป็นไรใช่ไหม”คาโลค่อยๆพยุงตัวเฟรินขึ้น

        “เอ่อๆ   ไม่ทันแน่เลย   โอ้ยยยเหลือทน.......โกโดม”

        “กระหม่อม”

        “เวทเคลื่อนที่”

        “แต่....”

        “ด่วน!”

        “เหอ~ก็ได้กระหม่อม” เปาะ  วาบบบบบบบบ

        “พี่หญิง”เสียงเล็กๆของกษัตริย์แห่งเวนอลเอยขึ้น (ตัดฉากมาที่ประตูเข้างาน) เธอกำลังจะเดินเข้าประตูแค่อีกเก้าเดียว   เธออยู่ในชุดกษัตริย์และไม่มีใครตามมาแม้แต่เงาของเจ้าชายโรเวน

        “ฟิ้ว~.....วิเวียนเดี๋ยวอย่าพึ่งเข้างานนะ”เฟรินเดินเข้ามาหาวิเวียน   ที่ตอนนี้ทำหน้างง

        “ทำไมเหรอค่ะ”

        “ก็.....คือ.....เดี๋ยวมีของจะมาให้ก่อนเข้างานน่ะพอดีเพื่อนของพี่มันยังไม่ได้เอาของมาให้เลยต้องรอก่อน.....นะนะ...วิเวียนนะ”เฟรินพยามอ้อนวิเวียน   เหมือนแมวเอาตัวมาถูขาคน

        ‘โธ่~แกกุเรื่องขึ้นแบบนี้แล้วหมา แมว ที่ไหนมันจะไปเชื่อ   นึกว่าจะเล่นกับอย่างอื่น   ไอ้นี่มาเล่นกับกษัตริย์   โทษประหารเลยนะแก’ คิลคิด

        “อืม   ก็ได้ค่ะ   หญิงจะรอ”ที่นี้นักฆ่าถึงกลับตาถลึงหรือไม่ก็ออกนอกเบ้าตา

        “อืม   ขอบใจวิเวียนมากจ๊ะ   น้องรัก” ‘ที่นี้ก็รอเหยื่อรายต่อไป 55555555+’

        ผ่านไปหลายนาทีซีบิล   กัส   ครี้ด   โรและพวกผู้ชายคนอื่นๆก็มาถึง   แต่ก็มีแค่ซีบิล   ครี้ดและโรเท่านั้นที่ถูกเฟรินกักเอาไว้ให้อยู่ด้านนอกก่อน   เพราะอะไร.............ไม่มีใครรู้..............



        ...ผ่านไปหลายนาที...

        กษัตริแต่ละประเทศก็ค่อยๆทยอยกันเข้ามาในงานเรื่อยๆๆๆและพวกเฟรินก็ได้เห็นกับกษัตริย์แห่งแอ็ดลาสที่หน้าตาเหมือนยูและดอร์มินิคเด๊ะ   หน้าตาของพวกท่านดูเหม่อลอยอย่างที่ดอร์มินิคบอกไม่มีผิดแต่นี่ก็แค่ส่วนน้อยที่ได้เห็นกษัตริย์เพราะว่าบางประเทสก็มารออยู่ก่อนแล้วเช่น   เดมอสกับคาโนวาล    จนเวลานี้พวกเฟรินได้เป็นเด็กตอนรับซะงั้น

        “นายรออะไรเนี่ยเฟริน”ครี้ดเริ่มบ่นเป็นคนแรก

        “รอคู่ของนายนั้นแหละ....อ่ะ....มาแล้วนั้นไง”เฟรินชี้ไปทางที่.....มีผู้หญิงแบบนี้อยู่ในป้อมเราด้วยเหรอ   ดูจากคนแรกสิ...

        “แองจี้เหรอ..”ครี้ดพึมพำชื่อหญิงสาวคนขวาสุดแต่นั้นใช่แองจี้เหรอ   ชุดราตรีสีเหลืองทองสว่าง   แม้จะอยู่ในแสงสีก็ยังดูเป็นจุดเด่นเสมอ   ผมสีทองถูกก้าว่มวยสูงรัดด้วยดอกไม่สีฟ้าให้เข้ากับตาของเธอ  

        ‘แองจี้นี่นะ   จะสวยขนาดนี่ก็ไม่บอก’ ไม่ช้านานครี้ดก็เดินไปรับก่อนคนอื่นๆที่กำลังอึ้ง

        “แองจี้วันนี้เธอน่ะสวยมากเลยรู้ไหม”ครี้ดส่งแขนออกไปให้แองจี้

        “ขอบใจย่ะ”แองจี้หน้าขึ้นสีอย่างไม่เคยเป็น   แต่ก็เอามือไปเกาะที่แขนของครี้ดแล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในงานก่อนคนอื่น

        ......ต่อมาคือคนที่ 2 ......

        “มาทิลด้า...”โรพูดออกมาหลังจากที่ครี้ดพาแองจี้เข้าประตูงาน

        สาวน้อยเจ้าของนัยต์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นตอนนี้ช่าวดูอ่อนโยนผิดกับตอนที่ห้าวเป็นอย่างมาก   เธอมาอยู่ในชุดราตรีเปิดไหล่แขนยาวสีน้ำเงินปนดำ   ทำให้ดูทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยนในแบบฉบับผู้หญิง   ผมสีดำที่ถูกทำให้ตรงและยาวพอสมควรดูดีกว่าตอนที่เป็นอยู่ตอนนั้นซะอีก   โรยืนอึ้งอยู่นานแต่ก็เข้าไปหามาทิลด้าโดยตรง

        “รู้ไหมมาทิลด้า   เธอสวยกว่านางฟ้าซะอีก”โรส่งแขนให้มาทิลด้า

        “ขอบใจนะ   โร”มาทิลด้าคล้องมือไปที่แขนของโรและซบไหล่ของเขาอย่างนุ่มนวลทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มกลายเป็นลูกตำแย   ทั้งคู่ก็ค่อยๆออกเดินเข้าไปในงานเป็นคู่ที่สอง

        ...ต่อมาคือคนที่ 3 ...

        “เรนอน..”คงไม่ต้องบอกว่าใครพูดนะ

        เด็กสาวน่ารักนัยต์ตาสีชมพู   ผมสีชมพูนั้นถูกปล่อยให้สบายๆ   ชุดราตรีเกาะอกสีชมพูเข้มตัดด้วยขอบสีทองแขนตุ๊กตายาวถึงข้อมือเป็นสีโปร่งใส่ออกชมพูอ่อน   กระโปรงนั้นปล่อยให้ดูเรียบๆ (บานนิดหน่อย) และจับกลีบเป็นรอนขอบอกทุกคนว่า...น่าร้ากกกกกกกกกมากกกกกกก

        คิลรวบรวมความกล้าเข้าไปหาเรนอนโดยตรงพร้อมก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้เรนอนน่าขึ้นสีแต่ก็พยักหน้าตอบรับอย่างน่ารักมากก   และทั้งคู่ก็เดินเกาะแขนกันเข้าไปในงานเหมือน......

        “คู่รัก”เฟรินพึมพำขึ้นมาด้วยสีหน้าที่มีความพอใจอย่างมากว่าแผนที่ตั้งไว้นั้นค่อยๆสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ

        ........................อ้าว   แล้วอีกคนหนึ่งไปไหนล่ะ.........................

        “พี่หญิง   หญิงขอเข้าไปในงานก่อนนะค่ะ”ยังที่เฟรินจะห้าม   วิเวียนก็เดินเข้าไปในงานอย่างรวดเร็วเหมือนไม่อยากเจอน่าใครบางคน

        “ทรงจะเข้าไปในงานโดยไม่มีคู่เหรอกระหม่อม”เสียงนั่น...เสียงที่คุ้นหูนั้นทำให้กษัตริย์ตัวน้อยหยุดเดินกลางคันและมิอาจที่จะไม่หันไปดูต้นทางที่มาของเสียง

        “จะ...เจ้าพี่”วิเวียนเรียกชื่อบุรุษตรงหน้าที่ตอนนี้เดินเข้ามาประทับจุมพิตต่อหน้าทุกคนโดยไม่อายแม้แต่คนที่ค่อยๆเดินมาที่หลัง...ยูโดริ...ที่ตอนนี้ใส่เสื้อนักเรียนกับกางเกงขาสั้นตัวเดิมไม่เปลี่ยน   ยืนอมยิ้มเหมือนเฟรินเมื่อทั้งสองได้เข้าไปในงานอย่างราบรื่นเฟรินก็เริ่มแผนกับเหยื่อรายต่อไป (ยูโดริ: เปลี่ยนคนพากษ์)

        “ซีบิล   ตานายแล้วนะ”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×