ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The magic pen of Edlas(ฟิคบารามอส)

    ลำดับตอนที่ #3 : ท้ารบปราสาทขุนนาง

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 48


        ...วันที่ 8 ตุลาคมที่ห้องพัก...

        “พวกเธอสามคนลงไปกินข้าวเถอะนะ   ฉันจะอยู่ข้างบนอ่านหนังสือบ้างอย่างหน่อย”วันนั้นฉันฉันไม่รู้สึกหิวเพราะเมื่อคืนกินแอปเปิ้ล

      1 ลูกขนมปังอีก 3 ก้อน(ก็มันอร่อยนี่นา)

        “แล้วเธอไม่หิวเหรอ”แองจี้ถาม

        “ไม่หรอกเมื่อคืนก็กินไปซะงั้น”ฉันพูกติดห้าวสังเกตให้ดี

        “จ๋า   เดี๋ยวเธอก็ลงไปด้วยและกันต้องไปช่วยงานเฟริน   คาโลกับคิลอีกเหอ”มาทิลด้าพูดตอนออกไปจนเข้ามาถึงในห้อง   เมื่อสามสาวออกไป

        “โอ้ยยยย   อิ่มจัง”ฉันระบายออกมาพร้อมเอามือไว้ที่ท้อง

        “อ่า.....ช่วยด้วยค่า.....”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอยู่ในห้องฉัน

    ตุบ(เสียงเอฟเฟค)แล้วมันก็ตกลงมาที่พื้นฉันเลยก้มไปมอง

        “ผีสาว”ใช่นั้นผีสาวแน่ๆวิญญาณที่อยู่ในคทาพิพากษาของคาโล

        “โอ้ยยยย   คทาบ้านี่กว่าจะออกมาได้   อุ้ยขอโทษนะค่ะที่มารบกวนการพักผ่อนวันหยุดของท่าน”ผีสาวลอยขึ้นมาต่อหน้าฉันแล้วก้มหัวเป็นการขอโทษใหญ่

        “ไม่เป็นไรหรอก   ไม่ทีอะไรทำเหมือนกัน (นั่งบ่นว่าอิ่มอยู่ต่างหาก)

    มานั่งคุยกันสิคาโลคงไม่ว่าหรอกมั่ง”ฉันเริ่มบทสนทนา

        “เปล่าหรอกค่ะ   ฉันหนีออกมาต่างหาก   ก็ไอ้คทานั้นถูกนายหญิงลงคาถาเอาไว้กว่าจะออกมาได้ก็เล่นซะ.......”จากนั้นผีสาวก็ชอบเรียกฉันว่านายหญิงกลางและเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นเมื่อผีสาวสอนให้ใช้เวทมนต์บางอย่างไม่ใช่สิหลายอย่างเลยแหละ

    .............ผ่านไป 5 นาที..........

        “เบื่อไหม   ไปห้องอาหารดราก้อนกันดีกว่าเนอะๆ”

        “ได้เลยนายหญิงกลาง”ฉันจึงค่อยๆเดินออกจากห้องกับผีสาวที่เกาะ

    หัวไหล่ของฉัน   เดินไปเรื่อยๆเรื่อยๆเรื่อยๆจนไปเจอป้ายประกาศว่า



                ประกาศ

                     เปิดรับสมัครนักดาบ

              มาร่วมแข็งขันในงานประชันดาบของปี

            ณ   ลานตะวัน   11 โมงวันที่ 11 ตุลาคม (อีก 3 วัน)

            เพศ   ชาย,หญิง   สมัครได้ที่หัวหน้าประจำบ้าน

            (บ้านละ 1 คนเท่านั้นคัดเลือกกันเอง)

        

        “ท่านอาเธอร์ต้องลงแน่ๆ”ผีสาวพูดขึ้น

        “ฉันก็ว่างั้นแหละ ‘อยากลงบ้างจัง’ แต่ถ้าสมมุติว่าผู้หญิงเจอกับผู้ชายละ   มันจะแฟร์เหรอ”

        “ไม่เป็นไรหรอก   มียาประคองชีวิตอยู่นะอย่าลืม”เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นและเมื่อฉันหันไป

        “สวัสดีฉันชื่อดอร์มินิค   เอดาร์ลาส   ยินดีที่ได้รู้จัก”ดอร์มินิคยื่นมืออกมา

        “ค่ะ   ฉันชื่อยูโดริ   อาร์ดาเลส   ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”ฉันยื่นมือออกไปจับมือพี่ชายคนเดียวที่ฉันมี   ไม่ใช่สิพี่ชายฝาแฝดต่างหาก

        “วันนี้   ฉันกะจะมาทักเธอที่เป็นคนจากเอ็ดลาสเหมือนกันแต่เห็นเธอไม่ลงมากินข้าว (อ่ะ   ก็มันไม่หิวนี่) ก็เลยจะเอาเป็นพรุ่งนี้   เหอค่อยยังชั่วนะเนี่ยที่เธอก็พูดกับฉันเหมือนคนธรรมดาทั่วไป”

        “ง่า   ขอประทานโทษเพค่ะที่หม่อมฉันพูดไม่ค่อยดีต่อพระองค์”ฉันรีบก้มคำนับ

        “โธ่   นี่   เธอไม่ต้องทำถึงขนาดทำขนาดนั้นหรอก”ดอร์มินิคดึงตัวของฉันให้ยืนตรง

        “ฉันขอให้เธอทำตัวปรกติเหมือนคนธรรมดาได้ไหมยูโดริ”

        “กะ...ก็ได้”ฉันตอบกลับไป

        “อืม.......เอ่อใช่   เธออยากเป็นไนท์มากกว่าวิทช์เหรอ”คำพูดนี้ทำให้ฉันนั้นถึงกับอึ้ง   อึ้ง   อึ้งและอึ้งเพราะเรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกใครเลยว่าตั้งแต่มาอยู่ที่เอดินเบิร์ก   ฉันรู้สึกอยากเป็นไนท์มากกว่าวิทช์ที่เป็นอยู่   แต่ที่ตกใจมากกว่านั้นคือ    เขารู้ได้ไงว่าฉันอยากเป็นไนท์

        “ทำไมถึงรู้”ฉันพยามไม่มองหน้าเขาเลยหันไปมองป้ายแทน

        “ตาเธอมีความมุ่งมั่นมากทั้งกล้าหาญและดูแข็งแกร่งกว่าตอนที่เธอมาจากไหนก็ไม่รู้”

        “นายอ่านสายตาคนได้น่ะสิ”

        “ก็อาจใช่หรืออาจไม่   แต่เธอคิดยังไงที่จะเป็นไนท์ล่ะ”

        “ก็แค่ฉันอยากลองแข็งแกร่งดูน่ะ   อยากลองใช้กำลังดูบ้าง   บางครั้งฉันใช้เวทมนต์จนเบื่อก็มี   แต่พอมาเจอมาทิลด้า   แองจี้   เรนอน   แนก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง”...รู้สึกว่าฉันจะระบายออกมาซะหมดเกลี้ยงเลยแหะ

        “ไม่เป็นไรหรอกฉันยอมเป็นตัวระบายให้เธอก็ได้   ท่านเลโมธีคงสั่งให้หยุดเรียนแล้วมาคัดเลือกคนแน่ๆฉันว่านะเราไปที่ห้องอาหารดีกว่า”

        “อืม”ฉันจึงเดินไปที่ห้องอาหารดราก้อนกับดอร์มินิค   เมื่อเปิดประตูเข้าๆไปก็...

        “คาโล   คิลกับเฟรินต้องรับงานหนักนะเนี่ย”ภาพตรงหน้าของฉันคือคนเกือบทั้งป้อม (ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) อัดกันเข้าไปหาหัวหน้าป้อมทั้งสามอย่างกับคนดัง   คงแจกใบสมัครหมดก่อนเวลาแน่ๆ

        “อะไรกันเนี่ยพวกนี่กินข้าวเช้ากันเร็วจริงเนอะ”

        “ใช่   แต่ในตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้วต้องเรียกว่าอาหารเที่ยงแล้วล่ะ”แล้วฉันก็หัวเราะขึ้นพร้อมกับดอร์มินิค

        “สวัสดี   ท่านโรเวน”เมื่อฉันได้ยินเสียงนั้นก็แทบอยากกัดลิ้นตัวเองเพราะเจ้าชายแห่งซาเรสมาทัรุ่นพี่โรเวนที่ยืนดูการแจกใบสมัคร

        “เช่นกันท่านอาเธอร์”โรเวนตอบกลับ

        “ป้อมอัศวินนี่สมัครกันเยอะดีนะ   คงจะหาคนชนะได้ดี   แล้วท่านไม่ลงเหรอ”

        “ไม่ล่ะให้รุ่นน้องลงแทน”

        “น่าเสียดายเนอะเราสองคนอดแข่งกันเลย”

        “ท่านได้เป็นตัวแทนปราสาทขุนนางหรอกเหรอ”

        “แน่นอนอยู่แล้ว”คราวนี้ฉันคิดว่าคนทั้งป้อมอาจคิดเหมือนฉัน ‘เดี๋ยวเตะไปปราสาทขุนนางซะเลย’

        “รู้ไหมว่าศึกในครั้งนี้ใครชนะ   ท่านโรเวน” (Albatross: ขอโทษนะค่ะที่อาเธอร์นิสัยไม่ตรงกับตัวจริงแต่มันต้องเป็นไปตามบอทค่ะ)

        “ใครล่ะ”

        “ก็ต้องเป็นปราสาทขุนนางน่ะสิ 55555+”และนั้นแหละเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันหมดความอดทน   ฉันค่อยๆเดินก้มหน้าไปหารุ่นพี่ทั้งสอง   โอ๊ะ   ไม่ใช่สิ   ท่านอาเธอร์...และเมื่อไปถึงตรงหน้า   ฉันจับข้อมือทั้งสองข้างของอาเธอร์โดยไม่สนใจเจ้าตัว   รวบมาไว้ข้างล่างแล้วหลังจากนั้น.......

        เพี๊ยะ

        ใช่แล้ว   ฉันตบหน้ารุ่นพี่ปราสาทขันนางจนนอนลงไปกับพื้น

        “เจ็บจัง”ฉันสบถพร้องสะบัดมือ

        “นี่   รุ่นพี่ปราสาทขุนนางค่ะ   ถ้ายังอยากชนะป้อมอัศวินป้อมของเรานักล่ะก็   เราก็จะขอประชันดาบกับปราสาทขุนนางด้วยศักดิ์ศรีของป้อมอัศวินแห่งนี้”แค่นั้นแหละอาเธอร์ก็ฟิวขาด   ลุกขึ้นมาส่งสายตาเจ้าชู้มาทางฉันต่องหน่าพี่โรเวนซึ่งยืนเฉย

        “ปากดีนี่   รู้ไหมว่า   สาวตบเค้าว่าสาวรักน่ะ”

        “ถ้านั้นเป็นความจริงคงเป็นไปนานแล้วล่ะค่ะ”

        “ยูนี่สุดยอดเลยเนอะซีบิล   รู้ป่ะว่าไม่เคยมีใครล้มมุขนั้นได้”ครี้ดพูดแบบกระซิบใส่ซีบิลที่จ้องมาแต่ฉัน

        “หนอยแก.......”อาเธอร์กัดฟันพูด

        “แถวนี้มีไครชื่อแกเหรอค่ะ”ฉันทำท่ามองหาคนคนหนึ่ง

        “โรเวน!  นายเป็นคนคัดเลือกคนที่จะไปประชันดาบ   ฉันขอให้นายเลือกยัยนี่!”อาเธอร์ชี้นิ้วมาทางฉัน   โรเวนมองคนที่ค่อยๆมาคืนใบสมัครทีละคนกับหัวหน้าป้อมทั้งสาม..........ก็นั้นแหละใครจะไปกล้าสู้กับอาเธอร์ที่ฟิวขาดแบบนี้ถ้าสู้ก็มีแต่ตายลูกเดี๋ยวไม่ต้องพึ่งยาประคองชีวิตเลยแหละ

        “ก็ได้ๆ   แต่เธอคนนั้นจะพร้อมไหม”โรเวนหันมาที่ฉัน

        “พร้อมรบ”ฉันตอบพร้อมดึงปากกาออกมาจากเสื้อแต่ที่ออกมาจากกระเป๋านั้นไม่ใช่ปากกาแต่เป็นดาบที่ชี้ไปที่หน้าอาเธอร์

        “ปากกานั้น”อาเธอร์เอย  

        “ปากกาวิเศษแห่งแอ็ดลาส...มีแต่ฉันเท่านั้นที่ใช้มันได้”

        “งั้นเหรอ   ฮิ   ไม่ค่อยน่ากลัวศักเท่าไหร่เลยนะแล้วเจอกันในอีก 3 วัน”จากนั้นอาเธอร์ก็เดินออกไปจากห้องอาหารดราก้อน

        “ฮูเล่.....................................”แล้วเสียงแงความดีใจก็ดังขึ้นเมื่อฉันลดดาบลงเป็นปากกาเหมือนเดิม

        “เธอกล้าหาญอย่างที่ฉันบอกจริงๆ”ดอร์มินิคพูดเสียงแผวไม่ให้ใครได้ยิน

        “ยูโดริ”เสียงสามสาวดังมาจากข้างหลัง   ฉันหันไป   ทั้งสามก็เข้ามาส่วมกอดเข้ามาจนจะล้ม

        “ใครสอนเธอพูดโต้ตอบน่ะ”เฟรินเดินเข้ามากับคาโลและคิล

        “มาทิลด้าน่ะ   เอ่อใช่คาโล   ฉันว่านายควารปล่อยให้ผีสาวออกมาจากคทาบ้างนะ”

        “ทำไม”คาโลพูดเสียงเรียบ

        “เอ่อ...คือ...อ๋อเดี๋ยวพลังในคทาอาจจะหมดน่ะเพราะว่าคทาใช้ผีสาวเป็นตัวกลางด้วยส่วนหนึ่งน่ะ”ฉันกุเรื่องแล้วให้ผีสาวไปหาคาโล

        “ยูโดริ”โรเวนเรียกฉัน

        “ค่ะ”ฉันตอบพร้อมหันหน้าไปหาโรเวน

        “ศักดิ์ศรีของป้อมอัศวินเราอยู่ในมือเธอแล้ว   เอาชนะปราสาทขุนนางให้ได้นะ......”โรเวนค่อยๆก้มมาข้างหูของฉัน

        “ยูดอนร่า   เอดาร์เลส   เดอะไนท์แอนปรินเซสออฟแอ็ดลาส”โรเวนค่อยๆเอาหน้าออกจากข้างหูของฉันที่ยังคิดว่า ‘ต้องเป็นฝีมือเลโมธีแน่ๆ’

        “ค่ะ   ฉันจะเอาชัยชนะมาฝากทุกคนชาวป้อมอัศวินแน่ค่ะ”



        ...บ่าย 2 โมง   ที่ห้องของกับลอเรนซ์...

        ก๊อก   ก๊อก....

        “ใครน่ะ”เสียงลูคัสดังออกมาจากห้อง

        “เอ่อ...ยูโดริ...รุ่นน้องปี 3 ค่ะ   ขอพบพี่ลอเรนซ์ได้ไหมค่ะ”ฉันตอบกลับไป

        “ได้สิ   ยูโดรี่   ลอรี่กำลังอาบน้ำอยู่น่ะ”ลูคัสเปิดประตูให้ฉันเข้าไปในห้อง   เมื่อเข้าไปลอเรนซ์ก็ออกมาพอดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×